[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ร่วมสนุกและพูดคุยกันได้ที่ Facebook Fanpage
ได้ที่ :https://www.facebook.com/Letgoaround/



กราบสวัสดีครับกีตาร์เองงง

เราไปเกาะเต่ามาแหละเว้ยเฮ้ย !

ชื่อกระทู้อาจจะเวอร์ไปนิด ส่วนตัว จขกท. เอง

คิดว่าไม่นิด เพราะเวอร์มากกกกกกก 555555555

ถามว่าทำไมต้องอวดแบบภูมิใจนักภูมิใจหนา

ก็เพราะว่าเกาะเต่าคือที่ที่เราอยากไปมานานมากจนเกือบจะ 2 ปี

แล้วพึ่งได้มีโอกาสไปซึ่งก่อนหน้านี้ก็มีอุปสรรคหลายๆอย่าง

ที่ทำให้ไม่ได้ไปซักที ไม่ว่าจะเป็นมีเงินแต่ไม่มีเวลา

มีเวลาแต่ไม่มีเงินแต่ว่าส่วนมากจะเป็นอย่างหลังซะมากกว่าครับ แหะ ๆ ^^'

โดยแรงบันดาลใจที่ทำให้อยาก Backpack ไปเกาะเต่ามาจากรีวิวของ



พี่ต้นอ้อแห่งเพจ High On Dreams https://pantip.com/topic/32100654

และพี่นัทจากรีวิว https://pantip.com/topic/33399183



รู้จักเขาไปงั้นแหละครับ แต่เขาไม่รู้จักเราหรอก ฮ่าๆ



Intro



เชื่อว่าหลายๆ คนต้องมี Dream destinations

หรือสถานที่ที่อยากไปมากๆ

ที่คิดว่าซักครั้งต้องไปให้ได้มั่งแหละ !

ซึ่งสถานที่ในฝันของเราที่อยากไปมาก ๆ

ก็คือ " เกาะเต่า ''

หลังจากที่ลาล่วงหน้าเกือบครึ่งเดือน

(เราทำงานและเรียนไปด้วยครับ) เตรียมใจจะไปเกาะเต่า

เกาะในฝันที่ปราถนาจะไปมานาน

อยู่ดีๆพายุดันเข้าประเทศไทยซะงั้น

ฝนตกแบบไม่ลืมหูลืมตา ตกมันทั่วทั้งประเทศ.

เอาแล้วไง เกาะเต่าทริปในฝันจะกร่อยไม่ได้นะ

เพราะด้วยความที่คาดหวังอยากจะไปมานาน

ถ้าไปแล้วมันไม่สวยเหมือนในรูปจะทำยังไงดีวะ

ถ้าไปแล้วฝนตกทั้งวัน จบกันสิทริปในฝันของเรา

เอาไงดีหรือว่าจะไปที่อื่นก่อน ตอนนี้ในหัวมีหมู่เกาะสุรินทร์

แต่คาดว่าฝนน่าจะตกพอๆ กัน เลยไปเจอรีวิววังเวียงหน้าฝน

หูยมันน่าโดนมากจ้ะพี่จ๋า ฮ่าๆ คือเราเป็นคนชอบเที่ยวแบบลุย

ๆ พอไปเจอรีวิววังเวียงที่กิจกรรมเยอะมาก เเละเหมาะมากกับหน้าฝน

เอาล่ะเราจะไปวังเวียง ประเทศลาว !

.

.

แต่อย่างว่าแหละครับ เกาะเต่าคอลลิ่งมีที่แท้ทรู

ลืมไปว่าเรามันกบในกะลายังไม่เคยออกนอกประเทศ

Passport ยังไม่มีถ้าจะไปทำคือไม่ทันแน่ๆ

พับทริปวังเวียงเก็บไปแบบงงๆ T^T

เอาล่ะ! คงหนีไม่พันเกาะเต่าจริงๆ เอาวะ ไม่สวยก็ช่าง

อย่างน้อยก็ได้ไปเกาะที่ตัวเองฝันว่าจะไปมานาน

( เป็นการตัดสินใจ 12 ชั่วโมงก่อนเดินทาง )



Day 1


หลังจากตัดสินใจได้แล้วว่าจะไปเกาะเต่าชัวร์ๆ

เก็บของแบกเป้ออกมาจากหอโดยไม่ลืม

ที่จะแวะบิ๊กซีหน้าปากซอยซื้อแว่นดำน้ำ

กับกระเป๋ากันน้ำก่อนซึ่งจริงๆแล้วที่เกาะเต่ามีให้เลือกเป็นสิบร้าน

ไม่รู้จะเห่อตื่นเต้นไปทำไมกัน แบกเป้ลงเรือ ต่อ MRT

มาโผล่สถานีกรุงเทพฯ

(สถานีที่เราเรียกกันจนติดปากว่าหัวลำโพงนั่นแหละครับ)

ตรงดิ่งไปซื้อตั๋วซึ่งแถวยาวมาก ซึ่งผิดคาดคิดว่าคนจะไม่เยอะขนาดนี้

ลืมไปว่าเป็นช่วงเปิดเทอมเด็กๆน่าจะทยอยกลับตจว.กัน

เซอร์ไพรส์แรกผ่านไปเจอเซอร์ไพรส์สองคือคนข้างหน้า

ที่ซื้อตั๋วอยู่จะไปชุมพร แต่ดันตั๋วเต็มซะงั้น

เราได้ยินแว่ว ๆ นี่ใจแป้วแล้วนะ

พอถึงคิวเราบ้าง พนักงานบอกว่ายังเหลือตั๋วชั้นสามนะ เอาไหม ?

รอไรล่ะ ! เอาสิครับ นั่นแหละคือตั๋วที่เราต้องการ เพราะเรามันจน ฮ่า ๆ

ตามธรรมเนียมก็ต้องถ่ายรูปตั๋วโดยสารใว้เป็นที่ระลึกหน่อย



หลังจากได้ตั๋ว..เราก็เดินถ่ายรูปไปเรื่อยเปื่อย

เก็บภาพสถานีให้ได้มากที่สุดเพราะเห็นว่าถ้าสถานีกลางบางซื่อเสร็จ

ตรงนี้จะทำเป็นพิพิธภัณฑ์แทน สถานีที่เต็มไปด้วยความทรงจำนับร้อยปี

ใครยังไม่เคยขึ้นรถไฟซักครั้งในชีวิต แนะนำให้ลองดูครับ

มาเริ่มที่นี่แหละ คลาสสิคที่สุดแล้ว

.

ถ่ายรูปจนพอใจแล้ว ถึงเวลารถไฟใกล้ออก

ถึงได้ไปจัดแจงหาที่นั่งตัวเอง โดยมีป้าที่นั่งตรงกันข้าม

ที่จะนั่งไปลงหาดใหญ่ และป้าที่มาพร้อมลูกสาว 1 คน

ปลายทางลงที่สถานีชุมพรเหมือนกันกับเรา

เป็นเพื่อนร่วมทางในการเดินทางครั้งนี้...



ตามที่ใครต่อใครบอกกัน..รถไฟไทยจะถึงช้าถึงเร็ว

จะเลทหรือไม่เลทนั้นขึ้นอยู่กับแต้มบุญที่สะสมมาล้วนๆ

ไม่มีใครรู้ได้ว่าวันนี้จะเลทกี่นาที กี่ชั่วโมง หรือกี่วัน ฮ่าๆ

โดยปกติตามประสบการณ์แล้ว ถึงแม้ว่าจะมีเลทบ้างในระหว่างทาง

ทำให้ถึงปลายทางไม่ตรงตามเวลาที่แจ้ง

แต่เวลาออกนี่ตรงเป๊ะ ใครคิดจะขึ้นรถไฟ

ขอแนะนำให้มาให้ทันตรงเวลานะครับเดี๋ยวจะตกรถไฟเอา

.

.

แต่ไม่ใช่วันนี้ !! ใช่ครับทุกคนคิดถูกตามกำหนดการ

รถไฟออก 13:00 น. แต่นี่ 13.30 แล้วรถไฟยังไม่ออก

เอาละไง แผนสำรองไม่ได้เตรียมมา

เพราะรถไฟต้องถึงสถานีรถไฟ 3 ทุ่มนิด ๆ

ซึ่งยังไม่รวมเวลาเลทระหว่างทางอีก

แล้วเราต้องรีบไปขึ้นเรือนอนที่จะพาเราไปยังเกาะเต่ารอบ 5 ทุ่ม

เต็มที่เราเลทได้ไม่เกิน 1 ชั่วโมงนิด ๆ เอาแล้วไงแค่เริ่มทริป

ก็ระทึกใจเเล้ว ต่อให้ไม่ทันก็นอนมันสถานีรถไฟนั่นแหละ 55555

เพราะตอนเช้ายังมีเรือของลมพระยาอยู่

แต่ราคาแพงกว่านิดหน่อย แถมไม่ได้ฟีลอีกเพราะไม่ใช่เรือนอน

ใช้เวลาแค่ 2 ชั่วโมงหน่อยๆ จากท่าเรือก็ถึงเกาะเต่าแล้ว

.

8 ชั่วโมงนิด ๆ บนรถไฟชั้น 3 ใครว่าแย่เราว่าไม่จริง

ทุกเรื่องราว ทุกการเดินทางของเราล้วนมาจากการนั่งรถไฟชั้น 3

ฟรีบ้าง ไม่ฟรีบ่าง แต่เดี๋ยวนี้ไม่ฟรีเเล้วนะครับ

ทุกๆ การเดินทางของเรา ที่เราเดินทางด้วยรถไฟ

สิ่งที่จะต้องหยิบขึ้นมาเขียนให้คนอ่านได้สัมผัส

ก็คือบรรยากาศต่างๆ บนรถไฟชั้น 3

ไม่ว่าจะเป็นการพูดคุยกับคนแปลกหน้า เบาะตรงข้าม

การนั่งชมวิวข้างทางหลักล้าน กับราคาตั๋วแค่ไม่กี่บาท

การได้ลองกินอาหารของแต่ละจังหวัด

ที่ขึ้นมาขายตลอดการเดินทาง 8 ชั่วโมง

ควักมือเรียกกันไม่ทันเลยทีเดียว เราเองก็เป็นสายกิน

ฮ่าๆ นับได้ว่าควักมือเรียกแทบทุกร้าน

กินชนิดแบบจัดเต็ม เปรมกันเลยทีเดียว



น้องลูกสาวป้าที่นั่งเบาะตรงกันข้ามนางกินเก่งมาก กวักมือเรียกทุกร้านเช่นเดียวกัน 55555



บรรยากาศข้างทางรถไฟ ขบวนที่ 171 กรุงเทพฯ-สุไหงโก-ลก


บรรยากาศข้างทางรถไฟ ขบวนที่ 171 กรุงเทพฯ-สุไหงโก-ลก


น้องด้อมๆ มองๆ ตอนเราถ่ายวิวระหว่างทาง เลยขอแชะใว้ด้วยหน่อย 555


บรรยากาศข้างทางรถไฟ ขบวนที่ 171 กรุงเทพฯ-สุไหงโก-ลก


ก๋วยเตี๋ยวแห้งจากสถานีราชบุรี ราคาเพียง 10 บาท



ลุ้นใจตุ้มๆ ต่อมๆ เดชะบุญแต้มบุญที่เราสะสมมาช่วยชีวิต

ในที่สุดก็มาถึงสถานีรถไฟชุมพร 22.00 น.

ซึ่งนั่นก็หมายความว่าเลทไปเกือบชั่วโมง

และทันเรือนอนรอบ 5 ทุ่ม เว้ยยย !

ลงจากรถไฟเดินบิดขี้เกียจไปหาวินหน้าสถานีรถไฟ

สอบถามราคา สนนราคา 100 บาท

โอเคตามที่ได้อ่านรีวิวจากพี่ทั้งสองที่กล่าวไปตอนต้น

ราคานี้เรารับได้เพราะดูจากแมพแล้วระยะทางค่อนข้างไกล

ประมาณ 5-6 กม. เลยครับ

.

หลังจากดีลราคาเสร็จ พี่วินพาเราไปส่งที่ท่าเรือเกาะเจริญ

โดยที่นี่มีประมาณ 2-3 ท่าเรือเค้าจะแบ่งวันกันโดยของเรา

ไปวันจันทร์ได้เท่าเรือเกาะเจริญครับ ในส่วนของพี่วินนั้น

นอกจากจะพาไปส่งยังไม่พอยังพาไปซื้อตั๋วอีก

บริการดีดุจญาติ สืบทราบมาจากวินว่าพี่เค้าพาเรามาส่งนี่

เค้าได้ค่าหัวนะครับ นอกจากซะว่าเราจะโทรมาจองก่อน

แล้ววินมาส่งก็จะไม่ได้ค่าหัวครับ เอาเถอะ ได้ไม่ได้เราไม่เสียหาย

ยังไงก็ขอบคุณพี่วินนะครับ ที่หลังจากซื้อตั๋วเสร็จ

พาเราออกมาตระเวนหาซื้อเบียร์ เพราะเวเว่นข้างทาง

ไม่มีเบียร์ขาย เเละเราก็รีบมาก ๆ ที่จะมาซื้อตั๋วเรือ

พี่วินพาออกมาหาร้านอีกรอบ ไกลพอสมควร

เพราะร้านส่วนมากปิดหมดเเล้ว ได้เบียร์มากินบนเรือสมใจอยาก

ยกเครดิตให้พี่วินเลยครับ ฮ่าๆ แถมไม่ชาร์จเพิ่มอีกต่างหาก

.

ด้วยความที่ฝนตกปรอยๆ เราจึงต้องใช้โกโปรในการถ่ายแถมกระเป๋าหนักมาก

ๆ เลยถ่ายเป็นวิดีโอเเละแคปเป็นภาพมาเลยละกัน

ภาพอาจจะเบลอๆ แตกๆ หน่อยลงทุนแคปมาให้ดูจะได้เห็นเหตุการณ์เรียลๆ 555

หลังจากซื้อตั๋วเสร็จสรรพได้เบียร์เรียบร้อย จึงขึ้นเรือ

เอาของมาเก็บโดยเรือที่เราขึ้นจะเป็นเรือขนส่งสินค้าไปเกาะเต่า

และมีห้องนอนสำหรับผู้โดยสาร

เป็นเตียง 2 ชั้นพร้อมเปิดแอร์เย็นฉ่ำ

เก็บของเรียบร้อยเปลี่ยนเสื้อผ้าและล้างหน้าล้างตา

ห้องน้ำถือว่าสะอาดใช้ได้เลย

ถ่ายรูปที่พักบนเรือนอนเสร็จแล้ว เลยขออัพเสตตัสเฟสบุคหน่อยละกัน

เผื่อครอบครัวเป็นห่วงอย่างน้อยจะได้รู้ว่าหลังจากนี้ไปลูกแม่

จะลอยคออยู่กลางทะเลอ่าวไทยเกือบๆ 6 ชั่วโมง

ซึ่งเอาจริงๆ มานี่ก็ไม่ได้บอกใครอยู่แล้ว 555



ตามภาพข้างบนเลยครับ 55555 ถ่ายเสร็จ

เราก็ไปดั๊มเบียร์บนดาดฟ้าสารภาพว่ามิชชั่นดั๊มเบียร์

บนดาดฟ้าเรือ นี่วางแผนมานานแล้วครับ

ว่าจะต้องทำเมื่อมาเกาะเต่าตอนนี้ก็ถือว่า

Mission Completed แล้วเรียบร้อย

ดูจากชื่อกระทู้ก็น่าจะรู้ว่าทริปนี้ล้มละลาย

ไปกับค่าเบียร์มากขนาดไหน ^^

เราขึ้นไปบนดาดฟ้าเจอฝรั่งคนนึงนั่งกินเบียร์อยู่

พร้อม Say Hi เราเลยชวนคุย ได้ความว่ามาจากนอร์เวย์มาอยู่

เมืองไทยได้ประมาณ 3 เดือน

ตอนนี้อยู่เกาะเต่ามาเกือบเดือนแล้ว

เราเลยบอกว่า เนี่ยเราพึ่งมาเกาะเต่าเป็นครั้งแรกเองนะ

ฝรั่งถึงกับตกใจ ยูไปอยู่ไหนมานี่ประเทศยูนะ

และเกาะเต่าสวยมาก ทำไมพึ่งเคยมา

,, อ่อจ่ะ ไม่ได้ไปอยู่ไหนหรอกจ่ะ ยังไม่มีเงินมา จนน 555

.

นั่งคุยกันไปซักพัก ก็เล่าให้เราฟังนี่ไอแว๊นมอไซด์ประจวบฯมา

พร้อมชี้ให้ดูมอไซด์ที่จอดอยู่ข้างล่าง เชร้ดดด โคตรคูล

นางซื้อมอไซด์ที่ไทยเลย 5555

พร้อมกับบ่นให้เราฟังว่าเนื่อที่นอร์เวย์แบบ Very shit มาก

หนาวก็หนาว ภาษีก็แพง นี่มอไซด์คงต้องขายทิ้ง

เพราะค่าส่งบวกภาษีแพงน่าดู ขายทิ้งที่ไทยคุ้มกว่าฮ่าๆ

.

.

01.00 น. หมดเบียร์ไป 3 กระป๋องรู้สึกมึนๆ เลยลงมานอน

ให้ตายทำไมมึนไปหมด นี่เราเมาเรือหรือเมาเบียร์กันแน่วะ 555

หลับไปพร้อมคำถามในหัวว่าเมาอะไรกันแน่ ตื่นมาอีกที

ก็พบว่าตัวเองวาร์ปมาถึงเกาะเต่าแล้วเรียบร้อย ...

Day 2



04.00 ไฟบนเรือเปิดเป็นสัญญาณว่าเราได้วาร์ปมาถึงเกาะเต่าแล้ว

มาถึงเร็วกว่าที่คิดแฮะ ยังรู้สึกว่านอนไม่พอเลย

เลยถามป้านี่เจอบนเรือว่า ถึงแล้วหรอครับ ไวจังเลย

ป้าบอก ''วันนี้คลื่นไม่ค่อยแรง เลยมาถึงเร็ว

จะนอนต่อก็ได้นะลูกกว่าเค้าจะเอาของลงหมด

คงฟ้าสว่างนู่นแหละ '' . ใจจริงก็อยากนอนต่อแต่กลัวหลับยาว

แล้วตื่นมาอีกที..อ้าวอีเวงกลับมาอยู่ท่าเรือชุมพรได้ไง 5555

เวลคั่มทูเกาะเต่า


ฟ้ายังไม่สว่างเลย ฮือออ


เรานั่งรอจนฟ้าสว่างกะว่าจะไปเดินหาที่พักแถวๆ หาดทรายรี

ที่นั่นถือเป็นแหล่งที่คึกคักที่สุด ไม่ว่าจะเป็นที่พัก

และ '' บาร์ '' เอาจริงคำนี้มีอิทธิพลกับเรามาก

และเป็นสาเหตุหลัก ๆ ที่เลือกพักที่หาดทรายรี ฮ่า ๆ

.

พอฟ้าสว่างเราเลยเปิด Google Map หาทางไปหาดทรายรี

ระยะทางเกือบ 3 กิโลได้ บอกกับตัวเองโอ้ยชิลล์ๆ

ถึงเป้จะหนักก็เหอะ เดินกินลมชมวิวไปเรื่อย

แต่..Google ก็คือ Google นางเลือกเส้นทางที่ดีที่สุด

ก็คือถนนนั่นแหละครับซึ่งจริงๆ มันเดินเรียบชายหาดได้

แต่ด้วยความที่ภาพจำเราสมัยไปเกาะล้าน ว่าบริเวณท่าเรือ

มันต้องเป็นทะเลที่ไม่มีชายหาดแน่ๆ เพราะฉะนั้นเราคงเดินไม่ได้

งั้นเดินไปตามถนนนี่แหละเนอะ

.

.

เดินออกจากท่าเรือได้ไม่ถึงไหน โอโห้เจอทางเเล้วร้องดังมาก

ทางคือแบบเดินขึ้นและลงเขาตลอดระยะทางเกือบ 3 กิโล

บวกกับเป้บนหลังหนักเกือบ 10 โล ไม่รู้แบกไรมานักหนา

นาทีนั้นคือแทบไม่เอากล้องมาถ่ายรูปเลย คือเราเป็นประเภทที่แบบ

ถ้าหนัก ร้อน เหนื่อย จะหงุดหงิด ขี้เกียจถ่ายรูป

เป็นเหตุให้ทริปของเราบางทีก็รูปน้อย 5555

แต่ดีครั้งนี้ถือโกโปรตลอด ก็เลยอัดวิดีโอเเล้วก็บ่นกับกล้องไปตลอดทาง

จากภาพเอาจริงๆ มันชันกว่านี้นะ 5555

ภาพแคปมาจากวิดีโอเหมือนเดิม อาจจะไม่ค่อยชัดนะครับ


แต่เอาจริงๆ ถึงจะเหนื่อยมันก็ไม่ได้แย่อะไรขนาดนั้น

สำหรับเราเรื่องระหว่างทางมันสำคัญพอๆ กับปลายทางเลย

เวลาเดินทางไปไหนมาไหน เราจะไม่ค่อยนอน

เพราะชอบดูวิวข้างทางไปเรื่อยเปื่อย

อย่างครั้งนี้คือมันก็เดินอ่ะเนาะ จะให้เดินไปหลับไป

ก็คงจะทำไม่ได้ ฮ่าๆ เดินไปเรื่อยๆ บังเอิญไปเจอ

จุดที่มองเห็นทะเลพอดี แล้วตอนนั้นเราอยู่บนจุดที่ค่อนข้างสูง

เลยมองเห็นทะเลบวกกับแสงเช้าในตอนนั้น..พอได้หายเหนื่อย

ถึงมันจะไม่ได้ดูสวยอะไรมากมาย.. แต่มันก็น่าดู

กว่าการที่เดินๆ อยู่แล้วเจอเนินชันๆ อยู่ตรงหน้า

วินาทีนั้นคืออยากคลานขึ้นไปเลย ไม่ไหวแล้วววว T^T

06.30

เราเดินมาถึงหาดทรายรีเดินหาที่พัก

ซึ่งเล็ง Ban's Avanue Guest House ใว้

ตามรอยกระทู้ด้านบนที่แท้ทรู ฮ่าๆ

อีกหนึ่งอย่างคือห้องสะอาด ใกล้ชายหาด

และเดิน 3 ก้าวคือร้านเหล้า ผับ บาร์ อยู่ตรงข้ามกันเลย

แค่นี้ก็น่าจะพอสำหรับ Party Animal อย่างเรา 555

.

เปิดดูราคาในเว็ปต่างๆ ราคาเท่ากันหมด

ด้วยความที่เป็นช่วง Low season เราคิดว่าคนไม่น่าเยอะ

เลยไม่ได้จองรอ Walk in เลยดีกว่า

อีกอย่างนึงคือเราทำงานโรงแรม ถ้าจองผ่าน OTA

ตัวที่พักเองก็คงต้องเสียค่าคอม เห็นว่าช่วงนี้คนน้อย

เลย Walk in เอาดีกว่าเค้าจะได้เงินแบบเต็มๆ

รู้สึกเห็นอกเห็นใจ อาชีพเดียวกัน 555555

.

แต่เช้าๆ แบบนี้ยังไม่มีที่ไหนเปิดเลย

เราเลยเดินไปเล่นตรงชายหาด ถ่ายรุปไปเรื่อยเปื่อย

พอแสงเช้าเริ่มมา โอโห้ ฟ้าเปิด สีฟ้านี่ดีงามมาก

เตรียมใจมาแล้วว่าต้องเจอฝน เจอฟ้าสีแบบนี้นี่เรายิ้มออกเลย

สงสัยเป็นเพราะว่าเราบนกับเพื่อน ใว้มั้ง ว่าถ้าฟ้าเปิด ฝนไม่ตก

เราจะรำรอบเกาะ 5555555

ภาพปลากรอบ



07.30



ถ่ายรูปเล่นไปเรื่อยเปื่อย เริ่มร้อน เริ่มเหนียวตัว

เลยเดินกลับไปโฮสเทล เจอรีเซฟชั่นอยู่ 2 คน

นั่งอยู่เคาท์เตอร์เรียบร้อย อ่ะ ด้วยความที่อ่านรีวิวมาดี

เกาะเต่าพม่าเยอะ คนไทยไม่ค่อยมี

พม่าแน่ๆ ดูจากทานาคาบนหน้าแล้ว



Me : Excuse me , Do you have a bed for one night ?

Reception 1 : เงียบ.. พร้อมหันหน้าไปหาอีกคนเหมือนมีอะไรอยู่ในใจ

แต่ว่าพูดออกไปไม่ด้ายยยย

Me : (หรือสำเนียงเราไม่ได้วะ หรือแกรมม่ากรูผิด หรือมันดูไม่แพง 5555 ? )

Reception 2 : อ๋อ..มีค่ะพี่คืนละ 350 ค่าา

.

.

อ๋อ.. คืออีกคนพูดไทยได้ละเหมือนรู้ว่าเราเป็นคนไทย

จ่ายเงินเสร็จสรรพ รีเควสขอห้องรวมนะครับ ช-ญ เลย

คืออยากเมคเฟรนด์กับฝรั่งเยอะๆ ด้วยความที่มาคนเดียว ต้องหาเพื่อน

.

พอขึ้นไปบนห้องเท่านั้นแหละฮะ

ว่ า ง เ ป ล่ า . . . เ ดี ย ว ด า ย

หรือเข้าผิดห้องวะ ?

เดินลงมางงๆ หารีเซฟชั่น

เรา : เอ่อ..ขอโทษนะครับ คือผมได้กุญแจถูกห้องมั้ยครับ

ทำไมไม่มีคนเลย ? หรือขอห้องที่มีคนได้มั้ยครับ ?



Reception : อ๋อ..ถูกห้องแล้วค่าา ห้อง Dorm เมื่อคืนไม่มีคนเลยค่า

.

จุด-ไปซักพัก พัง พัง พัง

แผนจะหาเพื่อนฝรั่งจากโฮสเทล

เป็นอันต้องจบ คิดในแง่ดี คือจ่ายแค่ 350 บาท

ได้นอนห้องใหญ่ กว่า 10 เตียงคนเดียว Private สุด ๆ ไปเล้ยย T^T

.

คือเอาจริงๆ เคยนอนห้อง Twin ที่มีสองเตียงนี่ยังหลอนแล้วนะ

อันนี้มี 10 เตียงแถมเป็นเตียง 2 ชั้นไปอี๊กก 55555

แต่เรามีวิธีทำอย่างไรให้ไม่น่ากลัว รออ่านได้ในตอนต่อๆ ไป

Lobby กระทัดรักน่ารัก


ห้องนอน


ห้องนอน


บาร์ตรงข้าม Hostel ดีงามสุด ๆ


อาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จรู้สึกง่วงอยากนอน

แต่ว่าด้วยความที่ว่าตอนนี้ฟ้าสวยมาก

กลัวว่าถ้ามัวแต่ลีลาอยู่ดีๆ ฝนตกขึ้นมาทำไงเนี่ย

ไม่รอช้ารีบออกไปหามอไซด์เตรียมแวนซ์รอบเกาะ

ซึ่งร้านเช่ามอไซด์เนี่ยมีหลายร้านมาก

ถามร้านแรกหน้าซอยโฮสเทล วันละ 200 บาท

แต่ค่ามัดจำ 3,000 อ้าวเวรละ เท่าที่เคยอ่านมา

มันต้องมีร้านที่ใช้แค่บัตรประชาชนดิ

ก็เลยเดินไล่ถามไปทีละร้านซึ่งราคา ก็พีคขึ้นเรื่อย ๆ 555

3,000 5,000 6,000 10,000 เพิ่มขึ้นไปตามลำดับ

.

สรุปว่าไม่หงไม่หามันแล้ว ขี้เกียจเดิน

ยิ่งเดินไปเรื่อยๆ ยิ่งไกลออกไป

เลยต้องใช้เงินในการแก้ปัญหา ฮ่าๆ

ย้อนกลับไปร้านแรกจ่ายเงิน ทำสัญญาเรียบร้อย

รวดเร็วทันใจเมื่อเรามีเงิน หึหึ

.

พี่เจ้าของร้านคุยดีมาก พร้อมกับเตือนเรา

ด้วยน้ำเสียงน่าขนลุกแปลก ๆ

น้องขับดีๆ นะคะ ค่าปรับโหดน้าาาา

เรา : อ๋อได้ครับพี่ ขับดีอยู่แล้ว เออพี่ว่าแต่พวกฝรั่งนี่ล้มบ่อยปะ

พี่ : โหยมีล้มกันทุกวัน 555 ขับกันไม่ค่อยคล่องเตือนก็ไม่ค่อยฟัง

น้องลองมองไปรอบๆ ดิ ฝรั่ง 10 คน นี่มีผ้าพันแผลแล้วนะ 2 คน

เออว่ะ ! พอสังเกตุดูเป็นอย่างที่พี่เค้าว่าจริงๆ ฝรั่งพันแผลที่เขาที่ศอก

กันเยอะมาก ทั้งชายและหญิง

.

ซึ่งมาคิดดูอีกทีแล้วเราขับดีซะอย่างจะไปกลัวอะไร

ต่อให้ไม่จ่ายมัดจำ เค้าก็ชาร์จเพิ่มอยู่ดี

ด้วยกิตติศัพท์ ว่าทางบนเกาะเต่านี่ โค-ตะ-ระ-โหดด

.

ได้รถแล้วก็ไปเติมน้ำมันปั้มน้ำมันก็อยู่ใกล้ๆ กันนั่นแหละฮะ

เติมไปแค่ 50 บาท แว้นรอบเกาะ 2 วัน น้ำมันยังเหลือ ๆ

มอไซด์คู่ใจตลอดทริปคือน้องคลิกเขียว แว๊นมันส์มากแรงดีไม่มีตก



1st Place



หลังจากได้มอไซด์แล้ว ที่แรกเลยที่เราไป

ก็คือ Luek Beach (เขียนถูกปะ) ซึ่งเป็นชายหาดส่วนตัว

เล็ก ๆ บริเวณอ่าวลึก จะมีค่าเข้า 100 บาท

แลกกับค่าเครื่องดื่มและค่าเปลนอน

คือเสีย 100 ใช้เปลนอนกันได้ตามสบายเลย

เราแค่แวะเข้าไปถ่ายรูปรอบๆ ไม่ได้เสียเงิน

เพราะคิดว่าเอาเวลาตรงนี้ไปดูหาดอื่น

ก่อนดีกว่า ถูกใจตรงไหนค่อยดรอปตรงนั้น

ขับมอไซด์ออกมาแค่นิดหน่อยก็จะเป็นอ่าวลึก

ทางนี่ก็ค่อนข้างชัน เป็นบางจุด

ชันมาก ถึงขั้นชัน เหี้.. ๆ เลย

ขับสวนกับฝรั่ง ฝรั่งถามเราว่า

เป็นไงบ้างทางตรงนั้น ไอกำลังจะไปทางที่ยูมาอ่ะ

Listen.. the way is very shit Bro !!

บอกไปแบบนี้ นางเตรียมถอยรถกลับ แต่ยังลังเล

พร้อมกับถามเราว่า '' Should i go ? ''

ซึ่งจริงๆ มันก็สวยแหละ เราก็บ่นๆ ไปงั้น

เลยตอบกลับไป '' Sure ! you have to go ,

Don't be worry unless you try ''

.

คมสัสๆ ฝรั่งไม่ได้บอก แต่กุบอกเอง 5555



Tanod Bay ( อ่าวโตนด )



ตรงนี้จะเป็นอีกจุดนึงที่จะมีเรือพานักท่องท่องเที่ยวมาดำน้ำ

เราไม่ค่อยได้ถ่ายภาพใต้น้ำซักเท่าไหร่ เพราะมัวทะเลาะกับกล้อง

แล้วก็แว่นตาดำน้ำอยู่ 55555 หลักๆ ก็คืออยากได้เป็นวิดีโอ

ก็เลยได้วิดีโอเป็นซะส่วนใหญ่ แต่ถ้าเอาจริงๆ เราก็ไม่ได้ดำน้ำ

เท่าที่ควรนะ เพราะแวนตาที่ซื้อมาคือไม่มีท่ออากาศหายใจ

เราดำแบบ skin diving ไม่ได้เลย จะขาดใจตาย

ไปไกลก็ไม่ได้ จะพักกลางทางก็ไม่ได้ เพราะข้างล่างเป็นปะการัง

เสี่ยงมากที่จะบาดเท้า และทำให้ปะการังเสียหาย

.

ที่อ่าวโตนด เราเลยได้แต่ดำน้ำนิดหน่อย

เล่นจนเหนื่อย 555555 และกินน้ำทะเลไปหลายอึก

คือมือนึงถือกล้อง มือนึงว่ายน้ำ พะลุงพะลังสุด!

เลยขึ้นมานั่งบนชายหาด แล้วถ่ายรูปเล่นไปเรื่อยเปื่อย

เพราะตรงนี้ถ่ายรูปสวยมากก ท้องฟ้าดี

วิวดี คนก็งานดี 55555555

.

ถึงแดดจะร้อนแค่ไหน เรายังแฮปปี

เพราะยิ่งแดดแรงแค่ไหน เท่ากับว่าฝนจะไม่ตก (หรอ..วะ ? )

สิ่งที่เป็นกังวลคือฝนนี่แหละ ไม่รู้จะตกลงมาตอนไหน

กลัวเก็บได้ไม่หมด ง่วงก็ง่วง เพราะนอนน้อยมาก

ตั้งแต่ตื่นจากเรือนอน ก็ยังไม่ได้นอนอีกเลย

แต่แลนด์มาร์กและหาดต่างๆ นั้นสำคัญกว่า

ไปค่ะ ! พี่สุชาติ ไม่ต้องนอนมันแล้วว

ยั๊งงไม่ได้นอนนน เลยจะ 10 โมงเช้า เพลงนี้ลอยเข้ามาในหัวเลย 555

ว่าแล้วก็บอกลาอ่าวลึก มุงหน้าไปทางฉโลกบ้านเก่า

ใจจริงตอนนั้นคืออยากไปฟรีดอมบีช แต่ว่าหาไม่เจอ

เลยกะว่าไปวันหลัง และบังเอิญไปเจอป้ายทรายแดงรีสอร์ท

เห็นว่ากันว่าตรงนี้วิวสวย เลยขอไปทดสอบซะหน่อย

.

ขี่ขึ้นเขาไปเรื่อยๆ เริ่มเจอวิว ข้างทางเอย

วิวทะเลเอย เห้ยคือตรงนี้มันดีว่ะ

แต่ทางนี่คือแอบเสียว พลาดคือตายอ่ะครับบอกเลย 555

สวนมะพร้าวระหว่างทางไปทรายแดงรีสอร์ท


ทางลงสู่ทรายแดงรีสอร์ท

ชายหาดตรงทรายแดงรีสอร์ทส่วนมากจะเต็มไปด้วยเศษปะการัง

เราสามารถดำน้ำดูปะการังได้ที่หน้าหาดเลย

ที่เกาะเต่า ไม่ว่าจะหาดไหน น้ำนี่ใสมาก ดีต่อใจสุดๆ

.

ดำน้ำเล่นไปตามประสา แต่ส่วนมากคือจะพยายามถ่ายวิดีโอ

ซะมากกว่า.. ถ่ายอยู่นานไม่ถูกใจซักที

เพราะอยู่ใต้น้ำได้แค่แปปเดียว คอยดูเถอะ

ครั้งหน้าจะมาเรียน Freediving ให้รู้แล้วรู้รอด !

(Freediving คือการดำน้ำตัวเปล่าแบบไม่ใส่ถังออกซิเจน)

ซึ่งคนที่มืออาชีพหน่อยนี่สามารถอยู่ใต้น้ำได้หลายนาทีเลย

ดำผุดดำว่ายอยู่นานเริ่มเหนื่อย และเพลียมาก

เลยคิดว่าจะกลับไปนอนเอาแรงดีกว่า เก็บแรงใว้เมาตอนกลางคืนด้วย 55

จริงๆ ตรงหน้าหาด มีบาร์เล็กๆ ของทางรีสอร์ท แต่ไม่กล้าไปดื่ม

เนื่องจากทางกลับค่อนข้างชัน กลัวจะตายเป็นผีซะก่อนได้มาเขียนรีวิว

เลยไม่ได้ดื่มอะไร อดใจใว้ตอนกลางคืนเถอะ จะเมาให้ยับ !

บ่าย 3 กลับมานอนที่โฮสเทล ตั้งนาฬิกาปลุกอย่างดี

ตอน 5 โมงเย็น ตั้งใจจะไปดูพระอาทิตย์ตกที่หาดทรายรี

ซึ่งห่างจากที่พักประมาณ 50 เมตร ได้

.

ตื่นมา 5 โมงเย็นอาบน้ำแต่งตัว เสร็จ เดินไปเซเว่น

แวะซื้อขนมนิดหน่อยโดยที่ไม่ลืมเบียร์ มา 2-3 กระป๋อง

ขอนั่งชิลล์ๆ ก่อนละกันสำหรับเย็นนี้ หรือจะเรียกว่าเผาหัวก่อนก็ได้ 555

เดินมาหน้าหาดแอบผิดหวังนิดนึงเพราะว่าวันนี้เมฆค่อนข้างเยอะ

พระอาทิตย์ตกดินเลยไม่สวยเท่าที่เคยอ่านรีวิวมา

แต่ถามว่าดีมั้ย มันก็ได้อยู่เด้อ ! บรรยากาศชิลล์สุดไรสุด !

บวกกับเบียร์เย็นๆ เฮ้ออ ฟินนนน น

นั่งชิลล์ริมหาดจนมืดเเล้ว อยากนั่งแบบสบายๆ บ้าง

ทีนี้ก็เป็นหน้าที่เราเลยว่าจะเลือกนั่งร้านไหนดี เพราะเยอะแยะไปหมด

เราเลือกมานั่งร้านๆ นึง สารภาพตรงนี้เลยว่าจำชื่อร้านไม่ได้ 555

ทุกอย่างดีหมดเลยย เบียร์ไม่แพง ที่นั่งดี มีตะเกียงไฟให้

ซึ่งร้านก็จะอยู่ไล่ๆ กับ Lotus Bar สาเหตุที่ไม่นั่งที่ Lotus Bar

เพราะว่าเราชอบฟีลร้านนี้มากกว่า มีเบาะนั่งชิลๆ พร้อมตะเกียงแบบโบราณ

แต่สำหรับใครที่ชอลความตื่นเต้น ที่ Lotus Bar มีโชว์ควงกระบองไฟ แล้วก็

มีกิจกรรมสนุก ๆ ที่ขี้เมาไม่ควรพลาด อันนี้เดี๋ยวเอาใว้เล่าทีหลัง

เพราะเราไปจอยวันที่ 2 ซึ่งรู้สึกพลาดมาก ที่ไม่ไปตั้งแต่วันแรก

.

เป็นคืนที่มีความสุขมากจริงๆ นอนฟังเสียงคลื่นเบาๆ

เบียร์เย็นๆ มีเพลงเบาๆ ให้ฟัง

รู้ตัวอีกทีเราก็สั่งเบียร์ไปหลายขวดแล้ว

เริ่มรู้สึกว่าเลือดสูบฉีดแล้ว อดีนารีนมันพุ่ง

อยากแดนซ์แล้วววว !

ตัดภาพไปที่ตัวเองกำลังแดนซ์อยู่ในบาร์กึ่งผับ หน้าโฮสเทล

ไม่อยากไปไหนไกลกลัวเมาแล้วกลับไม่ไหว 55555

ภาพตัด ตี 3 กลับไปโฮสเทลที่มี 10 กว่าเตียง

แต่นอนแค่คนเดียว 5555 เหงาไปอีก

จริงๆ ตอนแรกก็แอบหวั่นๆ กลัวผี

แต่เอาเข้าจริงๆ ทั้งเมา + เสียงเพลงจากบาร์หน้าโฮสเทล

ลืมเรื่องผีไปได้เลย หลับเป็นตาย ตื่นมาอีกทีก็ 10 โมงกว่าแล้ว 555



Day 3



จริงๆ วันนี้สองจิตสองใจ ว่าจะไปดำน้ำดีไหม

เพราะบนเกาะก็ยังเที่ยวไม่ครบทุกจุด

จนเกิดความชะล่าใจว่าเดี๋ยวค่อยดำวันสุดท้ายก็ได้มั้ง

เพราะออกจากเกาะเต่าพร้อมเรือนอนรอบ 5 ทุ่ม

ยังไงๆ ก็ทัน ว่าเเล้วก็อาบน้ำแต่งตัว

เก็บของลงมาเช็คเอาท์พร้อมฝากกระเป๋าใว้ก่อน

เพราะอยากไปนอนที่ๆ คนเยอะๆ บ้าง

อย่างที่บอก..เรามาคนเดียว

อยากจะเมคเฟรนด์ให้ได้มากที่สุด.

.



วันนี้เราตั้งใจว่าจะไปอ่าวต่างๆ ที่ยังเก็บไม่ครบ

รวมถึงฟรีดอมบีช ที่ตั้งใจจะไปตั้งแต่วันแรก

แต่ดันหาไม่เจอ และขี้เกียจหาซะงั้น 555

ก่อนอื่นเลยคือต้องไปจ่ายค่าเช่ามอเตอร์ไซด์เพิ่ม

เพราะเช่าใว้แค่ 1 วัน ส่วนน้ำมันยังเหลือๆ จากเมื่อวาน

ซึ่งเติมไปแค่ 50 บาทเท่านั้น รถประหยัดน้ำมันไปอี๊กก

ทั้งๆ ที่ขี่ขึ้นเขาลงเขาแว๊นรอบเกาะ น้ำมันยังเหลือเกินครึ่งถัง

.

หลังจากเคลียร์เรื่องมอไซด์เสร็จ เราตั้งใจจะไปดำน้ำ

ตรงจุดดำน้ำของดุสิตบัญชารีสอร์ท ตรงนี้จะมีจุดชมวิวที่มอง

ไปแล้วเห็นเกาะนางยวนด้วย



มองเห็นเกาะนางยวนจากรีสอร์ทเลย


จุดดำน้ำเดินวอล์คอินลงไปได้เลย ปลาเยอะขั้นสุดด !


ภาพนี้มองดีๆ จะเห็นปลาเยอะมาก



ที่จุดดำน้ำของดุสิตบัญชานับเป็นที่แรก

ที่เราเจอคนไทยและได้พูดคุย เป็นคุณลุงคุณป้า

ที่มาจากกรุงเทพฯ เหมือนกัน นับเป็นคนไทยกลุ่มแรก

ที่ได้เจอเลย เราดำน้ำเล่นอยู่นี่ซักพักก็ต้องกลับ

เพราะยังเก็บไม่ครบทุกจุด ยังเหลือแมงโก้วิวพอยท์

ที่ต้องไป ซึ่งทางขึ้นยากมากกกก ! ฝรังเกินครึ่ง ทิ้งมอไซด์ใว้ด้านล่าง

ต่างจากฉัน ที่ไม่ได้ซ่าอะไรทั้งนั้น แต่ขี้เกียจเดิน !!

บ้าป่ะ ระยะทางใช่จะใกล้ๆ แถมเดินขึ้นเขาอีก เรื่องไรจะเดินอะ 555

แต่กว่าจะไปถึง ยอมรับว่าลำบากพอสมควร แต่พอไปถึงนี่ก็หายเหนื่อย

Mango Viewpoint พี่เจ้าของเป็นคนไทย ชาวบ้านบนเกาะเลย

มีภรรยากับลูกๆ ช่วยกันขายของ ปกติเเล้วพี่เค้าจะเก็บค่าชม 100 บาท

เพราะด้วยทาง ขึ้นหรืออะไรต่างๆ ที่อยู่บนนั้นใช้ทุนส่วนตัวออกเองหมด

ปกติเเล้วจะขายเครื่องดื่ม แต่ก็มีนักท่องเที่ยวซะส่วนมาก ขึ้นไปชมเเล้วลงเลย

โดยไม่ได้อุดหนุนเครื่องดื่ม แต่จริงๆ เเล้วถ้าใครซื้อเครื่องดื่ม

ก็ไม่ต้องเสียค่าเขานะครับ เราจัดเบียร์ (อีกแล้วหรอวะ?) ไป 1 ขวด

พอได้บรรยากาศ เปิดเพลงฟังเบาๆ ฟินนัก..

นั่งห้อยขากินเบียร์ชมลม ฮ่าาา


นั่งอยู่นี่ซักพักใหญ่ๆ ก็ Concentrated ได้ว่า

ยังมีอีกหลายที่ที่ต้องไป ว่าแล้วก็กระดกเบียร์ที่เหลือให้หมด

แล้วลงจากจุดชมวิวตั้งใจมุ่งหน้าไปอ่าวหินวง ตามคำแนะนำของพี่เจ้าของร้าน

แต่ดูจากพื้นที่แล้ว อ่าวที่ใกล้ที่สุดตอนนี้ก็คงจะเป็นอ่าวม่วง

ไหนๆ แล้วอ่ะเนอะ เก็บมันให้ครบไปเล้ย !

.

อ่าวม่วงเนี่ยไม่รู้นะว่าเราไปเจอแค่ตรงที่ไม่มีประการังรึเปล่า

เพราะตรงที่เราเดินลงไปดำน้ำมีแต่ทรายล้วนเลย

ดีตรงที่ว่าดำน้ำเล่นได้อย่างสบายใจ ไม่ต้องกลัวเหยียบประการัง

ส่วนใครที่รอชมภาพใต้น้ำของเราบอกเลยว่า Skip ไปเลยก็ได้

เพราะตลอดทั้งทริปแทบไม่มีรูปถ่ายประการังใต้น้ำเลย

เพราะมัวแต่ถ่ายตัวเอง 5555555 แถมถ่ายได้ไม่ดีอีก

ใครจะคิดว่าดำน้ำไปด้วยถ่ายวิดีโอไปด้วยจะยากขนาดนี้

เพราะด้วยความที่ตัวบวมไง ดำได้แปปเดียวก็ลอยขึ้นมา 55555

ทั้งทริปก็เลยทะเลาะกับโกโปรซะส่วนใหญ่

หน้ากากทำร้ายมากดูปากยั๊งกะคนแพ้กุ้ง


.

ที่อ่าวม่วงจะมีป้ารอเก็บเงินค่าเข้ารึค่าที่จอดรถ

อันนี้เราไม่แน่ใจแต่เราไม่ได้เสีย น่าจะเป็นเพราะว่าเป็นคนไทยนี่แหละ

เพราะตอนเรายืนคุยกับป้า จริงๆ ก็ยายแหละ แต่ให้เกียรติแกหน่อย

เผื่อป้ามาอ่านเจอ เเล้วรอบหน้าไม่ให้เข้าฟรีอีก 555555

เรายืนคุยกับแก ถามนู่นนี่นั่น เพราะเราอิจฉาคนบนเกาะนี้มาก

อยากรู้ว่าเค้ากินอยู่ยังไง มีความสุขดีมั๊ย แล้วในสมัยที่เกาะยังไม่บูมขนาดนี้

กับตอนนี้แตกต่างกันยังไง ก็ถามไปเรื่อยเปื่อย

ก่อนลงไปชายหาด เราก็ถามป้านะ ว่าหาดตรงนี้สวยไหม ประการังดีเปล่า

ป้าบอก ป้าก็ไม่รู้เหมือนกัน ตั้งแต่ป้าย้ายมาอยู่นี่ (เกือบ 40 ปี แล้วป้าย้ายมาจากพะงัน)

ป้าแทบจะไม่ลงทะเลเลย อ้าว ทำไมอ่ะครับ ?

ป้ากลัวทะเล แล้วก็ว่ายน้ำไม่เป็น 55555

.

ด้วยความที่เกาะเต่ากลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยว

ที่บูมมากๆ ในช่วงหลายปีมานี้ เพราะเป็นเกาะ

ที่มีจุดดำน้ำลึกที่สวยที่สุดเป็นอันดับต้นๆ ของโลก

ทางการเริ่มเข้ามามีบทบาท พัฒนาถนนหนทาง

ดูจากทางมาอ่าวม่วงแล้ว นึกไม่ออกจริงๆ ว่าตอนที่ยัง

ไม่ทันได้ทำถนนจะมาลำบากขนาดไหน

ทางลงสู่อ่าวม่วง


ระหว่างทางมาอ่าวม่วงหันหลังกับไปจะเจอวิวของหาดทรายรี

จวนจะค่ำก็ยังเก็บไม่หมดทั้งเกาะ

คือมันเยอะจนไม่รู้จะไปไหนก่อน

หวยจึงออกที่ ฟรีดอมบีช เพราะพลาดตั้งแต่วันแรกที่มาถึง

ว่าแล้วก็ขับไปทางโฉลกบ้านเก่า

ที่อยู่คนละฝั่งกับอ่าวม่วงเลย

จริงๆ เราแวะอ่าวหิวงด้วยนะ แต่นั่นแหละ

ไม่ค่อยมีอะไร ไม่ค่อยได้ถ่ายรูป เเละขี้เกียจเล่า 5555

เดี๋ยวนะ แบบนี้ก็ได้หรอ ? ได้สินี่กระทู้ใครรู้ซะมั่ง 55555555

.

อ่ะต่อ ๆ

ไปถึงทางเข้าฟรีดอมบีช

ตรงนี้จะเรียกว่า ตาโต๊ะ รีสอร์ท แอนด์ฟรีดอมบีช

คือหาดฟรีดอม กับ ตาโต๊ะ จะอยู่ติดกัน

มีเจ้าของคนเดียวกัน

.

ถ้าจำไม่ผิดเสียประมาณ 100 หรือ 50 นี่แหละ

คือเอาจริงๆ ก็พึ่งไปมานะ แต่ความจำเสื่อมเร็วเหลือเกิน 555

เเละจะได้น้ำเปล่า 1 ขวด มีที่ให้อาบน้ำ

มีห่วงยางให้ลอยเล่น และก็สนามวอลเลย์ชายหาด

ซึ่ง สรุปแล้วเราก็ไม่ได้ไปฟรีดอมบีชตามเคย

ทั้งๆ ที่อยู่ต่อหน้าแท้ ๆ 55555

มัวแต่สนุกกับการเล่นวอลเลย์ชายหาด กับแก๊ง ละติน

วิชาวอลเลย์ที่เรียนมาตั้งแต่ ม.ปลาย

วันนี้ได้ใช้จริงเว้ย จากคนเล่นงูๆ ปลา ๆ

มาเล่นที่นี่คือกลายเป็นเทพไปเลย 5555

เราใช้เวลาที่นี่ค่อนข้างนาน ได้เพื่อนมาเยอะเลย

แต่ข้อเสียคือ ที่นี่คนละตินเยอะมาก

เเละในสนาม มีข้าพเจ้าเป็นเอเชียอยู่คนเดียว

เปรียบเสมือนมาแข่งในนามทีมชาติไทย 55555

และจริงๆ เเล้วมันจะดีกว่านี้ถ้าทั้งหมดนี้พูดภาษาอังกฤษ

คือเหมือนแต่ละคน ก็ไม่ได้มาด้วยกัน เเต่ดันพูดภาษาเดียวกันหมด

ก็มีการถามชื่อกันบลาๆ เเล้วหันมาถามเราด้วยภาษาละติน

ว่าเราชื่ออะไร สงสัยคงลืมตัว 555

Wait ! I can't understand , English please !!

.

ทุกคนขอโทษเราใหญ่ แล้วที่พีคคือชื่อแต่ละคนแบบ

จำโคตรยากกก แล้วคือทุกคนจำชื่อเราได้ ในละแวกนั้น

พอจบเกมส์ก็นั่งเล่นนอนเล่นอยู่ชายหาด หรือไม่ก็เอาห่วงยางไปลอยเล่น

เจอใครก็จะเรียก Hey Guitar ! ละทำท่าดีดกีตาร์

นี่พึ่งรู้ว่าชื่อตัวเองเป็นที่น่าสนใจก็ตอนมาเกาะเต่านี่แหละ

ทุกคนดูอเมซิ่งกับชื่อกุเหลือเกิน 555

แต่ขอโทษที่เสียมารยาทนะ กุจำชื่อใครไม่ได้เลยเว้ยย 55555

นอนลอยคลอบนห่วงยาง ชมพระอาทิตย์ตกดิน ฟิน !


.

ที่หาดนี้ เราได้เพื่อนเป็นแก๊งค์อาร์เจนติน่ากลุ่มใหญ่

มากันเป็นแก๊งค์ 7 คนแล้วคือเฟรนด์ลี่กันหมดเลย

ตอนที่เล่นวอลเลย์จบเกมส์ แก๊งค์นี้ก็แยกไปนั่งด้วยกัน

ส่วนเราก็เดินถ่ายรุปไปเรื่อย เจอแก๊งนี้นั่งดูดบุหรี่ (รึเปล่า?)

อยู่บนโขดหิน พอเราเดินเข้าไปใกล้หน่อย 1 ในนั้นเรียกเรา

Hey Guitar , What are you doing ? Com !

.

เข้าไปถึงปรากฏว่ากำลังพันลำกันอย่างเมามันส์ 5555

You want to try ? หนึ่งในนั้นถามผม

What is this , Weed ? ถามตอบแบบแกล้งโง่

Exactly Bro ! หืมมม เอากันตรงนี้เลยหรอ

แหม่ ยื่นให้ขนาดนี้ต้องปฏิเสธหรอ 555

คิดซะว่ามันเป็นการเมคเฟรนละกันเนอะ

พี้กัญชาจนค่ำ เอ้ย ! นั่งเอาบรรยากาศจนค่ำ

ได้เวลากลับแล้ว วันนี้ยังสองจิตสองใจ

ว่าจะไปนอนที่ไหนดี แก๊งค์อาร์เจนก็ชวนไปนอน

โฮสเทลเดียวกัน แต่ประเด็นคือมันไกลจากร้านเช่ามอไซด์

ของเรา แถมแถวนั้นไม่ค่อยมีบาร์ เลยเซย์โนไป (บาร์สำคัญสุด)

ด้วยความที่เหนื่อยมาทั้งวัน อยากอาบน้ำเเล้ว

เลยตัดสินใจพักต่อที่เดิม เพราะอย่างที่บอก

ที่นี่ดีหมดทุกอย่าง พี่พนักงานดูแลดีมาก

แต่ที่อยากย้ายเพียงเพราะว่าเราเหงา

วันนี้มีสาวจากเนเธอเเลนด์มาเพิ่มอีก 1 คน

อายุ แค่ 18 ปี มา Backpack คนเดียว

โหคือสุดมากอ่ะ ตอนเรา 18 ยังอ่านหนังสือเตรียมสอบ

Gat Pat อยู่เลย 5555

.

เราทักทายกันปกติแต่ไม่ค่อยได้คุยอะไรมาก

เพราะนางมีนัดกับเพื่อนต่อ แค่เข้ามาเอาของ

หลังจากอาบน้ำแต่งตัวเสร็จ เอาล่ะ !

คืนนี้เราจะมาววว ซึ่งจริงๆ ก็เมาทุกวัน

ไม่ว่าจะเช้าหรือกลางคืน 55555

ก่อนอื่นก็ต้องไปหาไรกินก่อน

เดินไปเซเว่นที่อยู่ใกล้ๆ ได้เบอร์เกอร์มา 1 ชิ้น

พร้อมกับเบียร์อีก 2 ขวด เผาหัวก่อน 55

เมาแล้วค่อยไปกินของแพง จะได้ไม่ต้องรู้สึกว่าเจ็บมาก

คืนนี้ตั้งใจจะไปร้านเดิม คือนั่งชิลล์ๆ

ฟังเสียงลมเสียงคลื่น นั่งทบทวนตัวเอง

ทำใจให้มีความสุข เพราะเรามาหาความสุข

หลังจากนั้นค่อยไปหาไรสนุก ๆ ทำ

นั่งฟังเพลงไปเรื่อย เห็นฝรั่งกลุ่มนึง

อยู่ดรๆ ก็วิ่งลงไปในทะเล นี่ก็เลยไปยืนดู

ว่าทำไมบ้ากันจังวะ 555

ซักพักหนึ่งในนั้นวิ่งมาหาเราที่ยืนดูอยู่

แล้วถามไรว่า ไอเห็นยูยืนดูนานละ นี่จะเป็น Life guard หรอ

เอ้า ! กูอยู่ของกูดีๆ มากวนตีนกูอีก 5555

เราเลยตอบไปว่า No , Just looking crazy guys in the sea.

กวนตีนมากวนตีนกลับไปโกงงงง

ทุกคนหันมาพูดพร้อมกัน Let's crazy together !

อ่ะ ก็นึกว่าตัวเองบ้าละ เจอพวกนี้เข้าไป กูดรอปไปเลยย

รอไรล่ะ ลงทะเลสิครับ 555 ด้วยความที่ทุกคนอายุไล่เรี่ยกัน

มันก็ไม่มีเหตุผลที่เราจะปฎิเสธ ดีซะอีก ได้เพื่อนมาเพิ่มอีกเเล้ว

.

เล่นน้ำกันไปได้ซักพัก Lotus Bar เริ่มมีเกมส์มาให้เล่น

นั่นก็คือเดินลอดไฟ อย่างที่เราบอกไปในตอนต้น

ว่าที่ Lotus Bar มีเกมส์สนุกๆ สำหรับขี้เมาที่ขี้งก

อย่างเราอยู่ ข้อดีของเกมส์ลอดไฟเนี่ยย ใครลอดแล้วผ่านมาได้

จะมีพี่ที่โชว์กระบองไฟ ยืนถือขวดครื่องดื่ม

ที่มีแอลกอฮอล์ผสมอยู่ ยืนกรอกกันตรงนั้นเลย

ใครผ่านได้ ก็ได้เป็นรางวัล ซึ่งแรกๆ เนี่ยมันก็จะง่ายหน่อย

ลอดผ่านได้สบายๆ หลังจากนั้น เริ่มต่ำลง ๆ

ความยากมันก็จะเพิ่มมากขึ้น แต่เพื่อเมาฟรี มีหรอจะไม่พยายาม 555

หนึ่งในแก๊งค์ฝรั่ง ลอดไม่พ้น โดนกระบองไฟตกใส่หลัง

โชคดีคือ ตกใส่หลังไป 1 ดอก แล้วกระบองไฟก็กระเด้ง

ไปค้างอยู่บนคานเหล็ก รอดตัวไป ถึงอย่างนั้นก็เถอะ

โดนไปทีเดียวก็หนักอยู่ หลังพองไปหมด

แต่ถามว่ามันเข็ดไหม ก็ไม่ 55555 ยังคงเล่นต่อไป

คืนนี้เราสนุกมาก ที่ Lotus Bar ทั้งเต้นทั้งอะไรต่างๆ

กับกลุ่มเพื่อนใหม่ใครว่ามาคนเดียวเเล้วเหงา

สำหรับเรามันก็มีบ้างนะ แต่เราต้องรู้จักเข้าหาคนให้เป็นนะเราว่า

เราสนุกกับการได้เจอผู้คนใหม่ๆ ในเวลาที่ต้องการ

ส่วนช่วงเวลาไหนที่อยากอยู่คนเดียวเงียบๆ

ก็แค่เฟดตัวเองออกมา ก็แค่นั้นเอง

คืนสุดท้ายบนเกาะเต่า นับเป็นคืนที่สนุกมาก

เราจำได้ว่าเราได้เพื่อนจากหลายประเทศ

ตั้งแต่ อเมริกา อังกฤษ แคนาดา ฝรั่งเศส เยอรมัน

ทุกคนเฟลรนลี่กันหมด เป็นครั้งแรกที่เราได้ทักทายแบบฝรั่ง

ถึงแม้ว่าจะมีเพื่อนเป็นชาวต่างชาติอยู่บ้าง แต่บอกตามตรงว่าไม่เคย

ทักทายในแบบของเค้าเล่นเช่นการ Check hand หรือการ

ทักทายกันแบบเอาแก้มชนแก้ม ถือว่าเป็นประสบการณ์ดีๆ

ในคืนนั้นเราไม่เจอ คนไทยเลยแม้แต่คนเดียว

เกาะเต่ายังถือว่าเป็นเกาะที่คนไทยยังรู้จักน้อยอยู่

ใครจะไปรู้ว่าประเทศไทยมีเกาะที่เป็นจดดำน้ำลึก

ที่สวยเป็นอันดับต้นๆ ของโลก



Day 4



เช้าวันที่ 4 หลังจากเมื่อคืนมันส์กันจนเกือบเช้า

ก็ได้แยกย้ายจนภาพตัดมาตอน 11 โมง

วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่อยู่บนเกาะเต่า

มีแพลนคร่าวๆ คือจะนั่งเรือไปเกาะนางยวน

แต่ฝนดันตกตั้งแต่เช้าจนถึงบ่าย ออกไปไหนไม่ได้

พี่รีเซฟชั่นใจดี ให้นอนเล่นอยู่บนห้องไม่ต้องจ่ายเพิ่ม

ทั้งๆ ที่ควรจะ C/O ตั้งแต่ก่อนเที่ยงแล้ว

วันนี้เราซื้อตั๋วเรือกลับที่โฮสเทลเลย

จะมีรถของบริษัทมารับตอน 3 ทุ่ม ถือว่าสะดวกมาก



.

บ่าย 3 ฝนหยุดตกเราเลยเดินลงไปหาดทรายรี

เพื่อที่จะหาเรือไปเกาะนางยวน แต่ดั๊นเรือพึ่งออกไปเมื่อกี้

ถ้าจะเหมาไปคนเดียวก็เเพง หรือถ้าไม่เหมาก็ต้องรอ

จนคนมาครบซึ่งก็เริ่มเย็นเเล้ว ไปก็น่าจะอยู่ได้ไม่นาน

แถมฝนพึ่งหยุด คิดว่าน่าจะไม่สวย เป็นเพราะว่าเราคาดหวังใว้มาก

เลยไม่อยากไปเจอตอนที่ยังไม่สวย เอาใว้มาซ่อมรอบหน้าดีกว่า

เพราะบอกใว้เลยว่ายังไงๆ ก็ต้องกลับมาซ้ำอีกแน่ๆ

ที่นี่เป็นที่ที่เรารักที่สุดแล้วตั้งแต่ออกเดินทางมา

ในเมื่อไม่ได้ไปเกาะนางยวนเเล้วเลยเดินเล่น

เรียบชายหาดไปเรื่อยๆ เหลือบเห็นฝรั่ง

พาย Paddle Board อยู่ในทะเล เฮ้ย! คือแบบ

ทำไมันดู Cool จังวะ อยากเล่นมั่งจัง

ว่าแล้วก็เดินไปร้านเช่าซึ่งเป็นรีสอร์ทเครือเดียวกับที่พักเรา

แต่ตรงนี้เป็นสาขาใหญ่

" พี่ครับ ผมพักที่ Ban's Avanue Guesthouse อ่ะ มันเครือเดียวกันใช่ปะ

ปกติ 150 มันได้ครึ่ง ชม. ผมขอ ชม.นึงได้มั้ยอ่ะ ? "

เนื่องจากไม่ค่อยมีคนอยู่เเล้วพี่คนดูแล บอกเอาไปพายเลย

เอามาคืนตอนไหนก็ได้ โหย เจ๋งว่ะ เราภายออกไป ก็จะทรงตัว

แล้วยืนบนบอร์ดได้นี่ก็ยากอยู่ แต่พอทรงตัวได้เท่านั้นแหละ

รู้สึกเท่ห์มาก ให้ฟีลเหมือนเป็น ฟลอริด้า บีชบอยไปอี๊กก 5555

เราพกกล้องและหน้ากากสน็อคเกิ้ลลงไปด้วย

ภายบอร์ดไปตรงไหนที่ประการังสวยๆ

เราก็ดำลงไปตรงนั้นเลย ถึงจะรู้สึกเสียวนิดๆ ก็เถอะ

แต่ถือว่าเป็นประสบการณ์ใหม่เลย โลกใต้น้ำสวยมากจริงๆ

และเช่นเคยครับ ไม่มีรูป เพราะทะเลาะกับโกโปรเช่นเคย 555555

.

เราพายบอร์ดเล่นจนพระอาทิตย์ใกล้ตกดิน

เลยคิดว่าจะพายบอร์ดเข้าฝั่งเเล้วไปถ่ายรูปพระอาทิตย์เล่นชิลๆ

แต่ก่อนจะคืนบอร์ด ขอให้พี่คนเก็บช่วยถ่ายรูปกับบอร์ดให้หน่อย

อยากมีฟีลแบบ Surfer มั่ง 55555

วันนี้เป็นวันแรกตั้งแต่อยู่บนเกาะเต่าที่รู้สึกว่า

พระอาทิตย์ตกดินสวยที่สวยเพราะว่าฟ้าค่อนข้างเปิด

แต่ถ้าถามว่าสวยเท่าที่หวังใว้ไหมก็คงไม่ 55555

เพราะพี่ที่เป็นเจ้าของ mango Viewpoint บอกว่า

ช่วงนี้ถ้าอยากดูพระอาทิตย์ตกสวยๆ ต้องไปดูตรงดุสิตบัญชา

ส่วนตรงหาดทรายรีนั้น จะสวยมากๆ ในช่วงต้นปี

แต่เอาจริงๆ แค่นี้ก็ถือว่าโอเคแล้วหล่ะ หลับตา

แล้วฟังเสียงคลื่นเบาๆ เอาหน้ารับลมจากทะเล

ที่พัดกระทบผิวหน้า ฟินดีแท้ และจะขาดไม่ได้

เลยก็คือเบียร์เย็นๆ ซักกระป๋อง 5555 ใช่แล้วครับ

ผมซื้อเบียร์มากินอีกแล้ว ตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้

เรามานั่งกินเบียร์ดูพระอาทิตย์ตกทุกวัน แล้วก็จะเจอ

แหม่มฝรั่งคนนึง ซึงเจอกันมา 2 วันติดแล้ว

ปกติเวลาเจอหน้ากันก็จะยิ้มให้กันนิดหน่อย

แล้ว Say Hi , แต่วันนี้มาแปลก อยู่ดี ๆนางตรงเข้ามา

คุยกับเรา แล้วถามคำถามถึงที่โคตรสะเทือนใจ

'' ไอเห็นยูมานั่งตรงนี้ทุกวัน และที่ขาดไม่ได้ก็คือ

เบียร์ในมือยูอ่ะ ไอเห็นยูกินทุกวันเลยนะ

ยูขี้เมารึเปล่า หรือว่าเป็น แอลกอฮอล์ลิซึ่ม 555555 ''

.

พูดเสร็จก็ขำๆ ไปทั้งคนถามและคนถูกถาม

แต่คนถูกถามนี่เหมือนจะช็อคเล็กน้อย ที่อยู่ดีๆ

มีใครที่ไหนก็ไม่รู้มาหาว่าขี้เมา 5555

ซึ่งถ้าถามว่าจริงมั้ย จะปฎิเสธก็อายปากแฮะ ^^'

สิ่งที่ทำร้ายจิตใจคนมาคนเดียวมากที่สุด TT


ตะวันเริ่มลับฟ้า เรือน้อยใหญ่เริ่มทะยอยเข้าฝั่งเเล้ว


ฟ้าเริ่มมืดเข้าไปทุกที เป็นสัญญาณเตือนว่า

ได้เวลาจะต้องกลับแล้วนะความสุขมันก็มีระยะเวลาของมัน

เรากลับไปอาบน้ำที่โฮสเทลซึ่งฟรี ขอบคุณพี่ษา Receptionist

สุดสวยประจำเกาะเต่าด้วยครับ 55555 ที่ให้ผมฟรีเยอะเหลือเกิน

รอบหน้าถ้าได้กลับไปต้องไปนอนที่นั่นอีกแน่ๆ

หลังจากอาบน้ำเสร็จลงมารอรถที่หน้าโฮสเทลประมาณ 3 ทุ่ม

ก็มีรถของทางโรงแรมมารับไปส่งที่ถ้าเรือ แม่หาดถึงที่

ด้วยความเมาหรืออะไรก็ไม่อาจทราบได้

ข้าพเจ้าเดินไปขึ้นเรือที่จะไปสุราษฏร์หน้าตาเฉย

ทั้งๆ ที่จริงๆ แล้วต้องขึ้นเรือกลับชุมพร

ดีนะที่มีพี่พม่าวิ่งมาตามว่าขึ้นผิดเรือ เพราะถ้าเดินถงเตียงปุ้ป

ก็คิดว่าจะนอนเลย 55555 นอนอย่างสบายใจ ตื่นมา

ฮัลโหลสุราษฏ์ เมืองหอยใหญ่ ไข่แดง แหล่งธรรมมะ ผ่าม !

.

หลังจากเอาชนะความเบลอความสะลึมสะลือไปเรือของตัวเอง

พอขึ้นไปถึงเรือได้เดินถึงเตียงหัวยังไม่ทันถึงหมอน

ยังทำใจไม่ได้ที่ต้องกลับ คิดไม่ออกเลยว่าเราจะคิดถึงที่นี่ขนาดไหน

เกือบ 2 ปีที่อยากมาที่นี่ แต่ด้วยอุปสรรคมากมายทำให้ไม่ได้มาซักที

วันนี้ได้มาเเล้ว Finally I did it !



แล้วเราจะได้พบกันใหม่



เดินกลับมาที่เตียงจัดแจงเก็บของมีค่าใว้กับตัวเสร็จ

ก็หลับทันทีด้วยความเหนื่อยล้า ตื่นมาอีกที ตี 5 กว่า

ถึงท่าเรือแล้วจ้า ซึ่งเรือน่าจะเป็นลำเดิมกับที่เรานอนมาตอนแรก

ที่ท่าเรือจะมีรถสองแถวคันเล็กๆ ของ 2 ตายาย

จะรับเราไปส่งที่สถานีรถไฟ ในราคาแค่ 50 บาทเท่านั้น

ขากลับเราได้รถไฟรอบ 7 โมงเช้า

เป็นขบวน หลังสวน-ธนบุรี

ขบวนนี้ถ้ามาจาก กทม. ออกจากสถานีธนบุรี

ประมาณ 7 โมงเช้าเช่นกัน ใครที่กลัวว่าจะมาไม่ทัน

เรือนอนรอบ 5 ทุ่ม แนะนำขบวนนี้เลยครับ ราคาถูกมาก

ขามาจาก กทม. ราคาเพียง 80 บาท

ส่วนขากลับก็ 80 บาทเท่ากันครับ

แต่รถไฟไม่เข้าหัวลำโพงนะครับ จะสุดสายที่สถานีธนบุรี



มาถึงสถานีแต่เช้าอย่างแรกเลยคือต้องหาของกิน

เวลาแบบนี้โจ๊กร้อนๆ ซักถ้วยคงจะดีไม่น้อย

ว่าแล้วก้เดินออกมาด้านหน้าสถานี ซัดโจ๊กไป 1 ถ้วย

อิ่มแล้วก็มานั่งรอที่ชานชลา รอเวลารถไฟมาเพื่อ

มุ่งหน้าสู่ โลกแห่งความจริงซักที

ระหว่างรอ หมอกเช้าๆ บางๆ ตัดกับแสงแดด

เป็นภาพที่สวยดีแฮะ ว่าแล้วก็หยิบกล้องขึ้นมาถ่าย

ถ่ายเพลินมาก แปปๆ ก็ 7 โมงรถไฟมาตรงเวลาพอดี

การนั่งรถไฟขากลับค่อนข้างที่จะแตกต่างกับตอนมา

เนื่องจากขามา เราผ่านเข้าสู่เขตภาคใต้ในช่วงกลางคืน

ทำให้ไม่ค่อยได้เห็นวิวข้างทางเท่าไหร่นัก

ขากลับเราเลยค่อนข้างตื่นเต้นกับวิวข้างทาง

ซึ่งไม่ว่าจะไปไหนการเจอวิวข้างทางสวยๆ บนรถไฟ

คือสิ่งที่เราชอบที่สุดแล้วในการนั่งรถไฟ

ครั้งนี้็ไม่ทำให้ผิดหวัง ทั้งภูเขา สะพาน หรือแม้แต่กระทั่ง

ชายทะเลที่รถไฟแล่นไปตามแนวชายหาด

ในส่วนของการเลือกที่นั่งก็สำคัญไม่แพ้กัน

เราคาดเดาได้เลยว่าเราจะต้องนั่งฝั่งไหนถึงจะเห็นวิวทะเล

ต้องนั่งฝั่งไหนถึงจะไม่โดนแดด ให้นึกภาพแผนที่ประเทศไทย

เข้ามาในหัวได้เลยรถไฟมุ่งหน้าสู่ทางเหนือของประเทศ

ถ้านั่งฝั่งซ้ายก็เป็นทิศตะวันตก ถ้านั่งฝั่งขวาก็เป็นทิศตะวันออก

แถมถ้าดูจากแผนที่เเล้วรถไฟจะวิ่งเลียบทะเลอ่าวไทย เพราะฉะนั้น

เราจึงต้องนั่งทิศตะวันออกครับ ถึงแม้ว่าตอนเช้าอาจจะเจอแดดนิดหน่อย

แต่แดดในยามเช้า พอทนได้ครับ เพราะหลังจากบ่ายไป

ใครนั่งฝั่งทิศตะวันตกต้องร้อนมากๆ แน่ๆ



การเดินทางในครั้งนี้นับว่าเป็นอีกหนึ่งการเดินทาง

ที่ประทับใจและจะจดจำใว้ตลอด ตลอด 3-4 วันมานี้

ตั้งแต่ก้าวเท้าออกจากห้อง ไม่มีนาทีไหนเลย

ที่เราจะไม่มีความสุข ทุกๆการเดินทาง ทุกๆ จังหวะ

ล้วนมีความสุข หรือแม้แต่กระทั่งช่วงสุดท้ายของการเดินทาง

เพียงแค่เอาหนังสือเล่มโปรดขึ้นมาอ่าน บวกกับลมเย็นๆ

ที่กระทบเข้ากับหน้า ก็นับได้ว่าเป็นความสุขเช่นกัน

หลังจากนี้ก็คงต้องกับไปเรียน กับไปทำงาน

เข้าสู่โลกแห่งความจริง จุดประสงค์ของกระทู้นี้

นอกจากจะสร้างแรงบันดาลใจ หรือแนวทางให้กับคนอื่นๆ แล้ว

เรายังหวังว่า จะเป็นไดอารี่เล่มโปรดที่เราสามารถเข้ามาอ่านได้เสมอ

ทุก ๆ ครั้งที่เราคิดถึง '' เกาะเต่า ''



ค่าใช้จ่ายที่จำเป็น



ค่ารถไฟ กรุงเทพฯ-ชุมพร (ชั้น 3) 192 บาท

ค่าวินจากสถานีรถไฟ-ท่าเรือ 100 บาท

ค่าเรือนอนจากท่าเรือ-เกาะเต่า 400 บาท

ค่าเช่ามอเตอร์ไซด์ 400 บาท 200/วัน

ค่าน้ำมัน 50 บาท

ค่า Hostel 2 คืน 700 บาท 350/คืน

ค่าเรือนอนจากเกาะเต่า-เท่าเรือ 400 บาท

ค่ารถสองแถว-สถานีรถไฟ 50 บาท

ค่ารถไฟ ชุมพร-ธนบุรี 80 บาท

ค่ากินและเครื่องดื่ม เเล้วแต่คนเลยครับ



** แนะนำทัวร์ดำน้ำ 600-650 บาท ดำน้ำ 4-5 จุด

และพาไปเกาะนางยวนด้วยครับ เราพลาดทริปนี้

ครั้งหน้าต้องไปซ่อมอีกแน่ๆ **

ขอบคุณมาครับ ^^

ช่วงนี้กระทู้ตกเร็ว ไปพูดคุยกันได้ที่ Fanpage นะครับ



ปล.ภาษาอังกฤษงูๆ ปลาๆ พอไปวัดไปวาครับ 555555

Go Around

 วันพฤหัสที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2561 เวลา 02.59 น.

ความคิดเห็น