Mercure Maldives Kooddoo Resort
Gaafu Alifu Atoll, Maldives


ทริปมัลดีฟส์ครั้งที่ 3 ... ซึ่งก่อนหน้าที่จะเข้าพักที่นี่ ได้เดินทางไป Gaafu Dhaalu Atoll และเข้าพักที่ Outrigger Konotta มาก่อนค่ะ แต่เป็นที่พักที่ไม่ค่อยจะประทับใจเท่าไหร่ เลยขอข้ามไปไม่พูดถึงละกัน

วันที่ 4 ของการเดินทาง ไปต่อกันที่ Gaafu Alifu Atollทางตอนใต้ของเมืองหลวงมาเล่ จริงๆแล้วทั้ง 2 เกาะนี้ไม่ไกลกันเท่าไหร่ อยู่ทางตอนใต้เหมือนกัน แต่ไม่มีเที่ยวบินตรงบินถึงกัน ต้องกลับมาเริ่มต้นที่ Velana International Airport ในเมืองมาเล่ เราจึงเลือกที่จะพักในมาเล่ 1 คืนก่อนจะเดินทางต่อ ซึ่งก็คิดถูกค่ะ เพราะจากประสบการณ์บินภายในประเทศกับ Maldivians Aero คือ ดีเลย์ 2-3 ชม.ไป 3 ครั้งติดๆกัน แถมบางครั้งมีการพาไป transit ที่สนามบินอื่นอีก ทำให้เสียเวลาการเดินทางไปมากพอสมควร (ประสบการณ์จากการเดินทางไป Outrigger Konotta ก่อนหน้านี้ ถ้าบินตรงก็แค่ 55 นาที แต่พาไปอ้อมสนามบินอื่นก่อน เลยใช้เวลาเดินทางไป 2.30 ชม.)

ครั้งนี้ก็เช่นกัน จาก Velana International Airport เมืองหลวงมาเล่ สู่สนามบิน Kooddoo (คุดดู) สถานที่ตั้งของ“Mercure Maldives Kooddoo Resort” ก็ดีเลย์ไปอีกเกือบ 2 ชม. แต่ดีว่ามี airport lounge (Moonima Lounge) ให้ใช้ระหว่างรอขึ้นเครื่อง

เที่ยวบินตรง Male (MLE) - Kooddoo (GKK) ใช้เวลาบินประมาณ 55 นาที (เครื่องบินใบพัดรุ่น Dash-8) และข้อดีของที่พักแห่งนี้คือไม่ต้องต่อเรือค่ะ มี buggy มารับถึงสนามบิน นั่งต่ออีกไม่ถึง 5 นาทีก็ถึงที่พักแล้ว



เท่าที่ทราบข้อมูลมา สนามบิน Kooddoo และ Mercure Maldives Kooddoo เจ้าของเป็นคนเดียวกันค่ะ ทางรีสอร์ทเป็นผู้ดูแลสนามบินนี้ด้วยและตัวที่พักเองก็อยู่ติดกับรั้วสนามบิน มี airport lounge ให้บริการสำหรับแขกที่พักรีสอร์ทนี้ ... อย่างตอนที่ไปถึงสนามบิน Kooddoo ฝนตกหนัก พนักงานพาไปทำเช็คอินที่ Airport Lounge และพาขึ้นรถ buggy ไปส่งถึงห้องพัก

ในทางกลับกัน หากยังไม่ถึงเวลาเช็คเอาท์ออกจากห้องพักและมีเที่ยวบินกลับ ... 2 ชม.ก่อนเดินทาง พนักงานจะมารับกระเป๋าที่ห้องพักพร้อมกับขอหนังสือเดินทางเพื่อไปทำการเช็คอินให้ก่อน ตั๋วเครื่องบินหรือ boarding pass จะส่งตรงให้ถึงห้องพัก ระหว่างนั้นก็เที่ยวเล่นในที่พักได้ตามอัธยาศัย ใช้เวลาได้อย่างเต็มที่ จน 30 นาทีก่อนเครื่องออกซึ่งเป็นเวลา boarding time เขาจะพาไปส่งที่สนามบินเพื่อขึ้นเครื่อง เรียกว่าไม่ต้องไปนั่งรอที่สนามบินให้น่าเบื่อ สามารถใช้ facilities ต่างๆของที่พักได้จนถึงเวลาขึ้นเครื่องเลยล่ะ ... นับว่าเป็นจุดต่างและข้อดีของที่พักติดสนามบินแบบนี้

ข้อดีอื่นๆของการไม่ต้องต่อเรือ คือผู้ที่เดินทางพร้อมผู้สูงอายุหรือเด็กเล็ก ซึ่งอาจจะไม่สะดวกในการขึ้นลงเรือ ที่นี่แค่ลงจากเครื่องก็มีรถรับพาไปส่งถึงห้องพักเลยค่ะ



การเดินทางด้วยเที่ยวบินภายในประเทศ อาจจะแพงกว่า speed boat สัก 2-3 เท่า แต่สิ่งที่ได้เพิ่มมาคือวิวสวยๆของ Atoll ที่มองลงมาจากบนฟ้า วิวสวยไม่แพ้เครื่องบิน seaplane เลยค่ะ เพราะเขาไม่ได้บินสูงมาก (จากประสบการณ์ เครื่องบิน seaplane บินที่ระดับสูง 4,500 feet และเที่ยวบินภายในประเทศ บินไม่เกิน 14,000 feet เพราะไม่มีการสาธิตการใช้หน้ากากออกซิเจน) อาจจะนั่งนานกว่านิดนึง แต่ราคาค่าเดินทางถูกกว่า seaplane และมีเวลาได้ชมวิวสวยๆนานมากขึ้นด้วย

นอกจากนี้เครื่องบินใบพัดแบบนี้ยังมีระบบปรับอากาศหรือแอร์ (ไม่ได้หมายถึงแอร์โฮสเตสนะ) ซึ่งต่างจากเครื่องบิน seaplane ช่วงเวลาที่จอดรอเตรียมบินขึ้น จะร้อนมาก เหงื่อหยดติ๋งๆเลยล่ะ (แต่พอบินอยู่บนฟ้าจะเริ่มดีขึ้นเพราะมีลมพัดตลอด จะมีช่องลมเล็กๆ ให้อากาศจากข้างนอกไหลเวียนเข้ามาภายในห้องโดยสารค่ะ)

==============================

“Mercure Maldives Kooddoo Resort”
เป็นรีสอร์ทใหม่ในเครือแอคคอร์และเป็นรีสอร์ทแห่งแรกของแอคคอร์ในประเทศมัลดีฟส์ค่ะ ซึ่งช่วงที่เข้าพักเดือนธันวาคม 2017 เพิ่งเปิดให้บริการได้เพียง 3 เดือนเศษ (เริ่มเปิดให้บริการ 20 สิงหาคม 2017)

ต้องบอกว่าตามข่าวของที่นี่มาตั้งแต่ก่อสร้างและที่เขาเลือกใช้แบรนด์”เมอร์เคียว” ซึ่งถือเป็นระดับกลางในกลุ่มแอคคอร์ เพราะต้องการสร้างที่พักที่ตอบโจทย์กลุ่ม budget ไม่ได้เน้นที่พักหรูหราราคาแพงอย่างที่เราเห็นทั่วไปในมัลดีฟส์



ดังนั้นแล้วบ้านพักตัว top สุดของที่นี่อย่าง Over water sunset pool villa ขายอยู่ราคาคืนละหมื่นปลายๆ ยิ่งถ้าได้ราคาช่วง Accor Super Sales ลด 40% ด้วยแล้ว ราคาไม่เกิน 15,000 บาทต่อคืน (แต่ราคา++ ของมัลดีฟส์แอบแรงอยู่สักนิดนึง คือ GST 12% + รวมๆแล้วบวกเพิ่ม 23.2% ยังไม่รวมค่า Green Tax อีกคนละ USD 6.-/คน/คืน)



ถึงแม้จะไม่ใช่เกาะส่วนตัวเหมือนที่พักอื่น แต่ก็ถือว่ามีความเป็นส่วนตัวสูงค่ะ และได้วิวหาดทรายในแนวยาว ทอดขนานคู่กับทะเลแทนการเดินวนรอบเกาะ (บางเกาะที่เคยไปหาดด้านหน้าสวย แต่ด้านหลังเป็นโขดหินก็มี)

++ แนวชายหาด ทอดยาว ทะเลใส ++




ที่พักติดสนามบินก็จริง แต่ไม่ได้มีเสียงรบกวนมากมาย เนื่องจากความถี่ของเที่ยวบินไม่ได้เยอะเหมือนสนามบินหลัก และแนวร่อนขึ้น-ลงของเครื่องบินไม่ได้บินผ่านเหนือรีสอร์ท ถ้าอยู่ในบ้านพักนี่แทบจะไม่ได้ยินเสียงเครื่องบินเลยด้วยซ้ำ

ประเภทของบ้านพักต่างๆมีดังนี้ค่ะ (เรียงลำดับจากราคาน้อยไปมาก)
* Beach Villa (วิลล่าติดชายหาด)
* Over Water Villa (จะหันเข้าทางหน้าหาด เป็นทิศตะวันออก)
* Over Water Sunset Villa
* Beach Pool Villa
* Over Water Sunset Pool Villa

++ Over Water Villa (sunrise) ++


ที่สำคัญที่นี่ต้อนรับแขกตัวน้อยโดยไม่จำกัดอายุด้วย ... Over water villa บางแห่งจะไม่อนุญาตให้เด็กเล็กเข้าพัก แต่ที่นี่ไม่มีข้อห้ามตรงนี้ค่ะ เพียงแค่เซ็นต์เอกสารรับทราบข้อตกลงเพิ่มเติมเท่านั้นเอง นับว่าตอบโจทย์ครอบครัวลูกเล็กที่อยากจะลองพัก over water villa สักครั้ง นอกจากนี้เขายังมี Kid’s Club ขนาดใหญ่และสระว่ายน้ำเด็กไว้ให้เจ้าตัวเล็กได้สนุกด้วย

ครั้งนี้เรามีโอกาสได้เข้าพักในวิลล่า 2 แบบคือ
* Beach Villa และ
* Over Water Sunset Pool Villa
ซึ่งใช้สิทธิ์ของสมาชิก Accor Plus ใช้ stay plus (free night) จองบ้านพักแบบ Beach Villa 1 คืน โดยการเพิ่มเงิน USD 67.01 (ประมาณ 2,220 บาท) และอีก 2 คืนในบ้านพักแบบ Over Water Sunset Pool Villa จากรางวัล Anywhere Anytime ซึ่งให้ hotel credit มูลค่า USD 2,017 สามารถเลือกเข้าพักได้ยังเครือแอคคอร์ทั่วโลก และแน่นอนว่าเราเลือกมาพักที่นี่ เพราะสนใจเป็นทุนเดิม จังหวะเขาเปิดให้บริการในปีที่ได้รางวัลพอดี ... นับเป็นรางวัลใหญ่อีกครั้งในชีวิต แถมดีมากๆซะด้วยสิ

================
BEACH VILLA
โดยส่วนตัวแล้ว ชอบ layout ของ Beach Villa โดยเฉพาะส่วนห้องน้ำแบบ outdoor ซึ่งสามารถเปิดออกไปที่ระเบียงได้ หากตัวเปียกกลับจากทะเล เดินเข้าห้องน้ำได้เลย ไม่เลอะเทอะห้องนอน ... นอกจากนี้วิวยังดีกว่าที่คาดด้วยค่ะ เพราะหันไปทางทิศตะวันตก สามารถชมวิวพระอาทิตย์ตกได้เช่นกัน ไปเดินเล่นชายหาดก็แค่ไม่กี่ก้าว เดินไปไหนมาไหนใกล้กว่าพักแบบ over water villa

++ Beach Villa - Bedroom ++


++ Maruhaba means "welcome" ++


++ Beach Villa - Outdoor Bathroom ++


================
BEACH POOL VILLA
อย่างตัว Beach Pool Villa จุดด้อยคือสระว่ายน้ำอาจจะไม่เป็นส่วนตัวมากนัก ใครเดินผ่านไปมาก็เห็น ... แต่การที่ไม่ปิดทึบมากเกินไปก็มีข้อดีเช่นกัน เพราะสามารถชมวิวทะเลและพระอาทิตย์ได้จากระเบียงหน้าบ้านพัก โดยไม่มีอะไรบดบัง



++ Beach Pool Villa ++


================
OVER WATER SUNSET POOL VILLA
สำหรับ Over Water Sunset Pool Villa และ Over Water Sunset Villa จะได้วิวทะเลและพระอาทิตย์ตกดินแบบ panorama กระโดดลงทะเลได้จากหน้าห้องพัก แต่ตัวห้องน้ำไม่กว้างขวางเท่า Beach Villa

++ Over water sunset pool villa - private pool ++






++ Over Water Sunset Pool Villa - Bathroom ++




++ Over Water Sunset Pool Villa - Bedroom ++


++ Villa with a nice sunset view ++


++ ถ้าฟ้าเปิด คงสวยยิ่งกว่านี้ ++








================
FACILITIES & ACTIVITIES
ส่วนกลางต่างๆ ที่นี่มี
* Business Center
* Kid’s Club
* Water Sports (อุปกรณ์ทางน้ำที่ไม่ใช้เครื่องยนต์ เช่น คายักและ Paddle Board บริการฟรีค่ะ และสามารถซื้อทริปต่างๆเพิ่มเติมได้ เช่น snorkel, sunset fishing ฯลฯ)
* Suvadiva Spa
* สนามเทนนิส
* fitness (วิวทะเลซะด้วย)
* Dive Center

++ Dive Center - จุดลงเรือ ไปดำน้ำ ++


++ Fitness ++


++ สระว่ายน้ำส่วนกลาง ++








================
RESTAURANT
ห้องอาหารหลักจะมีเพียง 2 ห้องคือ
* Alita Restaurant & Pool Bar
* Vistas & Sunset Bar

“Alita” บริการอาหารเช้าแบบบุฟเฟ่ต์, เมนู a la carte และ themed dinner buffet (ราคาปกติคนละ USD 65.-) สลับเปลี่ยนไปในแต่ละวัน เช่น Maldivian, Italian, India





“Vistas”
จะเป็นแนวอาหารทานเล่นและจานเดียว เช่น Tapas, Salad, Panini, Sandwich หรือเมนูข้าวอย่าง Biryani ... ช่วงพระอาทิตย์ตกดิน ที่นี่วิวสวยมาก บริเวณชั้น 2 มีโต๊ะ pool และ board game ให้บริการด้วย







ความเห็นส่วนตัว อาหารในที่พักยังไม่ค่อยโดนค่ะ ไม่ค่อยหลากหลายและมีตัวเลือกน้อย บุฟเฟ่ต์อาหารเช้าก็ธรรมดา ไม่มีอะไรโดดเด่น จริงๆแล้วแขกที่มาพักส่วนมากเป็นชาวเอเชีย ถ้ามีเมนูอาหารเอเชียเพิ่มมากขึ้นจะดีกว่านี้ค่ะ



================

สำหรับสัตว์น้ำต่างๆ รอบๆที่พัก ต้องบอกว่าเราไปจังหวะไม่ดีช่วงพายุฝนกระหน่ำ (มารู้ภายหลังว่ามีพายุเข้าที่ศรีลังกา ประเทศรอบๆอย่างบังกลาเทศและมัลดีฟส์ ได้รับผลกระทบหมด ฝนตกทั้งวันทั้งคืน) อากาศเริ่มจะดีก็วันที่เช็คเอาท์พอดี เลยทำให้ไม่ได้ออกไป snorkel หรือเล่นกิจกรรมต่างๆในที่พักมากนัก (ได้แค่พายคายัก แต่คลื่นแรงมาก เล่นเอาเหนื่อยเลย) ... ถ้าเทียบกับที่อื่นที่เคยไป ปลาที่นี่ไม่เยอะมาก แต่ก็ยังได้เห็นปลากระเบน(ตัวใหญ่มาก)และปลาฉลามขนาดกลาง (ปกติที่อื่นจะเจอแค่ Baby Shark ตามหน้าชายหาด แต่เสียดายเก็บภาพไม่ทัน ว่ายเร็วมาก)





=========
เพิ่มเติมข้อมูลค่าใช้จ่ายต่างๆ ...
>> ค่าเดินทางโดยเที่ยวบินภายในประเทศ (สายการบิน Maldivians)
* ผู้ใหญ่ คนละ USD 360.-
* เด็ก คนละ USD 290.-
ทั้งนี้ทางที่พักจะเป็นผู้ดำเนินการจองให้ และจะรู้รอบเวลาล่วงหน้าเพียง 1 วัน ซึ่งเป็นเรื่องปกติของที่พักในมัลดีฟส์ค่ะ ไม่ว่าจะเดินทางด้วยวิธีใดก็ตาม (speed boat, seaplane, เที่ยวบินในประเทศ) แต่พนักงานดูแลดี มีการส่งต่อข้อมูลระหว่างกันเพื่ออำนวยความสะดวกต่างๆ อย่างขากลับ airport redivsentative ก็มารอรับที่ขาเข้าค่ะ เพื่อพาเราไปส่งต่อให้กับพนักงานของโรงแรมในเมืองที่เราจะพักก่อนขึ้นเครื่องกลับ

ส่วนตัวแล้วเราพักในเมืองมาเล่ทั้งก่อนไปและกลับจากที่พักค่ะ ซึ่งขาไปได้เที่ยวบินเช้า เครื่องออกเวลา 0950 น. (ดีเลย์ชม.กว่า ถึงที่พักเที่ยงกว่า) และขากลับได้เวลา 1920 น. (ตรงเวลา)

>> All Inclusive Package รวมอาหารทุกมื้อและเครื่องดื่มทุกชนิดแบบไม่อั้น
* ผู้ใหญ่ คนละ USD 148.- ต่อวัน
* เด็ก คนละ USD 74.-ต่อวัน

Note : Meal Plans ของที่พักในมัลดีฟส์ จะเรียกแตกต่างกันตามนี้ค่ะ
Half-board : อาหาร 2 มื้อเช้าและเย็น
Fullboard : อาหาร 3 มื้อเช้า-กลางวันและเย็น (บางที่อาจจะรวมเครื่องดื่มแบบ soft drinks ให้ด้วย)
All Inclusive : อาหาร 3 มื้อ อาหารทานเล่น-อาหารว่างระหว่างวัน เครื่องดื่มทุกประเภททั้ง soft drink และแอลกอฮอลล์

================

ข้อมูลเพิ่มเติม จากการเข้าพักโดยใช้บัตรสมาชิกแอคคอร์พลัส สถานะ Gold
* ได้รับ Welcome card
* ขนมต้อนรับ เป็นมาการองและช๊อกโกแลต
* welcome drink coupon เลือกได้ทุกประเภท รวมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
* ไม่ได้อัพเกรดห้องพัก เนื่องจากห้องพักลำดับถัดไปเต็ม (ที่นี่ไม่ข้าม room category ให้ค่ะ)
* ส่วนลดค่าอาหาร 50% สำหรับ 2 คน ทั้งแบบ a la carte และ buffet >> ส่วนตัวแล้ว คิดว่าคุ้มกว่าซื้อ All Inclusive ซึ่งไม่มีส่วนลดเพิ่มเติม
* late check-out ถึง 1700 น. ขึ้นอยู่กับห้องว่าง >> เราขอได้ถึง 1500 น.ค่ะ ซึ่งช่วงระหว่างที่รอขึ้นเครื่องกลับ เขาจะเปิดห้องพักในส่วนของ owner’s villa ให้พักผ่อนได้ แต่เราสนุกกับการเดินเล่นถ่ายรูปรอบๆมากกว่า เลยไม่ได้ไป
* ร่วม Evening Cocktail ซึ่งจัดอาทิตย์ละครั้ง (มีเครื่องดื่มให้และของว่างทานเล่น บริการฟรีค่ะ)





แต่สิ่งที่ได้รับจดหมายแจ้งเป็นข้อมูล แล้วไม่ได้รับก็มีเช่นกันค่ะ
* Complimentary VIP welcome amenities
* Sparkling Wine >> แจ้งตอนทำจองว่าไปฉลองวันครบรอบแต่งงาน ซึ่งเขาตอบกลับว่าจะมี sparkling wine ให้ แต่ไม่มี เราเองก็ไม่ได้ทวง เพราะนึกว่าเขาจะนำมาให้ในคืนวันครบรอบซึ่งเป็นคืนสุดท้ายที่เราเข้าพัก

แต่วันนั้นทั้งวันพนักงานแทบทุกคนร่วมอวยพรแสดงความยินดีในวันครอบรอบแต่งงานของเรา เรียกว่าเห็นหน้าแล้วทักแต่เรื่องนี้ ตั้งแต่พนักงานที่ห้องอาหารจนถึงคนขับรถ buggy จนรู้สึกทึ่งว่าเขาจำได้ยังไง? (ขอชมเลยว่าพนักงานที่นี่จำแขกได้แม่นมาก จำได้แม้กระทั่งหมายเลขห้องที่เราพัก) นอกจากนี้พนักงานที่ห้องอาหาร Vistas ซึ่งเราแวะไปทานอาหารมื้อเย็นทุกวันช่วงที่เข้าพัก ยังเสิร์ฟอาหารจานพิเศษให้ฟรีเป็น lobster ให้เราได้ฉลองในวันพิเศษ ... ทั้งหมดนี้รวมถึงรางวัลที่ได้รับมา ก็ถือว่าเกินความคาดหมายมากแล้ว เราจึงไม่ได้ทวงถาม



โดยรวมแล้ว ถึงที่นี่จะค่อนข้างใหม่เพิ่งเปิดได้เพียง 3 เดือนเศษ แต่ก็จัดการต่างๆได้ดี ... ส่วนตัวแล้วชอบการจัด landscape ของรีสอร์ทด้วยค่ะ ต้นไม้เยอะและดูร่มรื่นย์ และที่นี่ทำให้ความคิดจากประสบการณ์เที่ยวบินภายในประเทศที่ดีเลย์ 3 ครั้งก่อนหน้านี้เปลี่ยนไป จากการที่ต้องนั่งรอแบบน่าเบื่อในสนามบิน แต่ที่นี่เรารอขึ้นเครื่องด้วยความสุข ยังคงได้นั่งเล่นทานขนม-จิบเครื่องดื่มชมพระอาทิตย์ตกดิน ใช้เวลาในที่พักได้อย่างคุ้มค่าจริงๆ



สุดท้ายนี้ ขอขอบคุณ Le Club AccorHotelsสำหรับรางวัลใหญ่ Anywhere Anytime ** ที่ทำให้มีโอกาสได้กลับไปฉลองวันครบรอบแต่งงานที่มัลดีฟส์ด้วยกันอีกครั้ง (** Anywhere Anytime ได้รับมาจากการจับรางวัลเมื่อต้นปี 2017 ด้วยเป็นสมาชิกบัตรแอคคอร์และเมื่อเข้าพักยังโรงแรมในเครือในช่วงเวลาที่กำหนด จะได้รับสิทธิ์ลุ้นชิงโชคทันที 1 สิทธิ์ต่อการเข้าพัก 1 ครั้ง)



ขอบคุณคนๆนี้ ที่เดินเคียงข้างกันในฐานะคู่ชีวิตมานานถึง 14 ปี คนที่ทำให้ทุกการเดินทางมีความหมายและเต็มไปด้วยเรื่องราวดีๆมากมาย


ขอบคุณที่ทำตามคำมั่นสัญญาในวันนั้น ที่บอกว่าจะพากลับมามัลดีฟส์ด้วยกันอีกครั้ง ... ถึงแม้ฟ้าอาจจะไม่เป็นใจ แต่มีคนข้างกายคอยบอกรักกันก็พอ


เรื่องราวครบรอบวันแต่งงานปีที่ 6 และทริปมัลดีฟส์ครั้งแรก
>> http://bit.ly/2ChbZQU

ทริปมัลดีฟส์ครั้งที่ 2 ในรูปแบบ video clip
>> https://youtu.be/10_HVGCEYJE
================

14th Wedding Anniversary
"Mercure Maldives Kooddoo Resort"
เข้าพัก : 3-6 ธันวาคม 2017
ห้องพัก : Beach Villa # 106 และ Over Water Sunset Pool Villa # 302

Nina's Journey

 วันอังคารที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561 เวลา 23.00 น.

ความคิดเห็น