ต้องเกริ่นก่อนว่าทริปนี้เกิดจากความไม่ตั้งใจ เนื่องจากสายโทรศัพท์เข้าจากเพื่อนรัก"ยูเอส"ในวันพฤหัส

ยู: "มึงๆ ไปทะเลกันป่ะ?"

ต้าร์ : ทะเลเหรอ? ขอเป็นทะเลหมอกได้ป่ะมึง? กูไม่ค่อยเข้าใจมึงหว่ะยู หน้าหนาวจะไปทะเล หน้าร้อนจะไปดูหมอกเหรอ? เปลี่ยนแพลนเหอะมึง...กูขอร้อง !!! กูอยากดูหมอกก (สรุป เพื่อนอยากไปทะเล เราอยากดูหมอก เลยจบลงกึ่งกลางที่ทะเลหมอก 555+ )

เย็นวันนั้น เราจึงเริ่มหาห้องพัก เนื่องจากเราเลิกงาน 6 โมงเย็นกว่าจะกินข้าว ออกไปรับเพื่อน น่าจะได้ออกจากกทม.สัก3ทุ่ม และคงถึงประมานตี 3 เนื่องจากต้องขับกลางคืน

เราโทรไปหลายที่อยู่เหมือนกัน แต่ไม่มีที่ไหนให้ Check-in ตอนตี3เลย T_T

แต่เรื่องเที่ยว ความพยายามเราไม่มีที่สิ้นสุด...สุดท้ายก็มาได้ที่นี่แหละ "ฟ้าใสหมอกสวย" ได้นอนเต้นท์ ในราคาคนละ 450 บาท พร้อมอาหารเช้า

เย็นวันศุกร์ออกจากกรุงเทพฯ3ทุ่มนิด ตี3 เราถึงเขาค้อพอดี ทางขึ้นลงเขา 30 กว่าโลเป็น"กิโลแม้วมาก" กว่าจะถึงเล่นเอาเหงื่อตก แต่พอเห็นวิวนี่ Amazingมาก หายเหนื่อยเลย

นี่เป็นวิวตรงหน้าเราเลย ตรงที่เราเช่าเต้นท์คนละ 450 บาทนั่นแหละ เป็นวิวโซน C (ที่พักมี 3 โซนแตกกต่างกันไป A,B,C)


ถ่ายกลางคืนอาจไม่ชัดเท่าไร แต่บรรยากาศตอนนั้นมันเย็นจับใจจริงๆ เปิดเพลงเบาๆ ดูหมอกสวยๆ ท่ามกลางลมเย็นๆ มันใช่อ่ะ บอกตรงๆ !!! (ของจริงสวยกว่าในรูปนะ)

ตอนแรกกะว่าถึงแล้วจะนอนสักงีบ ค่อยตื่นมาดูหมอกตอนเช้าๆ แต่พอเห็นวิวนี่ติดสตั๊นไปเป็นชั่วโมง มันหลับไม่ลงจริงๆ เลยตั้งกล้องถ่ายรูปเล่นไปเรื่อยๆ

รู้ตัวอีกทีก็ตี 5 เลยไปอาบน้ำแล้วเข้านอน ส่วนเพื่อนเราหลับไปตั้งแต่ถึงละ ... ห้องน้ำก็อยู่ห่างประมาณ 50 เมตร มีไฟเปิดตลอด ไม่มืด มีแยกหญิงชาย ห้องน้ำถือว่าโอเคนะ มีน้ำอุ่นให้อาบด้วย ห้องใหญ่ดี


ไม่มีรูปห้องน้ำ เอาวิวหน้าห้องน้ำไปก่อนละกัน...


เราตื่นมาอีกทีประมาณ 8 โมง อากาศดีมาก หมอกก็มีให้เห็นอยู่นะ แต่อาจไม่มากเท่าตอนเย็นๆ ค่ำๆ


ในเต้นท์มีถุงนอนกับที่ปูนอนให้ แต่ก็ยังหนาวอยู่นะ เพราะน้ำค้างลงเยอะ แนะนำเอาผ้าหรือหมอนมาเพิ่มก็ดีค่ะ : )

อาบน้ำเส็ดก็ใส่มาแบบชุดเดิมเลย (ชุดทำงาน) เพิ่มเติมคือผ้าพันคอ ไม่ได้กลับไปเตรียมตัวเลย ทำงานเส็ดก็ออกเลย


โอเค ได้เวลาอาหารละ จากลานกางเต้นท์ เดินไปประมาณ 200ม. ก็ถึงค่ะ


ไม่ว่าคุณจะนอนห้อง 4500 หรือเต้นท์ 450 ก็กินที่เดียวกัน อาหารเหมือนกัน เป็น Breakfast ตักกินให้อิ่มได้เลย มี ไข่ แฮม ไส้กรอก ข้าวต้ม มันต้ม และผักสลัด ที่เค้าปลูกกันเอง อร่อยและสดดีนะ : )

กินเสร็จก็กลับมาที่เต้นท์ นั่งย่อยสักพัก ... อากาศดี๊ดี

โยกแรงไปหน่อย เกือบไม่ย่อยละอาหาร 555+

นั่งชิงช้า ชมวิวแบบนี้ก็เพลินๆดีนะ หายเหนื่อยเลย จากที่ขับรถมา 6 ชม.


เราเดินถ่ายรูปได้สักพัก ... ได้ยินเสียงตะโกนเรียก "มึงๆ มาทางนี้หน่อยดิ ช่วยกูหน่อย" หลายรอบมากๆ แล้วเราก็เจอ นี่เลย...

คือเราถ่ายมาหลายรูปมาก แบบงงๆ ว่าทำไมมันไม่ไปถ่ายที่วิววะ แต่ก็ยังไม่ถาม นึกว่าให้ช่วยถ่ายรูปให้ แถมให้ถ่ายแบบไม่เห็นหน้า บางทีก็งงนะ แต่ก็ถ่ายต่อไป จนมันพูดว่า "มึงๆกูหายใจไม่ออกละ กูเรียกมึงมาช่วย คือกูถอดเองไม่ได้ !!! ช่วยกูหน่อยได้มั้ย?" เท่านั้นแหละขำกร๊ากเลย 555+ (-*-) (- -") ("- -) คือมันเรียกไปถอดให้ ไม่ได้เรียกเราไปถ่ายรูป

เราขึ้นมา Check-out ประมาณ 11.45 แล้วก็ออกไปหากาแฟกิน และหาซื้อเครื่องดื่มมาตุนไว้คืนนี้ เพราะเราตกลงพักกันต่อ แต่คืนนี้เราจะนอนกันเป็นบ้านหลังใหญ่ ที่เค้าบอกวิวดีมาก ในราคา 4500 นอนได้ 4 คน ...

เราจึงเลือกกินกาแฟกันแค่ใกล้ๆ ออกจากปากทางเข้าที่พักเลี้ยวซ้ายไม่เกิน 1 กม. ที่ร้าน "Lake Hill Khao Kho" นั่งกินเรื่อยๆคอยเวลาบ่าย 2 เพื่อไป Check-in


ไม่ต้องขับไปไหนไกลเลย ร้านนี้วิวดีมาก อยากแนะนำ : ) รสชาติอาหารก็ใช้ได้เลยนะ ขนมหวานก็อร่อยดีค่ะ

มีที่ให้ถ่ายรูปเล่นเต็มไปหมด วิวภูเขาแบบพาโนราม่า

อาหารมีให้เลือกเยอะเหมือนกันค่ะ แต่เรากินกันเบาๆ

รสชาติอาหาร+ขนมหวาน 7/10 วิวและการบริการ 8/10 ค่ะ : )



นามบัตรร้านค่ะ เผื่อใครอยากไปกิน หรือไปพัก (เค้ามีที่พักด้วย)

ตอนเรากินเสร็จก็เกือบบ่าย 2 ละ จึงกะว่าจะแวะไป 7-11 แต่เค้าบอกว่าไกลอยู่นะต้องไปเป็น 10 กิโล ... แถมเป็น 10กิโลบนเขาด้วยดิ (กลัวมากกับ10โลแม้ว...) เราเลยซื้อของตรงร้านขายของชำใกล้ๆที่เรากินกาแฟ เป็นซูเปอร์มาเก็ตเล็กๆ ของที่พักข้างๆ พอแก้ขัดได้ (มีเครื่องดื่มขายค่ะ)

บ่าย2 ถึงเวลา Check-in ละ... เราเลือกบ้านหลังซ้ายมือเนี่ยแหละ เค้าบอกว่าวิวดีที่สุดที่เหลืออยู่ ณ ขณะนั้น เราอยู่ด้านบน พอเข้าไปจะมีแยกขึ้นไปห้องใต้หลังคาอีกชั้น เป็นชั้นลอย (บ้านนี้จะอยู่ถัดลงมาจากลานกางเต้นท์นิดนึงค่ะ)


ชั้นแรก จะมีโซฟา ทีวี และห้องน้ำ (ทั้ง2ชั้นไม่มีแอร์นะคะ เป็นพัดลม แต่หนาวมาก ไม่ต้องเปิดกันเลยทีเดียว)


ชั้นลอย (ใต้หลังคา) จะมีบันใดเล็กๆปีนขึ้นไปค่ะ

นี่เป็นห้องนอนใต้หลังคาค่ะ เตียงนุ่ม ผ้านวมหนา นอนสบายค่ะ ... มองเห็นวิวด้านล่างด้วยนะ

มาถึงห้อง เพื่อนเราก็ไม่พูดพร่ำทำเพลงให้เสียเวลา... จัดแก้วแรกตั้งแต่ยังไม่เก็บกระเป๋า 555+ มันบอกว่าอากาศเย็นๆ ต้องเร่งสร้างความอบอุ่นให้ตัวเอง

ส่วนเราก็ไปถ่ายรูปเล่น กลับมานั่งชมวิวอีกทีมันก็เริ่มเมาละ ...


วิวจากระเบียงห้องนอน ... ถ้ามีแฟนก็นั่งกอดกันมองพระอาทิตย์ตกดิน ในสภาพอากาศเย็นๆ สักพักหมอกลง บอกเลยฟินส์ค่าาาา


เริ่มเย็นละ หมอกเริ่มลง... พวกเราเลยกินกันหนักขึ้น เร่งสร้างความอบอุ่นให้ตัวเอง : )

มารู้ตัวอีกที นี่ก็เป็นภาพสุดท้าย และค่ำคืนนี้ก็จบลงเพียงเท่านี้ เนื่องจากภาพตัดไปตอนไหนไม่รู้ ... รู้ตัวอีกทีก็เช้าละ ...


นี่เป็นโซนตรงบ้านพักค่ะ แต่ถ้าคุณนอนโซนอื่นก็ยังแวะมาถ่ายรูปได้ปกติค่ะ ไม่ได้มีกั้นเขต (เห็นมีคนเดินถ่ายตั้งแต่เช้าเลย)


นี่เพื่อนเรา...เมื่อคืนกินแอลกอฮอล์เยอะไปหน่อยเลยตัวบวมนิดๆ 555+

เราขอเลท Check-out ได้บ่ายโมง ... จึงมีเวลาพัก นั่งดูวิวอีกนิด หมอกก็ยังคงมีเรื่อยๆ แม้จะสายแล้ว แต่ก็ยังคงเย็นอยู่

เก็บของเสร็จออกมาจากที่พัก เลี้ยวขวาออกมาประมาณ ไม่น่าเกิน 2 กม. จะเจอจุดชมวิวค่ะ มีของขายเยอะมาก ส่วนใหญ่จะเป็นพวกผัก ผลไม้ มัน และของกินต่างๆที่ชาวบ้านนำมาขาย ราคาไม่แพง ผักสดมากกก!!! ถูกด้วย !!!


นี่เป็นจุดชมวิวตรงที่ขายของค่ะ


ดูร้านอาจธรรมดา แต่ว่าของสดและใหม่มาก น่าทาน เป็นของชาวบ้านแถวนั้นปลูกขายกันเองด้วย แนะนำ ยอดมะระ อร่อยมาก!!!

ของทานได้เลยก็มีหลายอย่างนะคะ ไก่ย่าง หมูย่าง ร้านข้าว...

ซาลาเปาน่ากินดี แต่น่ารักไปไม่กล้ากิน เลยไม่รู้รสชาติ ถ่ายมาให้ดูค่ะว่าสวยดี ... ใครเคยกินก็บอกทีนะคะว่าอร่อยมั้ย?

สรุปที่พักทริปนี้ 1. ถ้าอยากสัมผัสทะเลหมอกชัดๆ นอนเต้นท์เลยค่ะ 450 บาท แต่ควรนำผ้าห่มไปเพิ่มนะ เพราะน้ำค้างตกเยอะพอสมควร (เราชอบนะ วิวนี่ใช่เลย ถือว่าคุ้มมาก!!!)

2. ห้องนอน 4500 ถ้าไป 4คน ก็ตกคนละ 1125 บาท ก็ยังคุ้มอยู่ดีค่ะ ในห้องมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบ + ผ้านวม ที่จะทำให้ความหนาวเย็นไม่ทำร้ายคุณอีกต่อไป เชคราคาห้องพักที่ http://fasaimoksuai.com/ ในแต่ละเดือน แต่ละโซนราคาจะแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับวิวและห้องพักค่ะ

3. น้ำมันถ้าเติมเบนซินเพียวได้ก็ไดีค่ะ เนื่องจากใช้เกียร์ต่ำตลอด ถึงแม้ถนนจะลาดยางและทำทางดี แต่โค้งเยอะและยังมีความชันอยู่เหมือนกัน จึงควรจะขับรถคล่องพอสมควร ไม่ควรเบรคค้างตอนลงนะ ควรใช้เกียร์ต่ำ (เกียร์1-2) แล้วแตะเบรคเป็นระยะพอ ไม่งั้นเบรคไหม้ชัวร์ๆ ถ้าทางธรรมดาค่อยเปลี่ยนเป็นเกียร์ D ปกติ แต่ถ้าขึ้นเนินก็เกียร์ต่ำค่ะ ไม่งั้นแรงส่งจะไม่พอ จะทำให้คุณค้างเติ่งบนเนินได้ ... ทางลงก็อย่าลืมเปลี่ยนเกียร์ต่ำเช่นกันนะคะ ไม่งั้นคุณจะหลุดโค้งที่เขาชัวร์ๆ เพราะรถจะไหลลงเร็วมาก (ถ้าใช้เกียร์ D ปกติ) ไว้ค่อยเปลี่ยนมาใช้ D ตอนทางราบดีกว่า *** อย่าเปลี่ยนเป็นเกียร์ว่างเด็ดขาดนะคะ ถึงแม้จะเป็นทางลง

เส้นทางไปที่พักคร่าวๆ ขับจากวิภาวดีรังสิต เข้าสระบุรี ผ่านตัวเมืองเพชรบูรณ์ แล้วค่อยแยกไปทางเข้าค้อ ขับตรงยาวอย่างเดียว พอเห็นสถานีตำรวจให้สังเกตุป้ายทางเข้า อยู่ด้านซ้ายมือ (หลังจากเข้าตัวเมืองเพชรบูรณ์ แนะนำเปิด Navigator ดีสุด เพราะที่พักติดกันหลายที่ ป้ายที่พักมีเยอะมาก อาจทำให้สับสนได้ ***ถ้าเป็นไปได้ไม่แนะนำไปตอนกลางคืนเหมือนเรานะ ไฟสูงก็แทบเอาไม่อยู่ ) (- *-)

ติดตามรีวิวอื่นๆได้ที่ https://th.readme.me/id/ReviewPapai

https://www.facebook.com/ReviewPapai/


ReviewPapai

 วันอาทิตย์ที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2559 เวลา 17.41 น.

ความคิดเห็น