"เฮ้ยย...งานผีตาโขนปีนี้ไปบ้านกูม่ะ" คำทักทายจากพี่ที่ออฟฟิศแจ้งเตือนมาในไลน์
"ไปคร๊าบบบ..." ไม่รอช้ารีบจัดแจงตั๋วและหาสมาชิกเพิ่มอย่างไว
ได้เวลาออกเดินทางทริปนี้เราเลือกเดินทางโดยเครื่องบินโดยขาไปกับ Airasia และขากลับกับ Nokair ราคาตั๋วไปกลับประมาณ 2xxx บาท โดยพี่ที่เป็นคนชวนได้ขับรถล่วงหน้าไปก่อนแล้วเมื่อสองวันก่อน

ไฟลท์ถึงเวลา 11.45 น. พี่ที่ออฟฟิศเจ้าของบ้านได้มารอรับเราอยู่แล้ว เราเดินทางสู่อำเภอด่านซ้ายทันทีโดยแวะทานอาหารกลางวันที่ร้าน คาเฟ่ดีมีนา ซึ่งอยู่ที่อำเภอภูเรือเป็นทางผ่านไปอำเภอด่านซ้าย

บรรยากาศที่นี่ถือว่าดีมากมีทั้งร้านอาหารและร้านกาแฟ สามารถเดินเล่นถ่ายรูปที่สะพานไม้ได้ อาหารถูกเสริฟมาในรูปแบบปิ่นโตเถา วันนี้รอนานพอสมควร อาหารอร่อยใช้ได้เลย และเราก็เดินทางต่อสู่ เฮือนนาคำ ที่พักของเราโดยมีพี่ที่ชวนมาครั้งนี้เป็นเจ้าของ แน่นอนครับพักฟรี... :)

เส้นทางไปอำเภอด่านซ้ายถือว่าสวยมาก นั่งดูวิวภูเขาสองข้างทางเพลินๆ เราก็มาถึงอำเภอด่านซ้ายแล้วครับ

วิวจากที่พักงามมากก ถึงแม้ว่าอากาศที่เลยช่วงนี้ยังไม่หนาว แต่ตอนเช้ายังพอมีหมอกจางๆอยู่บ้าง หากใครสนใจลองติดต่อดูได้นะครับที่ https://www.facebook.com/heuannakhum เจ้าของสวยและใจดีมากขอบอก เอาหล่ะครับหลังจากล้างหน้าล้างตากันแล้ว ได้เวลาออกไปตามล่าหาผีกันแล้วครับ

ขบวนแห่แต่ละตำบลคึกคักมาก เสียงเพลงจากเครื่องเสียงมันม่วนซะเหลือเกิน สีหน้าผู้คนที่ร่วมงานดูมีความสุข นี้แหละครับบรรยากาศประเพณีไทย ไม่ว่ามาจากที่ไหนเราก็มีความสุขร่วมกัน

ในงานมีผีหลายแบบเหมือนกัน ทั้งแบบน่ารักสดใส และเเบบน่ากลัวก็มีให้เห็นกันอีกด้วย

ผีสาว 4 ตนนี้สดใสมากกก

ผีเสือดำก็มานะครับบบบ เสือดำตัวน้อยน่าเอ็นดู

ตัวนี้ไม่แน่ใจว่าผีอะไร หรือว่าคนฆ่าเสือดำ!!!

สักพักเจอผีมาเป็นแก๊งค์ ผีขี้โคลนผมไม่ทราบประวัติยังไงหาข้อมูลกันเอาเองนะครับ 55+ แต่ดูเหมือนผีแก๊งค์นี้จะสบายสุดนะครับ เดินเหนื่อยๆร้อนๆ ก็กระโดดลงกระบะบ่อโคลน เหมือนสปาโคลนยังไงยังงั้น ชิวเสียจริงๆ

หลังจากเดินเล่นกันจนเย็นก็หาไรกินกัน และพักผ่อนกันครับ

เช้านี้หลังจากรับประทานอาหารเช้าเรียนร้อยเเล้ว เราจะเดินทางไปกันที่อำเภอนาแห้ว เมืองวัฒนธรรมชายแดนที่เเสนสวนกันครับ

ที่แรกเราแวะกันที่ วัดโพธ์ชัยนาพึง ความคลาสสิคทางศิลปะและวัฒนธรรมมันค่อยข้างมีเสน่ห์ครับ ถ้าถามเรื่องประวัติ เอ่ออ.. เอาเป็นว่าหาอ่านในอินเตอร์เน็ตน่าจะดีกว่าครับ 55+ ออ อีกอย่างที่นี้จะมีภาพจิตรกรรมฝาผนังที่สวยงามอีกด้วยครับ แต่ลืมถ่ายอ่ะ เก๊า ขอ โต๊ด :(

เราเดินทางต่อมาที่ ด่านชายแดนไทย-ลาว บ้านเหมืองแพร่ เจอคุณยายชาวลาวลากแพอยู่เกิดอยากข้ามไปฝั่งโน้นอีก ลองถามคุณยายไฮ ออ.. แกชื่อยายไฮนะครับ แกบอกว่าอยากข้ามไปจะพาไปแกก็มาไปบ้านแกซึ่งเปิดเป็นร้านขายของชำ แกนำเสนอสิ้นค้าหลายอย่างเลยครับทีนี้ ไม่ว่าจะเป็นเหล้าต้ม แชมเปญซึ่งแกบอกว่าเอามาจากจีน เบียร์ลาวหลากหลายยี่ห้อ 55+ เพลินเลยครับบ

หลังจากเมา เอ้ยย ช้อปปิ้งร้านแกเสร็จแกพาเดินเที่ยววัดแถวนั้น ซึ่งจำชื่อวัดไม่ได้แล้วครับ ระหว่างเดินเที่ยวอยู่เลยถามแกว่านี่เราข้ามมาเที่ยวแบบไม่ต้องแจ้งเจ้าหน้าที่หรือใครเลยหรอ แกบอกว่า จริงๆต้องแจ้งเจ้าหน้าที่ก่อนนะถึงจะมาเที่ยววัดนี้ได้ อ้าววว ยายไฮทำไมไม่บอก เกือบโดนจับข้อหาลักลอบเข้าประเทศแล้วไหมหละ 55+ เลยขอแกกลับประเทศดีกว่า

ที่นี่เป็นเหมือนสถานีตำรวจ ที่ซึ่งยายไฮบอกว่าให้เเจ้งเจ้าหน้าที่ในนี้ก่อน แต่จริงๆแล้วคนที่นี่ก็ข้ามกันไปมาคงไม่มีใครว่าอะไรหรอก มาเที่ยวได้สะบายมากครับ


ก่อนกลับคุณยายไฮ ขออาสาเป็นตากล้องให้อีกด้วย เรียกได้ว่าบริการครบวงจรจริงๆ

หลังจากกลับเข้าประเทศได้อย่างปลอดภัยเราเดินทางต่อไปที่ เเมคนัทเลย ที่นี่เป็นร้านกาแฟ และขายผลิตภัณฑ์แมคคาเดเมียอีกด้วย



เราเลยลองกาแฟแมคคาเดเมีย รสชาติใช้ได้ทีเดียวครับ หอม หวาน มัน แก้วนี้ 100 เดียวเองครับ

แถมยังมีแมคคาเดเมียให้แกะเองกินเองอีกด้วย หลังจากตาสว่างกันแล้วเราจะไปต่อกันที่ วัดศรีโพธิ์ชัย ซึ่งถือเป็นไฮไลท์ของที่นี่เลย วัดที่ใช้เป็นภาพปกยังไงหละครับ

วัดนี้จะสไตล์ออกแนววัดทางหลวงพระบาง ศิลปะ วัฒนธรรมก็น่าจะย้ายมาตามการอพยพของคนต่างพื้นที่

สังเกตุได้ว่าวัดที่เราแวะมาทั้งหมด มีลักษณะเหมือนกันเกือบทั้งหมดเลย

จุดที่เป็นไฮไลท์จริงๆของวัดศรีโพธิ์ชัยคือ ตัววัดเป็นฉากหลังของทุ่งนาเขียวขจี ที่มีชุมชนอยู่รอบรอบ รู้สึกชอบภาพประมาณนี้มาก มันรู้สึกอบอุ่น ปลอยภัย รู้สึกถึงความเป็นชุมชนที่น่าอยู่มากๆ หลังจากที่ชื่นชมวัดเสร็จแล้วฝนเริ่มตั้งเค้า เลยกลับเข้าเมืองกันเพราะ วันนี้ยังมีขบวนแห่เจ้าพ่อกวน-เจ้าแม่นางเทียมอีกด้วย

กลับมาถึงทันพิธีเเห่พอดี ขบวนจะเเห่จากบ้านเจ้าพ่อกวนไปที่วัดโพนชัย

เหล่าผีก็ยังตามมาอยู่ในขบวน แต่ไม่สามารถเข้าไปในโบสถ์ได้ จบไปอีกวันเช้าวันรุ่งขึ้นเราจะเดินทางกลับโดยไปขอกันก่อนที่ วัดพระธาตุศรีสองรัก ซึ่งถือเป็นสักขีพยานแห่งมิตรภาพไทย-ลาว

ภายในวัดร่มรื่นมาก คุณย่าคุณย่าย ผู้เฒ่าผู้เเก่แต่งชุดพื้นเมืองมาวัดสวยงาม

ภายในวัดจะมีต้นผึ้ง ซึ่งทำมาจากเทียนแกะเป็นดอกไม้วางอยู่รอบพระธาตุ

แล้วเราก็ต้องอำลาด่านซ้ายกันแล้ว วันนี้เรากลับไฟลท์ 14.30 น. เลยตั้งใจแวะทานข้าวกันที่ห้วยกระทิง

แต่ก่อนจะเเวะทานข้าว เราแวะกันที่ ครามคีรีคาเฟ่ เพื่อหาคาเฟอีนเข้าร่างกายกันก่อน ร้านครามสมชื่อกันเลยทีเดียว สดชื่นพร้อมออกเดินทางต่อแล้วครับ

เราทานอาหารกันกลองน้ำโดยสั่งอาหารกันตั้งแต่บนฝั่ง เรือหางยาวจะลากเเพเรามาปล่อยใว้กลางห้วย รอเวลาเรือมาเสริฟอาหารทานเสร็จชักธงตรงแพขึ้น หรือโทรตามคนขับเรือให้มารับกลับ ชิวมากก เหมาะแก่การกินแล้วนอนเป็นที่สุด :)

และแล้วก็ถึงเวลากลับ กทม. กันแล้วไฟลท์นี้เป็นไฟลท์สุดท้ายของวัน พนักงานและเจ้าหน้าที่ออกมาส่งผู้โดยสารด้วย รู้สึกอบอุ่นเป็นอย่างยิ่งครับ รักจังเลย :)

JACKNATWUTH

 วันอังคารที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2561 เวลา 18.05 น.

ความคิดเห็น