บางคนมองหาแรงบันดาลใจ เพื่อการเริ่มต้นทำอะไรสักอย่าง ตั้งความหวังกับอะไรสักสิ่ง หวังจะไปสถานที่นั้น สถานที่นี้ และบางครั้งเนื้อเพลงท่อนเดียว โปสการ์ดภาพเดียว รูปถ่าย หรือกระทั่ง...หนังสือเพียงเล่มเดียว ที่พาเราออกเดินทางตามแรงบันดาลใจ และเราก็เป็นคนหนึ่งในนั้น...

ขึ้นชื่อว่า แรงบันดาลใจ เราว่ามันไม่มีวันหมดอายุนะ แถมในตอนที่เราเผลอๆ ทำเป็นหลงลืมมันไปบ้าง ก็ยังใจดีต่ออายุให้แบบไม่คิดค่าธรรมเนียมซะอีก

...เรื่องของเรา

เริ่มต้นจากสถานที่ที่หนึ่ง ที่ปรากฏอยู่ในนิตยสารท่องเที่ยวฉบับเมื่อห้าปีก่อน บอกเล่าถึงประเทศเพื่อนบ้านอย่าง เวียดนาม เชิงสารคดีท่องเที่ยวเอาไว้อย่างมีเสน่ห์ โดยเฉพาะเมืองหนึ่งซึ่งอยู่ทางตอนเหนือของเวียดนามอย่าง ซาปา

ภาพถ่ายกับคำบอกเล่าธรรมดาๆ กลับ 'ชวนให้ชอบ' จนแทบจะทำให้เราเก็บกระเป๋าแล้วออกเดินทางเสียเดี๋ยวนั้น แต่ติดที่อะไรหลายอย่างจึงต้องพับ 'แรงบันดาลใจกับภาพชวนให้เชื่อ' เก็บไว้ในกล่องเสียก่อน

...เพราะเชื่อว่า แรงบันดาลใจ ไม่มีวันหมดอายุ วันนี้ เราจึงมีโอกาสเปิดกล่องใบนั้นอีกครั้ง


'หน้าฝน' ฤดูที่ใครหลายคนเบื่อหน่าย หากแต่เป็นฤดูแห่งการรอคอย...เก็บเกี่ยว ความงดงามของหมอกหลังฝน ทิวเขาสูงลิบลับ สุดสายตากับนาขั้นบันไดเขียวๆ ชอุ่มน้ำ

กลางเดือนกันยายนที่ผ่านมา เราก็เลยหนีฝนกรุงเทพฯ ไปหาฝนที่เวียดนาม ต่างกันตรงไหนน่ะเหรอ? เม็ดฝนก็เหมือนๆ กัน แต่ที่ต่างคือ 'ภาพหลังเม็ดฝน' นั่นต่างหากล่ะ

:: Vietnam Trip 10-14 Sep 2015 ::


Day 1 Ha Noi Ha Noi, (GA Ha Noi to Ga Lao Cai)

Day 2 Sapa Lao Cai to Sapa, Sapa

Day 3 Sapa Sapa, (Ga Lao Cai to Ga Ha Noi)

Day 4 Ha Noi Ha Noi

Day 5 Ha Noi Back to Bangkok

ทริปเวียดนามเหนือครั้งนี้ มีการเตรียมตัวไม่ถึงเดือน เริ่มตั้งแต่จองตั๋วเครื่องบิน หาข้อมูลที่เที่ยว ที่พัก ที่กิน ศึกษาแผนที่ฮานอยคร่าวๆ พอให้รู้เขา รู้เรา ไม่เสี่ยงต่อการถูกโกงอย่างที่เขาร่ำลือกัน

ผู้ร่วมเดินทาง 4 คน เราเลือกเดินทางกันเอง ไม่ได้ไปกับทัวร์และวางแผนไว้แบบหลวมๆ เราเชื่ออย่างหนึ่งว่า...เสน่ห์ของการเดินทาง ก็คือเตรียมไปสิบ อาจเป็นไปตามแผนสักหกหรือเจ็ด [ส่วนต่าง] ที่เหลือ เก็บไว้สำหรับความตื่นเต้น ลุ้นระทึกเฉพาะหน้าบ้าง ไม่ว่าจะเป็นการขึ้นรถผิด เข้าร้านไม่อร่อย กระเป๋าเงินหายหรืออื่นๆ บรา บรา...


:: 10 Sep 2015

เก็บกระเป๋ากันเถอะ!!!

หอบเสื้อผ้า ของจำเป็นกับสารพัดกล้องที่มี (อันนี้ขาดไม่ได้) ไกด์บุ๊คขนาดกะทัดรัดสักเล่ม ตีสามเศษๆ เราก็สะพายเป้ แบกกระเป๋ากล้อง เรียกแท๊กซี่แล้วไปสนามบินกัน

:: สนามบินดอนเมือง ตอนตีสี่กว่าๆ ทำให้เห็นว่าผู้คนพลุกพล่าน เหมือนตอนกลางวัน เพื่อความสะดวก ไม่ต้องแย่งเช็คอินกับบรรดาคณะทัวร์ จึงทำ Online Check In มาแล้ว เหลือแค่กรอกเอกสาร ผ่านตม. ก็เข้าไปนั่งจิบกาแฟร้อนชิวล์ๆ แถว Gate 25 รอเที่ยวบิน ซึ่งบินไป-กลับเที่ยวเดียวในแต่ละวัน (Depart 6.45 น.)

หนึ่งชั่วโมงสี่สิบห้านาที บนเครื่อง ฟ้าโปร่งกับมีเมฆหนาเป็นช่วงๆ เบาบางตอนใกล้ถึงที่หมายแล้ว ส่วนความสวยงามทางอากาศที่ถ่ายเก็บมานี้ ช่วยทำให้ความหมายของคำว่า 'ระหว่างทาง' มีค่าแก่การจดจำมากมาย (Arrive 8.30 น.)

:: สนามบิน Noi Bai - Ha Noi, Vietnam เดินทางถึงฮานอยตามเวลา ผ่านตม. เสียเวลานิดหน่อยตรงลายนิ้วมือไม่ชัด เป็นปัญหาทั้งขาออกจากไทยและเข้าประเทศเวียดนาม (สุดท้ายต้องใช้วิธี Stamp ลง Passport แทน)

บ้านเขาไม่หวง Wifi เดินไปตรงไหนก็มีให้ใช้แบบฟรีๆ อันนี้ยิ้มเลย เราซื้อซิมแบบเติมเงินพร้อมกับ Unlimited Wifi โทรออกได้ 20 นาที เผื่อโทรกลับไทย ถัดจากร้านขายซิมเป็นเคาน์เตอร์แลกเปลี่ยนเงิน แลกจาก USD เป็น VND (เน้นใช้หลักหมื่น, หลักแสนและหลักล้าน) ซึ่งคิดว่าให้เรทดีกว่าแลกในฮานอย และซาปา (กรณีที่เป็นร้าน Agent) เราแลกเป็น Dong (VND) ส่วนหนึ่ง อีกส่วนเก็บเป็น USD ไว้ค่ะ

จากนั้นก็ทำตัว 'ป๋า' เป็นเศรษฐีพกเงินล้านในฮานอยได้เลย ตอนออกมาด้านนอกสนามบินอลหม่านน่าดู ผู้คนหนาตา ทั้งคนรอ คนมารับ พอเห็นคนจากโรงแรมชูป้ายชื่อก็เดินตามไป เขาส่งต่อให้คนขับรถนำไปที่รถ รถที่มารับเป็นรถห้าที่นั่ง เช่าแบบเหมาคันค่ะ เราเดินทางจากสนามบินถึงโรงแรม ใช้เวลา 30 นาทีไม่ขาดไม่เกินนะ


ภาพในระยะมองเห็น 'ระหว่างทาง' ของเราเปลี่ยนไปแล้ว จากเมฆฟูฟ่องสีขาวก็กลายเป็นถนนหลายเลน ที่ค่อยๆ แคบเล็กลง และพลุกพล่านขึ้นเรื่อยๆ ด้วยกระหย่อมตึกสูง รูปทรงแปลกตาไปอีกแบบ แอบคิดในใจว่าตอนคนอื่นมาเที่ยวเมืองไทย ก็คงจะคิดว่าบ้านช่องเมืองเราแปลกตาจนต้องเก็บภาพนั้นไว้เหมือนกัน

ยิ่งใกล้เข้าไปเรื่อยๆ ถนนแคบเล็กก็กลายเป็นซอกซอย ตรอกเล็กตรอกน้อยที่ทะลุถึงกัน และยุ่บยั่บไปด้วยของกิน ของขาย ที่มองปราดแรกคล้ายเยาวราชบ้านเรา

รถที่เรานั่งบีบแตรถี่ขึ้น เมื่อย่างกรายเข้าสู่ย่านนี้ และมีเสียงแตรถี่ๆ จากเจ้ามอเตอร์ไซด์ที่ขับปราดไป ปราดมาในมาดเจ้าถนน เหมือนกำลังตะโกนทะเลาะกันอย่างไรอย่างนั้น ซอยยิ่งเล็ก รถยิ่งเยอะ ผู้คนยิ่งมาก นี่ล่ะ ภาพชีวิตในฮานอยที่คิดไว้ ต่างกันตรงที่...ตอนนี้มี Sound Effect เพิ่มเข้ามาด้วย


โรงแรมที่เลือกตามที่มีคนรีวิวไว้ เน้นเรื่องบริการ ดูแลดีซึ่งก็เป็นไปตามนั้นเลย ราคาเจ็ดร้อย ไม่แพงเกินไปสำหรับการเปิดห้องเพื่อเก็บสัมภาระ อาบน้ำก่อนเดินทางต่อในคืนนี้

เรื่องที่พักในฮานอย เราจองผ่านเว็บสำหรับวันแรกและวันที่สี่ และให้ทางโรงแรมจัดการเรื่องตั๋วรถไฟแพ็คไป-กลับ ฮานอย-ซาปา พร้อมบริการไปส่งสถานีรถไฟฮานอยฟรี (ค่าแท็กซี่ อยู่ที่ 3-5 USD) เพื่อความคล่องตัว เน้นชัวร์ไว้ก่อน เลยดีลกับโรงแรมเรื่องตั๋วรถไฟทางเมล แล้วมาจ่ายเงินกับรับตั๋วเมื่อเดินทางถึงฮานอย ถือว่าสะดวกดี

:: โรงแรม Prince II อยู่ในย่าน Old Quarter ย่านที่นักท่องเที่ยวนิยมไปพัก ด้วยดูจะเป็นศูนย์กลางของอะไรหลายๆ อย่าง ที่กิน ที่พักผ่อนหย่อนใจ หรือย่านการค้า มีทั้งหาบเร่ ตั้งถาดเล็กๆ กันริมถนน บ้างขายผลไม้ บ้างขายขนมปังบาเก็ต หรือกระทั่งถีบขายบนจักรยานก็มี ใครอยู่สายช้อบเหมาะจะมาละลายทรัพท์ที่นี่เหมือนกันนะ ที่สำคัญยังเดินไปถึง Don Xuan Market แหล่ง Shopping คล้ายโบ๊เบ๊บ้านเราด้วย

รถมาส่งหน้าโรงแรม สัก 10.00 น.ได้ ระหว่างรอ Check In รีเซฟชั่นจะเสิร์ฟชา กาแฟ คอนเฟิร์มและเคลียร์ ค่าใช้จ่ายตามที่มีการตกลงกันไว้ทางเมล (ค่าห้อง, ค่าทัวร์ และค่าตั๋วรถไฟมักจ่ายเป็น USD) พนักงานพูดภาษาอังกฤษได้ เป็นมิตร และอธิบายแผนที่ในฮานอย ให้คำแนะนำเรื่องแท็กซี่ เรียกสีเขียว-ขาว ราคาตามมิเตอร์ค่ะ

Note น้ำดื่มภายในโรงแรมไม่ฟรีนะ 10,000 VND ซึ่งก็ใกล้เคียงกับร้านข้างนอก ส่วนน้ำดื่มในร้านอาหารอาจแพงกว่าเล็กน้อย

Note โรงแรมส่วนใหญ่ในฮานอย สูงแค่ไหนก็ไม่มีลิฟต์ ถ้าเพื่อนร่วมทางเดินไม่ไหว ควรระบุห้องพักที่อยู่ชั้นล่างๆ ค่ะ

:: Check In จิบกาแฟเวียดนามแก้วแรก พักขาแป๊บหนึ่งก็เตรียมตัวออกไปสำรวจรอบๆ ที่พัก ตอนนี้เกือบสิบเอ็ดโมงแล้ว มีเวลาตะลอนจนถึงเย็นๆ ก่อนรถจะมารับไปส่งสถานีรถไฟฮานอย (Ga Ha Noi) ตอน 19.30 น.


ทุกรีวิวมีการแนะนำวิธีการข้ามถนนในเวียดนามไว้แล้ว [จงข้ามไปแบบแน่วแน่] แล้วรถจะหยุด ไม่ก็ขับหลบเราเอง ก็ทำตามนั้นเลยค่ะ ส่วนของจริงอาจเพิ่มความตื่นเต้นเข้าไปอีกนิด ไม่ก็เดินเกาะกลุ่มกันข้าม ปลอดภัยแน่นอนค่ะ

เราเดินดุ่มๆ ออกมาพร้อมแผนที่กับการใช้ Google Map ควบคู่กัน ไม่หลงนะ แค่อาจจะมึนกับซอยเล็กซอยน้อยนิดหน่อย จากแผนที่จะเห็นสถานที่เที่ยวใกล้ๆ แบบเดินถึง ซึ่งก็ไม่ได้ไกลอย่างที่คิด เดี๋ยวเราไปกัน!


:: ฮานอย วัฒนธรรมความวุ่นวาย...ล้านแปด มองฮานอย ผ่านการจราจรคับคั่งที่ต่างคนต่างขับรถตามใจฉัน อยากเลี้ยวเลี้ยวเลย ไม่ค่อยเห็นสัญญาณไฟจราจร ส่วนคนข้ามถนน อยากข้ามก็ข้ามเลยเหมือนกัน ร้านค้ามากมาย ผู้คนที่ปนเปทั้งพ่อค้า แม่ค้า นักท่องเที่ยว หรือคนเวียดนามที่ใช้ชีวิตประจำวันในย่านนี้ คือ...มันอินุงตุงนังอยู่นิดหน่อยน่ะ

จากภาพ เป็นวงเวียนที่อยู่ใกล้ๆ ทะเลสาบ ณ จุดนี้ทำให้เห็นภาพความเป็นฮานอยชัดเจนเชียวล่ะ จากตรงนี้ ตรงกันข้ามเป็นตึกสูงห้าชั้น ตั้งโดดเด่นขนาบวงเวียนที่ล้อมรอบน้ำพุ ประดับไฟ นับว่าใช้สอยพื้นที่คุ้มค่าทีเดียว ชั้นล่างเป็นห้างขายสินค้ามีแบรนด์ ชั้นบนที่สูงขึ้นไปทำเป็นร้านอาหาร เป็นคาเฟ่ที่มีจุดแข็งทางด้านทำเล เพราะจากจุดนี้มองเห็นวิวของทะเลสาบ สวยดีค่ะ

เกาะกลางน้ำพุ คล้ายจะเป็นจุดศูนย์รวมย่อมๆ ของวัยรุ่นฮานอย (หรือเปล่า?) โดยเฉพาะช่วงเวลากลางคืน จะมีมอเตอร์ไซด์จอดแถวๆ เกาะกลาง ผู้คนออกมานั่งเล่นอยู่รอบๆ น้ำพุ ท่ามกลางรถราคับคั่ง เสียงบีบแตรสนั่นหู หากจะให้ดีหนีความวุ่นวายข้างล่างไปนั่งชมวิว จิบกาแฟบนตึก ซึ่งผันหน้าที่เป็น Cafe' ก็น่าจะเป็นคำตอบที่ดีกว่า

:: มื้อแรกกินอะไรดี? เดินโต๋เต๋จากที่พักไม่ไกลเท่าไหร่ มีร้านอาหารให้เลือก ทั้งแบบ American Breakfast ไข่ดาว ขนมปังปิ้ง หรือแบบเวียดนาม ทั้งนั่งในร้านหรือนั่งยองกับโต๊ะเตี้ยๆ ตัวเล็กๆ แบบคนเวียดนาม เราเลือกร้านบ้านๆ เล็กๆ ที่มีรายการอาหารไม่กี่อย่าง เฝอแบบน้ำ แบบแห้ง ข้าวมันไก่ และออเดิร์ฟที่แทบจะทุกร้านต้องมี คือ ปอเปี๊ยะทอดหรือ Spring Rolls (ที่นั่งห่ออยู่หน้าร้าน) หน้าตากับรสชาติใช้ได้ ราคาใกล้เคียงบ้านเรา เริ่มต้นที่ 30,000 VND

จู่ๆ ฝนก็ตกพรำๆ แต่ดูจะเป็นเรื่องธรรมดาๆ ในเวียดนาม ที่เดี๋ยวหยุด เดี๋ยวตกตามใจ 'ฝน' เขาล่ะ แป๊บเดียวก็หยุด จึงไม่ได้ใช้ร่มหรือเสื้อกันฝน อากาศเปลี่ยนแปลงเร็ว ฝนเพิ่งซา ฟ้าโปร่ง แดดก็กลับมาทำหน้าที่อีกครั้ง จากแผนที่ตอนนี้เราเดินเลยจากวงเวียน มาถึงทะเลสาบน้ำจืดขนาดใหญ่ ล้อมรอบด้วยสวนสาธารณะที่ร่มรื่น เป็นที่นั่งพักผ่อนหย่อนใจของคนฮานอย เห็นคนมาเดินๆ นั่งๆ ชมวิว บางคนวิ่งออกกำลังกาย และบางคนก็กำลังทำมาหากินด้วยการขายของที่ระลึก


:: ทะเลสาบฮหว่านเกี๊ยม หรือ ทะเลสาบคืนดาบ (Hoan Kiem Lake) เรายืนอยู่ในมุมถ่าย Public อยู่ละมั้งใครไปใครมาก็มาเยือนทะเลสาบแห่งนี้ แถมยังได้ข้ามไปเกาะกลางซึ่งเป็นวัดหง็อกเซิน หรือ วัดเนินหยก (Ngoc Son) โดยสะพานเทฮุก หรือ สะพานแสงอาทิตย์ (The Huc) เพื่อสนับสนุนและบำรุงสถานที่ มีค่าเข้าชมคนละ 30,000 VND ถึงจะไม่ได้มีอะไรมากแต่ก็มีประวัติที่น่าสนใจ แวะไปชมกันเถอะ

:: ฮานอย ดูจะไม่ขาดแคลนเรื่องอาหารการกินเลย เล่าไปแล้วว่ามีให้เลือกหลากหลาย ภารกิจในการมาเยือนอีกอย่างหนึ่งก็คือ ชิมกาแฟของที่นี่ เดินแป๊บๆ ก็เลยแวะหาที่ดื่มกาแฟและพักขา มื้อระหว่างวัน เราแวะเข้าไป Coffee Club Cafe' อยู่ตรงข้ามกับตึกที่ตั้งร้าน Highland Coffee ตรงวงเวียนนั่นเอง ลองสั่งพิซซ่าแป้งหนานุ่ม ปอเปี๊ยะทอด (มีทุกร้านที่ไป) ไอศกรีม 2 สกู๊ฟ กับกาแฟมาชิม ร้านนี้แปลกตรงที่...กาแฟเย็นแก้วนี้ ไม่ใส่น้ำแข็งอ้ะ

คือ...เหมือนชงด้วยน้ำเย็นเฉยๆ แล้วใส่แก้วแช่เย็นมาเสิร์ฟ ก็งงกันเลยทีเดียว

ร้านอยู่ชั้น 4 และดีตรงมีระเบียงชมวิวทะเลสาบ แต่แพงเกินไปหากเทียบเรื่องรสชาติกับกาแฟ ก็เรียกว่าไม่ถึงกับ 'พลาด' ล่ะนะ เรื่องดีๆ ยังมี พนักงานพูดภาษาอังกฤษได้ บริการดีและน่ารักค่ะ

ปล. ปอเปี๊ยะทอด ของร้าน Coffee Club Cafe' รสชาติดีกว่าร้านแรก, บรรยากาศในร้านน่านั่ง ลูกค้าสูบบุหรี่ได้ สะดวกแต่อาจรบกวนโต๊ะข้างๆ ได้เหมือนกันเนอะ

:: หนึ่งวันในฮานอย

ไม่ถึงกับต้องปรับตัวมากมาย นอกจาก...หูที่อื้อเพราะเสียงบีบแตร รสชาติอาหารที่จืดกว่าบ้านเราเล็กน้อย และตื่นเต้นนิดๆ กับการขุดภาษาอังกฤษที่ทิ้งร้างไปน้านนานกลับมาใช้

รีวิวที่เคยผ่านตา อาจทำให้ไม่อยากมาประเทศเวียดนามเท่าไหร่นัก บางคนถูกโกงจากบริษัททัวร์ โก่งค่ามิเตอร์แท็กซี่และขโมยเกลื่อนเมือง บางคนถึงกับลั่นปากว่าจะไม่กลับมาที่นี่อีกเป็นครั้งที่สอง

เข้าใจได้ในมุมของแต่ละคนนะ ถ้าเกิดความประทับใจครั้งแรกจะอยากกลับไปสถานที่นั้น อีกครั้งและ..อีกครั้ง ถ้าเกิดสักเรื่องที่ทำให้เสียความรู้สึก จะถูกตราไว้ในความทรงจำ แต่เราเลือกที่จะคาดหวังกับการเดินทางแต่ละครั้ง ประมาณหนึ่ง เช่น ห้องพักที่อาจเก่ากว่าภาพในเว็บสัก 60% โรงแรมอาจบริการไม่ดี อาหารอาจไม่ถูกปากและอาจมีเรื่องที่ไม่เป็นอย่างที่คิดเกิดขึ้นได้มากมาย

คิดง่ายๆ ว่า [ ถ้าไม่หวังไว้สูงเกินไป ตกลงมาก็ไม่เจ็บ] ถ้าโชคดี ตอนที่อยู่ตรงนั้นจริงๆ โรงแรมสวย เพอร์เฟกต์ อาหารอร่อยเว่อร์ ก็ถือเป็นกำไรของการเดินทางครั้งนั้น

...และอย่างน้อยๆ เราก็ชอบช่วงเวลากลางคืน แสงสีสวยๆ ของฮานอย ในค่ำคืนนี้

ตอนหัวค่ำ เราจะเดินทางต่อไปยัง ซาปา ต้นเหตุที่ทำให้เรามาอยู่ที่นี่ เวลานี้ โดยทางโรงแรมจัดเตรียมตั๋วรถไฟแบบ Soft Sleep / Speed Train (1 ตู้นอนสำหรับ 4 คน) ค่าใช้จ่ายแพ็คแบบไป-กลับ ฮานอย-ซาปา คนละ 60 USD และนัดรถมารับที่โรงแรมตอน 19.30 น.

เวลาที่เหลือไม่มากในฮานอย ช่วงเย็นเราเดินเล่นแถวทะเลสาบ กินข้าวเย็นซึ่งเป็นเหมือนร้านข้าวต้ม แกงตักซึ่งทำสุกใหม่ใส่ถาดไว้ให้เลือก หน้าตาอาหารเหมือนบ้านเรา รสชาติอร่อยดี ส่วนราคาสูงนิดหนึ่ง เมื่ออาหารมาถึงโต๊ะ 'เจ๊' เจ้าของร้านจะเดินมาจิ้มเครื่องคิดเลขแล้วบอกราคาเลย หากตกลงก็จ่ายเงินก่อนกิน คือ เป็นแบบ Pre Paid อ่ะนะ ค่าน้ำแพงกว่าร้านทั่วไปเล็กน้อยค่ะ จากนั้นก็หาซื้อของกรุบกริบ ขนมปังไว้ไปกินระหว่างทางในรถไฟ


:: Ga Ha Noi สถานีรถไฟฮานอยอยู่ห่างจากที่พักไม่มาก รถมารับนักท่องเที่ยวที่จะไปขึ้นรถไฟหลายคน คันของเราถึงสถานีและรอเจ้าหน้าที่โรงแรมที่จะพาไปส่งกันถึงตู้นอน บริการดีจริง อันนี้ยกนิ้วให้เลย สัมภาระคนที่จะเดินทางทางรถไฟ สะพายเป้ดูจะสะดวกกว่ากระเป๋าแบบลาก เพราะต้องเดินไปไกลอยู่เหมือนกันค่ะ

:: Train Ha Noi - Lao Cai ออกเดินทางเวลา 21.50 น. ถึงสถานีลาวไก พรุ่งนี้ ตอน 6.00 น. ใช้เวลาประมาณ 8 ชั่วโมงเศษๆ

ขบวนนี้เป็นตู้นอนติดแอร์ เมื่อเปิดประตูแบบบานเลื่อนเข้าไป จะเห็นเตียงซ้อนกันสองชั้น ทั้งฝั่งซ้ายและฝั่งขวาโดยเว้นพื้นที่ระหว่างกลางเป็นส่วนของโต๊ะขนาดกะทัดรัดกับโคมไฟ ส่วนอำนวยความสะดวก มีปลั๊กสองอันอยู่ใต้โต๊ะ ไฟอ่านหนังสืออยู่เหนือหัวนอน บริการน้ำดื่มฟรี กาน้ำร้อน อ่างล้างมือ และห้องน้ำเป็นแบบใช้รวม

ระหว่างรอรถไฟเคลื่อนตัว ไม่เหงา มีแม่ค้า พ่อค้าขึ้นมาขายของอย่างมาม่า ชา กาแฟ เผื่อจะหิวก่อนนอน

รถไฟขบวนนี้ พ่วงพาเราห่างจาก ฮานอย อย่างช้าๆ ตามความเร็วสูงสุดของมัน แปดชั่วโมงต่อจากนี้ 'ภาพระหว่างทาง' ตรงช่องหน้าต่าง คงจะค่อยๆ เปลี่ยนไป จากตึกรามแน่นขนัด สู่เมืองที่หนาแน่นไปด้วยหมอกขาวกับทิวเขา จากความแออัด สู่ความโปร่งโล่ง จากความวุ่นวาย สู่ความสงบ เยือกเย็น...

ก็ไม่รู้หรอกว่าจะเป็นอย่างนั้นหรือเปล่า รู้แค่ว่า...ตอนนี้ ซาปา รอเราอยู่


ฮานอย พอสังเขป

:: ฮานอย วัฒนธรรมความวุ่นวาย..ล้านแปด ::

- ฝูงชน มอเตอร์ไซด์ เสียงบีบแตร และความจอแจ เป็นของที่หาง่ายที่สุด

- วิธีเที่ยว 'เดิน' ง่ายกว่าขึ้นแท๊กซี่

- ของกิน หาง่าย เริ่มที่ Spring Rolls (ปอเปี๊ยะทอด) แทบทุกมื้อ

- ถึง 'ฮานอย' ต้องถึง 'Highland Coffee Cafe' ☕ (แต่วันนี้ยังไปไม่ถึงนะ)

- หนึ่งวัน เที่ยวเกือบรอบ Old Quarter (คล้ายเยาวราชบ้านเรา)

- และคืนนี้ ราตรีสวัสดิ์ จ้า...


ติดตาม... Vietnam Trip : Ha Noi - Sapa ตอน 2 ได้ที่นี่ค่ะ

ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกระทู้ และฝากติดตามตอนต่อไปด้วยนะคะ

:: หากเราเป็นคนชอบเที่ยวเหมือนๆ กัน แวะพูดคุย แบ่งปันและแชร์เรื่องเที่ยวด้วยกันได้ ที่เพจ MINDJourney ของเราเอง :)

แวะไปที่ https://www.facebook.com/MINDJourney-9388629861363... ได้เลยค่า

GOOD NIGHT MY TRAIN...

GO OUT THERE

 วันจันทร์ที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558 เวลา 12.30 น.

ความคิดเห็น