น่าน : เนิบ เนิบ

หากใครกำลังมองหาที่เที่ยวแบบอยากไปหยุดการใช้ชีวิตแบบเร่งรีบ ไปทำอะไรแบบช้า เมืองน่าน คงจะเป็นตัวเลือกลำดับต้นๆ ของหลายๆคนเป็นแน่ๆ ด้วยบ้านเมืองที่สวยงาม วิถีชีวิตของผู้คนที่เรียบง่าย รวมไปถึงธรรมชาติที่สวยงาม ไม่ว่าจะเป็นภูเขา, ลำธาร หรืออีกจุดเด่นที่ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวเดินทางมาชมความสวยงามของของทุ่งนาข้าวสีเขียวๆ นั่นเอง

การเดินทางไปน่านนั้นสามารถเดินทางได้หลายแบบ ไม่ว่าจะขับรถมาเอง ถนนหนทางที่นี่ก็สวยงามร่มรื่นขับชมวิว แวะเที่ยวไปเรื่อยๆก็ชิลไปอีกแบบ หรือว่าใครจะขึ้นรถโดยสารปรับอากาศจากกรุงเทพ ขี้นมาช่วงค่ำๆจะมาสว่างที่น่านตอนเช้าพอดีเที่ยวต่อได้เลย แต่สำหรับทริปนี้ด้วยเรามีเวลาไม่มากเลยวางแผนเดินทางโดยเครื่องบิน ครั้งนี้เราเลือกเดินทางโดยสายการบินนกแอร์ เวลาบินก็ใช้ได้เลยครับ ไฟลท์มาไม่เช้ามากเครื่องออกเวลา 9.10 น. เดินทางถึงน่านประมาณ 10.30 น. ส่วนไฟลท์กลับเราเลือกจองไฟลท์ค่ำ จะได้มีเวลาเที่ยวในตัวเมืองน่านด้วย

ทริปนี้เราไม่ได้โหลดกระเป๋า เลยเช็คอินทางแอพไว้ล่วงหน้า สามารถใช้ Boarding Pass ในมือถือโชว์ที่หน้า Gate ได้เลยสะดวกมากๆ

เตรียมขึ้นเครื่องออกเดินทางไปน่านกัน เที่ยวบินนี้ใช้เครื่องบินแบบใบบัด

พนักงานต้อนรับบนเครื่องเสริฟน้ำดื่มนกชื่นใจ

พอเข้าเขตน่านก็เริ่มเห็นภูเขาเขียวๆละ

ใช้เวลาประมาณชั่วโมงนิดๆ เราก็เดินทางมาถึงน่านประมาณ 10.30 น. เราจองรถตู้ของ น่าน เกล้าการุณ ไว้รถมาจอดรออยู่ที่หน้าประตูทางออก ขึ้นรถพร้อมออกเดินทางไปเที่ยวน่าน

Day 1 : กรุงเทพ - น่าน - บ่อเกลือ - อาโปเดอมาง

เรามุ่งหน้าสู่ อ.ปัว เพื่อจะเดินทางไปที่ อ.บ่อเกลือ จุดหมายของที่พักในคืนแรกของเราแต่ว่าไหนๆก็ผ่าน อ.ปัว พอมีเวลาเลยขอแวะเที่ยวที่ปัว สักหน่อยก่อนละกัน เราแวะไปที่ Cocoa Valley อยู่ก่อนถึงอ.ปัวเล็กน้อย

นอกจากมีคาเฟ่แล้ว ที่นี่มีที่พักด้วยนะครับ

มีต้นโกโก้และผลโกโก้สดๆให้ดูด้วย

ขนมก็น่าทานแถมได้ชมวิวเขาสวยๆไปด้วยบรรยากาศดีมากๆ

หลังจากทานขนมอร่อยเสร็จ เราแวะไปต่อกันที่วัดภูเก็ต หลายคนเห็นชื่อแล้วอาจสงสัยว่าทำไม ตั้งชื่อวัดภูเก็ต แต่มาอยู่ที่น่าน ซึ่งตามจริงแล้ววัดภูเก็ต ตั้งชื่อตามหมู่บ้านที่ชื่อว่า หมูบ้านเก็ต แต่ด้วยวัดตั้งอยู่บนเนินเขา ซึ่งทางเหนือ เรียกว่า "ดอย" หรือ "ภู" จึงตั้งชื่อว่า "วัดภูเก็ต" นั่นเอง

วิวตรงระเบียงวัดภูเก็ตจะเห็นวิวทุ่งนาเขียว และด้านล่างมีตูบนาไทลื้อ ที่มีกาแฟขาย และจุดถ่ายรูปสวยๆให้ลงมาเก็บภาพกัน หลังจากถ่ายรูปกันจนจุใจแล้วขับรถมุ่งหน้าไป อ.บ่อเกลือ

ก่อนขึ้นไปเลยขอแวะถ่ายรูปกับกำแพงเมืองพลัว

ระหว่างทางไปบ่อเกลือ คุณแก๊ป คนขับรถตู้พาแวะจุดถ่ายรูปตรงถนนลอยฟ้าด้วย วิวสวยมากๆเลยละ

ถ่ายกับฉากหลังเป็นเขาเขียวๆสักหน่อย

พี่แก๊ปพาแวะตรงจุดถ่ายรูปอีกจุดแต่เรามาช่วงหมอกลงพอดีเลยจากวิวเขาก็เลยเป็นวิวหมอกแบบนี้มันก็สวยไปอีกแบบนะ

หมอกลงเยอะมากแต่โซเฟอร์ของเราขับพานักท่องเที่ยวมาบ่อเกลือบ่อยสบายหายห่วง

ขับมาถึงบ่อเกลือมาถึงที่พักของเรา นั่นก็คือ อาโปเดอมาง นั่นเอง ช่วงนี้รถต้องจอดด้านบน และเราต้องเดินลงไปเพราะที่พักที่เราจองไว้เป็นเต็นท์ริมน้ำ

เดินลงไปด้านล่าง ขาลงไม่เท่าไหร่ แต่ขาขึ้นนี่ได้ออกกำลังกายกันไปในตัว

ที่พักมีให้เลือกหลากหลายทั้งแบบเต็นท์เดี่ยว บ้านเป็นหลังๆก็มี


ส่วนเต็นท์ของเราที่จองไว้เป็นเต็นท์แฝด อยู่ริมน้ำแบบนี้เลย



ภายในเต็นท์มีที่นอนและปลั๊กไฟพร้อมเครื่องใช้ให้พร้อม


ห้องน้ำจะเป็นห้องน้ำรวมแยกชาย-หญิง


หน้าเต็นท์มีเตียงผ้าใบให้นอนเล่นด้วย ชิลสุดๆเลยครับ ฟินมากๆ


มื้อเย็นเรามาปาร์ตี้ B.B.Q ริมน้ำกัน



อาหารเสริฟมาเป็นปิ่นโต มาทานข้าเย็นกันดีกว่าครับ

เริ่มค่ำที่พักเริ่มเปิดไฟบรรยากาศสวยไปอีกแบบ ไปอาบน้ำนอนฟังเสียงน้ำกันดีกว่า ถึงจะไม่มีพัดลมแต่อากาศก็เย็นสบาย พอดีจังหวะวันที่เราไปกลางคืนมีฝนตกนิดหน่อย เลยอนหลับสบายเลย


Day 2 : บ่อเกลือ - ปัว - โฮมสเตย์ตานงค์

ตื่นเช้ามาก็มีหมอกมาให้ดูหน้าเต็นท์

อาหารเช้าจะเสริฟที่ห้องอาหารด้านบน นั่งทานอาหารพร้อมชมวิวเขาสวยๆยามเช้าไปด้วย เดี๋ยวรีวิวเต็มของที่พักอดิจะรีบทำมาให้เพื่อนอ่านกันนะครับ ใครสนใจมานอนชิลๆริมแม่น้ำแบบนี้ ก็แวะมานอนเต็นท์ริมน้ำชิลๆที่อาโปเดอมอง กันนะครับ

ติดต่อที่พัก : อาโปเดอมาง

พิกัด : อ.บ่อเกลือ จ.น่าน
โทร : 095-626-4851 คุณดรีม
Facebook : Arpo de marng / อาโปเดอมาง


นัดพี่แก๊ปมารับตอน 9 โมง พี่เขามาจอดรอหน้าที่พักตรงเป๊ะเลย ไปเที่ยวกันต่อดีกว่า

มาถึงบ่อเกลือ เลยแวะมาที่บ่อเกลือโบราณกันซะหน่อย

เรามาช่วงเข้าพรรษาพอดีเลย เป็นช่วงที่ชาวบ้านจะงดต้มเกลือ

ก่อนกลับเลยแวะถ่ายรูปกันซะหน่อย หมอกมาเยอะมาก

บ่อเกลือเป็นอีกหนึ่งสถานที่เที่ยว ที่อดิมาแล้วรู้สึกผ่อนคลายทุกครั้ง ด้วยความเงียบสงบ มีทั้งธรรมชาติ สายน้ำ ให้เราได้นั่งชิลๆ มีเวลานอนนิ่งๆให้เวลากับตัวเอง

เราแวะมาหากาแฟดื่มกันที่ กาแฟบ้านไทลื้อ กาแฟราคาเบาๆ กับวิวที่แพงมาก ที่นี่มีซุ้มให้นั่งเล่น แถมมีสะพานไม้ไผ่ให้เดินเล่นถ่ายรูป

เดินเล่นถ่ายรูปกันจนเหนื่อยเราเดินมากินข้าวซอยร้านข้างๆ ที่ ร้านข้าวซอยบ้านไทลื้อ

ข้าวซอยไก่สักชามไหมครับหลังทานข้าวซอยเสร็จ เราก็มุ่งหน้าไปที่พักคืนที่สองของเรา

ที่พักของเราคืนที่สอง โฮมสเตย์ตานงค์ นั่นเอง วิวทุ่งนาช่วงนี้กำลังเขียวเลยสวยมากๆ

ห้องพักของเราอยู่ที่ชั้น 3 มีระเบียงหน้าห้องให้ชมวิวสวยมากๆ

อาบน้ำเปลี่ยนชุดมานั่งเล่นชมวิวทุ่งนาเขียวๆกันดีกว่า

นาสวยๆ ลมเย็นๆ มาเล่นว่าวกันดีกว่า

มีแคร่ให้นั่งเล่นชมวิวทุ่งนา

วิ่งจนเหนื่อยเริ่มหิวได้เวลาทานอาหารเย็นพอดีเลย

อาหารเป็นเมนูพื้นเมืองเสริฟมาในขันโตก ไส้อั่ว ย่างเตาถ่าน อร่อยมาก จนต้องสั่งกลับมากินที่บ้านเลย

ทานอาหารเสร็จก็ออกไปเดินเล่นกันซะหน่อย

พระอาทิตย์เริ่มลับขอบฟ้าแสงมันก็จะสีสวยประมาณนี้ละ ไปอาบน้ำเข้านอนกันดีกว่า


Day 3 : ปัว - เมืองน่าน - กรุงเทพ

ตื่นมาเช้าๆก็เห็นหมอกจากหน้าห้องพัก

ตื่นเช้ามาทานอาหารเช้ากัน เป็นข้าวต้มหมูใส่แครอทเมนูธรรมดาแต่รสชาติอร่อยดิ

ทานข้าวเสร็จที่พักมีจักรยานให้ยืมปั่นเที่ยวด้วย ไปปั่นจักรยานชมวิวกันดีกว่า

ปั่นขึ้นเขาเล็กน้อย มีจูงขึ้นเนินบ้างแต่ก็ชิลดีครับ

ปีที่แล้วเราเคยมาไหว้พระธาตุจอมทองได้มีโอกาสกลับมาอีกครั้งเลยไม่พลาดที่จะแวะมาไหว้พระธาตุ

เดินกลับลงมาตรงที่เราจอดจักรยานไว้ชมวิวไปด้วยเพลินๆ

นอนชมวิวเขากับทุ่งนาเขียวๆที่หน้าห้องพักก่อนกลับซะหน่อย

ติดต่อจองห้องพัก : โฮมสเตย์ตานงค์

พิกัด : อ.ปัว จ.น่าน
โทร : 089-761-8013
Facebook : โฮมสเตย์ตานงค์ อำเภอปัว จังหวัดน่าน

พอดีเพื่อนที่มาด้วยกันกลับไปก่อนละวันนี้เราไม่ได้ไปไหนมากเลยไม่ได้ใช้รถตู้ แผนคือเราจะเดินทางโดยรถประจำทางจากปัว ไปลงที่ตัวเมืองน่านแล้วเดินเที่ยวกันระหว่างรอขึ้นเครื่องช่วงเย็น

รถสายทุ่งช้าง-น่าน ลงที่สถานีขนส่งน่าน คนละ 50 บาท

พอถึงบขส.น่าน ก็เดินออกทางด้านหน้าไปไม่ไกลก็จะเจอวัดศรีพันต้น ใครไม่อยากเดินก็เรียกมอเตอร์ไซต์ไปส่งก็ได้นะครับ

วัดศรีพันต้น

แวะสักการะศาลหลักเมืองที่วัดมิ่งเมือง

เดินต่อมาไม่ไกลก็จะเจอกับวัดภูมินทร์

ไฮไลท์ของการมาเยือนวัดภูมินทร์และเมืองน่าน นั่นก็คือ ภาพ “ปู่ม่านย่าม่าน” ตำนานว่ากันว่าเป็น “ตำนานกระซิบรักบันลือโลก”

เดินข้ามถนนไปต่อกันที่วัดพระธาตุช้างค้ำ

ข้ามมาฝั่งตรงข้ามเพื่อถ่ายรูปกับอีกไฮไลท์ ซุ้มลีลาวดี หน้าพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติน่าน

พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติน่าน

ถ่ายกับซุ้มลีลาวดีซะหน่อยเดี๋ยวจะมาไม่ถึงน่าน จากนั้นเราก็เรียกให้มอเตอร์ไซต์ไปส่งที่สนามบินเพื่อรอขึ้นเครื่องตอน 19.05 น.

ถึงเวลาขึ้นเครื้องละยังไม่อยากกลับเลย

นั่งเครื่องมาจากวิวภูเขาค่อยๆเปลี่ยนเป็นแสงจากตึกรวมบ้านช่องของกรุงเทพ ไม่นานเราก็เดินทางถึงท่าอากาศยานดอนเมือง แม้จะเป็นแค่เวลาสั้นแต่การได้มาเยือนเมืองน่านทำให้อดิมีความสุขแบบบอกไม่ถูก อย่างตอนที่นั่งเขียนรีวิวแล้วได้มองภาพถ่ายที่น่านก็แอบอมยิ้มไปแบบไม่รู้ตัว ของแบบนี้เข้าวลีที่ว่าสิบปากว่าไม่เท่ากับลองเอง แล้วอย่าลืมหาโอกาสมาใช้ชีวิตแบบเนิบ เนิบ ที่เมืองน่านแบบอดินะครับ รับรองชิลเว่อ

การเดินทาง (กรุงเทพ-น่าน)

ทริปนี้เราเดินทางโดยเครื่องบินของสายการบินนกแอร์ ใช้เวลาประมาณ 1.20 ชม.

ขาไปจองไฟลท์ 09.10 เครื่องถึงน่านเวลา 10.30 น.
ขากลับจองไฟลท์ 19.05 ถึงกรุงเทพ 20.40 น.

เราจองไฟลท์เย็นเผื่อเวลาไว้แวะมาเที่ยวในเมืองน่านด้วย

การเดินทาง (น่าน)

สองวันแรก : เราใช้รถตู้ของน่านเกล้าการุณ คุณแก๊ปบริการดีมาก พาแวะถ่ายรูประหว่างทางไปบ่อเกลือได้รูปสวยๆมาอัพโปรไฟล์เยอะเลย ใครมาเที่ยวน่านลองใช้บริการกันนะครับ
ราคา : 1,800 บาท/วัน (ไม่รวมน้ำมัน)
โทร : 096-008-5647 คุณแก๊ป
Facebook : รถตู้น่าน เกล้าการุณ

วันที่สาม : เราเดินทางโดยรถประจำทางจาก ปัว-มาลงที่บขส.น่าน คนละ 50 บาท

เพื่อนที่เข้ามาอ่านแล้วชอบฝากเข้ามากดถูกใจเพจผมได้ที่นี่เลยครับ >> ChillWithAdi : อดิพาชิล

แล้วมาเป็นเพื่อนเที่ยวแบบชิลๆ ไปกับอดินะครับ


#chillwithadi #อดิพาชิล
#เที่ยวน่าน #น่าน #nan
#อาโปเดอมาง #ตานงค์โฮมสเตย์
#nokair #นกแอร์

อดิพาชิล

 วันพฤหัสที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2561 เวลา 12.00 น.

ความคิดเห็น