นี่คือทริปเที่ยวของกลุ่มคนนกเที่ยว เนื่องจากกว่าจะตัดสินใจไปเที่ยวต่างจังหวัดกัน ที่พักก็เต็มหมดแล้ว เราเลยตัดสินใจเที่ยวในกรุงเทพฯ นี่แหล่ะ ดีจะตาย รถไม่ติด ไปไหนก็สบายคนไม่เยอะ (เหรอ) แต่ครั้นจะนัดกันกินข้าว นั่งคาเฟ่อย่างเดียว มันก็เหมือนจะไม่ได้อะไร หรือจะไปวิ่ง หวายยยย หยุดยาวใครเค้าวิ่งกัน (อ้าง 555) งั้นเอาเป็นเที่ยวทำบุญ ตระเวนกิน ถ่ายรูปชิคๆ กันน่าจะดีกว่า

ฉะนั้นผมจึงขออนุญาตแจ้งไว้ก่อนว่า ภาพที่จะลงในนี้นอกจากภาพวัด สถานที่ ของกินแล้ว ยังจะมีภาพ Portrait ที่ผมถ่ายให้ชาวแก๊งค์ด้วย เพราะเราอยากแสดงว่ามุมธรรมดาๆ ที่เห็นชินตากันทั่วไป ก็ถ่าย Portrait ออกมาได้ดีเหมือนกันนะ

ส่วนโปรแกรมเที่ยวที่ว่านี้มีที่ไหนบ้าง ไปกันเล้ยยยย...

วัดอรุณราชวราราม หรือว่า วัดแจ้ง หรือที่เรียกสั้นๆ ว่า วัดอรุณฯ

เราเริ่มต้นที่วัดนี้ เพราะอยากให้รุ่งอรุณของเช้านี้มีความเป็นศิริมงคลให้สมกับชื่อของวัด แน่นอนว่านอกจากการทำบุญแล้ว ไฮไลท์ของวัดนี้ก็อยู่ที่พระปรางค์ใหญ่ของวัด ที่ได้ชื่อว่าเป็นสุดยอดศิลปกรรมที่ถูกประดับไปด้วยเครื่องกระเบื้องเคลือบ และเครื่องถ้วยชามเบญจรงค์ สิ่งที่ต้องระวังก็คือการเดินบนพระปรางค์เพราะบันไดสูง และชันมากๆ ที่สำคัญเมื่อถ่ายรูปกันเสร็จแล้ว อย่านั่ง หรือยืน ณ จุดที่ทางวัดห้ามด้วยนะครับ


มีเจ้าเหมียวมาแจมด้วย

แบบครึ่งตัวฉากหลังสวยๆ


ช้อนๆ ใครมีเลนส์ Wide ลองเอามาถ่าย protrait ดู เห็นถึงยอด น่าจะสวยเลยแหล่ะ แต่นี่ผมเลือกใช้เลนส์ 18-135 ทั่วไป ก็จะประมาณนี้ครับ

-------------------------------------------------------------------------------------------------------------

วัดที่สอง วัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร หรือที่มักเรียกกันสั้นๆ ว่า วัดกัลยาณมิตร

เนื่องด้วยเรามากับชาวแก๊งเพื่อนฝูง และเราเชื่อว่าเพื่อนๆ เหล่านี้เป็น กาลยาณมิตรที่ดี เราจึงมาทำบุญ และสักการะหลวงพ่อโตองค์ใหญ่กันที่นี่ ที่วัดนี้มีความเชื่อในเรื่องการขอพรให้แคล้วคลาดปลอดภัย และมีมิตรภาพที่ดี


เมื่อมาถึงแล้วเราก็ซื้อเครื่องสักการะชุดใหญ่ ประกอบไปด้วย ธูป 16 ดอก (ธูปเล็ก 13 ธูปใหญ่ 3) เทียนแดงคู่ และดอกไม้พวงมาลัย โดยทางวัดกำหนดจุดให้เราไหว้ทั้งหมด 5 จุด เมื่อไหว้ครบ 5 จุดแล้ว ก็เข้าไปไหว้หลวงพ่อโต ต่อด้วยพระพุทธรูปปางปาลิไลยก์ซึ่งเป็นพระอุโบสถอยู่ทางด้านขวามือของพระวิหารหลวง

จุดปักธูปจุดแรก หน้าทางเข้าวัดเลยครับ

ภายในอุโบสถ

จากนั้นก็ถ่ายรูปเล่นกันทั้งภายในวัด และด้านนอกของวัด ซึ่งมีจุดนึงที่ผมมองว่ามันดูคลาสสิควินเทจมากๆ จุดนี้อยู่ทางด้านหน้าของวัด ก่อนที่จะเลี้ยวขวาเข้าที่จอดรถ ซึ่งเป็นจุดที่เหมาะแก่การถ่ายภาพ Portrait มากๆ ในความรู้สึกของผม ยังไงลองไปเดินดู หามุมเก๋ๆ ถ่ายภาพกัน ก็สนุกดีนะ


ประตูแดง ทางเข้าวัดอีกจุด

ลานว่างกลางวัด ก็ถ่ายชิคๆ ได้

จุดนี้อยู่นอกวัดครับ ดูวินเทจดี ผมชอบ

เก่าๆ แต่ทรงสมัย

-------------------------------------------------------------------------------------------------------------

วัดที่สาม วัดระฆังโฆสิตาราม หรือเรียกสั้นๆ ว่า "วัดระฆัง"

แน่นอนว่าการมาไหว้พระทำบุญที่วัดนี้ ก็ตรงตามชื่อวัดเลยครับ ด้วยความเชื่อที่ว่า "ไหว้พระวัดระฆัง มีคนนิยมชมชอบ มีชื่อเสียงโด่งดัง" แต่ด้วยเวลาที่เลยช่วงเช้า เข้าช่วงสายแล้วทำให้มีคนมาที่วัดเยอะมาก เลยทำได้แค่ไหว้พระ ตีระฆังทีสองที แล้วก็เดินจากไป 555

-------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ช่วงตะลุยแหลก

ได้เวลาตะลุยแหลก แหลกให้เรียบ เดินจากวัดระฆังไม่กี่นาที ก็ถึงตลาดวังหลังแล้ว ส่วนทีเด็ดก็ชอบใครชอบมัน ลิ้นใครลิ้นมัน แต่ถ้ามาที่นี่แล้วไม่ซื้อขนมปังไส้ทะลักกลับไปล่ะก็ ... แปลว่ายังไม่ถึงตลาดวังหลังนะจ๊ะ


อีกร้านนึงที่ผมเพิ่งเคยได้ลองชิมหลังจากได้ยินเสียงลือเสียงเล่าอ้างอันใดพี่เอยมานานนมก็คือ ซูชิวังหลัง ซึ่ง... ถ้าจะให้คอมเม้นท์กันตรงๆ มันก็เหมือนซูชิในตลาดนัดนั่นล่ะครับ แต่ก็คุณภาพดีขึ้นมาหน่อยนึง มีซาชิมิแซลม่อนด้วยนะ ถ้าไม่คิดมากเรื่องความเป็นพรีเมี่ยม แต่ใส่ใจเรื่องความประหยัดล่ะก็ ซูชิวังหลัง ถือว่าตอบโจทย์ พอกินให้หายอยากได้ครับ

เคลื่อนขบวนไปยังฝั่งพระนครบ้าง เรามองร้านเก๋ๆ แถวท่าเตียนไว้ แน่นอนว่ารถเยอะไม่มีที่จะจอด หรือหาที่จอดรถยาก เรามีที่แนะนำครับ ... "ท่ามหาราช" เหมาะสมกับการเอารถมาจอด แล้วออกไปเที่ยวเล่น หาของกินอร่อยๆ รอบๆ นั้นมากๆ หรือถ้าเหนื่อยแล้วไม่อยากออกไปไหน ที่นี่ก็มีอะไรเก๋ๆ ให้เราเดินเล่นเพลินๆ ได้เหมือนกัน ทั้งร้านอาหาร คาเฟ่ วิวสวยๆ มุมสวยๆ ไว้ถ่ายรูปเล่น หรือถ้าอยากปลีกวิเวก นั่งอ่านหนังสือ หรือพกคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊คมานั่งทำงานเงียบๆ ที่นี่เค้าก็มี Co-Working Space ไว้ให้บริการด้วยนะ อ่ะ!! เดี๋ยวจะหาว่าได้ค่าโฆษณามา ขอข้ามพอไปเดินเล่นแถวท่าเตียนเลยดีกว่า ส่วนท่ามหาราชผมได้ลองกิน ลองชิมร้านแต่ละร้านในนั้นมาล่ะ เดี๋ยวจะพาไปกินตอนหน้าแล้วกัน

เราเดินเล่นมาเรื่อยๆ จากท่ามหาราช จนถึงท่าเตียน เดินชิวๆ ก็ใช้เวลาประมาณ 20 นาทีได้ ร้านแรกที่เราจะแวะกินก็คือ Make Me Mango ครับ ร้านหาไม่ยากครับ ถ้าทำการบ้านมาก่อน ร้านเป็นคูหาเล็กๆ จำนวน 3 ชั้น แต่ภายในร้านตกแต่งได้น่ารัก โทนสีเดียวกับมะม่วงสุกเลยล่ะ และภายในร้านมีมุมถ่ายรูปเยอะมาก แต่... เรามาเพื่อกินครับ อีกอย่างร้านคนเยอะ เราก็เกรงใจที่จะถ่ายรูปมุมต่างๆ ซึ่งมีลูกค้าของร้านนั่งทานกันอยู่ และผมก็ไม่ได้กระหายอยากจะได้รูปอะไรขนาดนั้น ก็เอาเป็นว่า พอถ่ายได้จากโต๊ะที่เรานั่งอยู่ก็น่าจะเพียงพอแล้ว

ในร้านมุมถ่ายรูปเยอะมาก แต่คนในร้านเยอะ ถ่ายแค่โต๊ะของพวกเราก็พอ เกรงใจคนอื่น 55

เราเริ่มต้นที่ Smoothie มะม่วงก่อนเลย หวานอร่อย ชื่นใจมากๆ แก้กระหายจากอากาศร้อนข้างนอกได้อย่างดีเชียว

ส่วนเมนูเด็ดที่ต้องโดนก็คือเมนู Signature ของทางร้านที่ชื่อว่า MAKE ME MANGO ตามชื่อร้านเลย ก็จานนี้ประกอบไปด้วย ข้าวเหนียวมะม่วง ไอศกรีมมะม่วง สังขยา พานาคอตต้านมพร้อมซอสมะม่วงและเครื่องเคียงต่างๆ และบิงซูมะม่วง เราไปกัน 5 คน แร้งลงไม่ถึง 5 นาทีหมดเรียบ


เมนู MAKE ME MANGO

บิงซูมะม่วง

จบจากที่นี่มีร้านกาแฟที่เราอยากไปต่อ ก็อยู่ใกล้ๆ แถวๆ ท่าเตียนนั่นแหล่ะ แต่!! โต๊ะเต็มหมดจ้า คนรอล้นออกมานอกร้าน เอาไงดีล่ะ ... งั้นเคลื่อนขบวนไปพักที่ท่ามหาราชแล้วกัน ที่นี่มีร้านกาแฟเก๋ๆ ชื่อว่า Favour Cafe' ตกแต่งร้านแบบสไตล์ Loft ได้เก๋มากๆ ถ้าเข้ามาเจอหมาโกลเด้นตัวใหญ่ล่ะก็ ไม่ผิดร้านแน่นอนครับ ตะ... แต่ โต๊ะเต็มอีกแล้วววว วันนี้คนเยอะจริงๆ เลยขอยอมแพ้ กลับบ้านดีกว่า

Americano เข้มๆ จาก Favour Cafe' ขณะนั่งรอโต๊ะว่างข้างนอกร้าน

ระหว่างเดินทางกลับ ข้างหน้าจะมีทางให้เลือกระหว่าง ทางไป "มลนมสด" กับ "เหลี่ยมนมสด" แน่นอนว่าถ้าเลือกไป มล อาจจะไม่มีโต๊ะ หรือไม่มีที่จอดรถ ส่วน "เหลี่ยม" ได้ข่าวว่าคนก็เยอะไม่แพ้กัน แต่เรายังไม่เคยไปกินเหลี่ยม เอ้า!! วัดดวงไป เหลี่ยม ดีกว่า ถ้ามีที่จอดรถก็กิน ถ้าไม่มีก็กลับ ปรากฎว่า ... มีจ้าาาาา ก็เลยลองชิมดู จะบอกว่าปังนึ่งสังขยาคือดีงามเลย ส่วนปังปิ้งผมว่าโอเคอยู่นะ ก็ลองมาชิมกันดูครับอันนี้คิดว่าแล้วแต่คนชอบ

ลองสั่งมาแบบไม่ซ้ำกัน จะได้ชิมกันได้ทุกคน 555

ถ้าจบแบบห้วนๆ เลยก็ดูไม่เหมือนบล็อควิ่ง กิน เที่ยวเนอะ ก็กินซะขนาดนี้ รุ่งเช้าผมก็ต้องชดใช้กรรมด้วยการวิ่งกันตามระเบียบ แคลขนาดนี้ 10 โลก็ยังชดใช้ไม่หมด แต่ก็น่ะ ยังดีกว่าไม่วิ่งเลยจริงไหมครับ 55

อย่างไรก็ตามหากผิดพลาดประการใดต้องขออภัยด้วยนะครับ หรือหากข้อมูลผิดพลาดสามารถแนะนำ หรือบอกกล่าวเพิ่มเติมได้นะครับ และขออภัยกับภาพบางภาพด้วยครับ เพราะผมใช้กล้องมือถือถ่ายภาพอาจจะชัดบ้าง ไม่ชัดบ้างนะครับ

กล้องที่ใช้ถ่ายภาพในรีวิวนี้ก็คือ :
- Canon 60 D Lens Fix 50 f.1.8 และ 18-135 f.3.5
- Fuji X-A3 Lens Fix 52 f.1.4
- HUAWEI P9 Plus

ยังไงสามารถติดตามเพจผมได้นะครับ สำหรับเพจกิน เที่ยว วิ่งเล่น

https://www.facebook.com/TouristsRunner/ (Tourist Runner) ที่ไหนมีวิ่งที่นั่นเราเที่ยว

และเพจงานออกแบบ เรื่องสั้น บทความ และถ่ายรูป

https://www.facebook.com/Pinkyangmatoy/ (Pink (Yangmatoy) Design ปิ๊ง!! ดีไซน์)

ขอบคุณมากครับ

Pink Yangmatoy

 วันจันทร์ที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2561 เวลา 00.41 น.

ความคิดเห็น