#แม่กำปอง ไปอีกแล้วหรือ ? มีแต่คนถาม 555 อือ ก็จริงของเค้า เพราะเรามาเยือนที่นี่รวมครั้งนี้ก็รอบ 3 ไม่บ้า ก็บ้าแหละ


ครั้งแรกตกหลุมรักจนหัวปรักหัวปรำ ประทับใจกับบ้านเล็กในป่าใหญ่ ปีถัดมาก็ชวนเพื่อนมาอีก ซึ่งความประทับใจก็ยังคงอยู่ แต่ก็สู้ครั้งแรกไม่ได้ เพราะแม่กำปองโตขึ้น สาวขึ้น คนเริ่มรู้จัก เปรียบเหมือนสาวงาม ที่เมื่อใครได้เห็นจะร่ำลือกันไป จนใคร ๆ ก็หลั่งไหลกันมามายลโฉม >>>


2 รอบแรก เรามาเยือนด้วยการเช่ารถมอเตอร์ไซด์ขี่ การเดินทางเลยสบาย จะไปไหนก็ได้ตามใจ แม้ทางจะโค้งชันบ้าง บางจุด (อันตรายนะถ้าขี่รถไม่แข็ง เพราะกลุ่มเราก็มีรถล้มด้วยแหละ อิ ๆ ) แต่ก็ดีกว่าเช่ารถเก๋งมาแหละ เพราะในหมู่บ้านถนนแคบ ที่จอดรถมีน้อย ขับเฉย ๆ ยังลำบาก ถ้าสวนทางกันนี่คงไม่ต้องพูดถึง


ครั้งนี้ ไปกัน 4 คน ขี่มอเตอร์ไซด์ได้ 1 คน กำแระ เลยตัดการเช่ามอเตอร์ไซด์ไป ครั้นจะเช่ารถเก๋งขับก็ไม่ดีมั๊ง เพราะเพื่อนยังขับไม่คล่อง และเราก็รู้จักเส้นทางดี ไม่รอดแน่จึงหาข้อมูลการเดินทางมาแม่กำปองมีวิธีไหนบ้าง เนื่องจากแม่กำปอง อยู่ที่อำเภอแม่ออน ห่างจากตัวเมืองเชียงใหม่แค่ 50 กว่ากิโลเอง

1. ขับรถมาเอง จะเป็นรถยนต์ รถมอเตอร์ไซด์ ได้หมด ขอแค่ขับรถแข็ง เพราะถนนในหมู่บ้านจะแคบ ปัจจุบัน รถเยอะมากกกก ทางที่จะไปชมวิว โค้งชัน มีอุบัตเหตุบ่อย ๆ

2. ติดต่อที่พักให้รถมารับ-ส่ง สนามบิน/ตัวเมือง ไป-กลับ 1600-1700 บาท

3. ใช้บริการรถตู้ 150/คน/เที่ยว (จองล่วงหน้าก่อนนะ) เพจจะจัดโปรฯ ลดราคาบ่อย ๆ ซึ่งแน่หล่ะ คนขี้งก อย่างเรา จองได้ในราคา 90/คน/เที่ยว ไป-กลับแค่ 180 บาทเอง อิ ๆ แปะ link ไว้ให้เผื่อใครสนใจ https://www.facebook.com/Van.Hotsprings


ครั้งสุดท้ายในชีวิต ที่จะได้มาเชียงใหม่ ด้วยค่าตั๋วไป-กลับ 380 บาท ไม่มีอีกแล้ว T_T


ตั๋วถูก ก็ต้องเดินทางเช้าหน่อย ราคานี้เรายอมได้ อิ ๆ


ถึงสนามบินเชียงใหม่ 8.00 น. เรียกรถแดง ไปกาดหลวง (ตลาดวโรรส) เดี๋ยวนี้ดีหน่อย ไม่ต้องต่อราคา ไม่ต้องโดนฟันหัวแบะ เพราะราคาจะติดไว้ที่ข้างรถเลย ไม่เกินคนละ 30 บาท


ถึงกาดหลวง ก็เดินมาดูจุดขึ้นรถก่อน เพื่อความชัวร์ จุดจอดรถตู้ จะอยู่ตรงข้ามตลาดดอกไม้ คิวรถตู้เชียงใหม่ - ลำพูน ติดกับแม่น้ำปิง หาไม่ยาก ถามคนขับรถแดง หรือคนในตลาดได้หมดค่ะ



เราจองรอบ 11.30 น.ไว้ เพราะรอบ 7.30 น. มาไม่ทัน เวลาจึงเหลือเยอะ หาอะไรทานก่อน แถว ๆ นั้น และกลับมาอีกครั้ง แถว ๆ จุดจอดรถ (เยื้องสะพานลอยมาหน่อย) เพื่อนั่งเมล์เหลืองไปเที่ยวน้ำพุร้อนสันกำแพง เพื่อฆ่าเวลา



รถจะวิ่ง ตั้งแต่ 6.00 น. - 18.00 น. รถออกทุก 30 นาที (เวลาอาจมีการปรับเปลี่ยนได้นะคะ) ราคาค่ารถคนละ 40 บาท ย้ำนะ ก่อนขึ้นรถให้แจ้งราคาเค้าไปว่า 40 เพราะตอนที่ไป มีนักท่องเที่ยว 2 คนคงไม่ทราบราคาก่อนมา โดนเก็บไป 50 บาทค่ะ



ดูดี ๆ นะ รถต้องเขียนว่าไปน้ำพุร้อนเท่านั้นนะ ถ้าไม่เขียนจะไปไม่ถึงนะจ๊ะ


นั่งรถไปประมาณ 1 ชั่วโมง ระยะทาง 30 กว่ากิโล ส่วนขากลับ จะมีรอบรถ ตามในภาพเลยค่ะ ไม่ยาก ๆ



จากนั้นก็เสียเงิน ซื้อตั๋วเข้าน้ำพุร้อนกัน



ไม่มีบัตร ไม่มีสิทธิ์เข้านะเออ


ไม่ได้มานานมากแล้ว ไปดูกัน ว่าเปลี่ยนไปอย่างไร

จุดแช่เท้า ตรงไหนที่อุณหภูมิ น้อย ๆ คนจะเยอะ น้ำจะดำเชียว ไม่กล้าแช่เลย ส่วนตรงไหน ร้อนจัดๆ น้ำจะใส (เพราะไม่มีใครจุ่มเท้าได้ไง 55)

ถ้ามาเป็นครอบครัว ให้นำไข่มาจากบ้าน เป็นแผงเลย จะประหยัดกว่า แต่เรามาแบบฉบับนักท่องเที่ยวเนอะ สามารถหาซื้อได้ข้างใน ก็ช่วย ๆ กันไป ถือว่าเป็นการกระจายรายได้ค่ะ

จัดสิ เดี๋ยวจะหาว่ามาไม่ถึง

ดูเวลาต้มไข่กันสักนิด ใครชอบแบบไหน ก็ต้มตามเวลาได้เลย (ขอบอกว่าอร่อยมาก ๆ อยากกินอีกอ่ะ)

จากนั้นก็หาที่นั่งทาน และแช่เท้า พอได้เวลา 12.30 น. ก็ไปรอรถตู้เพื่อไปกำปองต่อ (โทร.แจ้งเค้าว่าเราขอเปลี่ยนที่ขึ้นจากตลาดวโรรส เป็นน้ำพุร้อนสันกำแพงแทนค่ะ)


หลังจากนั้นก็นั่งรถไปประมาณ 30-40 นาที รถจะจอดฝั่งตรงข้ามของ Flight of the Gibbon จากนั้นเราก็แบกสังขาร เฮ้ย แบกเป้ เดินเท้าต่อไปที่พัก


ที่พักกับจุดจอดรถ อาจจะไม่เหมาะกับ สว. หรือผู้ที่ขาแข้งไม่ดี 55 มีหอบแน่ ๆ แถมต้องแบกกระเป๋าอีก แต่สำหรับเราก็ชิว ๆ ภูกระดึงยังผ่านมาแล้ว ตั้ง 2 รอบแค่นี้สิว ๆ อ่ะ (คุยจนตายแหละ หึ หึ)


ผ่านจุดวุ่นวาย ร้านไหนดัง คงไม่ต้องบอกแล้ว คนก็จะเยอะ เราไปถึงวันอาทิตย์ คนเยอะมาก ๆ รถขับกันเยอะแยะ เดินลำบาก เสียวโดนรถชนด้วย


แต่พอถึงที่พัก ไกลหน่อย แต่แลกกับความสงบ ถือว่าคุ้มที่ได้จองมา


เราได้ ห้องมีใต้หลังคา จะมีทั้งหมด 4 ห้อง สามารถนอนได้ห้องละ 5 คน (แต่เรานอนห้องละ 2) หน้าห้องมีระเบียงไว้นั่งคุย สวย สะอาด สงบ ถือว่าดีเลย ถ้าแลกกับความวุ่นวาย ราคา 750 บาท/คน รวมอาหาร 2 มื้อ (เย็น+เช้า)





ผ้าห่ม หมอน ผ้าขนหนู ไม่เหม็น โรคจิตไง ต้องดมก่อนนอน ถ้าที่ไหนเหม็นจะไม่ไปนอนอีก 55



มีบันได สามารถนอนชั้นบนได้ อีก 3 คน


ห้องน้ำ มีสบู่ให้ แยกเปียก แห้ง มีเครื่องทำน้ำอุ่น โดยรวมชอบค่ะ สะอาดดี



เอากระเป๋าเข้าที่พักเสร็จ นั่งคุย หน้าระเบียง รอคนซา ๆ ก่อน(เพราะนักท่องเที่ยว หลาย ๆ ท่านจะซื้อทัวร์แค่มาเที่ยววันเดียวแต่ไม่ได้พัก คนจะเยอะ แถว ๆ ร้านอาหาร ร้านกาแฟ)



มาช่วงนี้ (เดือนมกราคม) ดอกนางพญาเสือโคร่งกำลังบาน สวยเลยค่ะ




คิดว่าคนน่าจะน้อย เดินลงมาที่ร้าน หิวโซเลย เป็นไงหล่ะ อาหารหมด 5555 อดสิ

ไส้อั่วฉัน T_T

เลยต้องหาร้านอื่นทานแทน



ร้านค้า คงไม่ต้องแนะนำแล้วเนอะ เพราะคงมีคนรีวิวไว้เยอะมากมาย เต็มโซเชียลไปหมด





ไม่ลืมที่จะไหว้พระ


ก็มันหิวอ่ะ


ร้านค้า ที่พัก เกิดขึ้นมากมาย



กลับบ้านเราดีกว่า เพื่อไปกินกาแฟ เพราะครั้งที่แล้วพลาด เค้าว่ากาแฟอร่อยต้องลอง




กาแฟเค้าอร่อยจริง แนะนำให้สั่งคาปูชิโน่ อร่อยทั้งร้อนและเย็น อย่างอื่นก็แล้วแต่ปากคนเนอะ

แค่นั่งที่ระเบียงร้าน ก็สวยจะแย่แล้ว ไม่ต้องเดินไปไหนหรอก



อากาศตอนไป เย็นลงพอดี ขนาดกลางวันยังเย็น กลางคืนจะขนาดไหนหนอ



และได้เวลาอาหารเย็น จืดไปหน่อยสำหรับพวกเรา น่าจะมีน้ำพริกหนุ่ม+แคปหมู หรือไม่ก็น้ำพริกเผ็ด ๆ จะเยี่ยมมาก ถ้ามีนี่จะให้ 10/10 ทั้งที่พักและอาหารเลย อันนี้ ขอให้ 9/10 แล้วกันเนอะ (คหสต นะคะ อย่าโกรธนะ)



เดี๋ยวโดน ๆ มาติกับข้าวป๋มหรา แต่ก็เห็นกินหมดนะ 55


และเข้านอน อากาศหนาว เพราะพรุ่งนี้นัดรถมารับไปดูพระอาทิตย์ ทะเลหมอก ที่กิ่วฝิ่น ตอน ตี 5.45 น. (จะติดต่อรถที่พักก็ได้ แต่เราจองไว้กับคุณส้มโอ https://www.facebook.com/osomcarrental/

ราคาเหมา 500 บาท ถ้าไปเกิน 5 คนก็คนละ 100 บาท (เวลา 05.45-8.00 น.) จ้างรถไปเหอะ เพราะต้องไปตอนมึด ทางโค้ง ถ้าไม่ชำนาญทาง อาจเกิดอุบัติเหตุได้



ถึงกิ่วฝิ่น อากาศหนาวสุด ๆ ไม่น่าเกิน 12 องศาแน่นอน เพราะขนาดข้างล่างก่อนมา ยังแค่ 14 องศาเอง ทั้งหนาว ทั้งลม บรื๋อออออ




วันนี้ พระอาทิตย์ก็ไม่ได้เห็น ทะเลหมอกก็ไม่มา T_T



ลงมาดูเสือดีกว่าเรา


ถ้าลงมาเร็ว พี่คนขับใจดี จะพาเราไปถ่ายรูปกับต้นนางพญาเสือโคร่ง ต้นเตี้ย ๆ อย่างใกล้ชิดค่ะ


และแวะน้ำตกแม่กำปอง


ถึงที่พัก ได้เวลาอาหารเช้าพอดี ไม่ได้คาดหวังว่าจะอร่อย แต่ที่ไหนได้ อร่อยมาก ๆ จัดไป 2 ถ้วยเบา ๆ เดินกันขาขวิดเลย มื้อนี้ให้ 5 ดาว อิ ๆ

หลังอาหารเช้า ไปชิมกาแฟ ร้านข้าง ๆ ดีกว่า เปิดใหม่ด้วยสิ

ร้านเปิด 8.00 น. เตรียมท้องว่างมาเลย



ร้านน่านั่ง มาก ๆ


แต่อด เพราะเจ้าของร้านยังไม่มาเปิดร้าน ฮ้า ๆๆๆๆ

เลยเดินกลับมาตายรัง อีกรอบ

พอ 11 โมง เช็คเอ้าท์ นัดรถมารับไปเที่ยวต่อ (500 บาท) เราพลาดมาก ๆ จะบอกว่า น่าจะไปเดินหาอะไรทานก่อน แล้ว เช็คเอ้าท์ 12.00 น. จะดีกว่า มีโปรแกรมไปร้านไจแอนด์ แต่เราเคยไปแล้ว และจะไม่ไปอีก 55 จึงเลือกไป เที่ยวแถวธารทองแทน


รถไปส่งที่ไร่สตอเบอร์รี่




คุณยาย ใจดี ส่งสตอเบอร์รี่ให้ 1 ลูกใหญ่มาก



ยังขาวอยู่เลย แต่พอกัดเข้าไป กรอบม๊ากกก แถมหวานอีกต่างหาก ^_^


ปรี่ไปซื้อกลับบ้านกันเลย พอถึงบ้าน ทำไมมันไม่กรอบ ไม่หวานเหมือนตอนกินฟ๊ะ 555


จากนั้นคนขับถาม แล้วตอนไปเที่ยว กระเป๋าจะไว้ที่ไหน เราก็อ้าว ไว้ในรถไง คนขับบอก ไม่นะ เพราะรถต้องวิ่งงานต่อ ให้ไปฝากกระเป๋าไว้ที่คิวรถธารทอง และพาเราไปส่งที่ร้านสว่างคาตา (ใกล้ ๆ กัน) จ่าย 500 บาท (45 นาที) คิดซะว่าเป็นค่าฝากกระเป๋าก็แล้วกันไม่ต้องแบกหนัก


ร้านปิด !!! และห้ามนำเก้าอี้ ไปไว้ที่น้ำตก เพื่อแอ็คถ่ายรูปโดยเด็ดขาด ซึ่งผิดข้อกำหนดของกฏหมาย ปิดตำนานร้านสว่างคาตา เพราะโดนพิษกระแสโซเชียล จริง ๆ เลย


ข้ามถนนไปเที่ยวผาน้ำลอดกัน

หลายปีก่อน ผาน้ำลอด จะเป็นสถานที่ มาดูน้ำลอด อย่างเดียว ภายหลังโครงการหลวงตีนตก เข้ามาปรับปรุงทัศนียภาพ และเปิดร้านอาหาร จัดโต๊ะ ที่นั่ง จึงเป็นแหล่งท่องเที่ยว ที่น่าไปพักผ่อนได้อีกทีหนึ่ง (หน้าฝน ร้านจะปิดนะคะ)


จากผาน้ำลอด เราสามารถเดิน ผ่านต้นกาแฟ เพื่อไปทะลุโครงการหลวงตีนตกได้

กินอีกแล้ว เราใช้เวลาที่เหลือ นั่งรอรถตู้กลับบ้านรอบ 16.10 น. (แจ้งทางเพจ ว่าเปลี่ยนเป็นขึ้นรถที่โครงการหลวงตีนตกแทน)


อือ ลืมบอกไป ที่แม่กำปอง จะมีตัวคุ่น เยอะมาก จะกัดเราแบบไม่รู้ตัวนะ พวกเราโดนกัดทุกคน บางคนหลายสิบจุด เราโดนไป 5 จุดเบา ๆ

** ถ้าโดนให้บีบเลือดให้ออก ล้างแผลให้สะอาด (แต่เราไม่ได้ล้าง) แล้วอุดด้วยยาหม่อง หรือทาเบตาดีน ณ ตอนนี้ก็ยังไม่หายนะ ยังเป็นตุ่มแดงแดง คันด้วย อย่าเกานะเดี๋ยวจะเป็นแผลเป็น

สักภาพ ก่อนรถมารับ


และรถไปส่งเราที่จุดจอดรถ (ตลาดวโรรส) สามารถเดินหาซื้อของฝากได้เลย เช่นไส้อั่ว แคปหมู ร้านดัง ๆ ของกินมากมาย (แต่ไม่มีที่นั่งนะ ต้องยืนกิน)

และเรียกรถแดง ไปสนามบิน 30/คน เท่าขามา กลับบางกอก โดยสวัสดิภาพ


#แม่กำปอง ยังคงสวย และน่าไป สำหรับคนที่ไม่เคยไป ความสะดวก สบาย มีมากกว่าเก่า .... แต่ว่าเรานิสัยไม่ดีเอง ชอบเอามาเปรียบเทียบ เลยทำให้ความประทับใจลดลง คนเรายังเปลี่ยนไป แล้วเหตุใดสถานที่จะไม่ให้เปลี่ยนแปลง ทุกสิ่งอย่างย่อมวิ่งตามกาลเวลาเนอะ


ค่าใช้จ่าย ไม่รวมของฝาก แค่คนละ 2228.75 บาท บ๊าย บาย ว่างเมื่อไหร่จะมารีวิวอีกนะ




แตงโมเนื้อทราย

 วันเสาร์ที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2561 เวลา 19.48 น.

ความคิดเห็น