...เทรนด์ร้านกาแฟทุกวันนี้เปลี่ยนไป เป็นเทรนด์ที่นั่งจิบกาแฟพร้อมกับเสพธรรมชาติไปในตัว ไม่ว่าจะเป็นร้านกาแฟที่ตั้งอยู่ตามลำธาร ป่าเขา หรือจะเป็นกลางทุ่งนา เพื่อเป็นการไม่ตกเทรนด์ ก็เลยลองแวะเวียนเข้าไปแชะ ชิม แชร์สักหน่อย บังเอิญขับรถผ่านแถวรังสิตคลอง 15 อ.องครักษ์ จ.นครนายก อยากหาจุดพักรถข้างทางแวะกินกาแฟแก้ง่วงสักหน่อย นึกได้ว่าเคยเห็นร้านกาแฟร้านนึงอยู่แถวนี้ในโลกโซเชียล search หา location จาก googlemap ขับรถข้ามสะพานคลอง 15 ไปประมาณกิโลนึงก็ถึง ร้านนี้จะมี 2 โซนเข้าได้ 2 ทางคือด้านหน้าและด้านหลัง หากไปตาม google map จะตรงไปจอดด้านหน้าร้าน ส่วนด้านหลังก่อนถึงร้านจะมีป้ายบอกทางว่าเลี้ยวซ้ายไปตามป้ายได้เลย แต่ถนนด้านหลังต้องทำใจนิดนึง ต้องค่อยๆหยอด เพราะมีหลุมเล็กๆอยู่บ้าง แต่เข้าไปไม่ลึกนัก ด้านหลังจะเป็นอีกโซนนึง

มองเทรอส์ คาเฟ่ & ฟาร์ม

  • สถานที่ตั้ง : 77 หมู่ 4 ตำบลบึงศาล อำเภอ องครักษ์ จ.นครนายก 26120
  • เบอร์โทรศัพท์ : 087 979 7341
  • เฟสบุ๊ค : https://www.facebook.com/Montreuxcafeandfarm/
  • เวลาทำการ : อังคาร-อาทิตย์ เวลา 09.00-19.00 น. ปิดวันจันทร์
  • ราคา : กาแฟ 60-100 อาหาร 100 -200
  • พิกัด : 14.095931, 100.955150

ลักษณะของตัวอาคารแว่บแรกที่เห็นเหมือนโรงนาตามชนบททางทวีปยุโรปแถมมีต้นสนเป็นพร็อพทำให้ยิ่งดูเหมือนเข้าไปใหญ่ เข้ามาด้านในแอร์เย็นฉ่ำช่วยผ่อนคลายความเมื่อยล้าจากการเดินทางได้เป็นอย่างดี การออกแบบภายในดูโปร่งโล่งสบายๆเพราะเพดานสูง มีพันธ์ุไม้แขวนเขียวๆอย่างพวกเฟิร์นบอสตันห้อยระย้าทำให้สีสันที่ดำทะมึนภายในอาคารดู soft ลง เฟอร์นิเจอร์ที่ใช้ดูสวยลงตัวกับสไตล์การตกแต่งแบบ industry loft บรรยากาศดูผ่อนคลายเหมาะแก่การนั่งดื่มกาแฟชิลๆแล้วมองออกไปนอกหน้าต่าง หากมีดนตรีสไตล์คันทรีเปิดคลอเบาๆนั่งมองฝนพรำผ่านหน้าต่างคงจะฟินเป็นอย่างมาก

เมนูในร้านนอกจากจะมีจำพวกขนมเค็ก กาแฟ แล้วยังมีอาหารจำพวกข้าวไว้ให้บริการอีกด้วย ถึงแม้รายการอาหารไม่เยอะเท่าไหร่ ยังไม่ถึงขั้นเป็น cafe & restuarant แต่รสชาติอาหารและหน้าตาทำออกมาดูดี หลังจากรองท้องและนั่งจิบกาแฟพอได้ที่ ก็ขอเดินย่อยเก็บภาพรอบๆบริเวณเสียหน่อย พื้นที่ด้านนอกเป็นส่วน open air มีพันธ์ุไม้แขวนประดับประดาดูสบายตาอยู่เต็มไปหมด บริเวณนี้เหมาะสำหรับไว้นั่งชิลชิลชมวิวสวนสวย แต่เหมาะสำหรับช่วงเย็นๆ หรืออากาศหนาวสักหน่อย เพราะบ้านเราเป็นเมืองร้อน อากาศค่อนข้างสาหัสเลยหากมานั่งด้านนอกช่วงเที่ยงๆบ่ายๆ เลยออกไปมีมุมถ่ายภาพเป็นห้องน้ำมีข้อความที่ทำให้เรายิ้มได้ตัวเบ้อเริ่มอยู่เหนือห้องน้ำว่า "Every Time Make Us Smile "ทั่วบริเวณของสวนมองไปทางไหนก็เขียวขจี มีดอกหญ้าน้ำพุสีม่วงกับสีขาวพริ้วไหวยามเมื่อต้องลม

ทราบว่าพื้นที่ของร้านกาแฟนี้มี 2 โซน ด้านหน้าจะเป็นในส่วนของร้านกาแฟออกแนวสไตล์คันทรีของยุโรป แต่ด้านหลังจะเป็นสไตล์ร้านกาแฟวิวบ้านทุ่งสามารถเดินเชื่อมต่อถึงกันได้ แต่ผมจะขอเริ่มต้นที่ทางเข้าด้านหลังก่อนเลย หากเรามาจอดรถที่ด้านหลังแล้วเดินผ่านประตูเข้ามาจะเห็นทางเดินซุ้มหลังคาไม้ไผ่มีกล้วยไม้ และพันธ์ไม้ประดับต่างๆตกแต่งเข้ากับวิวด้านข้างที่เป็นทั้งบ่อเลี้ยงปลาและฟาร์มเลี้ยงเป็ด-ไก่ มีแปลงนาข้าวผืนเล็กๆกับพืชผักสวนครัวอยู่ทั่วพื้นที่ นอกจากจะปลูกไว้กินแล้วยังสามารถนำมาตกแต่งแทนสวนไม้ดอกไม้ประดับได้เลยทีเดียว

ในส่วนของตัวร้านกาแฟเป็นลักษณะบ้าน 2 ชั้น มีมุมนั่งทานอาหารทั้งชั้นบน ชั้นล่างและด้านข้างแล้วก็ในศาลาริมน้ำ การสั่งอาหารและเครื่องดื่มจะเป็นแบบ self service ดูเมนูจากป้ายแล้วชำระเงินจากนั้นเมื่ออาหารเสร็จพนักงานจะเรียกชื่อผู้สั่งให้มารับอาหาร ตรงโซนด้านหลังนี้จะเป็น open air ทั้งหมด

ได้ฟังแรงบันดาลใจในการเปิดร้านกาแฟและไอเดียการตกแต่งร้านจากทางเจ้าของร้านแล้วรู้สึกประทับใจจึงมาบอกต่อ แรกเริ่มเดิมทีเมื่อครั้งที่เจ้าของร้านคือคุณช้างได้เดินทางไปยังหมู่บ้านเล็กๆในเมืองมองเทรอส์ประเทศสวิตเซอร์แลนด์แล้วรู้สึกประทับใจในเมืองนี้ที่สร้างความสุขให้กับตัวเขาเป็นอย่างมาก เขาเลยกลับมาอยากจะสร้างสถานที่สักแห่งให้เมื่อเข้ามาแล้วมีความสุขได้รอยยิ้มกลับไป ประกอบกับทางเจ้าของร้านเติบโตมากับครอบครัวชนบท คุณแม่เป็นคุณครูประชาบาลเงินเดือนน้อย และคุณแม่ของคุณช้างชอบปลูกผักปลูกหญ้าไปตามประสา คุณช้างก็คอยช่วยเก็บผักขาย โตมาเหมือนเด็กชนบททั่วไปต้องช่วยเหลือตัวเองตั้งแต่เล็ก และคุณช้างเป็นคนชอบเดินทางชอบกาแฟคุณแม่เป็นคนชอบปลูกผัก จึงเป็นที่มาของร้านกาแฟ Montreux Cafe' & Farm และไอเดียนี้เองที่คุณช้างอยากให้เด็กๆในสมัยนี้รู้ว่าสมัยก่อนวิถีชีวิตคนเราโตมาแบบนี้ เขาอยู่กันแบบนี้ ปลูกข้าว เลี้ยงเป็ด เลี้ยงไก่ ปลูกผักไว้กินไว้ใช้ กันแบบนี้ ก็เลยกลายเป็นร้านกาแฟแบบฟาร์ม และทางร้านก็มีกิจกรรมให้เด็กๆทำไม่ว่าจะเป็นการทดลองดำนาด้วยตัวเอง การให้อาหารสัตว์เลี้ยงเป็ดไก่ การปลูกผัก การทำไข่เค็มเป็นต้น

หลังจากเด็กๆทำกิจกรรมกันเสร็จก็จะเป็นช่วงเวลาแห่งความสุขของเด็กคือการมาเล่นน้ำโคลนกัน โดยทางร้านได้ทำสไลเดอร์โคลนไว้ให้เด็กๆเล่น เล่นเสร็จก็ล้างตัว อาบน้ำกลับบ้าน ซึ่งภาพแบบนี้แทบจะไม่เคยเกิดขึ้นกับเด็กยุคใหม่ในสังคมเมืองนี้เลย เห็นรอยยิ้มของเด็กๆได้เล่นได้ใช้ชีวิตแบบเด็กสมัยก่อนก็ทำให้เรามีความสุขตามไปด้วย ก็ขอฝากไว้อีกร้านนึงที่บรรยากาศดี มีกิจกรรมเสริมสร้างครอบครัวที่มีประโยชน์ให้ทำร่วมกัน ผ่านไปผ่านมาก็ลองแวะเข้าไปชมกันได้น่ะครับ


-ขอขอบคุณเพื่อนๆที่ได้เข้ามาชม และ กด like กด share เป็นกำลังใจน่ะครับ

-แลกเปลี่ยนข้อมูล หรือพูดคุย สอบถามข้อมูลการเดินทาง สตั๊ดดอยร้อยเรื่องราว

-ติดตามบทความเก่าๆ ได้ที่นี่ครับ ทริปเดินทางทั้งหมด




สตั๊ดดอย ร้อยเรื่องราว

 วันศุกร์ที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2561 เวลา 16.01 น.

ความคิดเห็น