เช้านี้ต้องบอกว่าเราแหกขี้ตาตื่นกันแต่เช้าเลย เพราะรถไฟขบวนที่จองไว้จะออกเดินทางในเวลา 06.10 น. แผนการเดินทางเช้านี้คือไปยังเมืองคาโกชิมะ (Kagoshima) ซึ่งเราจะเดินทางด้วยรถไฟชิงคันเซน Tsubame307 ราว 2 ชั่วโมงและไปถึงในเวลา 08.10 น.

ขบวนรถ Tsumabe307 ที่พาเราเดินทางจากฮากาตะ (Hakata) สู่คาโกชิมะ (Kagoshima) เป็นรถไฟชิงคันเซนอีกขบวนที่เราภูมิใจนำเสนอเพราะระหว่างการเดินทางได้รับความสะดวกสบายจากสิ่งอำนวยความสะดวกจนลืมไม่ลงเอาเลย และรู้สึกชื่นชมกับสิ่งที่เขาจัดทำไว้อย่างดีราวกับว่านี่ไม่ใช่บรรยากาศบนรถไฟ

ห้องน้ำ

ห้องแต่งตัว

ตู้กดซื้อน้ำดื่ม

ห้องสูบบุหรี่

รับประทานอาหารเช้าบนรถไฟได้สบายๆ

แต่ดูวันนี้น่าจะไม่ใช่วันของเราเพราะตื่นมาแต่เช้ามืดฟ้าฝนไม่เป็นใจ ตกกระหน่ำเฉอะแฉะไปหมด เช็คอากาศแล้วก็ดูเหมือนจะเป็นอย่างนี้ตลอดทั้งวันและครอบคลุมพื่นที่ที่เราจะไปเที่ยว ดังนั้น วันนี้คงเอาสาระอะไรไม่ได้แน่ เศร้าเลย แต่เมื่อแผนวางไว้แล้ว ตั๋วก็จองแล้วก็ไปตามแผนค่ะ แค่ได้นั่งรถไฟเล่นก็แล้วกัน

เมื่อเดินทางไปถึง ฝนก็ยังตกอยู่ ทำให้เป็นอุปสรรคในการเที่ยวเล่นของเราพอสมควร เมื่อเดินเล่นไปไหนไม่ได้ ไปนั่งรถชมเมืองเล่นดีกว่า ที่นี่เขาจะมีรถบัส City View ซึ่งจุดขึ้นรถบัสอยู่หน้าห้างไม่ไกลจากสถานีคาโกชิมะ-ชูโอวที่เรานั่งชิงคันเซนมา รถบัสคาโกชิมะซิตี้วิวชูยูบัส จะมี 2 สายให้เลือก ซึ่งที่ป้ายจะมีบอกว่าแต่ละสายจะไปไหนบ้าง ก็เลือกนั่งตามใจชอบและขึ้นอยู่กับเวลาที่เราสะดวก อยากแวะลงจุดไหนก็ลงเที่ยว แล้วก็กลับมาขึ้นรถต่อที่จุดเดิม แต่สำหรับเราลงไหนไม่ได้แน่ค่ะ ฝนตกหนักตลอดได้แค่นั่งรถชมเมือง จะเก็บภาพมาฝากยังไม่ได้เลย

รถรางในคาโกชิมะ

ตารางเดินรถ City View

รถมาแล้วค่ะ

สำหรับเมืองคาโกชิมะ (Kagoshima) ซึ่งเป็นเมืองที่อยู่ใต้สุดของเกาะคิวชู มีหลายอย่างที่จะให้ความรู้สึกแตกต่างจากจังหวัดอื่นๆ ในประเทศญี่ปุ่นค่อนข้างมากค่ะ ที่นี่อากาศจะเหมือนประเทศในเขตร้อนชื้น เนื่องจากคาโกชิมะตั้งอยู่ทางตอนใต้ทำให้อากาศคล้ายๆ กันนั่นเอง แต่ก็ไม่ร้อนเหมือนกันไทยแน่นอน บางคนเรียกคาโกชิมะว่า "เนเปิลส์แห่งตะวันออก" เพราะมีภูมิประเทศและภูมิอากาศคล้ายๆ กัน

จุดเด่นของเมืองนี้ คือมีภูเขาไฟที่ยังคุกรุ่นอยู่บนเกาะซะกุระจิมะ (Sakurajima) ภูเขาไฟยังมีควันพวยพุ่ง เมืองทั้งเมืองตั้งอยู่บนแผ่นดินที่เกิดจากการทรุดตัวหลังเกิดภูเขาไฟระเบิด ยังไม่มีตึกระฟ้าบดบัง ดังนั้น แม้จะอยู่ในเมืองก็สามารถมองเห็นได้แม้ไม่ต้องมาถึงเกาะก็ได้ ใจจริงนึกอยากนั่งเรือไปเที่ยวเกาะซะกุระจิมะ แต่ฟ้าฝนไม่เป็นใจเลยเลิกคิดค่ะ

ด้วยความอุดมสมบูรณ์ของแร่ธาตุในดินหินภูเขาไฟนี้เอง ทำให้ปลูกอะไรก็ใหญ่โต ของเด็ดบนเกาะนี้คือหัวไชเท้ายักษ์ มีขายแบบดองใส่ซองไว้ให้เลือกซื้อด้วยค่ะ ใครมาเมืองนี้ซื้อเป็นของฝากได้ค่ะ

รถ City View แบบที่เรานั่ง

สรุปแล้วเราไม่สามารถไปไหนกันได้เลยเนื่องจากฝนตกไม่หยุด จึงทำได้แค่นั่งรถเล่นแค่นั้นและรอเวลารถไฟเพื่อไปเมืองถัดไป ไม่ได้เที่ยวเมืองคาโกชิมะอย่างที่คิดไว้เลย นี่คือเรื่องที่ต้องทำใจในการมาเที่ยวจริงๆ ค่ะ การมาเที่ยวต้องทำใจเผื่อไว้ว่าบางครั้งอะไรๆ ก็ไม่เป็นไปตามแผนที่วางไว้เสมอไป

หลังจากการเที่ยวที่คาโกชิมะไม่เป็นผล เพราะเต็มไปด้วยฝน เราจึงจำออกเดินทางด้วยรถไฟชิงคันเซน Sakura560 สู่จังหวัดคุมาโมโตะ (Kumamoto) ต่อไป เป็นการเดินทางตามตั๋วรถไฟที่จองไว้และได้แต่ลุ้นให้ฝนเบาเม็ดลงเพื่อเราจะได้เดินเที่ยวเล่นได้บ้าง ไม่เช่นนั้นวันนี้ทั้งวันดูจะไม่ได้สาระอะไรติดตัวกลับเลย แม้จะไม่จำเป็นต้องมีสาระก็ตามที

อาหารกลางวันของเราค่ะ

มองเห็นภูเขาไกลๆ หรือจะใช่เกาะซากุระจิมะ

เมื่อเดินทางมาถึง คุมาโมโตะต้อนรับเราอย่างอบอุ่นตั้งแต่ที่สถานีรถไฟ ด้วย “เจ้าหมีคุมะมง” มาสคอตประจำจังหวัดรอต้อนรับเต็มสถานีไปหมด น่ารักคิกขุสำหรับใครที่ชอบเจ้าหมีคุมะมงก็จะได้พบเจ้าตุ๊กตานี้ทั่วสถานี รวมทั้งในร้านของฝากภายในสถานีด้วยเพราะทุกๆ ผลิตภัณฑ์จะมีมาสคอตนี้ประดับตกแต่งไว้หมด

เมื่อลองเดินออกไปนอกสถานีทำให้เห็นว่าฝนเบาเม็ดลงไปบ้างแล้ว ดังนั้น เราจึงไม่รอช้าพากันขึ้นรถรางที่ด้านหน้าสถานีไปยังปราสาทคุมาโมโตะ (Kumamoto Castle) กันก่อนเลย Kumamoto City Tram ใช้เดินทางภายในตัวเมืองคุมาโมโตะได้อย่างสะดวก จะผ่านจุดท่องเที่ยวสำคัญๆ หลายแห่ง เช่น ปราสาทคุมาโมโตะ, สวนซุยเซ็นจิ (Suizenji) ในการขึ้นรถนั้นให้ขึ้นประตูตรงกลางรถ และจ่ายเงินตอนที่จะลงรถ สายที่เราขึ้นคือสาย A เริ่มจากสถานี Tasakibashi ไปยังสถานีปลายทาง Kengunmachi ซึ่งสายนี้จะผ่านสถานี JR Kumamoto ที่เราขึ้นกันมานี้ละ และอีกสายคือสาย B เริ่มจากสถานี Kamikumamotoไปยังสถานีปลายทาง Kengunmachi สายนี้จะผ่านสถานี JR Kamikumamoto

เมื่อไปลงทางลงที่ใกล้ที่สุด เราก็เดินเลาะริมกำแพงปราสาทคุมาโมโตะไป ทำให้ได้เจอดอกซากุระจำนวนหนึ่งที่เริ่มบาน แต่อากาศแปรปรวนมีฝนมาแบบนี้คงจะต้องใช้เวลาอีกระยะกว่าจะบานเต็มที่ ปกติแล้วในช่วงฤดูใบไม้ผลิที่นี่ก็เป็นแหล่งดูซากุระที่นิยมมากๆ เพราะรอบๆ ปราสาทปลูกต้นซากุระตลอดแนวกำแพงริมน้ำและบริเวณสวนด้านนอก ที่นี่มีต้นซากุระถึง 800 ต้นเรียกได้มาว่าที่นี่ได้ทั้งชมวิวเมือง ได้เรียนรู้ประวัติศาสตร์ และยังได้สัมผัสกับธรรมชาติที่สวยงามไปพร้อมๆ กัน

เมื่อเดินไปก่อนถึงทางเข้าชมปราสาท เราจะพบกับ “ซากุระโนะบาบะ โจไซเอ็น” (Sakuranobaba Johsaien) ที่นี่เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ตั้งอยู่ติดกับปราสาทคุมาโมโตะเลย ถนนร้านค้าซากุระโนะโคจิ ด้านในเรียกได้ว่าเป็นสถานที่อัดแน่นไปด้วยเสน่ห์แห่งคุมาโมโตะเลยก็ว่าได้ โดยเป็นแหล่งรวมร้านค้าที่จำหน่ายอาหารและของฝากจากคุมาโมโตะมากมายกว่า 23 ร้าน นอกจากนี้ก็ยังเป็นที่ตั้งของ “พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมวาคุวาคุสะ” (Wakuwakuza History and Cultural Experience) สถานที่เรียนรู้ประวัติศาสตร์ของคุมาโมโตะผ่านวีดิโอและศูนย์ประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยว ซึ่งเป็นแหล่งรวมข้อมูลการท่องเที่ยวทั่วจังหวัดคุมาโมโตะ ใครจะใช้ที่นี่เป็นจุดตั้งต้นของทริปท่องเที่ยวคุมาโมโตะก็ได้เลยค่ะ

เราเดินต่อไปยังปราสาทคุมาโมโตะ แต่วันนี้ไม่ใช่วันของเราจริงๆ ค่ะ ที่นี่ยังคงปิดไม่ให้เข้าชมตั้งแต่เหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งใหญ่เมื่อวันที่ 16 เมษายน 2559 ปราสาทแห่งนี้เป็นปราสาทที่มีกำแพงหินใหญ่กว่า 20 เมตร ซึ่งเป็น 1 ใน 3 ปราสาทขึ้นชื่อของญี่ปุ่น ภายในปราสาทเต็มไปด้วยไฮไลท์มากมาย เช่น ห้องโชกุนโนะมะที่สุดโอ่อ่าอลังการเพราะปิดแผ่นทองคำบนผนังและประตูบานเลื่อนกรอบไม้เล่าเรื่องราวของ “หวังเจาจิน” สาวงามในหน้าประวัติศาสตร์โศกนาฏกรรมของประเทศจีน เป็นต้น น่าเสียดายที่ได้รับความเสียหายอย่างหนักจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งนั้น จนทำให้หลายพื้นที่ปิดให้บริการและกำลังเดินหน้าบูรณะฟื้นฟูอย่างเต็มที่จากเงินบริจาคของชาวเมือง จึงเรียกได้ว่า ที่นี่เป็นสัญลักษณ์แห่งคุมาโมโตะและเป็นแหล่งรวมใจของชาวเมืองคุมาโมโตะอย่างแท้จริง

เมื่อผิดหวังอีกครั้ง ครั้งแล้วครั้งเล่า เราก็ทำได้เพียงเดินชมดอกซากุระที่เริ่มบานบางส่วน แล้วก็เดินกลับออกมาและเดินไปเที่ยวย่านช้อปปิ้งอย่างถนนชิโมโทริ (Shimotori) ที่มีร้านค้า ร้านของฝาก ร้านกิ๊ฟช้อป ร้านขายเครื่องสำอาง ร้านกาแฟ และร้านอาหารญี่ปุ่นแบบดั้งเดิมมากมาย ก่อนจะเดินต่อไปยังถนนคามิโทริ และถนนซันชินซึไก (Kamitori, Sun Shin-shigai) ที่ตั้งอยู่ในละแวกเดียวกัน ซึ่งเป็นย่านที่คึกคักมากที่สุดของตัวเมืองคุมาโมโตะ (Kumamoto) ตลอดถนนมีหลังคาโค้งคลุมสามารถเดินทะลุถึงกันหมดได้อย่างสบายๆ แต่ก็ไม่ได้อะไรติดมือกลับกันสักชิ้น

จนเห็นว่าใกล้เวลารถไฟที่จะต้องเดินทางกลับ ก็นั่งรถรางกลับมาสู่สถานีรถไฟคุมาโมโตะ

และแล้วเราก็ได้เวลาออกเดินทางกลับตามเวลารถไฟที่จองไว้ นับเป็นวันแห่งความผิดหวังอย่างแท้จริง

ทักทายกับพี่ใหญ่และหนูเล็กกันได้ค่ะที่ https://www.facebook.com/TravelWithPiyaiAndNoolek/

Piyai&Noolek

 วันอังคารที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2561 เวลา 20.57 น.

ความคิดเห็น