สวัสดีนักเดินทาง

มาคราวนี้ต้องเริ่มต้นด้วยการขอบคุณมิตรภาพของน้องชายที่เรารู้จักกันผ่านกาารท่องเที่ยว อย่างน้องจอม หนุ่มน้อยนักกฎหมาย ที่เรียนหนังสืออยู่ที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เป็นผู้ที่ทำให้เกิดทริปนี้ ทั้งเที่ยวเอง ถ่ายภาพเอง (จากกล้องคู่ใจ Fuji xt-20 Lens 35 f1.4)และยังมีน้ำใจแบ่งปันให้กับพวกเราอีกต่างหากซึ่งเมืองที่เขาจะพาไปเที่ยวก็คือ เมือง porto เขาว่ากันว่าเป็นเมืองฮิปสเตอร์ ในประเทศโปรตุเกส


Porto คนดี เมืองสวย ราคาถูก แต่การสื่อสารภาษาอังกฤษอาจจะลำบากหน่อย - จอม

Porto (ปอร์โต้) เมืองใหญ่อันดับ 2 ของประเทศโปรตุเกสที่อยู่บนภาคเหนือ มีเป็นเมืองท่าที่มีประชากรอยู่มากถึง 2.1 ล้านคน นอกจากนี้ยังเป็นอีกเมืองที่เก่าแก่ของยุโรปตั้งแต่สมัยยุคโรมัน ตัวเมืองเก่าได้ถูกจดชื่อเป็นมรดกโลกจาก UNESCO ในปี 1996 ปอร์โต้ยังขึ้นชื่อเรียกการส่งออกไวน์คุณภาพดี และในปี 2014 กับ2017ได้รางวัลเมืองดีเด่นอันดับ 1 ของ Best European Destinations Agency ให้เป็นเมืองที่น่าท่องเที่ยวที่สุดในยุโรปเลย ซึ่งหากจะมาเที่ยวเมืองนี้ใช้เวลาจริงๆแค่ 1-2 วันก็น่าจะเพียงพอ จอมเลยเลือกเดินทางซื้อตั๋วเครื่องบินจากกรุงลอนดอนมาลงที่เมืองนี้เลย ก็ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง เหมือนเรานั่งเครื่องบินจากกรุงเทพถึเชียงใหม่

"ทริปวันนี้ จริงๆผมมีเวลาไม่เยอะมาก ด้วยความที่เปนคนชิลล์ เลยไม่ได้มีแผนอะไรเลย เดินชิลล์ไปเรื่อย หลงก็ชั่ง ก็เปิด map แหละ ว่าจะไปจุดนี้นะ แต่ก็ไม่ได้เดินตาม ก็เดินวกไปวนมาของผมไปเรื่อย 55555 อยากแวะตรงไหนก็แวะ เลยได้รูปมาประมานนี้ครับ โดยผมนั่งรถไฟลงสถานี Bolhao แล้วก็เดินไปร้าน Nata lisboa"




เกร็ดความรู้จากจอม "เจ้บัตรโดยสารรถไฟที่นี่จะมี 2 แบบ แบบรายวัน 24 ชม 4 ยูโรนิดๆ กับแบบรายเที่ยง 1.8 ยูโร ส่วนเจ้าแท่งสีเหลืองๆตามภาพนี้ มันคือหลังจากเราซื้อบัตรโดยสารรถไฟแล้ว ต้องเอาบัตรมาตึ๊ดกับเจ้าตัวนี้ เหมือนเป็นการเปิดใช้บัตร ใครไม่ทำมีเจ้าหน้าที่มาเดินตรวจบนรถไฟ โดนปรับครับ ... รุ่นพี่ผมเคยโดนปรับไป 80 กว่ายูโรเพราะไม่ได้ตึ้ด" ปล. คำว่า ตึ๊ด หรือ ติ๊ด จอมเป็นคนกล่าวจริงๆ 55+



ร้าน Nata lisboa - ขนมทาร์ตไข่ชื่อดังที่พวกเราเคยหลงคิดว่าเป็นขนมของประเทศสิงคโปร์ แต่ความจริงแล้วที่มาของขนมทาร์ตไข่ จริงๆมีชื่อจริงว่า Pastel de Nata ซึ่งเป็นขนมสัญชาติโปรตุเกสเหมือนกับฝอยทอง ทองหยิบ ทองหยอด และร้านนี้ Nata lisboa ก็ต้องมาชิม ทาร์ตไข่





จากนั้นระหว่างเดินไป Igreja do Carmo ผสมผสานศิลปะการเดินแบบมั่วๆ ของผมทำให้ได้เห็นความฮิปสเตอร์ของเมืองนี้หลายมุมเลยทีเดียว













"ระหว่างเดินเล่นฝนก็ตกลงมา เลยได้มีโอกาสแวะเข้าไปหลบฝนในร้านๆหนึ่ง แถวๆจุดหมายอันดับแรกของเรา คือ Igreja do Carmo ตอนแรกก็จะดื่มแค่กาแฟ แต่ติดปัญหาตรงที่ว่าด้วยความเป็นคนไม่พกเงินสด แล้วกาแฟมันแค่ 1 ยูโร ขั้นต่ำที่จะจ่ายบัตรได้คือ 5 ยูโร 😂 เลยต้องจัด Port wine ไปแก้วนึง เพื่อให้ถึง (คือมาถึงปอโต้แล้วไม่ลองพอร์ตไวน์นี่เหมือนมาไม่ถึงนะ) เลยได้คุยกับ พนักงาน ที่ร้านไปด้วย คือคนที่นี่ดีและเฟรนลี่มากครับ"




Port มี 2 รส แบบ strong / sweet ก็จัดแบบหวานไป เพราะยังเช้าอยู่เลยยย

"ต่อๆ หลังจากนั้นนน ก็เดินออกจากร้านเพื่อจะไปจุดหมาย ระหว่างทางถ่ายรูปไปเรื่อยๆ"








"อืมมม วิวดี.... " อันนี้จอมกล่าว 55+


"แล้วในที่สุดก็ถึงจุดหมายแรกซักที โบสถ์ Igreja do Carmo"



โบสถ์เป็นสไตล์คาทอลิค เข้าไปแล้วก็จะสงบ ตามสไตล์สถานที่ศักสิทธิ์ แต่อาจจะดูเป็นโบสถ์ธรรมดา แต่ความจริงมันคือโบสถ์สองหลังที่สร้างติดกัน ถูกกันกลางด้วยบ้านที่มีความแคบที่สุดในโลกซึ่งบ้านนี้มีหน้าที่ในการปิดกั้นการติดต่อระหว่างพระกับแม่ชีในสมัยก่อน





"ได้เวลาเดินทางต่อไป สถานที่ถัดไป Gardens of the Crystal Palace ระหว่างทางก็ตามสไตล์จอมคนฮิปสเตอร์ ถ่ายไปเรื่อย" 55+ ฮิปสเตอร์นี่ เจ้เติมเอง 55+




แนะนำว่าถ้าเวลาน้อย ให้เหมาจ่าย Hop On Hop-Off Bus ตามภาพได้เลย ชมวิวกันแบบชิลล์ๆ ... บนรถมีมีทั้ง outdoor และ indoorแต่ถ้าฝนตกหรือลมเย็นก็ลงมานั่งข้างล่างได้ นอกจากนี้จะมีบริการ free wifi ด้วย ...




<p style="text-align: center;">ถึงสวนละ Gardens of the Crystal Palace</p>













ทำไมต้องมาที่ สวนแห่งนี้ ... เพราะที่นี้วิวมันดีตามภาพเลยครับ .




"จากจุดนี้ก็จะเห็นวิวทั้งหมดของเมือง เรียกว่าสวยมากกก รูปว่าสวยแล้วเห็นด้วยตาตัวเองดีกว่าเยอะนะ"








"ฝรั่งนี่เป็นเหมือนกันแทบจะหมด แดดดีๆแบบนี้ก็นอนมันเลย ยิ่งเวลาเที่ยงๆแบบนี้นะ งีบกลางวันดีนักแล.."


"เสร็จจากสวนก็เดินต่อไปหาร้านทานอาหารกลางวัน ก็ตกลงปลงใจกับตัวเอง ที่จะทานอะไรที่เป็น traditional food ก็เลยเปิดดู TripAdvisor ก็ได้ร้านชื่อว่า Papavinhos Restaurante Bar จากสวนก็เดินมานิดเดียวแต่มันต้องเดินลงเขานะ ก็ถ่ายรูปเล่นชิลล์ๆไปเรื่อยๆเหมือนเดิม"







"อากาศ ช่วงนี้เดือนมิถุนายนอากาศไม่ร้อน ไม่หนาว ประมาน 20 องศาถือว่ากำลังสบายสำหรับคนไทย ส่วนวิธีการเดินทาง เนื่องจากปอร์โต้เป็นเมืองไม่ใหญ่มาก ผมก็เน้นเดินในจุดที่เที่ยวได้เลย แต่ถ้าใครเดินไม่ไหวก็มีรถเมลล์สะดวกครับ"

ร้าน Papavinhos Restaurante Bar หน้าตาอาหารปลาหมึก 7 ยูโร Starter ใหญ่เบิ้ม เนื้อหมึกเน้นๆ...



ส่วนจานหลักอย่างปลาราคา 20 กว่าๆ ยูโร จานใหญ่มาก


"จุดหมายถัดไปก็คือ Livraria Lello มันคือร้านหนังสือใหญ่ๆร้านนึงที่สวยมากฮะ ในระหว่างทางจากร้านมาที่นี่ก็เดินถ่ายรูปไปเรื่ิิอย"







"พอถึงร้าน แม่เจ้า!! คนแน่นมาก คือมองเข้าไปไม่ว่าจะตรงทิคเกตออฟฟิศ หรือในร้านคือคนยังกะมีป้าย sale แปะอยู่ ตัวผมเองก็เลยคิดว่าถ้าเข้าไปคงถ่ายรูปไม่สวยแน่ๆเลย งั้นไม่เข้าละกัน 555555 เลยได้แต่เก็บบรรยากาศหน้าร้านมาให้ดูนะครับ"


"หลังจากผิดหวังกับสถานที่นี้แล้ว ตัวผมเองจึงเลี้ยวไปสู่เป้าหมายถัดไป นั่นคือ Clérigos Church ก็อยุ่ใกล้ๆกันเลยครับ เดินไม่ถึง 5 นาที"







"เนื่องจากตัวโบสถ์จะมี 2 โซน คือ โซน tower และตัวโบสถ์ จะขึ้นทาวเวอร์ก็ต้องเสียเงิน ผมสายเที่ยวฟรีอยู่แล้ว อีกอย่างเราเห็นตัวเมืองจากจุดพีคมาแล้ว เลยเลือกที่จะเข้าไปชมแค่ตัวโบสถ์ละกัน 5555"



"ว่าแล้วก็ไปสู่ที่ถัดไป นั่นคือ สถานีรถไฟที่ว่ากันว่าเก่าแก่มากๆและสวยมากๆที่นึงในยุโรปเลย มันคือ Porto São Bento ครับ ก็เดินไปจากโบสถ์ไม่ไกลเหมือนกัน ไม่เกิน 10 นาทีหรอก แต่ตัวผมต้องแวะถ่ายรูประหว่างทางไปเรื่อยก็เลยกินเวลาเยอะหน่อย.."




"คุณเห็นนั่นไหมม ตุ๊กๆ ทำไมมาไกล... (ฮาา) ป่าวหรอกครับ จริงๆที่นี่แหละ คือที่ๆมีตุ๊กๆเหมือนกับประเทศไทย และยังเรียกคล้ายๆกันอีกด้วยยย" แต่เจ้ว่า สีสันของเรากับหน้าตาคนขับของไทยนั้น เฟี้ยวกว่าเยอะ 55+


ก็ถึงสถานีรถไฟแล้ว







"ศิลปะอลังการ อะนี่.. เผื่อใครไม่เชื่อว่าเปนสถานีรถไฟ จริงๆนะ 55+ "


"ต่อจากสถานีรถไฟ เราก็จะเดินไปโบรถที่เป็นโบรถหลักของเมือง นั่นก็คือ Porto Cathedral ครับ"




"จากจุดนี้ก็จะเป็นอีกจุดที่สามารถมองเห็นอาคารบ้านเรือนในตัวเมืองปอร์โต้ได้อีกหลายๆมุมสวยๆเลย"





"จุดหมายต่อไปก็จะเดินไปยัง Palácio da Bolsa มันคือ พิพิธภัณฑ์ ที่โชว์ถึงความยิ่งใหญ่อลังการของงานอินทีเรียในสไตล์โปรตุกีสนั่นเอง"







"ต้องบอกก่อนว่าผมไม่ได้เข้า เพราะกว่าจะเดินถึงก็เย็นมากแล้ว จะมีเวลาเดินก่อนมันจะปิดไม่นานมาก เลยคิดว่ามันจะไม่ค่อยคุ้มเงินเท่าไร ใครจะมาก็แพลนดีๆนะครับ ตั้งแต่เมษา - ตุลา จะปิด 19.30 ส่วนช่วงเดือนหน้าหนาว ก็จะเป็น 18.30 นะครับ"

"ต่อไป คือ Monument Church Of St Francis อยู่ข้างๆกันเลย เสียค่าเข้า 5€"



บรรยากาศรอบๆ Monument Church Of St Francis




"หลังจากนั้นก็จะเดินทางไปยัง Luís I Bridge เราก็หาทางที่แบบจะได้เดินเลียบๆชิลๆ Douro river แล้วเห็นสะพานนั้นไหม นั้นแหละเป้าหมายเรา"












"จริงๆอยากบอกให้สบายใจกับคนที่กลัวความสูงหรือไม่อยากเดินขึ้น มันมีทางเดินด้านล่างนะจ้ะ แต่ใครที่ตัดสินใจแล้วว่าครั้งหนึ่งของชีวิต พิชิตสะพานก็จะเจอแบบนี้"







"หลายคนถามว่า พยายามมาบนนี้เพื่ออะไร ........... เพื่อวิวนี้ครับ"






"เมื่อเดินข้ามมันไป เราก็จะเจอ Park ให้นั่งชิลล์ ผมว่ามันเป็นจุดที่พีคในพีคเลยนะ ดูสิ




"นั่งชิลล์ฟังเพลงอยุ่ประมาณ 1 ชั่วโมง ก็ถึงเวลาที่ต้องเดินลงมาหาอะไรทานละ(หิว) เวลาค่อนข้างจะแดดร่มลมตก ประมาน 2 ทุ่มแล้วนี้เนอะ ก็จุดที่เราจะลงไปเรียกว่า Cálem ก็เป็นเวิ้งร้านอาหารริมน้ำแหละ แต่ก่อนเคยเป็นแหล่งผลิตพอร์ต(มั้ง) พอลงมาก้เจอประมานนี้"




"ลองเซิจหาร้านเด็ดดูก้เลยมานั่งอยู่ที่ร้านชื่อว่า Taberninha do Manel อร่อยเลยแหละ แนะนำเลยครับ

พนักงานน่ารักมากๆ ผมเลยจัดไป.."


เริ่มจากพอร์ทแก้เหนื่อยซักแก้ว


ตามด้วยยย sangria 1 เหยือก


"ปลาหมึก 1 หนวดใหญ่ๆ 12€และ สเต็กเนื้อเซอลอย 18€ ปรุงรสแบบโปรตุกรีส"




"เมนูบางส่วน"


"และนั้นคือ พนักงานคนนั้นที่บริการน่าประทับใจ ก็นั่งชิลล์ไปเรื่อยฮะ ผมใช้เวลาอยู่ที่ร้านนี้ประมาน 2 ชม. จนมืด ก็ถึงเวลาต้องกลับที่พักแล้ว"


"ผมใช้ Uber กลับนะ ก็ระยะทางจากตรงนี้ถึงบ้านก็ประมาน 3 กิโล ค่าอูเบอร์แค่ 7€ แม่เจ้า!!! โครตถูกเมื่อเทียบกับที่ๆผมอยู่"

"จบลงแล้วครับสำหรับทริป Porto in one day ของผม หวังว่าคงได้ให้ข้อมูลกับผู้ที่สนใจไม่มากก็น้อยท้ายที่สุดแล้วคงได้แต่บอกว่าที่นี่เป็นสถานที่ๆทำให้ผมประทับใจมากๆ และหวังว่าต่อไปคงได้มีโอกาสมาอีกครั้งในอนาคต ครั้งนี้มีโอกาสมาน้อยวันไปหน่อยเพราะต้องกลับไปนั่งปั่นวิทยานิพนธ์(dissertation) ต่อ ก็ขอจบไว้เท่านี้ละกันครับ"


สำหรับ <strong>ที่พัก</strong>ของผมนั้นairbnb นะฮะ ไปแชร์บ้านเค้าห้องนึง จุดประสงค์เพื่อ จะได้รุ้จักเพื่อนใหม่ๆและค่าที่พัก 2 คืน 44£ ก็ถือว่าถูกมาก นอกจากนี้ก็อยู่กลางเมืองเดินทางสะดวกสบาย


"ด้วยความที่เลือกFlight มาถึงค่อนข้างค่ำ กว่าจะถึงบ้านพักก็เริ่มจะดึก โชคดีที่จากสนามบินมาบ้านแบบรถไฟต่อยาวถึงเลย ประมาน 30 นาที ถึงบ้านประมาณ 22.40 แต่ Christina ก็โครตดี คือนางรอเปิดรับ(แต่ก็แจ้งนางไว้แล้วนะว่าถึงดึก) นาง Nice มาก ของในห้องน้ำคือใช้ได้ทุกอย่างOffer ผลไม้ในครัวให้ด้วย ใครเที่ยวคนเดียว ถ้าที่นี่ว่าง แนะนำฮะ"






"สำหรับทริปนี้ผมเดินไปทั้งหมดประมาน 10 กิโลนิดๆ ก็สามารถเที่ยวได้เกือบจะครบที่สำคัญๆในเมืองปอร์โต้แล้ว แต่การเดินของผมรวมทั้งขึ้นเขา ลงเขา เป็นว่าเล่น แม้แต่ผมอายุ 28 ร่างกายสมบูรณ์แข็งแรง ออกกำลังกายบ้างตามสมควร ยังเหนื่อย เพราะฉะนั้นการเดินเที่ยวแบบผมคงไม่เหมาะสมหรับคนมีอายุเท่าไร(จริงๆคือได้แหละแต่อาจจะต้องซอยเป็นหลายวัน แต่ผมมีเวลาแค่วันเดียวที่จะเที่ยวที่นี้ให้ครบ เพราะฉะนั้นถ้ายังไงสำหรับบางท่านอาจจะต้องใช้บริการรถสาธารณะบ้างนะครับ)

เมืองสวยและมีความเป็นฮิปสเตอร์มากๆ ใครชอบถ่ายรูป โดยเฉพาะถ่ายพอทเทรต มีมุมต่างๆให้คุณได้ภาพมากมายเลยหล่ะ ส่วนใครแนวแลนสเคปก็มีให้ถ่ายจนจุใจไม่ต่างกัน หลายๆคนที่ชอบการท่องเที่ยวก็ขอให้เก็บเมืองนี้ไว้เป็น destination นึงที่ถ้ามีโอกาสก็อยากให้ลองมาละกันนะ แล้วคุณจะหลงรักเมืองนี้แบบที่ผมเป็น.

ปล.โบสถ์ หรือ พิพิธภัณฑ์หลายๆที่ ที่ต้องเสียเงิน ผมเลือกจะไม่เข้า เพราะผมว่าส่วนใหญ่พวกนี้จะค่อนข้างคล้ายๆกันในยุโรป ผมได้แต่เก็บบรรยากาศภายนอกและชื่อสถานที่แนะนำที่ควรไปไว้นะครับ ต้องขออภัยจริงๆที่ไม่เข้า ทุกๆที่ดีหมดแหละครับ ใครอินใครชอบอะไรแนวๆนี้ แล้วนานๆได้มีโอกาสพาครอบครัว พาเพื่อนมาเที่ยว เข้าเถอะครับ ถึงแม้จะต้องเสียเงินก็คุ้มครับผม

ที่นี่ไม่ค่อยมีคนไทยเลย เท่าที่เดินมาทั้งวัน ไม่เจอเลยซักคน ซึ่งแตกต่างจากเมืองอื่นๆในยุโรปมากๆที่ไปที่ไหนก็เจอ จะว่าเป็นข้อเสียก็ใช่ แต่มองให้เป็นข้อดีก็ได้นะว่าเราจะได้อยู่ในสถานที่ๆไม่มีใครรู้จักเราจริงๆ ไม่รู้แม้แต่ภาษาที่เราสามารถพูดได้ตั้งแต่แรกเกิด ทำให้เราต้องรู้จักแอกทีฟ ต้องรุ้จักกล้าที่จะเผชิญกับปัญหาและสิ่งต่างๆที่จะผ่านเข้ามาในการมาเที่ยวครั้งนี้"


"การเดินทางครั้งนี้เป็นการเดินทางมาเที่ยวคนเดียว เราเคยเดินทางคนเดียวมาแล้วหลายครั้งนะ แต่ก็ยังมีความรู้สึกกลัวและกังวลอะไรต่างๆก้อนการเดินทางทุกครั้งเลย ท้ายที่สุดแล้วเราเองก็รู้สึกดีนะที่หลายๆครั้งกล้าพอที่จะมาเที่ยวคนเดียวในสถานที่ๆเราไม่คุ้นเคยเลย ไม่ว่าจะด้วยเรื่องภาษา วัฒนธรรม หรือขนบธรรมเนียม มันทำให้เรารู้สึกว่า เรากล้าพอที่จะชนะความกลัวของตัวเอง ไม่ว่าจะเรื่องอันตรายต่างๆที่อาจจะเกิดขึ้นหรือเรื่องความเป็นอยู่. การที่เรามาแบบนี้พอมาแล้วมันก็ดีนะ มันทำให้เราได้เรียนรู้อะไรหลายๆอย่าง ทั้งการรู้จักผู้คนใหม่ๆ เพื่อนใหม่ๆ รวมถึงการได้ใช้เวลาอยู่กับความคิดของตัวเอง ได้ทบทวนสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้น. ถ้าคุณรู้สึกว่าอยากลองบ้าง ลองเถอะครับ มันสามารถทำให้คุณได้เรียนรู้อะไรต่างๆมากมายแน่นอน แต่ขอให้นึกไว้เสมอว่า อย่าทำไรที่เสี่ยง ระมัดระวังตัวเองและทรัพย์สินให้ดี รู้จักที่จะปิดบังของมีค่าของตัวเอง ไม่พาตัวเองไปในที่เสี่ยงๆ หรือกลับดึกมากๆโดยวิธีที่ไม่สมควร อย่าคิดว่าเมืองนอกปลอดภัยเพราะทุกๆที่ย่อมมีด้านที่อันตราย" จอม ...

Be Traveler By จอม...


Be Traveler

 วันพฤหัสที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2561 เวลา 10.31 น.

ความคิดเห็น