วัดนักบุญยอแซฟ โบสถ์คริสต์สมัยกรุงศรีฯ ที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งในอยุธยา

หลายคนกำลังพากันย้อนตามรอยแม่หญิงการะเกดและพี่หมื่นกันที่อยุธยากันเยอะแยะมากมาย และแน่นอนว่าวัดไชยฯ ก็เป็นที่ๆ คนไปกันมากโขอยู่ เพราะฉะนั้นวันนี้เราจะมาแนะนำอีกหนึ่งสถานที่ ที่มีประวัติยาวนานมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา ในยุคของสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ที่ได้รับรางวัลอนุรักษ์ศิลปสถาปัตยกรรมดีเด่นมาแล้วด้วย!

พระสังฆราช ลังแบรต์ ท่านออกเดินทางโดยทางเรือ พร้อมกับคุณพ่อ เดอ บูร์ช และคุณพ่อ เดดีเอร์ จนมาถึงกรุงศรีอยุธยา ซึ่งตอนนั้นยังเป็นเมืองหลวงใต้การปกครองของสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ต่อมาพระสังฆราช ลังแบรต์และคุณพ่อ เดดีเอร์ ได้พยายามที่จะเดินทางต่อไปยังประเทศจีน(ความจริงกรุงศรีไม่ใช้จุดหมายแต่เป็นจีน) แต่จากการเดินทางครั้งนั้นเรือดันถูกพายุอับปาง ต้องย้อนกลับมาที่กรุงศรีอยุธยาอีก คราวนี้ก็ได้ไปอาศัยอยู่ในค่ายของกลุ่มคริสตังญวน ตอนนั้นสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ปกครองก็มีการค้าขายรุ่งเรือง มีชาวต่างชาติมาอาศัยอยู่เยอะ(เหมือนที่เราเห็นในละคร) ก็มีศาสนาเข้ามาพร้อมๆ กันด้วย เพราะ สมเด็จพระนารายณ์ ฯ เนี่ยเป็นยุคที่การฑูตอะไรต่อมิอะไรดี หลังจากนั้นก็ทรงพระราชทานที่ดินแปลงหนึ่งริมฝั่งแม่น้ำ และทรงสัญญาจะพระราชทานวัสดุต่างๆ สำหรับใช้ในการสร้างวัดด้วย ในปี ค.ศ. 1666 ได้เริ่มลงมือก่อสร้างโรงเรียนเป็นอิฐและสร้างวัดชั่วคราวเป็นไม้ ทั้งหมดนี้รวมเรียกว่า “ค่ายนักบุญยอแซฟ”

วัดนักบุญยอแซฟก็เรียกได้ว่าเป็นศูนย์กลางของคริสตชนชาวสยามในสมัยนั้น จนมาถึงการเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่สอง โบสถ์ได้ถูกเผาทำลายและถูกปล้นสะดมทรัพย์สินไปจนหมด บาทหลวงฌ็อง-บาติสต์ ปาลกัว จึงได้กลับมาบูรณะวัดอีกครั้ง ในปี พ.ศ. 2374

การเดินทาง

- ขึ้นรถตู้มาลงสุดปลานทางอยุธยา (ตลาดเจ้าพรม)

- เดินเข้าไปในตลาดต่อรถสองแถวเล็ก วัดไก่เตี้ย เข้าไปถึงหน้าทางเข้าโบสถ์ได้เลย (ที่นี่เป็นที่รู้จักกันในชื่อ โรงเรียนยอแซฟอยุธยา)

เมื่อเราเดินเข้ามาแล้วเราก็ต้องเดินผ่านโรงเรียนยอแซฟอยุธยา ซึ่งเป็นโรงเรียนของโบสถ์แห่งนี้ ตั้งอยู่ในรั้วเดียวกันมาเราก็จะเจอโบสถ์ทันที ซึ่งเป็นโบสถ์ริมแม่น้ำที่สวยมากๆ


ซึ่งโบสถ์แห่งนี้ถูกออกแบบโดย คุณพ่อแปร์โร อธิการโบสถ์ในขณะนั้น และโจอาคิม แกรซี สถาปนิกชาวอิตาลีร่วมกันออกแบบ ตัวโบสถ์เป็นสถาปัตยกรรมฟื้นฟูโรมาเนสก์ มีหอระฆัง 1 หอ




ซึ่งมีการบูรณะเรื่อยๆ มาจนโบสถ์ได้ทำการบูรณะครั้งใหญ่ในปี พ.ศ. 2547

ด้านนอกเต็มไปด้วยรูปปั้นกับคำสอนมากมายที่ให้เราได้เข้ามาชมกัน

"หลักการพิพากษามีอย่างนี้ คือความสว่างเข้ามาในโลกแล้ว แต่มนุษย์รักความมืดมากกว่าความสว่าง เพราะกิจการของพวกเขาเลวทราม เพราะทุกคนที่ประพฤติชั่วก็เกลียดความสว่าง และไม่มาหาความสว่าง เนื่องจากกลัวว่าการกระทำของตนจะปรากฏ" ยอห์น 3:19-20


"พระเยซูตรัสกับเขาว่า "เราเป็นทางนั้น เป็นความจริง และเป็นชีวิต ไม่มีใครมาถึงพระบิดาได้นอกจากจะมาทางเรา" ยอห์น 14:6


"เมื่อเราไปจัดเตรียมที่ไว้สำหรับท่านแล้ว เราจะกลับมาอีกและรับท่านไปอยู่กับเรา เพื่อว่าเราอยู่ที่ไหนพวกท่านจะได้อยู่ที่นั่นด้วย"ยอห์น 14:3


และระหว่างทางขากลับเราก็จะสามารถเห็นคนมากมายที่มาตามรอยแม่การะเกดที่วัดไชยได้เช่นกัน

อย่าปล่อยให้การออกไปถ่ายรูปกับสถานที่ในประวัติศาสตร์และการตามรอยเป็นแค่เรื่องของช่วงเวลาที่ผ่านมาและผ่านไป มาเรียนรู้อดีตไปด้วยกันที่อยุธยานะคะ :)

-------------------

ฝากเพจด้วยนะคะ

ด้วยรัก

ฉัน ไป ไหน มา

https://www.facebook.com/Chanpainaimaa/


Been There Alone

 วันพุธที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2561 เวลา 13.30 น.

ความคิดเห็น