เลาะเลี้ยวเที่ยว ละโว้

อาทิตย์ที่ผ่านมาเป็นช่วงวันหยุดยาวพอดี แถมอดิยังไม่มีโปรแกรมไปเที่ยวไหน เลยขับรถกลับไปบ้านดีกว่า ขับรถจากกรุงเทพฯ แค่ประมาณ 2 ชม. ก็ขับรถถึงบ้านเกิดผมละครับใกล้กรุงเทพมากๆเลยใช่มะครับ และช่วงนี้บ้านเกิดของผมเป็นที่สนใจของนักท่องเที่ยว ทำให้รอบนี้ขับรถกลับบ้านในตัวเมืองแอบมีรถเยอะมากกว่าปกติ ก็มาจากกระแสความฮิตมาจากละครเรื่องบุพเพสันนิวาสนั่นเอง สำหรับบ้านเกิดของอดิอยู่ที่จังหวัดลพบุรี นั่นเองครับ

กลับบ้านรอบนี้หลายวันอดิเลยขอทำทริปเดินเที่ยวเมืองลพบุรี ตามรอยละครบุพเพสันนิวาสกันซะหน่อยดีกว่า ตัวเมืองลพบุรีนั้นขนาดไม่กว้างมากครับ เดินลัดเลาะถ่ายรูปไปเรื่อยๆ ชิลสุดๆ การเดินทางมาลพบุรีนั้นสะดวกมากๆ จะขับรถมาก็ได้ หรือใครอยากเดินทางโดยรถไฟก็สะดวก สถานีรถไฟลพบุรีอยู่ใกล้ตัวเมืองเลยครับลงรถไฟปุ๊ป ก็เดินเที่ยวในตัวเมืองได้เลย อดิเลยขอเริ่มต้นทริปจากสถานีรถไฟลพบุรี ก่อนที่จะเลาะเลี้ยวเดินเที่ยวเมืองละโว้ มารู้จักกับประวัติเมืองลพบุรีกันสักหน่อยดีกว่า

ประวัติ เมืองลพบุรี

เป็นเมืองที่มีอายุเก่าแก่ที่สุดเมืองหนึ่งในภาคกลางของประเทศไทย อยุ่บริเวณที่ราบลุ่มแม่น้ำลพบุรีและแม่น้ำป่าสักจากการที่มีสภาพแวดล้อมทางภูมิศาสตร์ที่เหมาะแก่การตั้งถิ่นฐานของมนุษย์ จึงมีความสำคัญทางเศรษฐกิจ การเมือง วัฒนธรรม และศาสนาตลอดมา โดยมีพัฒนาการต่อเนื่องมาตามลำดับตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์-สมัยประวัติศาสตร์ และสำหรับในสมัยอยุธยา (พุทธศตวรรษที่ 19-23) ที่เรากำลังจะมาตามรอยกันนั้น เมืองลพบุรีเป็นศูนย์กลางสำคัญทางด้านการเมือง และการค้า สมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราชได้ยกให้เป็นราชธานีแห่งที่สอง ทราบประวัติกันพอสังเขปแล้วสถานที่ที่แรกที่เราจะไปเที่ยวกัน คือ วัดพระศรีรัตนมาหาธาตุ อยู่ตรงข้ามสถานีรถไฟลพบุรีเลยครับแค่ข้ามถนนไปก็เจอแล้วครับ

สถานีรถไฟลพบุรีลงรถไฟแล้วเดินข้ามฝั่งไปเที่ยวที่แรกกันเลยครับ วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ ก่อนเข้าชมต้องซื้อบัตรเข้าชมก่อนนะครับ ราคาคนละ 10 บาท แต่เราจะเข้าชมหลายที่จึงซื้อเป็นบัตรชุด ราคาคนละ 30 บาท

-วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ

วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ หรือวัดพระธาตุ ศาสนสถาณที่มีพระปรางค์องค์ใหญ่สูง 70.7 ม. ตั้งอยู่กลางวัด ขนาบด้วยพระปรางค์ขนาดเล็กด้านทิศเหนือและใต้ ปัจจุบันเหลือเพียงฐาน ลวดลายปูนปั้นประดับรอบองค์ปรางค์ เป็นรูปแบบศิลปะที่เป็นไปได้ว่า พระปรางค์สร้างขึ้นเมื่อราวต้นพุทธศตวรรษที่ 19 ต่อมาในสมัยพระนารายณ์ ได้โปรดให้บูรณะปฎิสังขรณ์ วัด สร้างเจดีย์ ระเบียงคต และวิหาร


ภายในวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ งดงามมากๆครับ


หลังจากเดินเที่ยวชมความยิ่งใหญ่ สวยงามอลังการของวัดพระศรีรัตนมหาธาตุแล้ว ใกล้เที่ยงพอดีอดิเลยขอแวะไปกินผัดไทยเจ้าอร่อย ที่กินตั้งแต่เด็กสมัยเรียนมัธยมปลายเลยครับ

-ผัดไทยนายยอด

ร้านจะตั้งอยู่ในตึกแถว ตรงข้ามกับสวนราชานุสรณ์ เรากินมาตั้งแต่ 15 กว่าปีที่แล้ว ราคาตอนนั้น 20 บาท ตอนนี้ก็ยังราคา 20 บาทเหมือนเดิม นอกจากราคาแล้วรสชาติก็ยังอร่อยเหมือนเดิมครับ ผัดไทยเส้นเหนียวนุ่มกำลังดี กินแบบไม่ต้องปรุงก็อร่อยแล้วครับ แต่ใครชอบรสจัดก็ใส่พริกมะนาวได้ตามใจชอบเลย

ผัดไทยนายยอด ของเราน่าทานไหมครับ

หลังจากทานผัดไทยเสร็จเราก็เดินไปทานกาแฟกันต่อที่ร้าน Nom Cup D

-Nom Cup D

ร้านนี้ตั้งอยู่ตรงข้ามพระนารายราชนิเวศน์เลยครับ บรรยากาศตกแต่งอย่างน่ารัก สั่งกาแฟทานสักหน่อยก่อนเดินเที่ยวต่อ อดิสั่งลาเต้เย็น รสชาติเข้มเลยทีเดียว ราคาแก้วละ 40 บาทเท่านั้น จิบกาแฟไฟพร้อมชมวิววังนารายณ์ไปแบบเพลินๆ


นั่งดื่มกาแฟไปชมวิววังนารายณ์ไปด้วย เพลินสุดๆ

ดื่มกาแฟเติมพลังเสร็จแล้วเราเดินเข้ามฝั่งไปเที่ยวพระนารายณ์ราชนิเวศน์กันต่อดีกว่าครับ

-พระนารายณ์ราชนิเวศน์

สมเด็จพระนารายณ์มหาราช พระมหากษัตริย์องค์ที่ 27 แห่งกรุงศรีอยุธยา ทรงโปรดฯให้วิศวกรชาวฝรั่งเศสและอิตาลีร่วมกันออกแบบและสร้างพระราชวังขึ้น ณ เมืองลพบุรี กำแพงเมือง และป้อมปราการต่างๆขึ้นนปี พ.ศ 2209 เพื่อใช้เป็นที่ประทับว่าราชการงานเมือง ต้อนรับแขกเมือง พักผ่อนและล่าสัตว์ พระองค์ทรงเสด็จมาประทับ ณ พระราชวังแห่งนี้เป็นเวลานานทุกๆปี และสวรรคตที่นี้ หลังจากรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ไม่มีกษัตริย์พระองค์ใดมาประทับ จนกระทั่งพระบามสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดให้บูรณปฏิสังขรณ์ ตลอดจนสร้างพระที่นั่งเพิ่มเติมปัจจุบันใช้เป็นพิพิธภัณฑสถานแก่งชาติ สมเด็จพระนารายณ์

ซื้อบัตรเข้าชมกันก่อน ราคา 30 บาท จะแยกกับบัตรชุดที่เราซื้อไว้ตอนแรกนะครับ พอเข้าไปในวังก็ได้ยินเสียงเพลงออเจ้าเปิดบรรเลง ทำให้ได้อรรถรสในการเดินเที่ยวเพิ่มขึ้น

ใครอยากใส่ชุดไทยก็มีบริการให้ยืมฟรีด้วยนะครับ

แผนผังพระนารายณ์ราชนิเวศน์

- พระที่นั่งจันทรพิศาล

จัดแสดงนิทรรศการถาวร เฉิลมพระเกียรติสมเด็จพระนารายณ์ทหาราช เรื่อง "ประวัติศาสตร์ไทยครั้งรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช" แสดงภาพเหตุการณ์สำคัญและโบราณวัตถุที่มีความเกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์ในรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช

ภาพจำลองเหตุการณ์ที่ราชทูตฝรั่งเศส เชวาลิเยร์ (Chevalier de Chaumont) ผู้แทนพระองค์ของพระเจ้าหลุยส์ ที่ 14 พร้อมด้วยบาทหลวงสำคัญ 3 รูป คือ บาทหลวงเดอชัวซี (Abbe de Choisy คณะเยซูอิต) บาทหลวงกีย์ ตาชาร์ด และบาทหลวงเบนีน วาเชต์ เข้าเฝ้าและถวายพระราชสาส์นแด่สมเด็จพระนารายณ์มหาราช ณ พระที่นั่งสรรเพชญ์มหาปราสาท กรุงศรีอยุธยา ในปี พ.ศ. 2228 (ค.ศ. 1685)
ด้านล่างซ้ายออกญาวิชเยนทร์ (ฟอลคอน) หมอบกรานเข้าเฝ้าอยู่ด้วย พร้อมแสดงมือส่งสัญญาณให้ราชทูตฝรั่งเศสยื่นพระราชสาส์นให้สูงขึ้นไปถึงพระหัตถ์ของพระองค์

ภาพออกพระยาวิสุทธสุนทร (โกษาปาน)


สนธิสัญญาระหว่างสยามกับฝรั่งเศส

-พระที่นั่งพิมานมงกุฏ

เป็นอาคาร 3 ชั้น จัดแสดงนิทรรศการถาวรเกี่ยวกับการพัฒนาการเมืองลพบุรีตั้งแต่ก่อนประวัติศาสตร์ถึงสมัยปัจจุบัน

-ชั้น 1

จัดแสดงนิทรรศการถาวรเรื่อง ลำดับพัฒนาการทางประวัติศาสตร์เมืองลพบุรี เริ่มตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์ที่มีอายุประมาณ 3,500 ปีมาแล้ว ต่อเนื่องมาจนถึงสมัยยุคต้นประวัติศาสตร์หรือสมัยทวาราวดีและการเริ่มติดต่อสัมพันธ์กับดินแดนโพ้นทะเลในช่วงพุทธศตวรรษที่ 12-16 ไดยจัดแสดงโบราณวัตถุสัยก่อนประวัติศาสตร์ที่พบจากแหล่งโบราณคดีต่างๆในจังหวัดลพบุรี

-ชั้น 2

จัดแสดงลำดับพัฒนาการเมืองลพบุรีต่อเนื่องจากชั้นที่ 1 เข้าสู่ช่วง อิทธิพลเขมรในประเทศไทย อายุราวพุทธศตวรรษที่ 16 - 18 จัดแสดงศิลปวัตถุและโบราณวัตถุที่สำคัญ เช่น ทับหลัง พระพุทธรูปนาคปรก และเทวรูปต่างๆ ต่อเนื่องมาจนถึงสมัยอยุธยา จัดแสดงงานศิลปกรรมและงานช่างในสมัยอยุธยาเรื่อยมาจนถึงสมัยรัตนโกสินทร์


- ชั้น 3

จัดแสดงนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มีการจัดแสดงในหัวข้อเรื่องประวัติศาสตร์ การเมือง สังคม และวัฒนธรรมและพระราชประวัติ พระบามสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จัดแสดงร่วมกับพระบรมฉายาสาทิศลักษณ์ และพระสาทิศลักษณ์ สิ่งของเครื่องใช้ส่วนพระองค์ เช่น พระแท่นบรรทม ฉลองพระองค์ เครื่องประกอบโต๊ะพระกระยาหาร ที่มีตราประจำพระองค์ (มงกุฏ) เป็นต้น


- พระที่นั่งดุสิตสวรรค์ธัญมหาปราสาท

เป็นพระที่นั่งเสด็จออกรับคณะราชฑูตต่างประเทศ เป็นพระที่นั่งเพียงองค์เดียวภายในพระราชวังแห่งนี้ และพระราชวังที่อยู่นอกเมืองหลวง ที่มีหลังคาเป็นทรงมณฑปยอดแหลม หรือที่เรียกว่า "มหาปราสาท"

ช่วงนี้ใครมาเที่ยวจะมีรถรางพาเที่ยวชมเมืองวันละ 2 รอบ เวลา 10.00 และ 14.00 น. หลังจากเดินเที่ยวชมวังนารายณ์แล้ว เราก็เดินเลาะกำแพงเมือง ผ่านตัวเมืองไปไม่ไกลก็จะเจอกับเทวสถานปรางค์แขก

- เทวสถาณปรางค์แขก

เทวสถาณในศาสนาพราหมณ์ ศิลปลพบุรี อายุราวพุทธศตวรรษที่ 15 อาคารทรงปรางค์ก่ออิฐไม่สอปูน สามองค์เรียงกัน หันหน้าไปทางทิศตะวันออก สมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช โปรดฯให้สร่างวิการโบสถ์พราหมณ์ และถังเก็บน้ำประปาเพิ่มด้วย



จากเทวสถาณปรางค์แขกเราเดินเลี้ยวซ้ายผ่านหน้าศาลจังหวัดลพบุรีไปไม่ไกลทางด้านขวามือเราก็จะเจอกับ บ้านหลวงรับราชฑูต

-บ้านหลวงรับราชฑูต (บ้านวิชาเยนทร์)

สมเด็จพระนารายณ์มหาราช โปรดฯให้สร้างที่พักแก่คณะราชฑูตและบาทหลวงที่เมืองลพบุรี ต่อมามีชาวกรีก ชื่อ คอนสแตนติน ฟอลคอน (Constantine Falcon) เข้ามารับราชการในสำนักจนได้รับความดีความชอบ สมเด็จพระนารายณ์มหาราชทรงแต่งตั้งให้เป็นเจ้าพระยาววิเชาเยนทร์ และพระราชทานที่พักอาศัยให้ทางด้านทิศตะวันตกของบ้านหลังรับราชฑูต สถาปัตยกรรมของอาคารเป็นแบบตะวันตก สมัยฟื้นฟูศิลปะวิทยาการ (Renaissance) ผสมผสานกับศิลปะสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช







หลังจากเที่ยวชมบ้านวิชาเยนทร์เสร็จ เราเดินเลี้ยงซ้ายตรงไปเรื่อยๆ ช่วงนี้ต้องเตรียมเก็บสัมภาระ ดูแลข้าวข้องให้ดีนะครับ อย่ามัวแต่ถ่ายรูปจนเพลิน เพราะต่อจากนี้ข้าศึกจะมาประชิดตัวได้ทุกเมื่อ ข้าศึกที่อดิพูดไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นลิงเจ้าถิ่นที่อยู่กันบริเวณในเมืองและพระปรางค์สามยอด ที่เรากำลังจะเดินไปเที่ยวกันนั่นเอง สาวๆที่ปล่อยผมยาวอดิแนะนำให้รวบผมนะครับ เพราะลิงเห็นผมสวยๆแล้วชอบกระโดดไปเล่น วันที่อดิไปมีสาวโดนกระโดดขึ้นไปยนหัวหลายคนเลย และอีกวิธีคือตอนเข้าต้องที่เก็บเงินจะมีไม้ให้ยืมแค่ถือไม้ขู่พวกลิงเค้าก็กลัวละครับ

-พระปรางค์สามยอด

สร้างด้วยศิลาแลง มีฉนวนทางเดินเชื่อต่อระหว่างกัน ปรางค์ประธานสูง 21.5 เมตร ศิลปะลพบุรี อายุราวพุทธศตวรรษที่ 18 ภายในเดิมประดิษฐานพระพุทธรูปนาคปรกศิลามราย พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร และนางปรัชญา ปารมิตา ปัจจุบันจัดแสดงที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติสมเด็จพระนารายณ์









เจ้าจ๋อดื่มยาคูลชิลเพลินมากๆ


เดินเข้ามถนนจากพระปรางค์สามยอดมาก็จะเจอกับศาลพระกาฬสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองลพบุรี

- ศาลพระกาฬ

เทวสถาณในศาสนาพราหมณ์อีกแห่ง สร้างด้วยศิลาแลงเรียงซ้อนกัน เหลือเฉพาะส่วนฐานสูงย่อมุม มีบันได 4 ด้านบริเวณศาลพระกาฬมีการพบโบราณวัตถุสำคัญ ได้แก่ ศลาจารึกหลักที่ 19 ปัจจุบันจัดแสดงอยู่ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระนคร พระวิษณู ทับหลังนารายณ์บรรทมสิทธุ์ จัดแสดงที่พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ สมเด็จพระนารายณ์ และพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร ประดิษฐานอยู่ในศลาลหลังใหม่



หลังจากกราบไหว้ขอพรจากเจ้าพ่อพระกาฬ แล้วเดินข้ามถนนไปอีกฝั่งก็จะเจอกับวัดนครโกษา

-วัดนครโกษา

โบราณสถานที่พบร่องรอยการก่อสร้าง 3 สมัย คือ แรกเริ่มสร้างเจดีย์องค์ใหญ่สมัยทวารวดี ต่อมาสร้างพระปรางค์สถาปัตยกรรมแบบสมัยลพบุรี และบูรณปฏิสังขรณ์เป็นวัดในสมัยอยุธยา มีเงื่อนไขของความเป็นไปได้ว่า เจ้าพระยาโกษาธิบดี(เหล็ก) ขุนนางในรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราชเป็นผู้ควบคุมการบูรณะ เป็นที่มาของชื่อ วัดนครโกษา




จากตรงนี้ถ้าเดินไปสถานที่สุดท้ายสำหรับทริปนี้บางคนอจจะไกลไปสักหน่อย อดิแนะนำให้หามอเตอร์ไซต์จากตรงศาลพระกาฬ จะมีทางลัดเลาะข้างทางรถไฟ ไปวัดสันเปาโลได้ เสร็จแล้วบอกให้มอเตอร์ไซต์รอด้วยก็ได้ แต่ถ้าใครกลับรถไฟก็เดินเล่นชิลๆ ข้ามทางรถไฟมาที่สถานีรถไฟได้ครับ

-วัดสันเปาโล

เป็นศาสนสถาณในคริสตศาสนา อาคารก่อนอิฐถือปูน สมเด็จพระนารายณ์มหาราชได้พระราชทานที่ดินให้บาทหลวงชาวฝรั่งเศษสร้างขึ้น ใช้เป็นที่ประกอบพิธีทางศาสนาพร้อมทั้งใช้เป็นที่พักอาศัยของคณะบาทหลวง และที่สำคัญคืออาคารสูงแปดเหลี่ยวซึ่งสมเด็จพระนารายณ์มหาราชทางโปรดฯให้สร้างเป็นหอดูดาว



เสร็จแล้วก็สามารถขึ้นรถไฟกลับกรุงเทพฯได้เลย ก่อนกลับถ้าใครอยู่จนถึงช่วงเย็นบริเวณริมทางรถไฟจะมีร้านค้ามาขายอาหารโต้รุ่งกัน ใครอยากหาอาหารรองท้องก่อนเดินทางกลับก็ได้นะครับ

การเดินทาง

ทางรถยนต์

จากกรุงเทพฯ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชม.

เส้นทางที่ 1 ใช้ถนนพหลโยธินผ่านมาทางสระบุรี ผ่านอำเภอพระพุทธบาท เข้าตัวเมืองลพบุรี

เส้นทางที่ 2 ใช้ถนนสายเอเซียผ่านจ.พระนครศรีอยุธยา จ.อ่านทอง เลี้ยวขวามาทางแยกเจ้าปลุก ขับเลียบถนนสายคันคลองมาเรื่อยๆ จะเจอทางรถไฟเลี้ยวซ้ายก็ถึงตัวเมืองจ.ลพบุรี เลยครับ

ทางรถไฟ

การรถไฟแห่งประเทศไทยมีรถไฟออกจากสถานีรถไฟกรุงเทพ ไปยังจังหวัดลพบุรีทุกวัน และยังสามารถขึ้นตามสถานีต่าง ๆ ที่รถไฟผ่านก็ได้นะครับ มีทะ้งรถไฟธรรมดา และ รถไฟด่วน
สอบถามข้อมูลการเดินทางและราคาตั๋วโดยสารที่หมายเลขโทรศัพท์ 1690 ทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง หรือทางเว็บไซต์ www.railway.co.th

ทางรถตู้และรถประจำทาง

สามารถขึ้นรถได้ที่สถานีขนส่งหมอชิต

เป็นไงบ้างครับสำหรับทริปลพบุรีแบบชิลๆสไตล์อดิ บอกเลยครับว่ามาทริปนี้แล้วมันเหมือนได้ย้อนอดีตกลับไปสู่ยุคนั้นจริงเพราะยิ่งช่วงนี้มีละครที่สร้างอิงประวัติศาสตร์มันทำให้ภาพจากในละครประกอบกับการได้มาเดินเที่ยวในสถานที่จริงแล้วภาพมันยิ่งชัดเจยิ่งขึ้น ทำให้การมาเที่ยวสถานที่ทางประวัติศาสตร์ครั้งนี้สนุกมากๆ ใครว่างอย่าลืมตามมาชิลแบบอดิที่เมืองละโว้กันนะครับ


เพื่อนที่เข้ามาอ่านแล้วชอบฝากเข้ามากดถูกใจเพจผมได้ที่นี่เลยครับ >> ChillWithAdi : อดิพาชิล

แล้วมาเป็นเพื่อนเที่ยวแบบชิลๆ ไปกับอดินะครับ

อดิพาชิล

 วันจันทร์ที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2561 เวลา 13.13 น.

ความคิดเห็น