ไปเที่ยวอยุธยากันออเจ้า

ตามรอยบุพเพสันนิวาส

ช่วงนี้กระแสละครบุพเพสันนิวาสมาแรงแซงทางโค้งสุดๆ เรียกได้ว่ากระแส ออเจ้าฟีเวอร์ วลีเด็ดที่พูดกันทั่วบ้านทั่วเมือง แล้วจะรอช้าอยู่ไยละออเจ้า อยุธยาอยู่ใกล้ๆกรุงเทพแค่นี้เอง ไปเที่ยวตามรอยแม่หญิงการะเกดกันดีกว่า ขับรถมาแค่ 1 ชม. เท่านั้นก็มาถึงจังหวัดพระนครศรีอยุธยาละครับ ใครมีชุดไทยแต่งมาแบบจัดเต็มมาถ่ายรูปได้เลยนะ ไม่ต้องเขินอายเพราะว่ามีคนแต่งมาเป็นถ่ายรูปกันเยอะมากๆ ก่อนอื่นมารู้จักกับประวัติของจังหวัดพระนครศรีอยุธยากันสักหน่อย

ประวัติ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

เป็นอดีตราชธานีของไทย มีหลักฐานของการเป็นเมืองในลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา ตั้งแต่ประมาณ พุทธศตวรรษที่ ๑๖ – ๑๘ โดยมีร่องรอยของที่ตั้งเมือง โบราณสถาน โบราณวัตถุ และเรื่องราวเหตุการณ์ในลักษณะ ตำนานพงศาวดาร ไปจนถึงหลักศิลาจารึก ซึ่งถือว่าเป็นหลักฐานร่วมสมัยที่ใกล้เคียงเหตุการณ์มากที่สุด ซึ่งเมืองอโยธยา หรืออโยธยาศรีรามเทพนคร หรือเมืองพระราม มีที่ตั้งอยู่บริเวณด้านตะวันออกของเกาะเมืองอยุธยา มีบ้านเมืองที่มีความเจริญ ทางการเมือง การปกครอง และมีวัฒนธรรมที่รุ่งเรืองแห่งหนึ่ง มีการใช้กฎหมายในการปกครองบ้านเมือง ๓ ฉบับ คือ พระอัยการลักษณะเบ็ดเสร็จพระอัยการลักษณะทาส พระอัยการลักษณะกู้หนี้ สมเด็จพระรามาธิบดีที่ ๑ หรือ พระเจ้าอู่ทอง ทรงสถาปนากรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี เมื่อ พ.ศ. ๑๘๙๓ กรุงศรีอยุธยา เป็นศูนย์กลางของประเทศสยามสืบต่อมายาวนานถึง ๔๑๗ ปี มีพระมหากษัตริย์ปกครอง ๓๓ พระองค์ จาก ๕ ราชวงศ์

รู้ประวัติของอยุธยาไปพอสังเขปแล้ว ออเจ้ามาตามอดิไปชิลตามรอยแม่หญิงการะเกดกันเลยดีกว่า วันนี้เราจะไปกันแบบชิลๆ ทั้งหมด 4 ที่ เริ่มต้นด้วยที่นี่เลยครับ ฉากดังที่แม่หญิงการะเกดกล่าวถึงบ่อยๆ

วัดไชยวัฒนาราม

ตั้งอยู่ที่ ต.บ้านป้อม อ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งก็ตั้งอยู่ริม แม่น้ำเจ้าพระยา ทางฝั่งตะวันตกของเกาะเมือง วัดไชยวัฒนาราม เป็นวัดหนึ่ง ที่มีสถาปัตยกรรมการก่อสร้างไม่เหมือนวัดอื่นๆ ใน อยุธยา และเนื่องจากกรมศิลปากรได้ดำเนินการบูรณะตลอดมาจนปัจจุบัน นักท่องเที่ยวยังคงมองเห็นเค้าแห่งความสวยงามยิ่งใหญ่ตระการตา ซึ่งผู้ไปเยือนไม่ควรพลาด

วัดไชยวัฒนารามบางครั้งเรียกว่า “วัดไชยยาราม” และ “วัดไชยชนะทาราม” เป็นพระอารามหลวงในสมัยอยุธยา ซึ่งเป็นวัดที่สมเด็จพระเจ้าปราสาททอง โปรดให้สถาปนาขึ้นเป็นวัดอรัญวาศรี ณ บริเวณที่ดินซึ่งเป็นนิวาสสถานของพระราชชนนีในปีที่ขึ้นครองราชย์ คือปีมะเมีย พ.ศ.2173 สันนิษฐานว่าเป็นวัดประจำรัชกาลด้วย


นักท่องเที่ยวทั้งไทยและเทศเดินทางมาเที่ยวชมกันเยอะมากๆ คนไทยเสียค่าเช้าชม 10 บาท

อดิไม่พลาดที่จะใส่ชุดให้เข้ากับบรรยากาศสักหน่อย




พระพุทธรูปที่ยังคงหลงเหลือให้เราได้สักการะบูชา





วัดตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา

เปิดให้เข้าชมทุกวันตั้งแต่เวลา 08.30–16.30 น.
ค่าเข้าชม ชาวไทย10 บาท ชาวต่างประเทศ 50 บาท


วัดพุทไธศวรรย์

ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาฝั่งตะวันตก ในตำบลสำเภาล่ม อำเภอพระนครศรีอยุธยา ในสมัยกรุงศรีอยุธยา วัดพุทไธศวรรย์เป็นพระอารามหลวงที่ใหญ่โตและมีชื่อเสียงวัดหนึ่ง ปรากฏตามตำนานว่าสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 (พระเจ้าอู่ทอง) ทรงสร้างขึ้นในบริเวณที่ซึ่งเป็นที่ตั้งพลับพลาที่ประทับเมื่อทรงอพยพมาตั้งอยู่ก่อนสถาปนากรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานีที่ตรงนี้มีชื่อปรากฏในพระราชพงศาวดารว่า “ตำบลเวียงเล็กหรือเวียงเหล็ก” ครั้นเมื่อสถาปนากรุงศรีอยุธยาแล้ว ถึง พ.ศ. 1896 จึงโปรดให้สร้างวัดนี้ขึ้นเป็นพระราชอนุสรณ์ ณ ตำบลซึ่งพระองค์เสด็จมาตั้งมั่นอยู่แต่เดิมและพระมหากษัตริย์องค์ต่อ ๆ มาก็ได้โปรดให้สร้างถาวรวัตถุ เพิ่มเติมขึ้นอีกหลายอย่าง เมื่อเสียกรุงฯ ในปี พ.ศ. 2310 วัดพุทไธศวรรย์ก็เป็นอีกวัดหนึ่งที่มิได้ถูกพม่าทำลายเหมือนวัดอื่นๆ ทุกวันนี้จึงยังมีโบราณสถานไว้ชม

ระเบียงคดอีกฉากจากละครบุพเพสันนิวาส

รอบๆระเบียงคตมีพระพุทธรูปประดิษฐานอยู่โดยรอบ


เนื่องจากเป็นวัดที่ไม่ถูกพม่าทำลายจึงยังคงเหลือโบราณสถานให้เราได้ชม


ป้อมเพชร

ตั้งอยู่ใกล้กับ วัดสุวรรณดาราราม เป็นป้อมปราการป้อมเดียวที่ยังเหลืออยู่จากเดิมที่มีอยู่ 29 ป้อม รูปทรงป้อมแบบหกเหลี่ยม ผนังก่อด้วยอิฐสลับด้วยศิลาแลง? มีช่องเชิงเทินก่อเป็นรูปโค้งซึ่งเป็นที่ตั้งของปืนใหญ่ประจำป้อม สร้างในสมัย พระมหาจักรพรรดิ์ (กษัตริย์องค์ที่15) เพื่อป้องกันข้าศึกที่จะมาทางน้ำ เป็นที่บรรจบระหว่างแม่น้ำป่าสักและแม่น้ำเจ้าพระยา และเป็นท่าเรือสินค้าที่สำคัญในอดีต รวมทั้งเป็นย่านที่พักอาศัยของพ่อค้าชาวจีน ฮอลันดาและฝรั่งเศส ป้อมเพชรตั้งอยู่ที่ถนนอู่ทอง ตำบลหอรัตนไชย อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา


วัดพระศรีสรรเพชญ์

ตั้งอยู่ในเขตพระราชวังโบราณ เป็นวัดพุทธาวาสที่ไม่มีพระสงฆ์จำพรรษา เพื่อประกอบพิธีสำคัญต่าง ๆ ของบ้านเมือง และเก็บอัฐิของพระมหากษัตริย์ เปรียบได้กับวัดพระศรีรัตนศาสดารามในพระบรมมหาราชวังในกรุงเทพมหานคร ปัจจุบันเหลือเพียงซากอิฐปูนและเจดีย์สามองค์ที่ตั้งตะหง่านเป็นจุดเด่น แต่ยังคงเป็นจุดที่ดึงความสนใจของนักท่องเที่ยวให้เข้ามาเยี่ยมชมอยู่เสมอ และเมื่อได้ลองจินตนาการดูก็จะรู้สึกถึงความยิ่งใหญ่และความงดงามของกรุงศรีอยุธยาในสมัยที่ยังเป็นราชธานี


ปิดท้ายทริปด้วยภาพสวยๆของวิหารพระมงคลบพิตร

ออเจ้าอย่าลืมหาเวลามาตามรอยแม่หญิงการะเกด แบบอดิกันนะครับ นอกจากจะได้ภาพสวยๆไปแล้ว ยังได้ความรู้ประวัติศาสตร์ของไทยอีกด้วย เป็นอีกทริปใกล้กรุงที่อดิแนะนำครับ รีบตามมาชิลกันนะคร๊าบ


เพื่อนที่เข้ามาอ่านแล้วชอบฝากเข้ามากดถูกใจเพจผมได้ที่นี่เลยครับ >> ChillWithAdi

แล้วมาเป็นเพื่อนเที่ยวไปกับอดินะครับ

อดิพาชิล

 วันอาทิตย์ที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2561 เวลา 10.45 น.

ความคิดเห็น