เพิ่งกลับมาจากอินโดนีเซียได้ไม่นาน ตัวยังไม่หายดำเลย เอารีวิวมาฝากค่า
เห็นว่าพักนี้ใครๆ ก็ไปเที่ยวบาหลี แต่รีวิวของเกาะอื่นๆ ในอินโดฯ ยังมีไม่ค่อยเยอะ
ทั้งๆ ที่อินโดนีเซีย เป็นประเทศที่มีมากกว่า 15,000 เกาะ
นับเป็นประเทศหมู่เกาะที่ใหญ่ที่สุดในโลกเชียว!



ทริปนี้เรามีโอกาสได้ไปเที่ยว Komodo Island กับ Gili Meno Island มาค่ะ
แต่ขอหยิบยกรีวิวเกาะโคโมโดมาฝาก เพราะไปยากกว่า แล้วข้อมูลก็ยังมีค่อนข้างน้อย
เผื่อว่าจะเป็นประโยชน์ให้คนที่กำลังมองหาที่เที่ยวใหม่ๆ ในอินโดนีเซียอยู่นะคะ : D



อินโดนีเซีย เป็นประเทศที่มีเกาะมากกว่า 15,000 เกาะ นับเป็นประเทศหมู่เกาะที่ใหญ่ที่สุดในโลก! มีเกาะน้อยใหญ่มากมายจนนับกันไม่หวาดไม่ไหวเลยทีเดียว หนึ่งในนั้นคือ เกาะโคโมโด (Komodo Island) บ้านหลังใหญ่ของมังกรโคโมโด สัตว์เลื้อยคลานชนิดนึงที่หน้าตาละม้ายคล้ายตั่วเฮียหรือวรนุชในบ้านเรา แต่เก๋ากว่าตรงที่ไม่สามารถพบเจอได้ตามสวนสาธารณะหรือประเทศอื่นๆ เพราะพวกมันอาศัยอยู่ใน 4 เกาะของประเทศอินโดนีเซีย บริเวณอาณาเขตของหมู่เกาะในทะเลซุนดาน้อยเท่านั้น! ฉะนั้นถ้าอยากเห็นมังกรโคโมโดด้วยตาตัวเองก็ต้องข้ามน้ำข้ามทะเลมาดูที่อินโดนีเซียนะ



ซึ่งบริเวณที่เขาเรียกกันว่าหมู่เกาะในทะเลซุนดาน้อย (Lesser Sunda Islands) หรืออีกชื่อคือ นูซา เต็งการา (Nusa Tenggara) ไม่ได้มีแค่เกาะโคโมโดที่มีมังกรโคโมโดอาศัยอยู่เท่านั้นนะ แต่ยังมีเกาะและสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ ที่น่าสนใจไม่แพ้มังกรโคโมโด เช่น เกาะปาดาร์ (Padar Island) ที่มีวิวสามอ่าวสุดพีค รวมไปถึง Pink Beach ที่เป็นจุด Snorkelling ดูปะการัง และมีหาดทรายสีชมพูสุดพาสเทลให้ขึ้นฝั่งไปเดินถ่ายรูปสวยๆ ด้วย



โดยส่วนใหญ่เขาจะนิยมไปเที่ยวเกาะต่างๆ แบบ Boat Tour หรือล่องเรือออกไปนอนกลางทะเล แล้วตระเวนแวะเที่ยวไปเรื่อยๆ ตามโปรแกรม อาจจะ 3 วัน 2 คืนบ้าง หรือ 4 วัน 3 คืนบ้าง แล้วแต่บริษัททัวร์ แต่ใครที่มีเวลาน้อยและไม่ถนัดนอนบนเรือเท่าไร ก็สามารถไปเที่ยวเกาะทั้งหมดที่ว่าแบบ One Day Trip เหมือนเราก็ได้ค่ะ ซึ่งโพสต์นี้เราจะมารีวิวการเดินทางไปเที่ยวเกาะโคโมโด เกาะปาร์ดา และพิงค์บีซ แบบไปเช้า - เย็นกลับ ไว้เป็นข้อมูลให้ได้ตามรอยกัน เพราะรีวิวที่เป็นภาษาไทยยังมีค่อนข้างน้อย แต่เราอยากสนับสนุนให้ลองไปเที่ยวเกาะอื่นๆ ในอินโดนีเซียนอกจากบาหลีบ้าง เพราะส่วนตัวแล้วเราตกหลุมรักทะเลอินโดมากกว่ามัลดีฟส์ซะอีก จริงๆ นะ : )




เดินทางสู่ Labuan Bajo
ลาบวน บาโจ (Labuan Bajo) เป็นเมืองขนาดย่อมที่ตั้งอยู่บนเกาะฟลอเรส (Flores Island) ซึ่งอยู่ทางทิศตะวันออกของประเทศอินโดนีเซีย นับเป็นเมืองตั้งต้นของคนที่ต้องการจะมาเที่ยวยังเกาะต่างๆ ของทะเลซุนดาน้อย แน่นอนว่ารวมถึงเกาะโคโมโดด้วย ซึ่งการเดินทางจากประเทศไทยนั้นยังไม่มีเที่ยวบินตรง ฉะนั้นจะต้องนั่งเครื่องไปลงที่บาหลีก่อน โดยจากบาหลีจะมีอยู่ประมาณ 3 สายการบินที่มีเที่ยวบินสู่เมืองบาบวน บาโจ (ถ้าไล่ตามราคาจะเป็นแบบนี้ค่ะ > Garuda Indonesia > Wings Air > Nam Air)



ทริปนี้เราวางแผนเที่ยวอินโดนีเซียทั้งหมด 8 วัน โดยนั่งแอร์เอเชียไปลงที่เกาะลอมบอก (Lombok) เปลี่ยนเครื่องที่กัวลาลัมเปอร์ เพราะจะแวะไปเที่ยวเกาะกิลี เมโน (Gili Meno Island) ก่อน หลังจากนั้นก็นั่งเรือไปบาหลี แล้วค่อยนั่งเครื่องบินของสายการบิน Nam Air ต่อไปลงที่เมืองลาบวน บาโจ




สำหรับสายการบินสู่เมืองลาบวน บาโจ นอกจาก Nam Air แล้วก็จะมี Wings Air ซึ่งเป็นสายการบินในเครือของ Lion Air นั่นแล แล้วก็ Garuda Indonesia ที่มีราคาแพงสุด ส่วน Nam Air เองเป็นส่วนนึงของสายการบิน Sriwijaya Air ฉะนั้นเวลาจองจะต้องเข้าเว็บไซต์ของ Sriwijaya Air (sriwijayaair.co.id) โดยเหตุผลที่เราเลือก Nam Air ก็เพราะราคาถูกที่สุด แต่ดันใช้เครื่องบินลำใหญ่กว่า Wings Air ซะอีก ที่นั่งเป็นแบบ 3-3 อาจจะเก่าตามสภาพ แต่ก็รับได้ เพราะนั่งแค่ประมาณ 50 นาทีเท่านั้น แถมยังมีของว่างเป็นขนมปังและน้ำเปล่าให้อีกต่างหาก โดยราคาถึงแม้จะถูกสุดในสามสายการบิน แต่ก็ยังนับว่าแพงอยู่ดีสำหรับการบินแค่ประมาณ 50 นาที เพราะเราจองได้ที่ราคา ไป – กลับ 5,710 บาท/คน เฮือก! ถึงกับจุก 5555 แต่เราค่อนข้างจองแบบกระชั้นชิด (ล่วงหน้าประมาณไม่ถึงเดือน) ฉะนั้นถ้าใครจองล่วงหน้านานๆ อาจจะได้ราคาถูกกว่านี้ก็ได้นะ



แนะนำว่าขาไปให้เลือกที่นั่งฝั่งซ้าย เพราะเครื่องบินจะบินผ่านภูเขาไฟอากุง (Mount Agung) รวมไปถึงภูเขาไฟรินจานี (Mount Rinjani) ด้วย เป็นไฟลท์ที่เพลิดเพลินมาก เหมือนได้ทัวร์ชมภูเขาไฟเลย ถ่ายรูปภูเขาไฟจากบนเครื่อง ลั่นชัตเตอร์กันสนุกสนานเลย




ที่พักใน Labuan Bajo
ในลาบวน บาโจ ไม่ค่อยมีตัวเลือกเรื่องที่พักมากเท่าไร แนะนำว่าอย่าย่ามใจและจองที่พักแบบกระชั้นชิดมากเกินไป เพราะฝรั่งนิยมมาเที่ยวเกาะโคโมโดกันมาก รวมไปถึงคนอินโดนีเซียเองก็มากมายไม่แพ้กัน โดยทริปนี้เราเลือกพักที่โรงแรม La Cecile Hotel & Cafe เป็นโรงแรมใหม่ เพิ่งสร้างเสร็จไม่นาน และตอนนี้กำลังต่อเติมซึ่งคาดว่าน่าจะมีเพิ่มมาอีกหลายห้อง




เราจองได้ห้องชั้นล่าง วิวสวนหย่อม ซึ่งเสียดายมากกก ที่จองไม่ทันห้องชั้นบนที่เป็นวิวทะเล เพราะโรงแรมนี้เจ๋งที่วิว สร้างอยู่บนพื้นที่สูงกว่าโรงแรมอื่นๆ และตั้งอยู่ใกล้สนามบินมากกกกกกกก นั่งรถแค่ประมาณ 10 นาทีถึง เข้าใจว่าคงเป็นคาเฟ่และร้านอาหารที่คนลาบวน บาโจ นิยมมาดูพระอาทิตย์ตก เพราะตอนเย็นคนเพียบเลย






ราจองผ่าน Agoda ราคาตอนที่จองคือ 2 คืน 3,900 บาท โดยระบุผ่านเว็บไปว่าจะไปถึงสนามบินตอน 15.05 น. ถ้ามีบริการรถรับ – ส่ง ช่วยส่งรถมารับด้วย เพราะอ่านเจอใน Booking ว่ามีรถรับส่งฟรี แต่ใน Agoda ไม่ระบุไว้ว่าฟรี (แต่ราคาห้องใน Agoda ถูกกว่า) แถมพอกดจองไปเสร็จสรรพ โรงแรมก็ไม่ส่งอีเมลกลับมาแจ้งเรื่องรถรับ - ส่งเพิ่มเติม ก็เลยคิดว่าคงไม่มีล่ะมั้ง เดี๋ยวค่อยไปดูหน้างานอีกที ปรากฏว่าไฟลท์ดีเลย์มากกกก เดินออกมา พยายามสอดส่ายสายตาคนที่มาถือป้ายรอรับก็ไม่เจอป้ายชื่อของโรงแรม ก็เลยจำใจต้องไปแท็กซี่ ซึ่งแท็กซี่ที่มาออกันอยู่หน้าสนามบินเนี่ยก็คนธรรมดานี่แหละ อารมณ์เหมือนมาส่งญาติแล้วรอรับคนกลับไปด้วยจะได้ไม่มาเสียเที่ยว 555 เพราะเห็นส่วนใหญ่จะมายืนกัน 2 คน พอเรียกแขกได้แล้ว คนนึงก็วิ่งไปเอารถ อีกคนก็ยืนรอกักตัวเหยื่อ (แบบเรา) ไว้ พอคนขับรถมาจอดปุ๊บก็ขึ้นรถกันมา 2 คน อ้าวเฮ้ย แบบนี้ก็ได้หรอ 555




เราตกลงราคากันที่ 50,000 IDR (ประมาณ 115 บาท) ซึ่งอ่านเจอมาว่าไม่ควรเกินกว่านี้ เพราะ 50,000 รูเปียห์ นี่ก็แพงมากแล้วแหละ แต่พอไปถึงโรงแรมปั๊บ แจ้งชื่อกับพนักงานที่เคาน์เตอร์เช็คอิน พนักงานถึงกับทำหน้างง เพราะเขาส่งคนไปรับที่สนามบินตามที่แจ้งมาทาง Agoda เอ๊า! ซะงั้นนนน .. งานนี้ก็เลยเสียค่าแท็กซี่ไปฟรีๆ 50,000 รูเปียห์ T^T ฉะนั้นถ้าใครจะพักที่โรงแรมนี้เหมือนเรา ทางโรงแรมมีรถรับ – ส่งฟรีจากสนามบินเด้อออ อย่าเสียค่าโง่เหมือนเรา ก่อนไปก็ส่งอีเมลไปคอนเฟิร์มเวลากับเขาให้เรียบร้อยก่อนไปถึงได้เลย




ทีเด็ดอีกอย่างของโรงแรมนี้คือสระว่ายน้ำนี่แหละ ถึงแม้จะไม่ใช่สระใหญ่โตมากมาย แต่ก็เรียกว่าเป็น Infinity pool ที่วิวงามมากทีเดียว โรงแรมสงวนสิทธิ์สระว่ายน้ำนี้สำหรับคนเข้าพักเท่านั้น ฉะนั้นก็ค่อนข้างเป็นส่วนตัวพอประมาณ ถึงแม้จะตั้งอยู่ใกล้ๆ กับร้านอาหารของโรงแรมก็ตาม : )


Tour to Komodo Island

เราพักที่ลาบวน บาโจ ทั้งหมด 3 วัน 2 คืน โดยวันแรกที่มาถึงนั้นทำอะไรไม่ได้นอกจากนั่งดูวิวพระอาทิตย์ตกสวยๆ จากโรงแรม แล้วก็รีบเข้านอนเพื่อที่จะนั่งเรือออกไปทัวร์ตามเกาะต่างๆ แบบเช้า - เย็นกลับ ในวันที่ 2 เต็มวัน ส่วนวันที่ 3 ก็บินกลับบาหลี แล้วรอต่อเครื่องบินกลับไทยเลย

โดยขั้นตอนในการเลือกทัวร์เนี่ยเป็นอะไรที่ปวดหัวมากกกกกกกกก เพราะมีทัวร์เยอะแยะมากมายให้เลือกเป็นสิบๆ ทัวร์ อันที่จริงจะไปเดินหาเอาวันที่ไปถึงก็ได้นะคะ ตรงบริเวณท่าเรือซึ่งเป็นตัวเมืองของลาบวน บาโจ จะมีโต๊ะทัวร์ตั้งอยู่เป็นแถวๆ แต่เราค่อนข้างซีเรียสว่าอยากลงไปเดินบนหาดทรายสีชมพูที่ Pink Beach เพราะเห็นบางทัวร์ก็ไม่พาไป จะพาไปปล่อยไกลๆ จากฝั่งเพื่อให้ดำน้ำแบบ Snorkelling ดูปะการังเท่านั้น และถึงแม้การไปเลือกซื้อทัวร์จากโต๊ะทัวร์ที่ลาบวน บาโจ แล้วไปกันแบบ Join Tour อาจจะราคาถูกกว่า แต่เราก็อยากหาข้อมูลให้ชัวร์ว่ามันจะมีทัวร์ไหนไหมน้า ที่ค่อนข้าง Private และเราสามารถกำหนดทิศทางของทัวร์ได้มากกว่าไปแบบโปรแกรมทัวร์ร่วมกับคนอื่นๆ ซึ่งแน่นอนว่าราคา Private ทัวร์นั้นแพงหูฉี่กว่า Join Tour มากๆๆๆๆ จากที่ส่งอีเมลไปถาม บางเจ้านี่เป็นหมื่นเลยทีเดียว




เราหาอยู่หลายวันจนเกือบจะถอดใจแล้วก็เจอกับรีวิว Komodo Island ใน Tripadvisor ของ Tours to Komodo (https://tourstokomodo.com/) ซึ่งรีวิวใน Tripadvisor ค่อนข้างเป็นบวก ถึงแม้จะมีคนรีวิวอยู่ไม่เยอะ ลองเข้าไปดูในเว็บไซต์ก็มีโปรแกรมทัวร์ตามที่ใจเราอยากจะไปก็เลยลองส่งอีเมลไปถามราคา Join Tour และ Private Tour ปรากฏว่าตอบกลับมาเร็วมากก (ผิดกับบางทัวร์ที่ส่งอีเมลไปถามแล้วไม่ตอบกลับเลยก็มี) แจ้งว่าราคาแบบ Private คือ 3,500,000 IDR หรือประมาณ 8,000 บาท ราคารวมรถรับ – ส่งจากที่พัก อาหารกลางวัน แล้วก็เรือส่วนตัวพร้อมไกด์ที่สามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้ เราคิดอยู่นานพอประมาณ แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจจองเจ้านี้ไป เพราะเห็นว่าคุ้มค่ากับการได้เรือส่วนตัวและสามารถจัดสรรเวลาได้เองโดยที่ไม่ต้องเกรงใจคนอื่น เราว่ายิ่งไปกันหลายคนจะยิ่งหารกันคุ้ม ส่วนตัวเราก็ว่าคุ้มค่าและไม่เสียดายเงินที่เสียไปเลยสักนิด เพราะทริปนี้มันดีต่อใจเรามากค่ะ




เรือลำนี้แหละ ที่พาเราไปผจญภัยในทะเลอินโดนีเซีย มี 2 ชั้น ดาดฟ้าสามารถขึ้นไปถ่ายรูปได้ มีห้องน้ำ แล้วก็ที่นั่งกว้างขวางทีเดียว



1 วันผจญภัยในทะเลฟลอเรส
ตื่นตั้งแต่เช้า ไม่ต้องเสียเวลาเตรียมตัวมาก เพราะอาบน้ำรอไว้ตั้งแต่เมื่อคืนอยู่แล้ว 555 สักประมาณตี 5 ครึ่ง ไรอัน (เจ้าของเว็บไซต์ Tours to Komodo) ก็มารับที่โรงแรมพาไปส่งที่ท่าเรือ แต่ไม่ได้ลงเรือไปด้วย แนะนำเพื่อนมาให้ 1 คน บอกว่าจะดูแลยูแทนไอ เราจำชื่อไม่ได้ แต่ตัวเล็กๆ และหน้าตาละม้ายคล้ายเจ ชนาธิป 555 สื่อสารภาษาอังกฤษได้ดีพอตัว เทคแคร์เราทุกอย่างเป็นอย่างดี ถ่ายรูปสวยอีกต่างหาก




ใช้เวลาประมาณ 2-3 ชั่วโมงเห็นจะได้ ก็จะถึง เกาะปาดาร์ (Padar Island) ตอนแรกคิดว่าระหว่างทางน่าจะเบื่อ เพราะเคยออกทริปที่ต้องนั่งเรือนานๆ คือง่วงเวอร์ แต่วิวของทะเลอินโดสวยจริงๆ ระหว่างทางที่นั่งเรือไป ผ่านเกาะเยอะมากกก เรียกว่าแทบไม่มีช่วงไหนเลยที่ร้างเกาะ สมแล้วที่เป็นประเทศหมู่เกาะขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ทีเด็ดอยู่ที่ช่วงพระอาทิตย์ขึ้นตอนเช้า สวยมากกกกกก สวยจนตาสว่างเลยย




ช่วงก่อนถึงเกาะปาดาร์คือคลื่นแรงมากกกกกกก บิ๊กเวฟมากกกกกกกก น้ำนี่กระเด็นสาดโดนหน้าจนเปียกเหมือนโดดลงน้ำมาแล้ว 3 รอบ ได้แต่ท่องนโมไว้ในใจว่าว่าขอให้รอด ขอให้รอด พอพ้นจากช่วงคลื่นแรงนี่อยากจะลุกขึ้นชูมือแล้วบอกว่า รอดแล้วโว้ยยยยยยยย 555 ฉะนั้นถ้าใครเมาเรือก็อย่าลืมเตรียมยาไปด้วยเด้อ




ไฮไลท์ของเกาะปาดาร์คือวิวสามอ่าวสุดเท่ ที่ต้องใช้เรี่ยวแรงในการเดินขึ้นไปถ่ายรูปกันหน่อยนะ เราไม่รู้ว่าเป็นเพราะวันที่เราไปมันประจวบเหมาะพอดีหรือเปล่า เพราะคนอินโดมาเที่ยวกันเยอะมาก แต่ก็ไม่แปลกใจเพราะวิวสวยมากกก





มีอยู่อ่าวนึงที่เป็นหาดทรายสีชมพูด้วย แต่ไม่ใช่ Pink Beach ที่เราจะไป เพราะ Pink Beach ที่เราไปมา ต้องนั่งเรือจากเกาะปาดาร์ไปอีกประมาณครึ่งชั่วโมงค่ะ (ลองส่องดูมันก็เป็นสีชมพูอยู่นาาา)


พอมาถึง Pink Beach เราก็ถามเพื่อนไรอันให้แน่ใจอีกทีว่าสามารถขึ้นไปเดินบนชายหาดได้ไหม นางบอกว่าได้ แต่เรือไม่สามารถเข้าไปจอดเทียบได้ เพราะท้องเรือจะโดนปะการังเสียหาย ฉะนั้นยูต้องว่ายน้ำเข้าไป อ้ะ .. ว่ายก็ว่าย เพราะส่องดูแล้วก็ดูไม่ไกลเท่าไร แต่ที่ไหนได้ .. คลื่นวันนั้นค่อนข้างแรง ก็เลยทุกลักทุเลพอสมควรกว่าจะว่ายเข้าไปถึงฝั่ง แต่ปะการังแถวนั้นสวยแล้วก็เยอะอลังการดี เสียดายถ่ายรูปมาได้แค่นิดเดียว อัดมาแต่คลิป เพราะเอากล้องอะไรติดตัวไปไม่ได้เลยนอกจาก Gopro รูป Pink Beach ก็เลยมาจาก Gopro ล้วนๆ เลย



หาดทรายสีชมพูนี้เกิดจากเศษปะการังสีแดงที่รวมกับทรายสีขาวที่โคตรนุ่ม! เฮ้ย มันนุ่มจริงๆ นะ นุ่มเหมือนเดินบนแป้งที่เขานวดเพื่อเอามาทำขนมปังอ่ะ เวลาแสงแดดสะท้อนลงมาจะทำให้มองเห็นเป็นหาดทรายสีชมพู พาสเทลมุ้งมิ้งมาก น้ำทะเลก็ใสมากกกกกกก รู้สึกคุ้มค่าที่ดั้นด้นมาจริงๆ



แถว Pink Beach มีแนวปะการังที่ค่อนข้างสวยเลยทีเดียว อาจจะไม่ค่อยมีปลาเล็กปลาน้อยให้ดูเท่าไร แต่สามารถ Snorkeling ได้แบบเพลินๆ ค่ะ



จบจาก Pink Beach เรือก็ขับต่อไปหามังกรโคโมโด โดยเราจะไปดูมังกรโคโมโดกันที่เกาะรินจา (Rinca Island) ไม่ใช่ Komodo Island เพราะจากข้อมูลที่เพื่อนไรอันเล่าให้ฟัง ในอินโดนีเซียจะมีอยู่ประมาณ 4 เกาะที่มีโคโมโดอาศัยอยู่ ซึ่งมี 2 เกาะที่มีคนอยู่ด้วย คือ Rinca Island กับ Komodo Island ส่วนอีก 2 เกาะนั้นเป็นบ้านของโคโมโดเพียวๆ เลย เพื่อนไรอันบอกว่าโคโมโดบน 2 เกาะนั้นอันตรายมาก ไม่ควรเข้าไปเด็ดขาด ส่วนอีก 2 เกาะที่เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าไปชมก็ต้องจ้างไกด์ดูแลอย่างใกล้ชิด เพราะนอกจากไกด์จะอธิบายเรื่องราวต่างๆ ของมังกรโคโมโดให้เราฟังแล้ว ยังถือไม้ไปคอยรักษาความปลอดภัยให้เราด้วย เนื่องจากมังกรโคโมโดเป็นสัตว์กินเนื้อ เรียกว่ากินทุกอย่างที่ขวางหน้าเลยดีกว่า ที่สำคัญน้ำลายของมันมีเชื้อแบคทีเรียอยู่มากกว่า 50 ชนิด ถ้าถูกกัดขึ้นมาจะเกิดอาการโลหิตเป็นพิษ ทิ้งไว้ไม่เกิน 3 วันก็จะสิ้นลมกันเลยทีเดียว



เราเคยอ่านข่าวเจอว่ามีคนสิงคโปร์โดนโคโมโดกัดเพราะฝ่าฝืนกฎไปเที่ยวชมโคโมโดด้วยตัวเองโดยอาศัยไปพักอยู่ที่บ้านชาวบ้านเพื่อจะได้ไม่ต้องเสียตังค์ค่าเข้าอุทยาน เพราะค่าเข้านี่ก็ราคาถือว่าแพงเลยนาจา คนละ 250,000 รูเปีย หรือประมาณ 570 บาท แต่เราว่าโอเคนะ แลกกับการได้เห็นสัตว์ที่ไม่สามารถเห็นที่ไหนได้อีกแล้วในโลก เพราะนอกจากการดูมังกรโคโมโดแล้ว ไกด์จะพาเดิน Trekking ด้วย สามารถเลือกได้ว่าจะเดินระยะสั้นหรือระยะยาว ซึ่งแนะนำว่าให้เดินระยะสั้นเถอะ เพราะมังกรโคโมโดมีให้ดูอยู่ไม่กี่ตัวตรงต้นอุทยานนั่นแหละ ระหว่างทางที่เทรคไม่เจอเลย แต่ไกด์บอกว่าช่วงนี้ไม่ใช่ฤดูของมัน ฉะนั้นที่ยูได้เห็นนั่นก็บุญตาแล้วนาจา (เติมเอง 555)



นักท่องเที่ยวที่เข้ามาเที่ยวบนเกาะรินจาจะต้องมีไกด์ดูแลทุกกรุ๊ป เป็นกฎของเขาเลย ทั้งนี้ก็เพื่อความปลอดภัยน้า



ควายที่นี่ตัวใหญ่มากกก นึกสงสัยว่าโคโมโดมันกินไปได้ยังไง เพราะเคยอ่านเจอมาว่าปกติมังกรโคโมโดจะกินเหยื่อโดยกลืนลงไปเลยทั้งตัว!




เราเจอมังกรโคโมโดอยู่ประมาณ 4 ตัว แถมยังเป็นรุ่นลูกๆ อยู่เลย เพราะตัวโตสุดที่เห็นคืออายุประมาณ 10 ปี แต่โคโมโดจะโตเต็มวัยที่อายุ 15 ปี และสามารถมีอายุยืนยาวได้มากกว่า 50 ปีเลยเชียวนา เพราะฉะนั้นที่เจอมาเนี่ย เด็กน้อยมาก 555





ก่อนกลับลาบวน บาโจ เพื่อนไรอันพาไปแวะเที่ยวอีกเกาะนึงใกล้ๆ เกาะฟลอเรส ที่ตั้งของเมืองลาบวน บาโจนั่นแล แต่เราจำชื่อเกาะไม่ได้จริงๆ เกาะนี้น้ำใสแล้วก็สามารถ Snorkelling ได้ แต่ก็ใสสู้แถว Pink Beach ไม่ได้




แต่ทริปนี้ทำให้เราเปลี่ยนมุมมองที่มีต่ออินโดนีเซียไปแบบหน้ามือเป็นหลังมือเลย ทำเอาเราตกหลุมรักทะเลอินโดมากๆ น้ำทะเลที่นี่ใสไม่แพ้มัลดีฟส์ แต่มีกิจกรรมให้ทำเยอะกว่า บางเกาะมีภูเขาไฟที่ยังแอคทีฟ เจอโลมากลางทะเลโดยที่ไม่ต้องซื้อทัวร์ออกไปดูเพิ่มเหมือนที่มัลดีฟส์ โดยส่วนตัวรู้สึกว่าธรรมชาติของอินโดนีเซียยัง Fresh มากๆ ค่าครองชีพก็ไม่แพง เดินทางจากไทยไปไม่นาน แถมคนอินโดนีเซียก็น่ารัก เฟรนด์ลี่กว่าที่คิด ถึงแม้ภายนอกจะดูน่ากลัว แต่พอคุยด้วยแล้วคืออ่อนน้อม สุภาพแทบทุกคน เรียกว่าเป็นทริปที่ประทับใจ รู้สึกอยากกลับไปซ้ำอีกหลายๆ ครั้ง เพราะยังมีอีกหลายเกาะที่อยากไป .. เก็บตังค์แพล่บ แล้วเดี๋ยวเจอกันใหม่นะ อินโดนีเซียยย : )




สรุปค่าใช้จ่ายในทริป Komodo Island
1. ค่าตั๋วเครื่องบิน กรุงเทพฯ - บาหลี ประมาณ 6,xxx - 10,xxx บาท
(ส่วนตัวเราบินจากกรุงเทพฯ ไปลง Lombok เพราะแวะเที่ยวเกาะกิลีก่อน ได้ค่าตั๋ว Bkk > Lombok 4,650 บาท แล้วก็กลับกรุงเทพฯ จากทางบาหลี ได้ค่าตั๋ว Bali > Bkk 4,100 บาท)

2. ค่าตั๋วเครื่องบิน บาหลี - ลาบวน บาโจ ประมาณ 5,xxx - 8,xxx บาท
(ส่วนตัวเราบิน Nam Air ได้ค่าตั๋ว ไป – กลับ 5,710 บาท)

3. ค่าที่พักในลาบวน บาโจ 3 วัน 2 คืน 3,900 บาท

4. ค่าทัวร์ One Day Trip ไปเกาะโคโมโดแบบ Private เหมาเรือทั้งลำ รวมอาหารเช้า/กลางวัน (บนเรือ) แล้วก็รถรับส่งโรงแรม - ท่าเรือ 8,000 บาท
(ถ้าไปแบบ Join Tour ราคาจะถูกกว่า จะอยู่ที่ประมาณ 1,500 – 2,500 บาท/คน แล้วแต่ต่อรองค่ะ)


เราทำเว็บไซต์และเพจเกี่ยวกับท่องเที่ยว ยังไงขออนุญาตฝากไว้สำหรับคนที่อยากหาข้อมูลเรื่องท่องเที่ยวเพิ่มเติมน้า หรือถ้าใครมีคำถามอยากปรึกษาอะไรเกี่ยวกับทัวร์เกาะโคโมโด และประเทศอื่นๆ ก็ทักมาคุย มาเซย์ไฮกันได้นะ เรายินดีช่วยตอบคำถามเท่าที่จะช่วยได้ค่า ^^
Website : http://www.movearound-journey.com
Facebook : https://www.facebook.com/movearoundjourney



Movearound Journey

 วันจันทร์ที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2561 เวลา 17.51 น.

ความคิดเห็น