ขอเสียงคนจังหวัดเลยหน่อยครับ ฮิ้วววววววววว

ชงเองเล่นเองซ๊ะงั้น

ถ้าพูดถึงอีสาน จังหวัดที่เที่ยวเยอะมากๆคงหนีไม่พ้นจังหวัดนี้แน่นอน เพราะเป็นจังหวัดที่มีที่เที่ยว ที่สามารถเที่ยวได้ทุกฤดูกาล หรือบางที่อาจเที่ยวได้ทั้งปีจังหวัดนั้นคงหนีไม่พ้น จังหวัดเลย ครับ

"เมืองแห่งทะเลภูเขา สุดหนาวในสยาม ดอกไม้งามสามฤดู ถิ่นที่อยู่อริยสงฆ์ มั่นคงความสะอาด"


ใช่ครับที่เที่ยวตามคำขวัญจังหวัดเลย เป็นจังหวัดที่งดงามทั้งวัฒนธรรม และสาวๆเอ้ยยยย ไม่ใช่เเล้ววว เข้าเรื่องเลยดีกว่าครับ วันนี้ผมมีที่เที่ยว เด็ดๆ 5 ที่เที่ยว 5 เสน่ห์ที่แตกต่างกัน และที่สำคัญเป็น 5 ที่ที่ห้ามพลาดของ จังหวัดเลยมาแนะนำ อาจจะลงกระทู้ไปเเล้วบ้าง แต่วันนี้จะมาสรุปให้อ่านกันอีกที 5 ที่มีอะไรบ้าง เรามาอ่านสารบัญกันก่อนว่ามีอะไรบ้าง

ปีนเขา-เดินป่า -ชมหมอก-หยอกพระอาทิย์เช้า-หยอกพระอาทิตย์เย็น-เล่นน้ำตก-ไหลไปถนนคนเดิน เพลิดเพลินดอกซากรุระเมืองไทย ที่นี่ที่เดียว ครบทุกอย่าง

1 ภูกระดึง สถานที่ทดสอบความแข็งแรงขแงนักท่องเที่ยว

2.ภูบักได สถานท่องเที่ยวใหม่ที่วัดใจและวัดกำลังขา หรือผมเรียกภูนี้ว่า ใกล้ตาแต่ไกลตีน

3.เชียงคาน เมืองซิกๆคลูๆที่ทุกคนหลงไหล

4.ภูลมโล ภูเขาสีชมพู สถานที่เที่ยวชมซากุระเมืองไทย

และ 5.ห้วยกระทิง สถานที่ล่องแพพักผ่อน

...................................................................................

เรามาเริ่มที่เเรกกันเลย นั่นคือ ภูกระดึง


ภูกระดึง สถานที่นี้จะไม่ให้พูดถึงคงไม่ได้ 1 ตุลาคมที่จะถึงนี้ กำลังจะเปิดภูต้อนรับขาลุยทั้งหลาย รวมทั้งผมด้วย ที่จะไปบุกภูกระดึงอีกรอบ รอบนี้น่าจะรอบที่ 3 แต่จะเป็นครั้งแรกที่ไปตอนภูเปิดใหม่ๆ ฮืมมม คงสวยน่าดู

มาพูดถึงเสน่ห์ของภูกระดึงกันก่อน ภูกระดึงจุดเด่นที่น่าสนใจ นั่นคือการเดินทางที่ มีทั้งเหนื่อยและสนุก แต่ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ มนเสน่ห์ของมันอยู่นี่แหละครับที่ทำให้ทุกคนหลงไหล ไม่ว่าจะป่าสนที่สวยงาม น้ำตกที่ยิ่งใหญ่ ใบเมเปิ้ลที่สดใส นี่ยังรวมไปถึงหมอกตอนเช้าพระอาทิตย์ตกตอนเย็นอีกนะ ยังๆ ยังไม่หมด ดาวเป็นท้องฟ้าในป่าใหญ่ด้วย เห็นมั้ยละครับ นี่ขนาดแค่เกิ่น ยังอดใจไม่ไหวเเล้ว เพราะฉะนั้นไปกันเลยครับ ไปเดินภูกระดึงกัน

.............................................

การเดินทาง สามารถไปได้ทั้งรถส่วนตัวและรถประจำทาง บอกเลยว่าไปง่าย สบายหายห่วง ครั้งนี้ที่ผมไป ไปรถส่วนตัว มีที่จอดรถลองรับ ต้องรีบไปด้วยนะครับ ปิดให้ครึ่งบ่าย สองโมง ว่าละก็ไปซื้อตั๋วครับ เดี๋ยวไม่ทัน

//ราคามิตรภาพมากครับ 30 บาทรักษาทุกโรคเอ้ยไม่ใช่ ราคาตั๋วเข้าอุธยานนี่ละครับ 30 บาทเท่านั้นเอง

หลายคนกังวลเรื่องกระเป๋า สบายหายห่วงจ้า มีบริการลูกหาบไว้คอยบริการ แต่ไม่ฟรีนะ กิโลละ 30 บาท แต่ถ้าใครไหวหน่อย แบกเองได้เหมือนผม แบกเองชิลล

เป็นไงละ เห็นรูปนี้แล้ว 30 บาท ยังเสียดายอยู่มั้ย

ระยะทางเดินขึ้น มีทั้งหมด 12 จุด แบ่งเป็นซำๆไป ระยะทางรวมก็แค่ 9.050 m ถึงจุดบริการนักท่องเที่ยว 9กิโลเอง เอง เอ๊งงงงงฮ่าๆ

ภูกระดึงนอกจากเดินทดสอบร่างกายแล่ว สิ่งที่เป็นอีกหนึ่งสีสันนั่นคือ ของบกิน ในแต่ละซำ บอกเลยว่า เหนื่อยก็พัก ถ้าเขาไม่รัก ก้กลับมา ไม่ช่ายยยละ เหนื่อยก็สามารถพักกินน้ำได้ครับ

เดินยาวจนถึงแลนด์มาร์คกันเลยทีเดียว ที่ใครมาต้องห้ามพลาด นั่นคือป้ายนี้ครับ ครั้งหนึ่งในชีวิต เราคือผู้พิชิตภูกระดึง ถ่ายไว้ด้วยนะครับ ถ่ายไว้เป็นที่ละทึกครั้งหน้าถ้าไปใหม่ ผมจะเอาคำว่า ครั้งที่สามไปด้วยอยบู่ ฮ่าๆ

เดินยาวไปอีกกก ไปอีกและไปอีก ห่างจากป้ายที่ถ่ายตะกี้ประมาน 3 กิโล นั่นคือที่พักนั่นเอง ผมแนะนำให้รีบขึ้นตอนเช้านะครับเดี๋ยวเหมือนพวกผม ขึ้นช้า มืดเลยทีเดียว

อีกหนึ่งสิ่งที่ภูกระดึงมี นั่นคือพระอาทิตย์ขึ้นบวกกับทะเลหมอก ช้าอยู่ใย ไปครับผมจะพาไปดู

04.50 ตะเกียกตะกายตื่น เพื่อที่จะไปดูพระอาทิตย์ขึ้นที่ผานกแอ่น ระยะทางประมาณ 3 กิโลได้ ไปกลับก็ 6 กิโล ต้องพกไฟฉายไปด้วยนะครับ พยายามเดินเป็นกลุ่ม ตอนเดินจะมีเจ้าหน้าที่อุทยานเดินนำทาง หากใครอยากได้พื้นที่ในการชมวิวดีๆต้องรีบตื่นไปตั้งแถวนะครับ แล้วเวลาเราถึงก่อนก็สามารถจับจองพื้นที่ได้

พอไปถึงยังมืดอยู่ หาสิ่งคลายหนาวครับ กาแฟร้อนสักแก้วคงดี แล้วก็ดีจริงๆฮ่าๆจำหน่ายโดยเจ้าหน้าที่อุทยาน แก้วละ 25 บาทครับราคาน้ำร้อนนะ ส่วนกาแฟพี่เขาบอกว่าแถมฟรีฮ่าๆ

ท้องฟ้าเริ่มเปิดแสงสีส้มของดวงอาทิตย์เริ่มมา

ถ้าไปแล้วโชคดี จะมีทะเลหมอก เเต่ผมโชคร้ายฮ่าๆแต่ก็ไม่เป็นไร ตุลานี้ เจอกันใหม่

แสงอาทิตย์นวลๆเจอต้นสนโอ้โหหหห บอกเลยว่าเป็นอะไรที่ไม่ควรพลาดมากครับ

จากนั้นเดินทางกลับ กลับไปอาบน้ำแต่งตัว ระหว่างทางกลับศูนย์บริการนักท่องเที่ยว เราจะผ่านลานวันพระแก้ว แต่ผมไม่ได้เข้าไปนะ ไหว้ระยะไกลเลยละกัน ฮ่าๆ

มาภูกระดึงครบทุกรสจริงๆ

มุ่งหน้าสู่ น้ำตก และใบเมเปิลฮืมมมม ตื่นเต้น การเดินเดินได้สองทางแต่กลับได้ทางเดียว นะครับ เดินทางน้ตกกลับทางผา กับเดินทางผากลับทางผา

น้ำตกมีทั้งหมด 4 น้ำตกด้วยกัน มีวังกวาง เพ็ญพบใหม่ โผนพบ เพ็ญพบ แต่รูปที่ผมได้มา น้ำมันน้อย เลยเน้นไปที่ใบเมเปิล เดี๋ยวไปเอามาฝากใหม่นะครับ ตุลานี้แหละแน่นอน

..................................

ในทางเดียวกันนอกจากจะมีน้ำตกเเล้ว ทางนั้นยังเป็นทางที่ไปผาหล่มสัก นางเอกของที่นี่อีกด้วยนะครับ ไปกันครับ ไปเล่นน้ำตก

น้ำตก น้ำตก น้ำตกจริงๆนะ ฮ่า มาผิดฤดูก็งี้ เดี๋ยวตุลาผมเอามาให้ดูใหม่นะ

ตกใจอะดิ น้ำตกกับใบเมเปิล มันโคดเข้ากันเลยว่ามั้ยครับ ผมว่ามันโคดสวยเลยละ ผสมผสานกันได้อย่างลงตัว

จากนั้นมุ่งหน้าต่อไปที่นางเอกของภูกระดึง นั่นคือผาหล่มสัก จ้าาาา ก่อนถึงผาทุกคนจะได้เชยชมสวนสนปนป่าหญ้า บอกเลยว่าสวยจนต้องร้องว้าว

หากใครเดินไม่ไหว จักรยานมีให้เช้านะ เนี่ยขาวสวยเลย จักยานหรออ่อเปล่า คนปั่นจักรยานต่างหากฮ่าๆ

เดินไปเรื่อยๆก็ถึงผาหล่มสัก คนนี่เยอะอย่างกะรอเอาของฟรี ใครโชคดีหน่อยก็ต่อแถวถูกจังหวะเเสงอาทิตย์ แต่ผมไม่ครับ ไม่ใช่คนที่โชคดี เเสงอาทิตยังไมลงเลย เอาถ่ายก่อนรีบกลับ เทียบชัดๆกันสองปีไปเลย

กลับครับกลับ เดี๋ยวถึงดึก แต่โชคยังดี ที่ยังเห็นพระอาทิตย์ตก


นั่นละครับ นี่ขนาดแค่ที่แรก ยังยาวขนาดนี้ ที่ต่อไปผมจะพยายามย่อลงให้สั้นๆกว่าเดิมนะครับ ไปครับสถานที่ที่ สอง

ภูบักได ครับ อ่าหลายคนอาจจะงง ภูบักได หรือผาหลวกลวงภูเขาหัวโล้นถือว่าเป็นที่เที่ยวใหม่ของ ไทเลยก็ว่าได้ เปิดได้ไม่นานแต่ๆๆๆๆๆๆๆ มนเสน่ห์นั้นแตกต่างจากที่อื่นมาก เพราะอะไรหนะหรือ เพราะภูบักไดมีมากกว่าที่อื่นมี เป็นที่เที่ยวแนวทรหดอดทนกว่าภูกระดึง เดินเฉียงขึ้นอย่างเดียวไม่มีร้านค้า ไม่มีไฟ มีแต่ใจและเเรงขา ว่าแล้วก็ไปเลยครับ

....................................................

ดูดาว ดูอาทิตย์ลับฟ้า ดูหมอก ดูแสงแรก

ภูบักได" ตั้งอยู่ในอำเภอภูเรือ อยู่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูหลวง มีอาณาเขต ติดต่อกันทั้งหมดสามตำบลของอำเภอภูเรือ คือ ตำบลสานตม ตำบลท่าศาลา และตำบลปลาบ่า เส้นทางที่จะแนะนำวันนี้คือ คือเส้นทาง บ้านน้ำทบ ตำบลปลาบ่า เดินทางจากภูเรือไปทางเกษตรที่สูง ผ่านน้ำตกปลาบ่า น้ำตกสองคอน ระยะทางประมาณ 20ก.ม. จากตัวอำเภอภูเรือจุดบริการนักท่องเที่ยวสามารถขึ้นได้สองทาง นั่นคือทางบ้านกลาง และบ้านน้ำทบ

การเดินทางจะแบ่งเป็น 2 ช่วงนั่นคือนั่งรถอีแต๊กขึ้นเขาเข้าไปก่อน จากนั้นค่อยเดิน ใช่เเล้วครับ เดินนน ฮ่าๆ

ค่าใช้จ่ายจะจะมีคือ 500 บาท ค่าจ้างรถและคนนำทาง หัวละนะครับ บอกเลยว่าคุ้ม เพราะพี่ๆเขาช่วยถือของให้หมดแต่ก็ถือเองก็ได้ฮ่าๆ

นี่คือทางที่เราไป นั่งรถไปเดินไปชมวิวไป จ้า เดินแล้วก็เดิน ภูบักไดถ้าถามว่า บนภูสวยแค่ใหนหรอฮ่าๆ บอกเลยว่าสวยมาก

แต่ระหว่างเดินนั้น เราได้พักเหนื่อยนั่งชมพระอาทิตย์ตก บอกเลยนะครับตอนนั้นคือเหนื่อย แต่พอเห็นวิวเท่านั้นแหละ มีอีกมั้ย ทางเดินหรอ อ่อเปล่า วิวเนี่ยมีอีกมั้ยยย สวยมากกสวยจนอยากห่อกลับบ้าน

ไม่นานเราก้ถึงที่พักกางเต้นกินข้าวปาร์ตี้ โน้นนี่นั่น ท้องฟ้าโปรงใส และไร้เเสงไฟมืดมิด อะไรจะเหมาะไปกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว นั่นคือถ่ายดาวครับ ลุยครับลุย ผมถ่ายไม่เป็นหรอก แต่พี่ผมถ่ายเป็น ฮ่าๆ สบายยย

เสียงเเจ้วจ้าวจากข้างนอก นี่ผมตื่นสายหรอ อ่อเปล่า เขาตื่นเช้ากว่า ผู้คนเต็มครับ ตื่นมาดูพระอาทิตย์ขึ้นกัน มีหรอผมจะไม่ตื่น ไปคับ เลาะเลยครับ บอกเลยว่าคุ้มาก กับการตื่นครั้งนี้

ทุกที่ของที่เที่ยวต้องมีแลนด์มาร์ก ที่นี่ก็เช่นกัน นั่นคือผาหลอกลวงนั่นเองครับ เอ้างง งงมั้ยไม่งงหรอฮ่าๆ ลองจริงๆน้า

นี่ยังไม่หลอกเท่าไหร่ เอานี่ไปด้วย

บ้ายบายภูลมโล สถานที่ที่ดีต่อใจแต่จัญไรต่อขาฮ่าๆ หากใครจะมาต้องฟิตร่างกายมาให้ดีนะครับ


ต่อกันสานที่ที่3 กันเลยครับ ที่นั่นจะเป็นที่ใหนไม่ได้ ถ้าไม่ใช่ เชียงคาน เมืองซิกคลูๆที่นักท่องเที่ยวทุกคนต้องมาให้ได้ เป็นสถานที่ที่เที่ยวได้ทุกฤดู เเละเป็นสถานที่ที่ผมชอิบมาก ไปบ่อยจนกล้าทำกระทู้ความแตกต่างของแต่ละฤดู ในส่วนของเชียงคานนี้จะไม่พูดอะไรเยอะเพราะทุกคนน่าจะรู้ข้อมูลเยอะอยู่เเล้วว่าเชียงคานเป็นยังไงเพราะมีคนรีวิวไว้เยอะมาก จนผมต้องฉีกแนวรวม กระทู้เลย ไปบ่อยจนหลงรักสามารถอ่านเพิ่มเติมข้างล่างนี้ได้เลยนะครับ

https://th.readme.me/p/9581


เดี๋ยวผมจะรวบมนเสน่ห์เชียงคานให้ดูเลยนะครับ

มีร้านกาแฟที่โดดเด่นตามาก เป็นร้านไม้แต่ก็ยังโอบไปด้วยต้นไม้ แถมรสชาติอร่อยชวนให้หลงไหลเข้าไปอีก


เชียงคานเป็นเมืองที่ติดกับฝั่งลาวซึ่งบรรยากาศภูมิประเทศก็จะคล้ายๆเรา สามารถนั่งเรือข้ามได้


อีกหนึ่งมนเสน่ห์ที่หาจากที่อื่นไม่ได้นั่นคือ ถนนคนเดินที่สองข้างทางเต็มไปด้วยบ้านไม้โบราณ บอกเลยว่าชอบมากครับ


หรือจะเป็นเส้นริมโขงที่ฝั่งหนึ่งเป็นบ้านไม้อีกฝั่งเป็นเเม่น้ำ


แลนด์มาร์กของที่นี่ คือบ้านไม้โบราณที่ ใครมาก็ต้องถ่ายภาพเก็บไว้


รวมไปถึงเมนูที่เป็นเอกลักษ์เป็นเมนูอาหารพื้นบ้านที่ชาวบ้านหามาจากพื้นที่


น่าหนาวก็จะเจอกับหมอกและความสวยงามของดอกไม้ บอกเลยว่ามาที่นี่คุ้มครับคุ้ม


นี่ละครับเชียงคาน เมืองที่ผู้คนหลงไหล เมืองที่ผมหลงรัก ไปบ่อยจนนับครั้งไม่ได้


มาต่อกันที่ สถานที่ที่ 4 นั่นคือ ภูลมโล ภูเขาสีชมพูภูเขาที่เต็มไปด้วยดอกพญาเสือโคร่ง หรือจะที่เราเรียกว่า ดอกซากุระเมืองไทย


ภูลมโล ตั้งอยู่ในตำบลกกสะทอน อำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย ในเขตอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า ภูลมโลเป็นภูเขาที่ตั้งอยู่บนรอยต่อ ของสามจังหวัด คือ พิษณุโลก เพชรบูรณ์ และเลย สิ่งที่ทำให้ภูลมโลเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวในเวลานี้ คือ เป็นจุดชมดอกนางพญาเสือโคร่งที่มีพื้นที่กว้างขวางนับ 1000 ไร่ นางพญาเสือโคร่งของภูลมโลจะไม่ได้มีให้ชมเพียงจุดเดียว แต่จะกระจายมีให้ชมในหลายจุดโดยจะบานแทรกตัวอยู่ในหุบเขา ป่าไม้และต้นหญ้า ภูลมโลเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีธรรมชาติ ที่สวยงามของขุนเขา และอากาศที่หนาวเย็นโดยนางพญาเสือโคร่งจะบานในช่วงเดือน ม.ค. ของทุกปี ทั้งนี้ในแต่ละปีจะบานไม่ตรงกัน ก่อนเดินทางต้องเช็คข้อมูลอีกครั้ง การเดินทางไปชมความสวยงาม สามารถไปได้สองทาง นั่นคือฝั่งกกสะทอนและฝั่งบ้านร่องกล้าแล้วตึความสะดวกของแต่ละคน ส่วนพวกเราเลือกไปทางอ.ด่านซ้าย ต.กกสะทอน เพราะใกล้พวกเราสุด


สถานที่เที่ยวแห่งนี้เหมาะมากสำหรับคนชอบถ่ายรูป แต่ก็เหมาะมากสำหรับคนชอบตั้งแคมป์เหมือนกัน เพราะที่พักโดนโอบล้อมด้วยภูเขาหัวโล้น และที่สำคัญ อากาศหนาวมากกกก


ในส่วนของการเดินทาง ที่พักแต่ละที่จะติดต่อรถให้เราเอง ราคาอยู่ที่คันละ 1500 บาท เเละสิ่งที่ทุกคนต้องเตรียมนั่นคือ เสื้อแขนยาวคุมกันฝุ่น และผ้าปิดจมูก ช่วงที่ดอกพญาเสือโครงบานเยอะที่สุดคือกลางเดือนมีนา ถ้ามีโอกาศต้องไปให้ได้นะครับ เพราะตอนที่ผมไป ยังไม่บานเท่าไหร่



มาที่สถานที่สุดท้ายเลยครับ

ห้วยกระทิง สถานที่นี้ไปง่ายมากกก ขึ้นเขาแค่นิดหน่อย แต่ห่างจากตัวเมืองเลยแค่ 10 กิโลเมตร ถ้าถามว่าไปอะไร บอกเลยว่าไปกินข้าวเอาขาจุ่มน้ำและให้ภูเขาโอบกอด ที่กินข้าวอะไร จะมีบรรยากาศครบขนาดนี้


ที่นี่เหมาะมากสำหรับพาครอบครัวมากินข้าวนอกสถานที่ ค่าแพสามารถเหมาชั่วโมงได้


บรรยากศที่ชวนหลงไหล



กับน้ำที่เย็นสบายจากอ่างเก็บน้ำ



อธิบายยาวกว่านี้ก็คงคิดภาพตามผมไม่ออก แต่ที่แน่ๆ ถ้าคิดถึงที่เที่ยว เลย คือหนึ่งจังหวัดที่ตอบโจทย์ ถ้ามีโอกาศอยากให้มาลองสัมผัส แล้วคุณจะหลงรัก เมืองเลยแบบผม

...............................................

สำหรับทริปนี้ก็ขอจบการรีวิวแค่นี้ ดีใจทุกครั้งที่ได้แบ่งปันที่เที่ยวให้ทุกคนได้อ่าน และขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านกระทู้ของผม ขาดตกบกพร่องอะไรก็ข้ออภัยไว้ที่นี้ด้วย เจอกันใหม่กระทู้หน้า ขอบคุณครับ



เที่ยวจนวันลาหมด

 วันเสาร์ที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2560 เวลา 22.41 น.

ความคิดเห็น