ทริปนี้เราใช้เวลา 3 วัน 2 คืน ช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ปลายเดือนพฤษภาคม และเเน่นอนครับต้องลางาน 1 วัน :) ว่าแล้วเราไปแอ่วเจียงฮายนำกั๋นครับ

สวัสดีตอนเช้า ณ ดินเเดนเหนือสุดในสยาม จังหวัดนี้ต้อนรับเราด้วยสายหมอกหนาใจกลางเมืองกันเลยที่เดียว จากสนามบินผมเข้าเมืองโดยรถแท็กซี่เพื่อหาเช่ารถมอเตอร์ไซค์บริเวณหอนาฬิกา ที่ St Motorcycle for Rent จำราคาและค่ามัดจำไม่ได้แล้วครับแต่ราคาทั่วไปครับไม่แพง รถพร้อมคนพร้อมออกเดินทางกันครับ

จะว่าไปเชียงรายนี่มีร้านกาแฟเยอะมาก แต่ละร้านบรรยากาศดีดีทั้งนั้นเลย ผมเลยสุ่มเลือกมาบางร้าน ก็ใครมันจะไปกินครบทุกร้านละเนอะ เอาใว้รอบหน้าค่อยมาเก็บ ร้านนี้คิดว่าทุกคนคงรู้จักกันดีนั่นคือ ชีวิตธรรมดา ถือเป็นร้านที่มีชื่อเสียงมาก ใครไปใครมาก็ต้องมาที่นี่ บรรยากาศสไตล์อังกฤษ อยู่ริมน้ำกก อีกด้วยนั่งสบายๆ ในสวนเพลิดเพลินใจสุดๆ

ใกล้ๆกันกับร้านกาแฟก็เป็น วัดร่องเสือเต้น มีสีน้ำเงินอมม่วงสวยงามแปลกตา คนสร้างเป็นลูกศิษย์ อ.เฉลิมชัย จึงมีรูปแบบคล้ายๆกัน พระพุทธรูปหินอ่อนสีขาวด้านในโบสถ์ก็สวยงามไม่แพ้กัน

หลังจากนั้นเรามาต่อกันที่ วัดห้วยปลากั้ง บริเวณองค์เจ้าแม่กวนอิม เราสามารถขึ้นไปชมวิวได้บนได้ มีหรือที่เราจะพลาด :)

ขึ้นลิฟล์มาด้านบนบอประตูลิฟล์เปิดแค่นั้นแหละครับ เสียงอุทานอู้วว หูวว ของผู้คนที่ขึ้นมาข้างบนต่างประสานกันโดยมิได้นัดหมาย มันเหมือนอีกโลกเลยจริงๆครับ สวยยมากก มันขาวไปหมดเลยเซอร์ไพร์มากก สวยแบบต้องไปเห็นเองครับ

ข้างบนนี้ยังสามารถมองวิว รอบๆบริเวณวัดได้ด้วยนะครับ

หลังจากเข้าวัดมาแล้วกลับเข้าเมืองขอแวะร้านกาแฟอีกร้านก่อนที่จะไปดูพระอาทิตย์ตกที่วัดอีกที่นึง ที่นี่คือ เมลท์อินยัวร์เม้าท์ เป็นร้านริมแม่น้ำเหมือนกันจริงๆจุดนี้สามารถชมพระอาทิตย์ตกได้เหมือนกัน ร้านสวยสมราคา ค่อยข้างเเพงเลยทีเดียว กาแฟเเก้วเดียวเป็นพอกินตามฐานะ 55+

บ่ายคล้อยลงทุกทีเรามากันที่ วัดพระธาตุดอยเขาควาย แน่นอนว่าวัดอยู่บนเขาเล็กๆ สามารถมองวิวเมืองเชียงรายได้กว้างพอสมควน มองย้อนไปถ้าสังเกตุดีดี มองเห็นองค์เจ้าแม่กวนอิมที่วัดห้วยปลากั้งอีกด้วยนะครับ นั่งรับลมบนนี้สักพักลงไปหาของกินในเมืองกันครับ

ช่วงประมาณ 1 ทุ่มของทุกวันจะมีการแสดงแสง สี เสียง บริเวณหอนาฬิกา เลยใช้ร้านผัดไทตรงนั้นซะเลย นั่งกินไป ชมไป นี่คำนวณเวลาดีมาก 55+ มีการชมตัวเอง หลังจากนั้นก็เดินเล่นถนนคนเดินนิดหน่อยก่อนกลับโรงแรม ออ.. ผมพักที่ HOP INN ตอนไปเหมือนเพิ่งเปิดใหม่ได้โปรมาคืนละ 4xx เองคุ้มสุด

เช้าวันต่อมารีบออกแต่เช้าเพื่อไปวัดที่มีเชื่อเสียงที่สุดของที่นี่นั่นคือ วัดร่องขุ่น นั่นเอง นีว่ามาเช้าละนะ มีเช้ากว่าอีก ต้องหาจังหวะถ่ายถาพเอานะครับคนค่อนข้างเยอะเลยที่เดียว นั่งรอหน้าวัดอยู่นานพอมีภาพที่ปลอดคนอยู่บ้าง เข้าไปดูข้างในกันครับ

ด้านในวัดก็อย่างที่เห็น เอ่ออ ทุกอย่างเป็นสีขาวสวยงามแปลกตาดี บางคนก็ว่ามันเยอะเกินจำเป็น แต่อย่าไรเเล้วชมเพื่อความเบิกบานใจก็น่าจะพอแล้ว ไม่ต้องไปลงความเห็นเรื่องความงามมากนัก มันขึ้นอยู่กับรสนิยมแต่ละบุคคลจริงๆ อ่านเเล้วก็เริ่ม งง ตัวเองละ ไปที่อื่นกันดีกว่า 55+

หลังจากผมไปวัดที่เป็นตัวแทนของฝั่งขาวกันแล้ว เรามาลองชมตัวแทนของฝั่งขาวกันบ้างครับ ที่นี่คือ พิพิธภัณฑ์บ้านดำ เป็นบ้านของ อ.ถวัลย์ ดัชนีย์ ที่แกสะสมของเก่าของป่า อาคารเรือนไม้ทุกหลังมีสีดำ โดยส่วนตัวรู้สึกชอบมากเป็นศิลปะล้านนาที่ดูลึกลับ น่าค้นหา และเท่เอามากๆครับ และเราจะเดินทางต่อไปกันที่ ดอยแม่สะลอง เราจะไปนอนบนดอยกันครับบ

และเราได้มาถึงดอยแม่สะลองเป็นที่เรียบร้อย ที่พักเราคืนนี้ ดูวิวสิครับ เรานอนในอ้อมกอดของขุนเขากันเลยที่เดียว ที่นี่คือ My Place คืนนึงก็ไม่แพงครับ

ตกเย็นผมแว๊นไปที่เเห่งหนึ่งนั่นคือ พระบรมธาตุศรีนครินทราสถิตย์มหาสันติคีรี ตรงจุดนี้น่าจะเป็นจุดที่สูงสุดของดอยแม่สะลองเเล้ว สามรถมองเห็นวิวหมู่บ้านได้เกือบทั้งหมด

ผมอยู่กันบนนี้จนอาทิตย์ลับขอบฟ้า อากาศเย็นนิดๆแม้เป็นช่วงหน้าร้อน เหมือนจะเหงาแต่สุขใจดีครับ 55+

ก่อนนอนผมยังได้ลิ้มลอง สุกี้ยูนนานอีกด้วย รสชาติไม่เหมือนที่เคยกินทั้วไปแต่อร่อยมากก

เช้าวันสุดท้ายแล้วผมมาที่ Sweet Maesalong Cafe นี่ขนาดหนีขึ้นดอยแล้วยังมีร้านกาแฟอีกหรอเนี่ยย มื้อเช้าผมเลือกเป็น ครัวซองกับกาแฟดำ เข้ากันเป็นอย่างดีรสชาติถือว่าโอเคเลยที่เดียว แต่แอบแพงอยู่เหมือนกัน วิวก็ดีอีกด้วยนะครับ

ก่อนกลับขอถ่ายรูปเล่นบนหลังคาที่พักหน่อยละกัน วิวดีเกิ๊นน

ขากลับเข้าเมืองผมใช้เส้นทางคนละเส้นกับขามาเส้นนี้ไปออกที่ไร่ชาฉุยฟง ระหว่างทางมีไร่ขาเป็นระยะ ซึงจริงๆแล้วดอยแม่สะลองเป็นสถานที่ ที่มีไร่ชาเยอะมากชาส่วนใหญ่ที่เราเห็นตามท้องตลาดเป็นผลผลิตจากที่นี่ทั้งนั้น แต่ไม่มีโอกาศได้เเวะไปสัมผัสชาไร่ชาไกล้ๆเลย ขอมองอยู่ห่างๆอย่างห่วงๆละกัน อิอิ

และแล้วก็มาถึงสักที ขับมอเตอร์ไซคืตากแดดตัวดำไปหมด 55+ ดำอยู่แล้วไม่ใช่หรอ!!! อากาศดีสดชื่น

ที่นี่ยังมีร้านกาแฟอีกด้วย ร้ายสวยเด้กอร่อย ไม่มีอะไรมากกว่านี้ 55+

ผมกลับถึงเมืองประมาณเที่ยงพอดี รีบไปที่ อนุสาวรีย์พญามังรายมหาราช เพื่อลงทะเบียนนั่งรถรางชมเมืองฟรี โดยมีวันละ 4 รอบ แบ่งเป็นเช้า 2 รอบ 9.00 น. และ 9.30 น. รอบบ่าย 2 รอบ 13.00 น. และ 13.30 น. ผมทันรอบบ่ายพอดี จัดแจงไปคืนรถมอเตอร์ไซค์ แล้วรีบมาขึ้นรถราง

รถรางจะพาชม 9 สถานที่ภายในตัวเมือง ซึ่งรายละเอียดผมจำไม่ได้แล้วว่าไปที่ไหนบ้าง ยังไงหาข้อมูลจากอินเตอร์เน็ตกันเอานะครับ

หลังจากนั่งรถรางเสร็จยังพอมีเวลาก่อนกลับสนามบิน เลยเดินเล่นเรื่อยๆ ผ่านวัดอีกและ 55+ ที่นี่ วัดพระสิงห์ จะเหมือนที่เชียงใหม่มั๊ยนะ ในเมืองเชียงรายวัดเยอะมาก ใครสายบุญผมเเนะนำจังหวัดนี้นะครับ

ผ่านศาลากลางจังหวัดซึ่งอยู่ติดกับวัดพระสิงห์ อาคารสไตล์ตะวันตกสวยดี หลังจากนั้นเรียกแท็กซี่กลับสนามบิน ออ ที่นี่เรียกผ่านแอพ grabtaxi ได้ด้วย สะดวกดีจริงๆ

และแล้วเวลา 3 วัน 2 คืน ก็ได้ผ่านไปอย่างรวดเร็ว กลับไปทำงานแล้วนะเจ้าาาา ไว้มาปิ๊กใหม่เน้ออ

JACKNATWUTH

 วันพุธที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2561 เวลา 16.25 น.

ความคิดเห็น