ทุกอย่างมันคงเหมือนฟันดูแลดีแค่ไหนสุดท้ายก็ต้องมีซี่ที่หลุดไป
เหมือนเส้นผมดำนานแค่ไหนสุดท้ายก็จะเป็นพื้นที่ของสีขาว
เหมือนร่างกายที่เต่งตึงเท่าไหร่ จะเหี่ยวยานในวันเผาไฟ
และ..สลายหายไป

แต่ความรักยังคงอยู่
………………………………………………


: : ในช่วงเดือนที่ผ่านมาหลายสิ่งหลายอย่างถาโถมเข้าใส่บางครั้งตั้งตัวทัน บางครั้งตั้งตัวไม่ทัน ‘ ปัญหามีทางออกเสมอ ’ยังคงใช้ได้ในยุคปัจจุบัน แต่ปัญหาบางอย่างมันมีระยะเวลาแก้ของมัน สิ่งที่จะชนะปัญหาได้คือการอยู่กับมันให้ได้ และผมกำลังพยายาม ผมมองสถานที่ใกล้ๆกรุงเทพฯเพื่อหยุดพักและราชบุรีคือคำตอบ



: : ผมออกจากกรุงเทพฯก็สายมากแล้วเพราะมัวแต่ทำธุระอยู่ กว่าจะถึงราชบุรีก็ปาไปบ่ายสามโมงก่อนเข้าตัวเมืองราชบุรีก็มีฝนตก ผมได้เห็นรถชนกันต่อหน้าต่อตาในระยะ5-6เมตร เพราะถนนลื่นโชคดีที่ไม่มีใครเป็นอะไร : : ผมแทบจะไม่มีแผนอะไรในหัวมันจึงไม่ต้องรีบร้อนอะไร แค่ขับตาม GPS ไป (ปล.เพื่อนขับ)



: : เมื่อถึงตัวเมืองราชบุรีก็ตรงเข้าไปหาอะไรกินที่ร้าน ‘ อาตี๋โกปี๊ ’ ซึ่งผมเคยมาครั้งหนึ่งเมื่อปีที่แล้วผมชอบโต๊ะและเก้าอี้ไม้โบราณเก่าๆ เวลาดื่มกาแฟมันได้ความรู้สึกไปด้วย ผมสั่งอาหารที่ปีที่แล้วไม่ได้กินคือกะหล่ำปีห่อกุ้ง และติ่มซำนอกนั้นผมสั่งเหมือนเดิมคือกาแฟเวียดนาม ปอเปี๋ยะทอด ซึ่งผมกินหมดก่อนและนึกขึ้นได้ว่าลืมถ่ายรูปแต่ที่ไม่ลืมคือรสชาติความอร่อยที่ยังคงเหมือนเดิมและความรู้สึกเดิมๆของปีที่แล้ว หลังงจากเช็คบิลผมเดินเข้าไปในซอยที่อยู่ติดกับร้านเพื่อถ่ายรูปในมุมที่ผมยังไม่ได้ถ่าย มองน้ำ มองตึกแถว มองฟ้าชั่วครู่ อิ่มทั้งของว่างและบรรยากาศตรงหน้า หลังจากนั้นก็ออกเดินทางต่อ



: : บ่ายสี่โมงเย็นเราอยู่บนถนนสายหนึ่งในสวนผึ้งกำลังลังเลว่าจะเข้าที่พักเลยหรือว่าจะไปเที่ยวที่ไหนก่อนดีเพราะนี่ก็เย็นแล้ว แต่ในวินาทีนั้นก็คิดว่าไปซักทีก็ดีเพราะวันนี้ยังไม่ได้ไปถ่ายรูปวิวเลย ผมพิมพ์ห้วยคอกหมูใน GPS และตามทางไปจนมารู้ตอนหลังว่ามันไม่น่าใช่ มันแปลกๆ รถมันไม่น่าจะไปได้มันมีแต่ป่า ป่า และทางดินที่รถเก๋งไม่สามารถจะบุกตะลุยได้เลย : : นี่ก็ใกล้ค่ำแล้ว สรุปว่ามาผิดเราหลงเข้ามาในอ่างเก็บน้ำห้วยคอกหมู และด้วยความไม่มีแผนเราก็แวะอ่างเก็บน้ำแทนก่อนเข้าที่พักที่ภูมลิดา เงียบสงบและแทบจะไม่มีใครเข้ามาเลย มีชาวบ้านมาตกปลาและนักท่องเที่ยวนับคนได้



: : เช้าวันอาทิตย์ผมตื่นแต่เช้ารีบกินอาหารของที่พักเพื่อเดินถ่ายรูปบริเวณที่พัก และเตรียมไปแก้ตัวที่จุดชมวิวห้วยคอกหมู หลังจากที่เมื่อวานพิมพ์แค่ห้วยคอกหมูใน GPS



: : ภูมลิดา รีสอร์ทอยู่ในทำเลที่ไม่ไกลจากสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆของสวนผึ้งและรีสอร์ทข้างๆมีจักรยานให้เช่าอันนี้สอบถามป้าเจ้าของที่พักได้เลยคุณป้าใจดีและพร้อมแนะนำเพราะตอนแรกเราก็จะเช่าจักรยานแต่เปลี่ยนใจเพราะกลัวจะกลับถึงกรุงเทพค่ำเกินไป ส่วนที่พักเมื่อคืนที่เราพักเป็นแบบกระท่อมมอญที่ด้านในมีทั้งพัดลม ทีวี ห้องน้ำในตัว(สะอาด) และราคาเพียง 800 บาท (นอนได้2คนและมีเตียงเสริมสำหรับคนที่3) มีอาหารเช้าเป็นข้าวต้มอร่อยๆ กับไข่กระทะและกาแฟที่ต้องบริการตัวเอง ส่วนด้านนอกก็มีจุดให้นั่งเล่นพักผ่อนหย่อนใจหลายที่ บางจุดสามารถมองเห็นหมอกที่คลอเคลียอยู่บนภูเขาใกล้ ๆ



: : หลังจากร่ำลากับป้าเจ้าของที่พัก ผมเปิดโทรศัพท์ เปิด GPS และพิมพ์ว่าจุดชมวิวห้วยคอกหมู รอบนี้ไม่หลงเหมือนเมื่อวานแน่ ระหว่างทางก็ขับไปจอดถ่ายรูปไป มองต้นไม้ที่ตั้งสูงตระหง่านพลิ้วไหวโอนเอียงราวกับคลื่น ช่างอ่อนนุ่มสดขจีและเอื้อร่มเงา



: : ขับตาม GPS มาได้ซักพักเหลืออีก7 กม.จะถึง ทางก็ไม่เป็นใจเอาซะเลยยิ่งขับก็ยิ่งเสียวเหวข้างๆ ยิ่งขับขึ้นล้อก็ยิ่งฟรีไม่สามารถไต่ขึ้นไปได้เพราะเป็นถนนลูกรัง สุดท้ายก็ไปไม่ถึง ไม่มีแผนสำหรับการเดินทางในครั้งนี้(ไม่ซีเรียสและขอปลอดภัยไว้ก่อน) ผมกับเพื่อนมองหน้ากัน โอเค! มารอบหน้าค่อยเหมารถเอาแต่ขอมาซัก4-5คนนะจะได้คุ้มๆหน่อย นั้นไปน้ำตกเก้าโจนแล้วกัน [ ขับตาม GPS ระหว่างทางจะมีป้ายบอกเป็นระยะ ] ไม่นานก็ถึง จ่ายค่าเข้า10บาทแล้วก็เดินเข้าไปได้เลย ส่วนใครจะซื้ออะไรเข้ามานั่งทานในนี้ก็ได้เขาจะมีจุดให้ทิ้งขยะ และป้ายบอกว่าห้ามนำอาหารเข้าไป ไม่แน่ใจว่าชั้น4หรือ5 ส่วนผมไม่ได้เอาอะไรเข้ามาเลยแม้กระทั่งน้ำ -_-"



: : เดินไปฟังเสียงต้นไม้รวมวงกับลม เป็นดนตรีที่ไม่เคยฟังที่ไหนมาก่อน แม้จะการบรรเลงจะเหมือนกันทุกที่ที่มีลมและต้นไม้ ยิ่งเดินขึ้นมาไกลเท่าไหร่เสียงการบรรเลงยิ่งชัดเจน ยิ่งทำให้เสียงเด็กที่กระโดดโลดเต้นจากน้ำตกชั้นแรกๆก็ค่อยๆบางเบาลงไป เมื่อถึงชั้นที่สี่เรามีผู้นำทางสี่ขา มันนำทางโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน มันวิ่งเหยาะย่างไปตามทางแคบๆอย่างชำนาญ แม้ตาจะมองเห็นเพียงข้างเดียว



: : ฟังเสียงน้ำไหล ฟังเสียงธรรมชาติรอบๆตัว ไม่มีวิธีไหนจะฆ่าเวลาได้ดีกว่านี้เมื่อคุณเหงา คุณไม่สามารถจะเหงาอยู่อย่างนั้นได้ ไม่นานก็จะหาย ผมรู้สึกสบายใจและเบาราวกับนก : : เมื่ออยู่กับธรรมชาติและถ่ายรูปจนพอใจผมและเพื่อนตัดสินใจจะไปธารน้ำร้อนบ่อคลึงซึ่งอยู่ไม่ไกลจากน้ำตกเก้าโจน ซึ่งผมตั้งใจจะไปนอนแช่น้ำร้อนและนวดตัวก่อนกลับกรุงเทพฯ ระหว่างนั่งพักเหนื่อยก็ถือโอกาสทานข้าวไปด้วยเลย ก่อนเดินไปเปลี่ยนชุดซึ่งอยู่ข้างหลังบ่อน้ำร้อน



อัตราค่าเข้าบริการ

[ ค่าเข้าสระน้ำดิน 30 บาท เด็ก 10 บาท ]

[ ค่าเข้าสระกระเบื้อง 50 บาท เด็ก 30 บาท ]



: : นอนแช่น้ำกับคุณลุงข้างๆ อุณหภูมิก็น่าจะราวๆ 30-40 องศา ผู้คนวันนี้ค่อนข้างเยอะเพราะเป็นวันอาทิตย์ส่วนมากจะเป็นคุณลุงคุณป้าซึ่งจะอยู่ที่บ่อแช่เท้า ส่วนบ่อที่ผมนอนแช่อยู่นั้นก็มีแค่เด็ก3คนและลุงอีก1 ผมเลือกมุมที่สามารถเอนหัวได้ซึ่งเป็นโขดหิน นอนหลับตาฟังเสียงน้ำตกที่อยู่เหนือหัวขึ้นไป สลับกับเสียงจอแจของผู้คน : : นอนแช่อยู่ราวครึ่งชั่วโมงผมก็ไปเปลี่ยนชุดเพื่อมานวดตัวแต่เจ้ากรรมเหลืออีก2คิวซึ่งผมรอไม่ได้เพราะต้องรีบกลับก่อนค่ำ ผมกับเพื่อนเลือกที่จะหามุมเงียบๆนั่งสักพัก ก่อนกลับเข้าเมืองกรุงที่ผมพึ่งหนีออกมาได้ไม่นาน



[ ขอบคุณคุณเพื่อนสายขับ ]



“ ผมอยาก RESTART ตัวเองแต่บางข้อมูลความรู้สึกเก่าๆ กลับตีย้อนขึ้นมา ”

ROAD MOVIE

 วันอาทิตย์ที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2560 เวลา 17.29 น.

ความคิดเห็น