"สิบปากเว่าบ่เท่าตาเห็น ที่ราบสูงโบลาเวน มนต์เสน่ห์แห่งลาวใต้"

สะบายดี สุคู่สุคน มื้อนี้อ้ายกึ่มจะพาไปเที่ยวดินแดนมหัศจรรย์ ที่เต็มไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติที่สวยงามและสมบูรณ์อย่างมากแห่งหนึ่งที่ลาวใต้ นั่นคือ ที่ราบสูงโบลาเวน (Bolaven Plateua)



ที่ราบสูงโบลาเวน (Bolaven Plateua) คนลาวเอิ้นว่า บ่อนละเวน ซึ่งคำว่า "ละเวน" เป็นชื่อชนเผ่าในอดีตของที่นี่ และพวกฝรั่งเรียกพื้นที่แถวนี้ว่า Bolaven ดินแดนแห่งนี้ตั้งอยู่ที่อุทยานแห่งชาติดงหัวสาว เมืองปากซอง แขวงจำปาสัก สปป.ลาว เดิมนั้นพื้นที่แห่งนี้เป็นภูเขาไฟในอดีตที่ดับไปแล้ว ที่มีระดับความสูง 1000-1300 เมตร จากระดับน้ำทะเล ทำให้อากาศที่นี่เย็นสบายทั้งปี ว่ากันว่าที่นี่ไม่มีฤดูร้อน อุณภูมิเฉลี่ยทั้งปี ไม่เกิน 25 องศาเซลเซียส น้ำฝนและแร่ธาตุในดินภูเขาไฟที่นี่ก็อุดมสมบูรณ์ จึงเป็นแหล่งปลูกกาแฟชั้นดีมีชื่อเสียงระดับโลก Amazing แท้ๆ โดยเฉพาะสายพันธุ์อาราบิกา




ลาวใต้ เป็นดินแดนที่เต็มไปด้วยแหล่งเที่ยวทางธรรมชาติโดยเฉพาะน้ำตก หรือที่ลาวเรียกว่า ตาด ซึ่งมีมากมายหลายที่ เช่น ตาดฟาน ตาดผาส้วม ตามเยือง ตาดจำปี มีทั้งแบบรถเข้าถึงและแบบต้องเดินเท้าเข้าไปเที่ยวชม


ทริปนี้ของผม 3 วัน 2 คืน ช่วงวันหยุดเข้าพรรษา เค้าว่ากันว่าเราจะสามารถเห็นความงามของดอกเปราะภูสีชมพูบานสะพรั่งและสดสวยบนลานสนที่ด่านใหญ่ แห่งที่ราบลูงโบลาเวน มันน่าตื่นเต้นจริงๆ ข้าน้อยบ่เคยพ้อ บ่เคยเห็นมาก่อนเด้อดอกเปราะภูสีชมพูเนี่ย


จากนั้นเราสามรถไปชมน้ำตกใหญ่กลางป่า อย่างตาดขมึดและตาดเสือ ส่วนตาดตาเก็ด ที่ได้รับขนานนามว่าเป็นปอดของลาวใต้ เราไม่สามารถเดินไปเที่ยวชมได้ เพราะปริมาณน้ำมากเกินไป เกรงว่าจะเป็นอันตรายและยากลำบากในการข้ามลำธาร จึงถูกตัดออกจากแผนการสำหรับทริปนี้


::: การเดินทาง:::

  • กทม.- ด่านฯ ช่องเม็ก จ.อุบลราชธานี : ระยะทางประมาณ 700 กม.
  • ช่องเม็ก – ปากเซ : ระยะทางประมาณ 40 กม.
  • ปากเซ – ปางซอง : ระยะทางประมาณ 50 กม.
  • ปากซอง - บ้านหนองหลวง : ระยะทางประมาณ 12 กม.


รถที่พวกเราเช่าจากด่านฯ ช่องเม็ก ไปบ้านหนองหลวง

เนื่องจากรถติดช่วงเทศกาลเข้าพรรษา กว่าจะถึงบ้านหนองหลวง เมืองปากซอง แขวงจำปาสัก ก็เกือบ 18.00 น. จะมืดแล้ว ต้องรีบเดินทางเพื่อไปตั้งแคมป์ที่ด่านใหญ่ ครั้งแรกของผมที่ได้เดินป่ากลางคืน มันน่าตื่นเต้นจริงๆ ระยะทางเดินเท้าประาณ 5 กม. ใช้เวลาประมาณ 3 ชม. (เพราะเดินกลางคืน ลุยทั้งลำธาร โคลน) ถึงแคมป์ปาไปเกือบ 21.00 น. กว่าจะตั้งแคมป์ ทำกับข้าว ก็ได้กินข้าวกันตอน 23.00 น. ทุกคนต่างเพลียและหิวข้าวมาก ฮ่าๆๆ สนุกดีครับ

เริ่มเดินเท้า บ้านหนองหลวง – แคมป์ที่ด่านใหญ่ ลานสน ทุ่งดอกเปราะภู : ระยะทางประมาณ 5 กม. ส่วนใหญ่เป็นทางราบ สลับเนินเขาขึ้นๆ ลงๆ ไม่ถึงกับชันมาก ลุยข้ามลำธาร ลุยโคลนสนุกสนาน ใช้เวลาประมาณ 2-3 ชม. ก็ถึงแคมป์ ส่วนทากนะหรอ แทบไม่มีเลย มีเพื่อนร่วมทริปเจอแค่ตัวเดียว


แทบไม่ต้องหลบ เดินยังไงก็เล๊ะครับ ค่อยไปล้างตามลำธารที่เราจะต้องข้ามอีกที

เลือกทางเดินเอง ใครชอบทางไหน จะลุยน้ำหรือโหนสะพานสลิง

น้ำค่อนข้างเชี่ยว สูงถึงหัวเข่า

แคมป์พักแรมของพวกเรา ที่ด่านใหญ่


ยามเช้า สามารถเดินเที่ยวชมความงามบนลานสน หรือด่านใหญ่ ที่เต็มไปด้วยสายหมอกและดอกเปราะภูสีชมพู ที่กำลังบานสะพรั่ง สดชื่นมากครับ


บรรยากาศก็จะคล้ายๆ ภูกระดึง หรือ ภูสอยดาวบ้านเราเลย สวยคนละแบบ

หยาดน้ำค้าง

ดอกข้าวก่ำ

หม้อข้าวหม้อแกงลิง

หนุ่มสาว ตื่นมานั่งล้างหน้าแปลงฟัน ท่ามกลางสายหมอก ที่นี่มีน้ำซับที่ไหลจากดินเต็มไปหมด ที่ไหนพอมีหลุมหรือแอ่งเล็กๆ ก็สามารถจ้วงน้ำมาล้างหน้าแปลงฟันได้เลย ธรรมชาติสุดๆ


อีกวันที่พวกเราต้องเดินเท้า

ด่านใหญ่ - น้ำตกตาดเสือ ตาดขมึด : ระยะทางประมาณ 3.5 กม. เป็นทางลงเขาเเบบต่อเนื่อง ดิ่งๆ ไม่อยากนึกภาพตอนเดินขึ้นขากลับ ดีนะไม่ต้องแบกสัมภาระอะไรมาก สบาย ทากก็ไม่มีสักตัว มีบันไดไม้เป็นช่วงๆ พวกเราใช้เวลาถ่ายรูปและเล่นน้ำตก นาน 2-3 ชั่วโมง แล้วกลับมาแคมป์ที่ด่านใหญ่ โชคดีก็พอมีเวลาดูตะวันตกดินได้ด้วยนะครับ

เพื่อนๆ คนไทยจากกลุ่มอื่น เริ่มออกเดินทางไปเที่ยวชมน้ำตกตาดเสือ ตาดขมึดกันตั้งแต่เช้าตรู่


น้ำตกตาดขมึด

ตาดเสือ มาเจอกันกับตาดขมึด

เที่ยวน้ำตกเสร็จแล้ว เราก็กลับแคมป์ที่ด่านใหญ่

เราจะพักแรมกันด่านใหญ่ทั้ง 2 คืน ดูบรรยากาศสิครับ แคมป์ของพวกเรารายล้อมไปด้วยทุ่งดอกเปราะภู อากาศดีทั้งวันไม่ร้อนเลย

คืนพระจันทร์เต็มดวง แม้แต่พระจันทร์ยังไม่เห็นเลย อย่าหวังเลยจะเจอดาว ไว้กลับมาถ่ายดาวที่นี่ใหม่ละกัน มันคงสวยมาก เชื่อสิ


เช้าวันสุดท้าย ก่อนเดินทางกลับ เราก็เดินเที่ยวชมทุ่งดอกเปราะภูให้หนำใจไปเลย


ขอบคุณ

โอ๊ต และทีมสต๊าฟ จากแชร์ทริปเที่ยว ที่พาไปสนุกในครั้งนี้และดูแลเป็นอย่างดี

ขอบคุณน้องๆ ลูกหาบที่บ้านหนองหลวง ที่ดูแลช่วยเหลือ เป็นกันเองมากๆ

ขอบคุณเพื่อนๆ ร่วมทริป ที่เต็มไปด้วยหัวใจนักเดินทาง ขอบคุณสำหรับมิตรภาพที่ดีๆ นะครับ ผมได้เพื่อนใหม่กลับมาเพียบเลย ครั้งแรกของผมที่ได้ออกทริปกับกลุ่มใหญ่ๆ กว่า 40 คนแบบนี้

ได้เวลากลับกันแล้ว บาย บาย แล้วเราจะกลับมาใหม่นะ



พอถึงปากเซ ได้เข็นกันนิดหน่อย มันนสตาร์ทบ่ติดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด 555555


อ้ายกึ่มทำได้เพียงนำเสนอบรรยากาศผ่านภาพถ่าย การเล่าถึงความสวยงาม บรรยากาศต่างๆ อาจไม่ถึงอรรถรส อย่างว่าแหละ 10 ปากว่าไม่เท่าตาเห็น อยากให้เพื่อนๆ ลองมาเที่ยว ลองมาสัมผัสผืนป่าและเสพความสวยงามของธรรมชาติในดินแดนของเพื่อนบ้านเราอย่างลาวใต้ ผมเชื่อว่าเพื่อนๆ จะประทับใจและหลงรักอย่างแน่นอน


"ประสบการณ์ใหม่ ไม่ออกไปหา ไม่มีทางเจอ" Life is a journey


ผมมีเพจเล็กๆ ฝากติดตามและให้กำลังใจพวกเราด้วยนะครับ เพราะพวกเรา "ดีแต่เที่ยว"https://www.facebook.com/travelwithphotographer/ มีทริปสนุกๆ ชวนผมด้วยนะครับ นะนะ^^"








อ้ายกึ่มมักเล๊าะ

 วันพุธที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2560 เวลา 20.24 น.

ความคิดเห็น