สวัสดีค่ะ

ทริปนี้เดินทาง 8 คน จองตั๋วเครื่องบินไปลงที่สนามบินอุดรธานี ค่าตั๋วเครื่องบินไปกลับคนละ 1,525 บาท (ไม่รวมน้ำหนักกระเป๋าขากลับ) แล้วก็ใช้บริการเช่ารถตู้พร้อมคนขับและบริการผ่านแดนของปาริฉัตรทัวร์ http://pkgethouse.blogspot.com/2011/07/1.html

วันแรก
5.15 น ออกเดินทางจากสนามบินดอนเมือง
6.30 น. ถึงสนามบินอุดร รถตู้มารับไปกินข้าวเช้าแล้วไปส่งที่หน้าด่านหนองคาย
9.00 น. รถตู้ลาวมารับที่ด่าน เดินทางไปวังเวียงแวะทานอาหารกลางวันที่เขื่อนน้ำงึม

หลังจากที่นั่งรถยาวๆๆๆๆ ประมาณ 4 ชั่วโมง 17.00 น. ถึงวังเวียงเช็คอินที่โรงแรม Maylay Guesthouse แล้วไปเพิ่มเติมความหวานกันที่ร้านหลวงพระบางเบเกอรี่

ตั้งใจจะเดินไปดูน้ำซองแต่ใช้เวลาที่ร้านเบเกอรี่นานไปหน่อยแสงเลยหมดไปซะก่อน อาหารเย็นพวกเรากินอาหารจานเดียวกัน ราคาประมาณจานละ 100- 200 บาท เครื่องปรุงส่วนใหญ่จะหนักไปทางหอมหัวใหญ่ กินเสร็จแล้วก็เข้าที่พักหมดวันแรกของการเดินทาง



วันที่สอง

7.00 น. รับประทานอาหารเช้าของโรงแรมจะเป็น American Breakfast มีเป็นเช็ทให้เลือกว่าจะเอาไข่ดาว ออมเลต ฯลฯ เสริฟพร้อมขนมปังฝรั่งเศส กาแฟ และ ผลไม้ บอกเลยว่าไม่อิ่มค่ะ

บรรยากาศยามเช้าที่วังเวียงสดชื่นมากจากโรงแรมเดินไปชมบรรยากาศแม่น้ำซองไม่ไกล


สถานที่แรกของวันนี้เดินทางไปถ้ำจังกันค่ะ สะพานสีส้ม Land Mark ของที่นี่ใครมาก็ต้องมาถ่ายรูป

ปากทางเข้าถ้ำจังจะมีชาวบ้านมาขายของพวกผลไม้ ของป่า ข้าวโพดต้ม ฯลฯ บันไดขึ้นถ้ำจังไม่ได้สูงมากนะเดินขึ้นได้สบาย

บรรยากาศภายในถ้ำกว้างมาก อากาศเย็นเดินสบายไม่เหนื่อยเลย

ขากลับออกมาจากถ้ำลงบันไดมาก็แวะไห้วพระซักหน่อย

เห็นรูปเวียงธารารีสอร์ทแล้วอยากไปถ่ายรูปมากเลยขอให้คนขับรถพาไปถ่ายรูปที่นี่ซักหน่อย

ที่จริงแล้วรีสอร์ทเค้าไม่ให้คนนอกเข้าไปถ่ายรูปนะคะ แต่สำหรับแขกที่มากินอาหารที่ร้านก็สามารถถ่าย รูปด้านนอกได้แต่พวกเราไปแต่เช้าร้านอาหารยังไม่เปิด ก็เลยได้แค่ถ่ายรูปไกลๆ


ไปต่อที่บูลากูน ที่นี่กิจกรรมเยอะมากตั้งแต่เล่นน้ำ ลอดห่วงยางดูถ้ำปูคำ โหนเชือก แต่กิจกรรมเหล่านี้ล้วนแต่เปีกยน้ำทั้งนั้น ไม่สะดวกสำหรับการเดินทางต่อของพวกเราเลยได้แค่ดูเฉยๆ

รูปใหญ่ด้านขวาเค้ากำลังจะโหนเชือกกัน ค่าบริการคนละ 600 บาทด่านเยอะมากน่าสนุก


กินอาหารกลางวันแล้วเดินทางกลับเวียงจันทน์ หลังจากเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมงก็ไปไหว้พระกันที่วัดแรก วัดองค์ตื้อมหาวิหาร

หอพระแก้ว ที่นี่เป็นพิพิธภัณฑ์ด้านในห้ามถ่ายรูป

ถ่ายได้เฉพาะด้านนอกและรอบๆ วิหาร ค่าเข้าคนละ 10,000 กีบ ประมาณ 40 บาท


ตรงข้ามกับหอพระแก้วจะเป็นวัดสีสะเกด ค่าเข้าชมคนละ 10,000 กีบ


ไปไหว้พระกันต่อที่วัดสีเมือง วัดนี้ได้ยินไกด์เล่าว่ามีผู้หญิงกระโดดลงไปในบ่อน้ำ จำได้แค่นี้จริงๆ


เช็คอินที่โรงแรมเอาของไปเก็บเรียบร้อยแล้ว ก็ไปเดินเล่นกันต่อที่ริมน้ำโขง มีคนมาออกกำลังกาย และโรงแรมอยู่ใก้ลกับตลาดมืดของขายเพียบราคาแพงกว่าไทยนิดหน่อย

หลังจากกินข้าวอิ่มแล้วก็โบกรถสกายแล็ปไปชมพระธาตุหลวงยามค่ำคืน ค่ารถไปกลับเหมาได้ราคา 400 บาท

วันที่สาม

เช้าวันสุดท้ายอาหารเช้าของโรงแรมก็เหมือนกับที่วังเวียง มีสองเซทนี้แต่เพิ่มโจ๊กมาให้ด้วย อาหารเช้าโรงแรมนี้อร่อยกว่าที่วังเวียงมาก


ประตูชัยยามเช้า แดดแรงอากาศร้อนมาก ขึ้นไปชมวิวด้านบนประตูชัยกันค่ะ ค่าเข้าคนละ 4,000 กีบ

ส่วนตัวขึ้นมาแล้วผิดหวังนะเพราะมีแต่ร้านขายของ ซึ่งแน่นอนราคาแพงกว่าข้างล่างแน่ๆ แล้วด้านในดูโทรมมาก ของสำคัญของชาติเก็บค่าเข้าด้วย ด้านในน่าจะเป็นประวัติศาสตร์และได้รับการบำรุงรักษามากกว่านี้หรือเปล่า จะมีใครอยากจะเสียตังค์เพื่อมาช็อปปิ้ง

สถานที่สุดท้ายสำหรับทริปนี้ พระธาตุหลวงแดดแรงมาก ร้อนมากถึงมากที่สุด ที่พระธาตุหลวงจะมีของให้ช็อปปิ้งตลอดทาง ราคาไม่แพงมาก หากจะเข้าไปชมด้านในเสียค่าเข้าคนละ 10,000 กีบ

หลังจากนั้นรถตู้ก็มาส่งพวกเราที่ด่านหนองคาย พวกเรากินอาหารกลางวันที่ร้านในด่านเป็นอาหารจานเดียวซึ่งก็ยังคงราคาแพงเป็นปกติของที่นี่ กินอิ่มแล้วทางปาริฉัตรทัวร์ก็มารับเราที่ด่านเดินทางไปหนองคายเแวะวัดหลวงพ่อน้ำใส แล้วเดินทางต่อไปอุดรแวะซื้อแหนมเนืองที่ร้าน VT (ที่จริงไม่ต้องไปซื้อที่ร้านก็ได้นะเพราะราคาที่ร้านเท่ากับราคาที่สนามบินค่ะ)

17.00 น. รถตู้ไปส่งที่สนามบิน
18.30 ขึ้นเครื่องกลับกรุงเทพใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมงกลับบ้านโดยสวัสดิภาพ


ขอบคุณที่เข้ามาชมรีวิวกันค่ะ




Tharasaki

 วันเสาร์ที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2561 เวลา 15.47 น.

ความคิดเห็น