ตาดนางนี ตาดน้ำพาก ตาดฟาง : ตามมาจะพาเข้าป่า

ระหว่าง 13-16 เมษายน 2561

จำนวนนักเดินทาง: 12 ราย

Location: บ้านหนองหลวง ปากซอง แขวงจำปาสัก สปป ลาว

------------------------------------------------------------------------------------------------------------

Day 1 : ด่านช่องเม็ก

"ตาดนางนี ตาดน้ำพาก ตาดฟาง จำเป็นต้องไปทั้ง 3 แห่งเลยใช่ไหม?" คำถามนี้วนเวียนในหัว ที่เกือบจะพ่นถามออกมา ท่ามกลางเพื่อนร่วมทริปคนอื่นที่กำลังแพ็คกระเป๋าเดินทาง ตะเตรียม Passport ค่าธรรมเนียมที่ด่านช่องเม็ก ฝั่งลาว

"แบกเป้ สะพายหลัง ถือของผรุงผรัง เดินไปจุดผ่านแดน! พวกเราพร้อมสำหรับการเดินทางผจญภัย ตลอด 3 คืน 4 วัน" ประสบการณ์แบบนี้หาไม่ได้ง่ายหากไม่มาด้วยตัวเอง ความคิดนี้วิ่งวนไปมาในหัว ขณะเดินเข้าไปยื่น passport พร้อมฉีกยิ้มให้เจ้าหน้าที

"200 บาทแลกกับตราประทับเข้าประเทศลาว ผ่านช่องเม็ก" ถือว่ารับได้ไม่แพงและไม่ถูกจนเกินไป หากเราไม่ได้ยินคนข้างๆ บอกว่า "เสียแค่ 100 บาทเอง" ใช่ครับ ค่าธรรมเนียมที่จ่ายไปขึ้นอยู่กับหน้าตา และรูปบน Passport!! หากรูปบน Passport สวย แถมเจ้าหน้าเป็นผู้ชาย อาจจะได้รับส่วนลดเป็นพิเศษ แต่หากหน้าดูไม่เป็นมิตร อาจจะถูกคิดค่าธรรมเนียม Over เกินจากเรทปกติทั่วไป เป็นโชคดีของผม ที่เพื่อนคนข้างๆ จ่าย 300 บาท!!

"หลังแบกเป้ ขนของขึ้นรถสองแถวเสร็จ เหลือบมองพลขับ พล่างคิดในใจ จะถึงปลายทางทันไหม?" มือผมจับราวรถแน่น เกร็งขาและจิกเท้า หรี่ตานิดๆ ผมพลาด พลขับน่าจะเป็นนักซิ่งมาก่อน หรือไม่ก็คงชอบดูหนังหนังแฟร์ไซล์ชื่อดัง Fast!

."เอี๊ยดดด! เบรคดังสนั่นปั้มน้ำมัน พลขับตะโกนบอก แวะเข้าห้องน้ำได้" ผมมือปาดเหงือ ก้าวลงจากรถ เข้าห้องน้ำเรียบร้อย มองเห็น อเมซอน คาเฟ่! อาการอยากลองรสชาดกาแฟ แบรนด์ไทย แต่ต่างถิ่น ใช่ครับ ที่ปากเซ มีปั้ม PTT และกาแฟอเมซอน!! อุ่นใจ เหมือนอยู่ไทย ข้อดีเขารับทั้งเงินกีบ และเงินไทย แต่เฉพาะธนบัตรเท่านั้น

"ระหว่างทางจะพบบ้านไม้ทรงเก่าตั้งเรียงรายติดถนน ปะปนบ้านทรงใหม่สลับกันเป็นช่วง หลังเก่าเป็นไม้แบบชั้นเดียวยกพื้นสูง ทำด้วยไม้ มุงสังกะสี แต่หากเป็นหลังใหม่ ทรงโมเดิร์น เป็นชั้นเดียว มุงกระเบื้อง มีมุขด้านหน้า สีสันสะดุดตา ที่เดียว" แต่เกือบทั้งหมด น่าจะออกแบบมาจากที่เดียวกัน.

"ผ่านไปเกือบ สองชั่วโมง รถยังคงวิ่งตะบึงเข้าเขตปากซอง แขวงจำปาสัก สองข้างทางเต็มไปด้วยต้นกาแฟ น้อยใหญ่" ปากเซ ปากซอง แถบลาวใต้เป็นเขตอิทธิพลของคุณแม่ดาวเรือง เจ้าของดาว คอฟฟี้ เกือบทั่วพื้นทีต้องปลูกกาแฟ ส่งขายบริษัท ดาวเรื่อง ทั้งหมด จะบอกว่าผูกขาดก็ไม่ผิด เพราะขายให้เจ้าเดียว

"สองแถวค่อยๆ ชะลอรถเลี้ยวขวา วิ่งตรงไปบ้านหนองหลวง ด้านซ้าย จะสังเกตเห็นอนุสาวรีย์ทหาร ลาว เวียต ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเป็นอนุสรณ์สถานการจับมือร่วมกันต่อสู้กับประเทศมหาอำนาจในอดีต" แต่น่าเสียดายไม่มีโอกาสได้เข้าไปถ่ายภาพใกล้ๆ

"ถนนหัวแดง! เส้นนี้เป็นทางดำแดง รถวิ่งฟ่าฝุ่นตะบึงไปข้างหน้า น่าสงสารก็แต่ชาวบ้านขับมอไซต์ จักรยาน ตามรายทางที่ถูกฝุ่นตลบตบเป็นสีแดงแทบทั้งตัวบางคนก็ต้องหยุดรถให้ฝุ่นหายก่อน ค่อยไปต่อ ยิ่งบ้านที่ติดถนนแทบเปิดประตู หน้าต่างไม่ได้ หันมามองบ้านเรา เราโชคดีแค่ไหนที่ถนนไม่ค่อยมีฝุ่น เห็นมีก็แต่หลุมอุกาบาตทั่วทุกภาคของประเทศ"

"ขณะที่ทุกคนกำลังเก็บของ เปลียนเสื้อผ้า ให้พร้อมเดินเท้าเข้าไป Base Camp เพื่อใช้เป็นจุดพักค้างแรม" บ้านผู้ใหญ่หนองหลวง เป็นจุดที่นักท่องเทียวทุกคนต้องมาพัก เก็บของ เพราะขากลับ เราต้องกลับมาพักที่นี้ 1 คืน เพราะผู้ใหญ่เขาเปิดเป็นแบบ Home stay ด้วย หากของอันไหนไม่จำเป็นก็ต้องฝากไว้ ไม่ต้องขนเข้าป่า หนัก!

8 กิโลเมตร! แรก สำหรับเดินเท้าไปยัง base camp ทุกคนดูฟิต แววตามุ่งมั่น พร้อมสำหรับการเดินทาง แม้ค่ำคืนบนรถตู้โดยสาร พวกเราอาจจะหลับไม่ค่อยสนิทเท่าไรนัก แถมอาหารเช้าตอนสายๆ เป็นข้าวกล่อง แต่ก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคเลย ยกเว้นก่อนข้ามแดนมายังลาว ดันทะลึงทะเลาะกับแม่ค้าขายทุกเรียน!!

"ใครจะคิด แม่ค้าขายผลไม้ร้านอยู่เยื้องๆ กับธนาคารกสิกรไทย จะมีสกิลปลอกทุกเรียนที่ล้ำ ชนิดเล่นเอาพวกเราเวอ กันไปเลย ยิ่งคิดก็ขำ กลายเป็น Joke ประจำทริปนี้ไปเลย เหตุเกิดจากทุกเรียนแท้ๆ"

"เหลือบมองดูนาฬิกาที่ข้อมือ พล่างถอนหายใจเบาๆ เฮ้อออ เพิ่งผ่านมาแค่ 5 กิโลเมตรเอง แต่รู้สึกเหมือนเดินมาแล้วครึ่งค่อนวัน" พักตรงนี้ก่อนแล้วกัน พิน ผู้นำตัวน้อย ตะโกนบอกพร้อมอมยิ้มนิดๆ เราทิ้งตัวลงนั่งยิ้มแบบแห้งๆ อึ่ม เสียงเธอเหมือนดั่งสวรรค์มาโปรดชัดชัด

"ก่อนออกเดินทางจากบ้านผู้ใหญ่ เราได้น้ำดืมคนละ 2 ขวดเล็ก เพื่อใช้ดืมระหว่างทาง ได้รับคำแนะนำว่า ควรจิบแทนการดืม! หากนึกภาพไม่ออกก็ประมาณจิบเหล้านั่นแหล่ะ พี่โต้ง หนึ่งในคณะแนะนำจนเห็นภาพ "ทำไมต้องจิบ? ผมคิดในใจ "ก็กลัวน้ำมันหมดก่อนนะสิ" พี่โต่งตอบเหมือนอ่านใจเราออก

"ลงเขาลูกนี้ไปก็ถึง Base Camp อีก 200 เมตร" หำ พี่ลูกหาบเว้าสำเนียงคนปากซอง พล่างทำไม้ทำมือให้กำลังใจ เฮ้ยยย! เสียถอนหายจากด้านหลัง "เมือกี้ก็บอก 100 เมตรถึง แล้วนี้ยังเหลือตั้ง 200 เมตร โอย ฮ้ายบักหำ บักห่าขัวเม.ง" พี่บุ๋ม แซวด้วยสำเหนียงชาวอุดร

"Base Camp จุดพักค้างแรม ติดกับลำธารเล็กๆ มีน้ำไหลตลอดเวลา เหมาะเป็นจุดพักอย่างมาก" แต่พื้นทีบริเวณตั้งเต็นท์ จะเอียงเป็นแนวดิ่ง ไม่ใช้พื้นราบ ทำให้เป็นอุปสรรค์ต่อการตั้งเต็นท์ และนอนพอสมควร แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาใหญ่ที่เจอ Camp นี้ดี ฮ้วยจุ๋ยได้ ด้านหน้าเป็นแม่น้ำ ข้างหลังเป็นภูเขา Perfect มาก หากเราไม่เจอกับเจ้าถิ่น ทาก!!

"18.30 น. เสียงตัดกิ่งไม้ ถางหญ้า เคลียรพื้นที เพื่อตั้งเต็นท์ ได้จบลง พร้อมกับเสียงกรีดร้อง ที่ต้องเสียเลือดให้กับเจ้าถิ่น ทาก! เชื่อไหม กางเต็นท์ไป ดีดทากออกจากเท้า จากขาไปด้วย เชื่อผมเถอะมันเยอะจริงๆ คงเพราะเป็นเขตป่าดิบชื่น ติดลำธาร แถมฝนตกปรอยๆ เกือบตลอดปี คงไม่มีที่ไหนที่ทากชอบเท่าทีนี้แล้ว

"ฟ้ามืดลง ป่าเริ่มสงบเงียบแล้ว เสียงนกเสียงแมลงเริ่มดังขึ้น ใช่! วิถีชีวิตของสัตว์กลางคืนกำลังมาถึง" พวกเราทุกคนนั่งพร้อมหน้ากันบริเวณเต็นท์กลาง พูดคุยกันถึงเรื่องการเดินทางที่ผ่านมาทั้งวัน ไม่วายลามไปถึงเรื่อง ทุกเรียน!

เสียงหัวเราะเริ่มดัง กลบเสียงของแมลง! แต่เสียงกรีดร้อง พล่างดึงทากตัวน้อยออกจากขา และเสื่อ ก็ดังไม่แพ้กัน! กริ่นสเปรย์กันยุ่งฟุ้งทั่วบรรยากาศแถวนั้น ไม่ได้ฉีดกันยุ่งนะ แต่ฉีดกันทาก ฉีดที่ตัวทากเวลามันกินเลือดเรา พอโดนสเปรย์มันก็จะหดขดตัว และหลุดไป

"ผัดคะแนนน้ำมันหอย ผัดลูกชิ้น และไข่เจียว" พิน เชฟประจำทริปลงมือรังสรรค์อาหารด้วยตัวเอง ยกกับข้าวเข้ามาในเต็นท์ เย้เย้! ข้าวมาแล้ว ทิจ หนึ่งในคณะดีใจออกหน้าออกตา "หน้าตาน่ารัก น่าเอ็นดู น่าทานมาก วันนี้ทิจขอเบิ้ลนะ พล่างตักข้าวใส่ปาก"

ผู้อ่านฟังไม่ผิด ผัดคะน้าน้ำมันหอย ผัดลูกชิ้น และไข่เจียว! บนดอย ในป่าเนียนะ! กินดีอยู่ดีขนาดนั่นเชียว ใช่ครับ! ผมยืนยันอีกเสียง แถมอร่อยด้วย แต่นั่นก็ไม่ค่อยแปลกเท่าไหร่เพราะพิน เปิดร้านขายกับข้าวอยู่ ระยอง! แต่เดียวก่อนยังไม่หมดแค่นั้น เรายังมี มะม่วงน้ำปลาหวาน!!

"ตอนนี้ก็ปาเข้าไป 21.00 น. กิจกรรมสำหรับคืนนี้" คงเหมาะกับการกระชับความสัมพันธ์แนะนำตัวอย่างเป็นทางการกันอีกครั้ง อย่าแปลกใจ ทริปแบบนี้สนุกยังไงรู้ไหม? เพราะเราทุกคนไม่รู้จักกันมาก่อน! นั่นแหล่ะคือความน่าสนใจ

..เพียงแค่ วันที่ 1 เราก็สนุกสนานแล้ว มาดูกันว่าพรุ่งนี้เราจะเจอกับอะไร....

------------------------------------------------------------------------------------------------------------

.

DAY 2

14 กิโลเมตร เพื่อตาดน้ำพาก และตาดนางนี!

"เช้านี้อากาศเย็นสบาย ไม่ร้อนไม่หนาว ผมบิดตัวในถุงนอน พล่างหรี่ตามองบรรยากาศข้างนอกเต็นท์ ป่าสีเขียวขจี สบายตา เสียงน้ำไหลรินกระทบโขดหินของธารน้ำ มันทำให้เรามีความสุข ทั้งมีเสียงนกคอยขับกล่อมให้โสตประสาทรู้สึกสบาย เบา อย่างที่ไม่เคยได้รับจากสังคมเมือง จำไม่ได้แล้วว่า เราเคยหายใจ สูดเอาอากาศเต็มปอด ครั้งล่าสุดเมือไหร่

"3in1 กาแฟสำเร็จรูปส่งกลิ่นหอมฟุ้งทั่วบริเวณ! เช้าๆ กับบรรยากาศแบบนี้ ดื่มกาแฟ ชาร้อน สักถ้วย เราจะหาช่วงเวลาแบบนี้ได้จากไหน? โอ๋ รองปลัดฯ พ่มพำขณะจิบกาแฟจากถ้วยไม้ "เราจะหาสถานทีประสบการณ์แบบนี้ได้จากไหน? หากเราไม่ออกเดินทาง หนังสือ? internet? ดู แต่สัมผัสไม่ได้


"08.30 น. เวลานัดหมายเดินทางไปยังตาดน้ำพาก และตาดนางนี"

เมือคืนเรานัดแนะทำความเข้าใจกับลูกหาบเป็นมั่นเหมาะถึงกำหนดการเดินทาง เราตะเตรียมกรอกน้ำจากลำธาร เตรียมอาหารสำหรับมื้อเทียง และสิ่งของที่จำเป็นต้องนำติดตัวไป และต้องทิ้งของหลายๆ อย่างไว้ในเต็นท์ เพราะวันนี้เราจะเดินทางไปกลับ 14-15 กิโลเมตร!!

"นายอทิจ ไม่พร้อม! " ขณะที่ทุกคนพร้อมออกเดินทาง ยกเว้น "อทิจ" เพิ่งตะเกียกตะกายโผล่ขึ้นมาจากคอนโด(เปลผูกสลับกันเป็นชั้นๆ) พล่างตะโกนบอกให้รอ อทิจ เป็นเด็กหนุ่ม มาดเซอ ซกมก หนวดเคลารุงรัง หน้าดุ ดูไม่เป็นมิตร แต่.....พึ่งได้!!

"เขาลูกนี้สูง ชันระดับ 75 องศา" เราเดินทางไกลกว่า 2 ชั่วโมง เขาลูกที่ผ่านมาทั้งสูงและชัน สภาพภูมิประเทศบริเวณ ลาวใต้ เป็นภูเขาหิน เดินแต่ละก้าวต้องระวังผลัดตก หรือก้อนหินไถลลื่นตกได้ ซึ่งค่อนข้างอันตราย เดินทางจึงเป็นไปอย่างช้าๆ นี้ก็พึ่งข้ามภูเขามา 2 ลูกเอง!!

สภาพภูมิอากาศ ชื่น มีคราบมอส เฟริน และตะไคร้น้ำเกาะก้อนหินและต้นไม้ตลอดเส้นทาง แน่นอน? เมือป่าอุดมสมบูรณ์ เราจะพบสัตว์แปลกๆ ได้ทั่วไป โดยเฉพาะ ทาก!!! ตัวใหญ่บ้าง เล็กบ้าง ขึ้นอยู่กับว่า มันอิ่มเลือดหรือยัง!!


ขณะที่กำลังนั่งชมความงามของธรรมชาติ ใต้ต้นไม้ใหญ่! บทสนทนาที่ออกรสชาติเริ่ม "โบว์ สาวตัวเล็กร่างท้วม ปากแดง! เล่าว่า

"เมือคืน! ขณะแปรงฟัน ริมธาร จู่ๆ รู้สึกขนลุก บรรยากาศดูแปลก เหมือนมีคนจ้องมอง แถมยังได้กลิ่นเหม็นๆ โชยมาเตะจมูก"

"เลยต้องรีบล้างหน้า แปรงฟัน ให้เสร็จเร็วๆ จะได้รีบกลับเต็นท์ กลัว!!

"พอแปรงฟันเสร็จ โบว์รีบเก็บของก้าวเท้า กะจะวิ่งกลับ แต่...?

"มีเสียง!! เสียงเรียกชื่อ โบว์!!!

"แล้วยังไงต่อ คะ" นุ่น หนึ่งในคณะเดินทาง ยิงคำถามใส่..ใครจะอยู่ฟัง ได้แต่กรี๊ด รีบวิ่งเข้าเต็นท์เลย!!


"ทาง 3 แพ่ง!! ผ่านมาครึ่งทางแล้ว จากจุดนี้ไป เลี้ยวซ้ายไปตาดนางนี ขวาไปตาดน้ำพาก" พี่หำ ลูกหาบ แนะนำว่า เราต้องไปตาดน้ำพากก่อนเพราะไกลกว่า ขากลับจะได้แวะมาตาดนางนีซึ่งระยะทางสั้น ใกล้กว่า "พวกเราเห็นด้วยกับแผนนี้" พี่หำ นำทางได้เลยครับ" พี่วัต ผู้อาวุโสที่สุดในกลุ่มเร่ง

"เกือบบ่ายโมงแล้ว พวกเรายังไม่หยุดเดิน ไม่ทานข้าว ยังคงปีนปาย!!" เป็นจริงตาม หำ พี่ลูกหาบบอกว่า "เส้นที่เรากำลังปีนป่ายอยู่นั่น ไม่ใช่ทางคนเดิน แต่เป็นทางพรานเดิน! เพราะมันต้องปีน ต้องเกาะหินโหนเถาวัลย์ดึงตัวเองขึ้นไป ทั้งชัน และ รก!!


"เสียดาย! ผมมองดูนาฬิกาข้อมือ หน้าจอแตก! ตามแขนมีรอยข่วนเลือดไหลเป็นทาง ใช่ครับ! เมื่อครู่เพิ่งล้มไถลชนกับหิน ได้ทั้งแผล เสียทั้งของ! พิน ผู้นำตัวน้อย เข้ามาเช็ครอยแผล ยิ้มให้กำลังใจ "ไม่เป็นไรมาก แผลถลอกนิดเดียวเอง" พล่างเอาผ้าเช็ดเลือดที่แขน!!

"ช่างสาหัส และหนักเกินไป สำหรับคนเริ่มเดินป่า" ผมบ่นพึมพ่ำเบาเบา พล่างยื่นมือดึงตัว นุ่น น้องสาวตัวเล็ก ที่กำลังปีนข้ามไม้ล้มต้นใหญ่ แบบทุลักทุเล!!


"เข้าเขตป่าไผ่ บ่งบอกว่า เราใกล้ถึงตาดน้ำพาก ข้ามเนินเขาข้างหน้าก็ถึงแล้ว" พี่บุ่ม ชี้่นิ้วให้ดู ทั้งที่ตัวเองไม่เคยมา!! กรรม เป็นการให้กำลังใจทีดีมากครับคุณพี่ อยากยกนิ้วให้จริงๆ แต่มือไม่ว่าง กำลังโหนตัวริมหน้าผา!!


ในที่สุด! พวกเราทำสำเร็จ ใช่ เราทำมันสำเร็จ! ใช้เวลาเดินทางกว่า 6 ชั่วโมง! รู้สึกภูมิใจกับตัวเอง ดีจัยแทนขา ดีใจแทนตับ ไต ไส้ พุง ที่ช่วยกันฟ่าฟัน จนพบคุณ..ตาดน้ำพาก!!

Moment นี้! ช่วงเวลาแบบนี้ ทุกคนนั่งลง มองดูความยิ่งใหญ่ ที่ตั้งตะหง่ายอยู่เบื้องหน้า ไร้เสียงผู้คน มีเพียงเสียงน้ำไหลตกลงกระทบหิน เสียงลมพัดผ่านช่องเขาหอบเอาละอองน้ำกระเซนฟุ้งไปทั่วบริเวณ!! เชื่อผมเถอะ คุณต้องชอบ Moment นี้ ขอเรียกมันว่า “ความสุข”

Note:

ตาดน้ำพาก

มีทั้งหมด 4 ชั้น เราอยู่ชั้นที่ 4 เป็นชั้นที่มองเห็น 3 ชั้นที่เหลือ ซึ่งสวยที่สุด!!

น้ำตกเกิดจากลำห้วยน้ำพากไหลผ่านผืนป่าดงหัวสาวตกลงมายังบริเวณเป็นหุบเหว เรียก ตาดน้ำพาก จากนั้นไหลต่อไปยัง ตาดนางนี ลงไปรวมกันยังห้วยตวยซึ่งเป็นที่รองรับน้ำปริมาณมหาศาลของตาดอื่นๆ ในบริเวณที่ราบสูงบอละเวน ก่อนไหลออกสู่แม่น้ำโขง "พี่หำ เล่าให้ฟังด้วยสำเนียงคนปากซอง"


ขณะที่เรากำลังมีความสุข กลับลืมไปสนิทว่า เราจะกลับยังไง....

วันที่ 2 ป่า ความมืด และเรา

"ความสุข มักผ่านไปเร็วเสมอ เวลาดื่มดำกับธรรมชาติ ตากน้ำพาก" เป็นช่วงเวลา ตกในภวังค์ ความสวยงาม ความอลังการ ธรรมชาติมันยิ่งใหญ่จริงๆ ยิ่งใหญ่เกินกว่ามนุษย์อย่างเราจะเข้าใจ หรือเอาชนะ ขณะนั่งปล่อยใจ ปล่อยความคิดไหลตกตามสายน้ำ ช่วยให้เราคิดอะไรเยอะแยะมากมาย ถ้ามีโอกาส เราลองเปลียนจากสิ่งเดิมๆ ที่ นั่งดื่ม ท่ามกลางน้ำตก หรือธรรมชาติ เป็น นั่งชื่นชม ปล่อยใจ ปล่อยความคิดให้ไหวไหลไปตามธรรมชาติ มันน่ารื่นรมย์กว่าเป็นไหนไหน


เวลานี้ใกล้มืดลงไปทุกที เราต้องทำเวลา ออกจากป่าให้เร็วที่สุด ก่อนมืดยิ่งดี ไม่รู้ว่า หากฟ้ามืด ค่ำสนิท จะเดินในสภาพป่าแบบนี้ ป่าที่เราไม่คุ้นเคย ป่าดิบที่ไม่รู้ว่าจะมีสัตว์อะไรออกมาหากินบ้าง มันอันตราย!! ขณะเร่งก้าวเดินต่อไปไม่หยุด นี้ก็ผ่านมา 1 ชั่วโมงแล้วจากตาดน้ำพาก

บรรยากาศเริ่มเงียบ อากาศเริ่มเปลียนเป็นเย็นลง "ต้องประหยัดน้ำ ตอนนี้น้ำเหลือเพียงแค่ 1 ขวด เราต้องแบ่งๆ กันจิบ ไม่งั้นน้ำจะหมดก่อนถึงแคมป์ เราจะแย่" พี่โต่ง เร้า มือพล่างกดเปิดไฟฉาย "เราคงกลับไม่ทัน ตอนนี้มืดแล้ว ทุกคนเอาไฟฉายออกมา ค่อยๆ เดินเรียงหนึ่งเป็นแถวเดียว ใครไม่มีไฟฉายให้เดินสลับกับคนที่มีแทน"


ฟ้าปิด มืดสนิท ไม่มีเสียงอื่นใด มีเพียงเสียงหายใจ เป่าปาก ระบายความเหนือย ไม่มีใครพูดอะไร! เราต่างเริ่งฝีเท้า ทาก ที่เคยกลัว สัตว์ตัวเล็กที่เคยขยาด เราลืมมันไปหมด เรากลัวสัตว์ใหญ่มากกว่า "ขอหยุดพักนะ เหมือนขาจะเป็นตะคิว" วัตร ผู้อาวุโส เอามือตบไหล่ พล่างทรุดตัวลง

"5 คนถูกทิ้งรั้งท้าย" ขณะพวกเรานั่งพัก มองตามแสงไฟ เพื่อน 7 คนที่เดินหน้าต่อ ไปลิบๆ เราตัดสินใจให้พวกเขาเดินต่อไปก่อน ไม่ให้เสียเวลา ส่วนเราขอพักจิบน้ำ พร้อมกับนวดให้กำลังใจแข็งขา ให้พร้อมก่อนเดินต่อ

"ต้องขอบคุณ อทิจ!! พึงได้และสร้างความสนุก เป็นกำลังใจ ให้เราไม่คิดถึงความเหนือย กลัว แต่นึกอยากเตะ ถีบแทน.." ทำไมนะรึ! เดินจู่ๆ ก็ตด เสียงดังเป็นระยะ ไม่ใช่ปัญหาเลย จะตดก็ตดไปเถอะ ถ้าอทิจ ไม่เดินอยู่หน้าสุด!! จากเสียงหายใจลึกๆ ระบายความเหนือย จากที่เคยได้ยิน กลับเปลี่ยนเป็นเสียงเงียบ เพราะกลั้นหายใจ!!

อย่าแปลกใจ เวลาวิ่งหรือเดิน ทำไม ตด! เวลาวิ่งหรือ เดิน ลำไส้จะเคลื่อนไหว เราหายใจทางปากมากกว่าจมูก เมื่อเข้ามาก แต่ออกน้อยระบายออกไม่ทัน จึงตดปล่อยแก๊สในกระเพาะออกมาแทน ซึ่งเป็นเรื่องปกติมาก เวลาเดินหรือวิ่ง

ไป 7 กลับ 7 อย่าคิดเป็นอื่น! ใกล้ถึงแล้ว มองเห็นแสงกองไฟลิบๆ จากแคมป์ ที่คนกลุ่มแรกก่อเอาไว้ เวลาเหนื่อย ล้า ทุกอย่างมันผุดขึ้นในหัว อยากกิน น้ำอัดลม น้ำแข็งใส ขนมปังราดนม น้ำแดงโซดา ฯลฯ เดินไป พูดไป อยากไป แต่ลืมไปว่า "นี้มันในป่า ไม่มีหรอก ที่พูดมา"

"ป่าเงียบ แคมป์เงียบ ทุกคนเงียบ ไม่คุยกัน แต่ปากขยับ เคี้ยวขนมปัง farm house ราดนมข้น หวาว นั่งยิ้มมองหน้ากันท่ามกลางกองไฟ ได้ยินเพียงเสียงไฟไหม้ไม้ เปาะแปะ" รอดตาย พี่โต้ง ถอนหายใจโล่งอก

"กระหล่ำน้ำปลาหวาน ผัดผักรวม ผัดเปรี้ยวหวาน" เมนูธรรมดา แต่เป็นค่ำคืนที่อร่อยที่สุดในชีวิต "พิน แม้จะไม่ใช่ เชฟมิสชลิน เชฟกระทะเหล็ก แต่ฝีมือระดับเหนือสุดในป่าแถบนี้ เพราะมีเขาคนเดียว! "ฝากบอกเขา ว่า ฉันรักเขา"!!

แม้จะเหนือย แต่คืนนี้ยังอีกยาวนาน "เรานั่งล้อมวงแชร์เรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นระหว่างเดินทาง เป็นสีสัน น่ารัก น่าหัวร่อ อย่างมีความสุข" แม้แต่โบว์ ยังไม่กล้าไปอาบน้ำ เรื่องเมือคืน ยังหลอน

อทิจ เล่าให้ฟังว่า "เมือคืนไปนั่งเล่น ล้างเท้าที่ลำธาร แล้วเห็นโบว์ กำลังล้างหน้าแปรงฟันอยู่ด้านล่างถัดไป พอล้างเสร็จ เลยเรียก "โบว์" 2-3 ครั้ง โบว์หันซ้าย ขวา วิ่งหนีไปเลย!!
"งั้นกลิ่นเหม็น! เมือคืนก็....." โบว์คิด
"ใช่ครับ กลิ่นตีนผม.."

"ใช้เวลา 11 ชั่วโมง 9.00-20.00 น. เดินทางไปกลับ 14.5 กิโลเมตร ที่ตาดน้ำพาก!!" ได้ประสบการณ์ เรื่องราวใหม่ๆ เกิดขึ้นมากมายระหว่างเดินทาง เราพลาดหลายอย่างก็จริง รวมถึงตาดนางนี!! ตามโปรแกรมเราต้องไปที่นั่น เวลาไม่พอ แต่...เป็นประสบการณ์ที่ดี!! ป่าแห่งนี้คงอยากให้พวกเรากลับมาอีก เพื่อพิชิตตาดนางนี....

สำหรับคืนนี้ขอพักกาย พักขา ให้พร้อมสำหรับการเดินทางในวันพรุ่งนี้ต่อไป..

เธอเที่ยวไหน

 วันพฤหัสที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2561 เวลา 19.43 น.

ความคิดเห็น