สวัสดีครับ สืบเนื่องมาจากสายการบินไทยไลอ้อนแอร์เปิดเส้นทางบินใหม่สู่จังหวัดตรัง จึงเกิดเป็นทริปนี้ขึ้นมาด้วยความรีบจึงจองมาได้ไปกลับแค่วันเสาร์-อาทิตย์ โดยได้ชวนสาวสวยสองคนมาร่วมทริปครั้งนี้อีกด้วย

จากสนามบินดอนเมืองเราบินไฟลท์เช้ามาถึงตรัง หลังจากนั้นนั่งรถตู้เข้าเมืองโดยบอกคนขับว่าขอลงที่ ร้านเลตรัง2 เริ่มต้นทริปด้วยการกินกันเลยทีเดียว

สองสาวหน้าตาดูมีความสุขมากกับอาหารของพวกเธอ ถ้ามาร้านร้านนี้เเนะนำจ๊อปูเลยนะครับ เนื้อแน่นๆ ปูเน้นๆ

ความรู้สึกเบิกบานหลังมื้ออาหารก็เป็นแบบนี้แหละครับบบ

หลังจากอิ่มหนำสำราญ ก็เดินเล่นเรื่อยๆ เพราะยังเช็คอินเข้าที่พักไม่ได้ ในตัวเมืองตรังก็มีมุมถ่ายรูปน่ารักๆ เดินเล่นได้ไม่เบื่อเลยครับ

ใกล้ๆภาพวาดสตรีทอาร์ต มีร้านกาแฟเท่ๆชื่อว่า ทับเที่ยง โอล์ทาวน์ ร้านน่ารักดีครับ ภายในร้านยังมีโปสเตอร์ที่เป็นภาพสเก็ตมุมต่างๆในตัวเมืองตรังอีกด้วย อันนี้ก็ถูกใจสองสาวอีกเช่นกัน

หลังจากนั้นก็เดินไป สถานีรถไฟตรัง เพื่อถ่ายรูป!!! ไม่รู้มีใครเป็นเหมือนกันบ้างหรือเปล่า เวลาไปเที่ยวในสถานที่ ที่มีรถไฟผ่านผมมักชอบไปถ่ายรูปเล่นกับสถานีนั้นๆ หรือไม่ก็ป้ายสถานีจังหวัดนั้นๆ มันอาจจะเป็นความคลาสสิคของตัวอักษรสถานีรถไฟก็ได้ อย่างน้อยจะได้รู้ว่าเรามาที่ไหนกัน

ถ่ายป้าย

ถ่ายกับป้ายยย

และก็ยังถ่ายกับป้าย

ถ่ายรูปเล่นกันจนหนำใจ รางรถไฟตอนเกือบเที่ยงนี่ ไม่ใช่ที่ควรจะมาเดินเล่นเลย แต่ไม่ใช่สำหรับทีมเราครับ อยู่ใต้ฟ้าอย่ากลัวเเดด 55++ สีผิวถึงเป็นยังงี้ไง!!

เสร็จแล้วขึ้นรถตุ๊กตุ๊กหัวกบไปโรงแรม ก่อนที่จะให้ตุ๊กตุ๊กพาเราไปเที่ยวต่อหลังจากเก็บของเสร็จ

ที่พักครั้งนี้เราเลือก HOP INN อีกแล้วครับ ห้องเล็กแต่นอนสบาย เน้นใช้จ่ายอย่างประหยัดครับ

เราให้ตุ๊กตุ๊กพามาที่ สวนพฤกษศาสตร์ภาคใต้ (ทุ่งค่าย) ด้านในมีทางเดินศึกษาธรรมชาติ และทางเดิน Sky Walk ด้วยน๊าา โดยให้ตุ๊กตุ๊กรอเพื่อพาเรากลับด้วย เพราะที่นี่ต้องออกนอกเมืองมาพอสมควรเลยครับ

แสงแดดยามบ่ายแก่ๆ สาดส่องลงมาท่ามกลางผืนป่าอันเขียวขจี ที่ชอบสุดน่าจะเป็นดงต้นกะพ้อ ให้ความรู้สึกเป็นป่าดิบชื้นโดยสมบูรณ์สวยมากกก

สงสารสะพานจุง อิอิ

มาถึงจุดไฮไลท์ของที่นี่นั่นคือทางเดินเรือนยอดไม้สีแดงนั่นเอง จะว่าไปก็สูงเหมือนกันแฮะ

ขากลับเราให้รถตุ๊กตุ๊กเเวะส่งที่สนามบิน ฮะ!! เพิ่งมาเมื่อเช้าจะกลับซะละ 55+ เรายังไม่กลับกันครับ เเค่เเวะมาเอารถเช่าของ AVIS กันครับ คืนนี้เราก็หาร้านนั่งฟังเพลงจิบเบียร์ชิวๆกันที่ร้าน THE BOXX คนเยอะมากน่าจะเป็นร้านดังของที่นี่ คือจริงๆเราไม่ได้หาข้อมูลร้านกลางคืนกันไปนะครับ พอดีว่าตอนกลับโรงแรมเห็นรถจอดเยอะดีเลยลองเข้าไปร่วมกะเขาเฉยๆครับ อิอิ

เช้าแล้วยังอยู่บนที่นอนน ไม่สิต้องรีบตื่นเรามีข้อสรุปตั้งแต่เมื่อคืนว่าต้องไปกินติ่มซำกันให้ได้ เลยลงเอยกันที่นี่ ร้านเรือนไทยติ่มซำ จัดมาทุกอย่างเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา เเละราบเป็นหน้ากลองไปในพริบตาเดียว 55+ เพราะวันนี้เราจะออกนอกเมืองกัน

สถานที่แรกเรามาไกลกันที่อำเภอห้วยยอดนั่นก็คือ ถ้ำเลเขากอบ ที่บอกว่าจะมาเสียวกันที่ตรังก็ที่นี่แหละครับ

จุดเริ่มต้นกำลังจะเริ่มขึ้นจากทางเข้านี้ นี่เองงง

ภาพในสามารถลงจากเรือไปชมความงามได้โดยมีคุณลุงคนพายเรือนำเข้าไป แต่จุดที่พีค!!! ยิ่งกว่าคือจุดที่เรียกว่าลอดสันมังกร คือเรือกับเพดานถ้ำเนี่ยต่ำมากก เราต้องนอนกันในเรือโดยมีหินย้อยเบียดกับใบหน้าอันหล่อเหลาของเราไปตลอดทาง ช่วงเวลาที่อยู่ในนั่นมันช่างยาวนาน มีแต่เสียงกรี๊ดดของสองสาว แต่เสียดายที่คุณลุงให้เก็บกล้องกลัวมันจะพัง แต่เอาจริงๆมันไม่มีพื้นที่ให้เรายกกล้องขึ้นมาถ่ายได้เลย หากใครยังไม่เห็นภาพเเนะนำเลยครับควรมาสักครั้ง

คุณลุงบอกว่ามันเหมือนตายเเล้วเกิดใหม่ ตอนหลุดออกมาได้คุณลุงให้พรด้วย เสียวและมันมากกโดยแท้จริงควรมาโดนน

ออกจากถ้ำเราไปกันที่ วังเทพทาโร ที่นี่จะเป็นที่เเสดงงานศิลปะจากรากไม้และจำหน่ายผลิตภัณฑ์จากไม้เทพทาโร

รากไม้เทพทาโรจะมีกลิ่นหอม นักวิทยาศาสตร์ค้นพบ 6 กลิ่น กลิ่นตะไคร้ ตะไคร้หอม รูทเบียร์ เสม็ดขาว ดอกกุหลาบและราชาวดี สามารถเดินดมได้จากต้นตัวอย่างที่ปลูกไว้ ว่าแต่สองสาวนี่นึกอยากเป็นนกกันหรืออย่างไร?

ไฮไลท์ของที่นี่น่าจะเป็นเจ้ามังกรไม้ที่สร้างขึ้นใหญ่ที่สุดในประเทศไทยและใหญ่ที่สุดในโลกก็ว่าได้ มังกรตัวนี้ บ่งบอกถึงพลังอำนาจของแผ่นดิน

เสร็จแล้วเรากลับเข้าเมืองกันอีกครั้งเพื่อเดินทางไปอำเภอกันตัง โดยเเวะเติมพลังกันที่ ร้านโกปี๊ ซึ่งอยู่ข้างสถานีรถไฟที่เรามาถ่ายรูปเล่นกันเมื่อวานเลยครับ

สั่งเครื่องดื่มเย็นๆ นั่งเล่นเรื่อยๆ เราต้องสู้กับอากาศร้อนๆของภาคใต้

ขับรถมาได้ไม่นานก็ถึง สถานีรถไฟกันตัง เป็นสถานีปลายทางของทางรถไฟสายใต้ ฝั่งทะเลอันดามัน ตัวอาคารเป็นสีเหลืองมัสตาร์ดสลับน้ำตาลสวยสดงดงาม

ใกล้กันก็มีร้านคาเฟ่ชื่อ สถานีรัก อีกตะหาก เมนูเเนะนำเลยคือ มะม่วงเบาปั่น รสชาติเปรี้ยวนำหวานตาม สดชื่นน

กิจกรรมที่พลาดไม่ได้ของที่นี่ คือการถ่ายรูปบนรางรถไฟเนื่องจากที่นี่มีรถเข้าออกวันละเที่ยว สองสาวสนุกกันใหญ่ ถ่ายรูปกันมัน

หลังจากนั้นสองสาวบอกว่ามาตรังทำไมไม่เจอทะเลเลยหละ ด้วยความที่เรามีเวลาน้อยจะออกทะเลไปทัวร์ก็กลัวจะไม่ทัน เอาตรงนี้ละกันที่นี่คือ หาดยาว ขับมาไม่ไกลบริเวณนี้มีชื่อว่า Shark Fin Rock มาถึงพร้อมสายฝน

จะสังเกตุได้ว่าโขดหินด้านหลังเรานั้นคล้ายปลาฉลาม เป็นที่มาของชื่อ บรรยากาศช่วงบ่ายแก่ๆ ไม่มีแดดเพราะมีผน เดินเล่นสบายใจกันเลย

Group Shot ซะหน่อย ก่อนกลับสนามบิน เวลาหมดเร็วมาก

ระหว่างทางกลับสองสาวเกิดหลงไหลต้นยางเสียอีก มีความอยากถ่ายรูปกะต้นยางพารา อะจัดให้

นางแบบคนเเรก รีเเควสแบบเผลอๆ เอียงตัวเข้าช่วยเพราะหน้าตรงเอ่ออ...!! ลมพัดผมปลิว ธรรมชาติสุดๆ

สวนยางใครก็ไม่รู้ คนขับรถผ่านไปมาคงสงสัยว่าจอดทำอะไรกัน มีการจะเข้าไปถ่ายข้างในด้วย นี่ถ้าไม่ติดว่าต้องกลับวันนี้นี่ สงสัยเช้าวันวันรุ่งขี้นคงกรีดยางอยู่เเถวนี้เเน่ๆ

ก่อนกลับละจริงๆ ขอรูปนั่งอีกรูปเพื่อซึมซับกลิ่นไอของสวนยางให้ใากที่สุด ก่อนกลับ กทม.

เรากลับถึงสนามบินโดยมีเจ้าหน้าที่ของ AVIS มารอที่ลอนจอด แหมตรงเวลาเสียจริง เป็นอันว่าเสร็จสิ้นการเดินทางครั้งนี้กันแล้วนะครับ หลังจากนี้ก็บ้านใครบ้านมันครับ สวัสดีครับบบ

JACKNATWUTH

 วันพุธที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2561 เวลา 16.46 น.

ความคิดเห็น