น้ำโขง ถือเป็นหัวใจของชุมชนสองฝั่งไทย-ลาวก็ว่าได้ คือศูนย์รวมอาหาร ศูนย์รวมวัฒนธรรม ที่สำคัญเป็นศูนย์รวมจิตใจ ของทุกคนที่อาศัยอยู่ ณ ละแวกนี้ ฉะนั้น จึงไม่แปลก หากคุณขับรถไปตามจังหวัดเลียบน้ำโขงแล้วเจอสถานที่สักการะพญานาคมากกว่าที่อื่น

เมื่อพูดถึงสองฝั่งโขง เรามักจะนึกถึงอะไรนอกจากองค์พญานาค แน่นอนว่าคงเป็นสาวสวยนุ่งซิ่นเดินสวนกันไปมา วันนี้จะพาตะลอนทัวร์ 3 จังหวัด บึงกาฬ-นครพนม-มุกดาหาร โดยใช้เส้นทางเลียบแม่น้ำโขง มาดูกันว่าจะมีอะไรที่น่าตื่นตาตื่นใจบ้างค่ะ

เริ่มจาก บึงกาฬ จังหวัดน้องใหม่ ที่แยกออกมาจากจังหวัดหนองคาย ถือเป็นเมืองที่คนมีโลกส่วนตัวสูงคงชอบมากแน่ๆ เนื่องจากเป็นเมืองสงบเงียบเรียบง่าย คงความเป็นชุมชนเก่าแก่ไว้อย่างดี ชาวบ้านที่นี่ยังคงหาปลาด้วยวิธีเก่าแก่ โดยใช้กาละมังใบใหญ่เป็นเรือพาย

ใกล้กันคือเหล่าผีพรายทีมขุนหาญ กำลังขะมักเขม้นซ้อมพายเรืออย่างเอาจริงเอาจัง เพื่อที่จะไปคัดตัวเข้าร่วมกิจกรรมแข่งเรือที่กำลังจะมาถึงนี้ สิ่งที่สัมผัสได้จากชุมชนแห่งนี้คือ หลายรุ่นหลายวัย ใช้ชีวิตร่วมกันบนความเรียบง่ายดั้งเดิมนี้อย่างกลมกลืนและลงตัว



ต่อไปคือ จังหวัดนครพนม ถิ่นนี้ชั่งมีมนต์ขลังสมคำล่ำลือจริงๆ ถนนเส้นเลียบน้ำโขงจังหวัดนี้ มีสถานที่สำคัญให้ดูตั้งแต่ก้าวมาถึง อาทิ จวนผู้ว่าราชการเก่าแก่ สถานที่สำคัญทางราชการสมัยก่อน

หรือจะเป็นปฏิมากรรมองค์พยานาคเจ็ดเศียร ตกเย็นมีถนนคนเดินหอนาฬิกาให้นักท่องเที่ยวเดินชิลกินลมริมฝั่งโขงอีกด้วย

และที่ประทับใจมากที่สุดคือกิจกรรมหาชมยาก อย่างการคล้องวัว แสดงให้เห็นถึงวิธีคล้องวัวของคนสมัยก่อนที่ใช้วิธีการสุ่ม-กระโจนอย่างเชี่ยวชาญ ในงานจะมีแม่วัวพันธุ์ดีที่ชาวบ้านนำมาจัดแสดง พร้อมทั้งมีจำหน่ายผ้าไทยย้อมคราม ซึ่งเป็นผ้าพื้นเมืองขึ้นชื่อของที่นี่ค่ะ




เสร็จจากนครพนม ก็ถึงเวลาเดินทางมุ่งสู่ จังหวัดมุกดาหาร เป็นอีกหนึ่งจังหวัดที่มีเสน่ห์ไม่แพ้2จังหวัดข้างต้น ที่นี่ผู้คนคึกคักดีค่ะ มีลูกค้าทั้งไทยและเทศมาจับจ่ายที่ตลาดอินโดจีนกันหนาแน่นเลยทีเดียว

ระหว่างตลาดอินโดจีนริมโขงฝั่งไทย มีวัดแห่งหนึ่งชื่อวัดศรีมงคลใต้ ตั้งอยู่บริเวณริมแม่น้ำโขงในตัวเมืองมุกดาหาร ซึ่งเป็นวัดคู่บ้านคู่เมืองจังหวัดมุกดาหารมาตั้งแต่อดีต ประชาชนเลื่อมใสศรัทธามานานนับหลายชั่วอายุคน จนเป็นที่รู้จักของพุทธศาสนิกชนชาวไทย และชาวลาวที่ข้ามฝั่งมากราบไหว้


แม้ยุคสมัยจะเปลี่ยนไปสักเท่าไหร่ แต่สิ่งหนึ่งที่เรายังคงเห็นก็คือวิถีความเป็นอยู่ของชุมชนริมโขงแห่งนี้ ที่ไม่เคยแปรเปลี่ยนไปจากเดิมเลย ทั้งประเพณี วัฒนธรรม ความเชื่อ ความศรัทธา ทุกอย่างยังคงดำเนินไปอย่างเรียบง่ายและเป็นไปตามที่ควรจะเป็น

เพราะ “การออกเดินทาง สร้างสรรค์เรื่องราวน่าประทับใจให้เราได้ง่ายๆ จนบางที...สิ่งนั้นเกิดขึ้นโดยที่เราก็ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำไป”

Wanitcha New

 วันพฤหัสที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2561 เวลา 15.24 น.

ความคิดเห็น