อดีตแห่งเมืองจันทร์ที่เล่าผ่านชุมชมโบราณริมแม่น้ำจันทรบูร

11 ปีแห่งการยึดครอง..

จันทบุรี ที่ๆ ไม่ใช่กาญจนบุรีและราชบุรี แน่นอนว่าหลายคนคงไม่งงกับชื่อสามจังหวัดนี้ แต่คนที่ความจำเรื่องพวกนี้ไม่ค่อยดีเหมือนที่จำไม่ได้ว่า อันไหนสมุทรสาครอันไหนสมุทรสงครามแบบเรา ค่อนข้างจะสับสนอยู่พอสมควร แต่เอาล่ะ อยากจะมาพูดถึงที่นี่มานานแล้ว ที่ๆ แค่ก้าวแรกก็ทำให้ต้องร้องโอ้โห! เอาล่ะ เกาหลีก็เกาหลีเหอะ! สมัยก่อนคุณเจ้ฝรั่งเศสนางก็เป็นเจ้าแม่แห่งการส่งออกวัฒนธรรมผ่านทางการล่าอณานิคมไม่แพ้ใครเหมือนกัน

ก็แหม่! แม่คุณเขาเล่นบุกมาเมืองไทย ชาติสยามเมืองยิ้ม ในสมัยที่ยิ้มยังแปลแค่ว่ารอยยิ้มนู้น พยายามจะมาเคลมเขตแดนฝั่งแม่น้ำโขง แต่ด้วยความเก่งกาจของ ร.5 ของเรา ยอมเสียส่วนน้อยเพื่อรักษาส่วนใหญ่ ก็เลยยอมสละจันทบุรีให้ฝรั่งเศสไป และนั่นแหล่ะ จันทบุรีของเราก็อยู่ภายใต้ฝรั่งเศสยาวนานจนถึง 11 ปี จน 11 ปีนี่ก็ทำให้เกิดอะไรต่อมิอะไรเยอะแยะไปหมด แต่สิ่งหนึ่งที่เห็นว่า ไม่ว่าฝรั่งเศสจะไปอยู่ที่ไหน จะไปลงหลักปักฐาน จะไปตั้งแนวรบที่ไหน นางก็จะมีอยู่หลักๆ 2-3 อย่างตามนางไป (ก่อนหน้านี้ก็เห็นที่เวียดนามมาแล้วทีนึง) ก็คือสถาปัตยกรรมบ้านเรือน กับโบสถ์ที่สร้างเลียนแบบที่นั่นที่นี่ แต่เอาล่ะ ขอเรียกว่าได้แรงบันดาลใจละกัน เพราะประวัติเขาว่ากันว่างั้น...

บ้าน...

นี่หรือเปล่าที่ทำให้แม้กระทั่งยามที่ต้องต่อสู้จนตัวตาย..

แต่ก็ยังยอมที่จะสร้างสิ่งแวดล้อม ให้เหมือนกันบ้านที่ตัวเองจากมา

แต่จริงๆ แล้ว บ้านในแผ่นดินคนอื่นมันอบอุ่นเหมือนบ้านจริงๆ หรือเปล่านะ?

ทิ้งเมืองกรุง มุ่งสู่เมืองจันทบุรี

เช้าวันหยุดกับกระเป๋าหนึ่งใบพร้อมมุ่งสู่เมืองจันทร์...

แม้ความแผดเผาของแดดที่หมอชิต 2 ก็ไม่อาจหยุดยั้งเราได้

ด้วยความงง งวย ก็เดินแบบ งงๆ นี่แหล่ะ เข้าสู่ชาญชลา 3 ในหมอชิตที่เป็นสถานีขนส่งไม่ใช่สถานี BTS

ซื้อตั๋วรถตู้กรุงเทพจันทบุรีด้วยใจที่มุ่งมั่น

หลับๆ ตื่นๆ ไปมา ปวดตูดบ้าง เหน็บกินบ้างแต่ในที่สุด 4 ชั่วโมงนิดๆ ก็มาถึงขนส่งจันทบุรี ที่ๆ คนทัวร์ไม่มากแต่รถตู้ที่หลากหลาย ลงรถมาก็ไม่รีรอที่จะพาตัวเองไปถามเคาท์เตอร์เรื่องเวลารถหมดก็ได้ความว่ารถก็หมดจริงๆ 2 ทุ่มกว่าเห็นจะได้

เอาล่ะ..

วันนี้คงเป็นอีกวันที่ได้ดูพระอาทิตย์ตกที่นี่ล่ะนะ...

สุดท้ายก็หยิบหมวก ผูกเชือกรองเท้าให้มั่น! ไปตะลุยชุมชนเก่าริมแม่น้ำจันบูรกัน!! พร้อมกับเปิด Google Map นำทางเช่นเคย

ระหว่างทางเดินก็แอบคิดว่าก็ในเมืองชุมชนริมน้ำและโบสถ์ที่เราจะไป มันไม่ได้ดูไกลจากขนส่งขนาดนั้น แล้วเราก็เดินมาขนาดนี้แต่มันยังไม่ถึงซักที ก็น่าจะขึ้นมอเตอร์ไซค์วินไปเลยเนอะ

แต่เราก็คือเรา คนงก 2018 ยังคงดู google map แล้วมุ่งหน้าเดินต่อไป...

ไม่เกิน 30 นาที เท้าสองข้างก็พาเรามาถึงชุมชนเก่าริมแม่น้ำจันทบูรจนได้


ชุมชนริมน้ำ กับวิถีชิวที่ยังหลงเหลืออยู่

“ชุมชนเล็กๆ เพียงแค่ 1 กิโล กับบ้านเรือนที่มีศิลปะการสร้างแบบเรือนขนมปังขิง ตั้งแต่สมัยรัตนโกสินทร์”

คงจะเป็นคำจำกัดความของชุมชนนี้ได้ดีเลยล่ะ เพราะแค่ก้าวแรกที่เราเดินเข้ามา เราก็จะเห็นความเก่าแก่ แบบดั้งเดิมมากๆ ไม่ว่าจะเป็นบ้านเรือนที่เป็นรูปแบบการสร้างได้รับอิทธิพลมาจากฝรั่งเศสสมัยที่เมืองจันทร์ยังอยู่ภายใต้ฝรั่งเศสนู้น

“ที่เที่ยวที่ห้ามพลาด” มันก็จริงแหล่ะ แต่ความจริงก็ไม่จำเป็นต้องแหกขี้ตาตื่นแล้วมาแต่เช้าก็ได้ เพราะมันแค่โลเดียวเอง สั้นชนิดที่ว่าไม่รู้จะเรียกหมู่บ้านได้มั้ย แต่ถ้าตัดเรื่องนั้นไป ที่นี่ก็สวยดี เป็นเมืองคูลๆ ที่อากาศโครตจะไม่คูล ร้อนแบบให้เธอได้ลองซ้อมตกนรกได้อย่างดีเลยล่ะ แต่เชื่อเถอะว่าที่นี่จะทำให้เธอได้ถ่ายภาพเปลี่ยนโปรไฟล์ตลอดทั้งปีก็ไม่หมด!

เหมือนหมู่บ้านฝรั่งเศสที่ปล่อยให้ฝุ่นและกาลเวลาจับคราบแห่งความเก่าแก่มันเกาะไปหมด...

สมัยก่อนแถวนี้คงจะมีคนเดินไป เดินมากันพลุกพล่าน

ท่ามกลางการค้าขายที่เจริญรุ่งเรือง

จากริมแม่น้ำที่มีการแลกเปลี่ยนสินค้าจากหลากหลายประเทศ

ด้วยรอยยิ้มและวิถีชิวิตที่มีต่อกัน...


โบสถ์คริสต์เมืองจันทร์

เค้าว่ากันว่า ซึ่งไม่รู้ว่าเค้าที่ว่านี่คือใคร แต่เอาเถอะ เอาเป็นว่าเค้าว่ากันว่า โบสถ์นี้เป็นโบสถ์ที่สวยที่สุดในประเทศไทยก็แล้วกัน แล้วก็พบว่าจริงๆ มันก็น่าจะเป็นอย่างที่เค้าว่าแหล่ะ เพราะที่นี่ได้กลิ่นอายความเป็นโบสถ์น็อตเตอร์ดามมากๆ แต่มันก็ทำให้เราเห็นอะไรได้ชัดมากๆ เมื่อมาที่นี่

“หลายครั้งเหลือเกินที่ฝรั่งเศสพาตัวเองไปที่ไหน ก็จะไปสร้างโบสถ์ที่คล้ายโบสถ์น็อตเตอร์ดามไว้ที่นั่น”

(เหมือนที่เราได้เห็นโบสถ์น็อตเตอร์ดามในเวียดนาม อ่าน โฮจิมินห์กับความจริงของเวียดนามที่ต้องค้นหา )

นั่นเพราะอะไรกันนะ?

เพราะนี่คือการส่งออกวัฒนธรรม

หรือเพราะจริงๆ แล้ว...

ความคิดถึงบ้านมันก็มีอยู่ในทุกผู้ทุกคนกันแน่?

ระหว่างเดินไปในชุมชนริมน้ำจันทบูร ก็จะเห็นซอยเล็กๆ เพื่อจะเดินข้ามไปสู่โบสถ์วัดแม่พระปฏิสนธินิรมล เมื่อเดินลัดซอยเล็กๆ เข้าไปก็จะเจอสะพานเล็กๆ เราสามารถเดินเข้าไปได้เลย



ความจริงแล้วโลกนี้มันกว้างเนอะ เราเป็นเหมือนแค่ฝุ่นเล็กๆ ในอากาศเอง การได้ก้าวออกไปดูว่าโลกนี้มันถูกสร้างสรรค์มายังไง มันก็ดีเหมือนกัน อย่างน้อยเราก็ได้รู้ว่า แม้ในแผ่นดินประเทศเดียวกัน ก็ยังมีที่ๆ สวยงามขนาดนี้อยู่

ที่ๆ ทำให้เราได้รู้ว่า...

เวลามันสำคัญ มันเปลี่ยนอะไรไปได้มากมายจริงๆ

บางอย่างก็ควรจะปกป้องไม่ให้กาลเวลาทำอะไรกับมัน

บางอย่างก็ต้องปล่อยให้มันเปลี่ยนไป

ในแบบที่มันเป็น


ด้วยรัก

ฉัน ไป ไหน มา

https://www.facebook.com/Chanpainaimaa/


Been There Alone

 วันพฤหัสที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2561 เวลา 21.52 น.

ความคิดเห็น