มาต่อความยาวสาวความยืดกับ รีวิว 20 ที่น่าแวะสำหรับสายเที่ยว Okinawa แบบนอกกระแส กันต่อดีกว่า รับรองว่าข้อมูลแน่นปึ้ก ไม่แพ้ Ep.1 แน่นอน

มาทบทวน 20 สถานที่ ที่ยกมารีวิว มีทั้งหมดดังนี้

  1. เฮฮา พาเพลิน กับ ร้านรำวงย่านถนน Kokusai
  2. 'YATAI MURA' ย่านกินดื่มแห่งNaha
  3. กาแฟรักษ์ทะเล 35 COFFEE
  4. BUKU BUKU ชาฟูๆสไตล์โอกินาว่า
  5. 2 ย่านของคนรักเครื่องปั้นดินเผา 'TSUBOYA POTTERY' ใน Naha กับ 'Yachimun Village' แถวYomitan
  6. TOMARI PORT การจองเรือไป Zamami -Aka
  7. Whale watch ดูวาฬกับชุมชนเกาะ Zamami
  8. AKA island ดูกวาง ดูหมา ดูวาฬ พักGuest house วิวสวยที่ 'Kawai Diving'
  9. ตำนานรักข้ามเกาะของน้องหมา Shiro & Marilyn
  10. ดูประมูลปลามากุโระ สุดExclusive ที่ 'ตลาดปลาTomari'

    อ่านรีวิว 1-10 สถานที่ ตอนที่ 1 >>> https://th.readme.me/p/19723

    20 ที่น่าแวะ สำหรับสายเที่ยว OKINAWA แบบนอกกระแส : [ ตอนที่ 1 ] 10 ที่เบาๆ ไม่ต้องเช่ารถ

    มาต่อกันอีก 10 ที่ ที่เหลือกัน ลิสมีดังนี้ แต่อันมีรายละเอียดปลีกย่อยมากมาย ยาวเช่นเคย อิอิๆ

    special topic : ขับรถที่โอกินาว่า ง่ายการกว่าขับในกทม.เยอะ : เช่ารถ OTS ขับขึ้นทางด่วน และการคืนรถ

  11. 'Karate Kaikan' เยือนถิ่นกำเนิดวิชาคาราเต้
  12. 'Blue seal' คือ ไอติม หาใช่แมวน้ำสีฟ้าไม่
  13. Bagel สีรุ้งฟรุ้งฟริ้ง กรุ๊งกริ๊งๆ ย่าน Chatan
  14. เกลือดีเพราะมีปะการัง Gala Aoiumi โรงงานเกลือจากน้ำทะเลโอกินาว่า
  15. Kouri island เกาะนี้ วิวดี๊ดี
  16. อายุยืน 100 กว่าปีแบบคน 'Ogimi' : หมู่บ้านอายุยืนที่สุดในโลก
  17. 'Azalea festival ' ภูเขาดอกไม้แห่ง Higashi Village
  18. Melody Road ถนนนี้ มีทำนอง ที่ Futami
  19. 3 ศาลเจ้า ขอพรก่อนกลับ
  20. มองหาของฝาก ก่อนจาก OKINAWA

รอช้าอยู่ทำไมเครื่องติดแล้ว มาต่อกันเลยดีกว่า


***special topic : ข้อมูลการเช่ารถขับ***

ขับรถที่ Okinawa ง่ายกว่าขับในกทม.เยอะเช่ารถ OTS ขับขึ้นทางด่วน และการคืนรถ

มาเดินทางต่อเนื่องกันต่อเลย ทีนี้เราจะไม่ต้องใช้รถสาธารณะแล้ว เพราะเราจะเช่ารถให้คนขับขับพาไปเที่ยว ส่วนเราก็นั่งสวยๆเป็นคุณนายแบบ สบายๆไม่ต้องตุเรงๆ ขึ้นรถ ลงเรือกันแล้ว

การเช่ารถขับที่ Okinawa ถือเป็นเรื่องที่นิยมมากในหมู่นักท่องเที่ยว เพราะ ราคาไม่แพง แล้วก็เดินทางสะดวก อยากแวะไหนก็แวะได้ ไม่ต้องมาคอยรถบัส รถไฟ เหมือนไปเที่ยวญี่ปุ่นเกาะใหญ่

ก่อนอื่นสิ่งที่เราต้องมี ห้ามลืมเด็ดขาด นั่นคือ ใบขับขี่สากล

วิธีทำก็ง่ายแสนง่าย ที่ขนส่งหลายแห่ง แต่ถ้าสะดวกรวดเร็วสุด น่าจะที่ขนส่งจตุจักร แค่คุณมี
  • ใบขับขี่รถยนต์ (+รถมอเตอร์ไซค์ด้วยก็ได้ เผื่อเช่ามอเตอร์ไซค์ขี่)
  • พาสปอร์ตเล่มที่จะใช้เดินทาง
  • บัตรประชาชน
  • รูปถ่าย 2 นิ้ว 2รูป
  • เงิน 505 บาท
. . . แค่นี้ก็ได้ใบขับขี่สากลมาครอบครองแล้ว ง่ายมาก ใช้เวลาไม่เกิน 10 นาที เท่านั้น !!!

พอยืดอก พกใบขับขี่สากลมาด้วยแล้ว เราก็สามารถเช่ารถไปเที่ยวรอบเกาะกันได้แบบสบายๆชิลๆ

โดยแมวน้ำทำเรื่องเช่ารถที่สาขา Tomarin อยู่ที่ตึกท่าเรือ Tomari นี่เอง พอเรือ Ferry ที่เราขึ้นเทียบท่ามาจาก Aka - Zamami แล้ว เราก็มาจองรถได้เลย

ซึ่งรถเช่าของ OTS มีหลายสาขา โดยส่วนมากคนที่มาเที่ยวจะจองออนไลน์ไว้ล่วงหน้า พอลงเครื่องมา ก็นั่งshuttle bus ของ OTS ไปรับรถเช่าสาขา NAHA airport ได้เลย

แต่เคสของแมวน้ำมีแพลนต้องข้ามเกาะไป AKA-ZAMAMI เลยมาหาจองเอาดาบหน้าหลังจากกลับเข้าฝั่ง

ตอนแรกกะว่าจะไปจองที่สาขา Galleria แต่ตอนมาซื้อตั๋วเรือFerry เห็น ออฟฟิศOTS ที่ท่าเรือ ดีเลย เดี๋ยวกลับมาจองที่นี่เลย ไม่ต้องเดินทาง ^^


เนื่องจาก ไม่จองรถออนไลน์มาก่อนล่วงหน้า และไม่ได้ศึกษาเรื่องจองรถอะไรมากมาย ก็เลยกะว่าจะมาสอบถามและเช่าที่เคาน์เตอร์เลย

แต่พนักงานที่สาขานี้ สื่อสารอังกฤษได้นิดหน่อย ถึงน้อยมาก จนแทบจะไม่สามารถถามตอบอะไรได้ โชคดีที่เคาน์เตอร์ข้างๆ มีTourist information ตั้งอยู่ คุณพี่ที่เคาน์เตอร์สื่อสารภาษาอังกฤษได้ดี สามารถแนะนำเราได้สบายมาก

ใครอยากได้ข้อมูลท่องเที่ยวอื่นๆในโอกินาว่า สามารถสอบถามจากคุณพี่ท่านนี้ได้เลยจ้า

อย่างแมวน้ำจะขอข้อมูลการจองรถ คุณพี่ก็แนะนำว่าจองในทางออนไลน์ถูกกว่าจองที่เคาน์เตอร์จ้า

เราก็เปิดหน้าเวบจองทางโทรศัพท์เลยตรงหน้าเคาน์เตอร์เค้าเลย เลือกรถรุ่นเล็กๆประหยัดน้ำมันเพราะไปกันแค่ 2 คน

รถที่จองได้เป็น Toyota Aqua เป็น hybrid ด้วยดีงามเลย จากนั้นพอกดจองก็ไปแจ้งเคาน์เตอร์ว่าเราจองแล้วนะ

เค้าก็เช็คในระบบแล้วก็จะถามเราว่าจะซื้อประกันเพิ่มมั้ย

โดยปกติเรื่องซื้อประกันภัย เคยถามหลายคนบอกว่าไม่ต้องซื้อเพิ่มก็ได้ เราไม่ได้ขับซิ่งอะไรมาก ขับใกล้ๆ ขับช้าๆ ปลอดภัยอยู่

แต่ถ้าใครชอบแบบเซฟๆ สบายใจ ปลอดภัยไว้ก่อน อุบัติเหตุมันเกิดขึ้นได้โดยที่เราไม่คาดคิดเนาะ

ก็ซื้อประกันเพิ่มขึ้นมาอีกสเตปนึง คือ ซื้อ Safety Pack ราคา 540 เยน /24 ชม. (หรืออยากได้ความคุ้มครองที่มากขึ้น ก็ซื้อแบบ premium ไปเลย ราคา 1,080 เยน/24 ชม. แต่ดูแล้วแบบ Safety Pack ก็โอเคแล้วล่ะ)

และที่สำคัญ. . . ข้อดีของประกัน Safety Pack อีกอย่าง คือ ส่งรถเลทได้กว่าเวลากำหนด

ในกรณีที่เราคืนรถช้า สมมติเค้าบอกให้คืนก่อนเที่ยงแต่ถ้าเราซื้อประกันตัวนี้ก็จะส่งรถหลังเที่ยงได้ โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายเพิ่ม (แต่ต้องส่งคืนภายในเวลาทำการของวันนั้น)

ซึ่งแมวน้ำก็ได้ใช้สิทธิประโยชน์นี้ตอนคืนรถด้วย เพราะวันอาทิตย์รถใน Naha ค่อนข้างติด เลยไปคืนเลทเกือบ 1 ชั่วโมง โชคดีมากที่ซื้อประกันไว้

รวมราคาเช่ารถ+ประกันแล้ว ก็ตกวันละ พันนิดๆเอง สะดวก สบาย ถา้ขับรถเป็นแนะนำให้จองรถเลยจ้า!!!

ได้กุญแจเรียบร้อยก็ไปรับรถกัน ก่อนออกรถเจ้าหน้าที่จะเช็คสภาพรถอีกทีว่ามีรอยอะไรค้างอยู่ก่อนแล้วบ้าง

แล้วก็สอนวิธีใช้รถ รถเป็นแบบกดปุ่มสตาร์ท เกียร์ออโต้ขับง่ายมาก ยากหน่อยตรงที่จอ Navigator นี่แหล่ะ แต่ในคู่มือก็มีบอกวิธีใช้งาน

หลักๆคือการใส่สถานที่เพื่อตั้งค่า GPS นำทาง ในโบรชัวร์ที่เค้าให้มาจะมีmap code ให้ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ร้านอาหารที่มีชื่อเสียง เราก็แค่ใส่ลงไป

*** แต่ต้องทำขณะจอดรถคือรถอยู่ตัวP เท่านั้นถึงจะใส่ Mapcode ได้ *** ทั้งนี้ก็เพื่อความปลอดภัยในการขับขี่นะคร้าบ

นอกจาก Mapcode แล้ว ถ้าสถานที่ที่เราจะไปไม่มีในลิสที่เค้าให้มา ก็สามารถจะใส่หมายเลขโทรศัพท์ของร้านก็ได้ navigatorก็พาไปได้เหมือนกัน

การขับรถในโอกินาว่า อย่างที่บอกว่า ง่ายกว่าที่กทม.เยอะ เส้นทางขับง่าย รถไม่เยอะ แต่เสาร์-อาทิตย์ในเมืองก็จะติดหน่อย หากใครจะขับไป Aquarium ที่ Churaumi ก็คงต้องขึ้นทางด่วนเพราะเร็วกว่าเยอะ ถ้าขับผ่าเมืองไปเรื่อยๆ จะเซ็งกับสี่แยกไฟแดงที่มีค่อนข้างถี่ทีเดียว

- ขับขึ้นทางด่วน -

วิธีขึ้นทางด่วนก็ง่ายๆ เหมือนเราขับขึ้นบูรพาวิถี หรือ ขึ้นมอเตอร์เวย์นั่นแหล่ะ คือ รับบัตร แล้วก็ขับไปจนถึงทางออกที่เราจะลง

ก็เตรียมเงินแบงก์พันเยนไว้ก็ได้ เดี๋ยวที่ด่านเก็บตังจะมีคนรอทอนตังให้

แต่จริงๆถ้าเราตั้งmap ในรถ ไปมันก็จะบอกว่าทางลงที่เรากำลังจะลงนั้นกี่เยน ก็เตรียมเงินไว้ให้พอดีได้เลย

สิ่งที่ดีอีกอย่างนึง คือ พนักงานที่ด่านจ่ายเงิน จะยืนทำงาน เค้าจะโน้มตัวออกมาทอนตังให้เราอย่างนอบน้อม ไม่เหมือนด่านทางด่วนบ้านเราบางด่าน ที่นั่งทำงานแบบเบื่อๆ แล้วก็ให้เราเอื้อมไปรับเงินทอนจนสุดแขน วิธีทำงานมันต่างกันที่เซอร์วิสมายด์จริงๆ

- คืนรถ -

มาถึงการคืนรถบ้าง ไม่ว่าเราจะเช่ามาจากสาขาไหนก็ตาม เราไม่จำเป็นต้องไปคืนสาขาเดิมก็ได้

อย่างแมวน้ำเช่าจากสาขา Tomarin แต่วันสุดท้ายเราต้องไปขึ้นเครื่องที่สนามบิน NAHA เราก็ไปคืนรถสาขาสนามบินได้เลย ชื่อ สาขาว่า Rinku-Toyasaki (Naha Airport)

ก่อนคืน เราต้องเติมน้ำมันให้เต็มก่อน แต่ถ้าเช่ารถไฮบริดมานี่ประหยัดน้ำมันมากๆ แมวน้ำเช่ารถขับประมาณ 3 วันครึ่ง ขับไปเรื่อยๆ วนไปวนมา ไปถึงตอนเหนือๆ เลย ก็ใช้น้ำมันไปแค่ครึ่งถังเอง

ตอนเอารถมาคืนที่สาขา Rinku (Naha Airport) ก็มีปั๊มน้ำมันอยู่ข้างๆ ออฟฟิศ OTS เลย

ตอนแรกกังวลว่าจะเติมน้ำมันเป็นมั้ย สรุปเติมน้ำมันสาขานี้มีพนักงานเติมให้ เย่ๆ

เติมเต็มถังจ่ายไป 2,560 เยน ก็ 750 บาท โดยประมาณ คุ้มค่าจริงๆ

พอเติมเสร็จก็ขับรถไปคืน เราก็ยื่นเอกสารที่เค้าให้มาตอนเช่ารถ ให้พนักงานตรวจเช็ค ซึ่งก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร จากนั้นก็เก็บสัมภาระยกออกจากรถไปต่อแถวขึ้น Shuttle bus ไปสนามบินได้เลย

โอเค จัดการกับรถเช่าได้เรียบร้อยแล้ว ได้เวลาออกเดินทางไปเที่ยวกัน ^^

11.) 'Karate Kaikan' เยือนถิ่นกำเนิดวิชาคาราเต้

ได้ยินชื่อกีฬา "คาราเต้" มาตั้งแต่เด็ก รู้แค่ว่าเป็นกีฬาการต่อสู้จากญี่ปุ่น แต่ก็เพิ่งมารู้ว่าจริงๆแล้วกีฬาชนิดนี้ มีถิ่นกำเนิดที่ Okinawa

รู้อย่างนี้แล้ว เราต้องไปเยือนถิ่นกำเนิด ไปรู้จักคาราเต้ให้มากขึ้น ที่นี่เลย Karate Kaikan

อยู่ใกล้ๆแถวๆ Naha นี่เอง แต่ในMapcode ไม่มีบอกทาง เลยใช้วิธีเปิด google map ไป

ใส่เบอร์โทรศัพท์ไว้ให้ เผื่อ Navigator ในรถจะพาไปได้ Tel .098-851-1025

มาถึงที่นี่แล้วก็เข้าไปลงทะเบียนเป็น Visitor ก่อน สามารถเข้าชมสถานที่โดยรอบได้ ฟรี ไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆจ้า

ลงทะเบียนเสร็จแล้วก็เดินชมได้โดยรอบ ก็จะเป็นห้องฝึกซ้อม ห้องเรียน และสนามฝึก แต่เดี๋ยวเราจะทัวร์กันแต่เราไปโซนที่ให้ข้อมูลความรู้กันก่อนที่อยู่ในตึกข้างๆ

โซนนี้ก็จะมีจอทัชสกรีน ให้กดอ่านข้อมูลความรู้เรื่องคาราเต้กัน และจะมีห้องเป็น museum ที่รวบรวมประวัติและที่มาที่ไปของคาราเต้ให้ได้ศึกษากัน เสียเงินเพิ่มเท่าไหร่ไม่แน่ใจ แต่ที่แน่ๆ ภาษาญี่ปุ่นล้วนๆ อ่านไม่ออกอยู่ดี แหะ^^'

ประวัติของ KARATE

. . . คาราเต้ . . . ถือเป็นศิลปะการต่อสู้ที่เก่าแก่ ถือกำเนิดขึ้นที่โอกินาว่าแห่งนี้มาหลายศตวรรษแล้ว

ในช่วงราวๆศตวรรษที่ 20 อาจารย์หลายท่านช่วยกันผลักดันให้กีฬาคาราเต้เข้าไปอยู่ในหลักสูตรการเรียนการสอนในโรงเรียน จึงทำให้คาราเต้เริ่มได้รับความนิยมมากขึ้น เริ่มขยายวงกว้างไปทั่วญี่ปุ่น และไปยังเกาะฮาวายและอเมริกาด้วย เพราะคนโอกินาว่าเดินทางอพยพไปที่นั่นมากขึ้น

หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่ทหารอเมริกันเข้ามาตั้งฐานทัพที่โอกินาว่า ก็ได้มีเรียนรู้วิชาคาราเต้กับมาสเตอร์ พอกลับไปบ้านที่อเมริกาก็ไปฝึกสอน เทรนคนที่นั่นให้มีความรู้เรื่องการต่อสู้แบบคาราเต้ด้วย

. . . การฝึกฝนคาราเต้ ไม่ใช่ จะได้แค่ร่างกายที่แข็งแรงกำยำ พร้อมสำหรับการต่อสู้ เท่านั้น แต่เหนือกว่านั้นคือ ปรัชญาของคาราเต้ ยังช่วยจัดระเบียบวินัยตนเอง และฝึกความเข้มแข็งทางด้านจิตใจด้วย
. . . ถึงแม้ว่าคาราเต้จะได้รับความนิยมไปทั่วโลก มีการเปิดโรงเรียนสอนกันมากมาย แต่คนที่สนใจเรื่องคาราเต้จริงๆ ก็จะเดินทางมาเรียน มาศึกษาที่โอกินาว่า เพื่อให้ได้วิชาคาราเต้แบบแท้จริงออริจินัล

ที่โอกินาว่า มีโรงเรียนสอนคาราเต้กว่า 400 แห่ง ทั่วทั้งเกาะ และมีการจัดสัมมนาระดับนานาชาติเกี่ยวกับคาราเต้เป็นประจำทุกปี

อาจารย์ที่เป็นมาสเตอร์ด้านคาราเต้ พยายามจะถ่ายทอดวิชาคาราเต้แบบต้นตำรับให้ทุกคนที่ตั้งใจใฝ่รู้จริงๆ เพื่อสืบทอดวิชาคาราเต้ให้อยู่ต่อไปนานเท่านาน

และที่ Karate Kaikan ก็คือ สถานที่ที่รัฐบาลของโอกินาว่า สร้างขึ้นเพราะเล็งเห็นว่า Karate เป็นสมบัติของชาติควรที่จะรักษาวัฒนธรรมนี้เอาไว้ จึงได้สร้างสถานที่ที่เป็นสาธารณะที่มีสิ่งอำนวยความสะดวก มีห้องซ้อม มีห้องเรียน มีอุปกรณ์ที่พร้อมใช้ ให้คนที่สนใจคาราเต้ได้มาใช้ ได้มาฝึกซ้อมกันอย่างจริงจัง
มีโซนร้านขายของฝากเล็กๆ

อันนี้ น่ารักดีเสียดายไม่ได้ซื้อ

และจุดขายของฝากก็มีบริการ ให้เช่าชุดคาราเต้ใส่เพื่อให้เข้ากับบรรยากาศด้วย ซึ่งมีหรือจะพลาด เอาซี่...หยิบเงิน 300 เยน ให้เค้าแล้วเลือกไซส์ที่เหมาะกับตัวเองมาใส่เลยจ้า (300 เยน/ 1 ชม.)

ด้วยความที่ไม่เคยใส่ มัดเชือกก็ไม่เป็น ก็เลย รบกวนคุณน้องที่เฝ้าร้านมัดให้ที แต่ดูท่าแล้วคุณน้องก็น่าจะไม่เป็นเหมือนกันนะ ^^'

แล้วนางก็อาศัย google ช่วย

หนูทำงานอยู่แผนกให้เช่าชุดของKarate Kaikan เลยนะลูก หนูควรจะต้องเชี่ยวชาญการใส่สิคะลูก

แต่ถึงจะมัดเชือกถูก ก็ใส่ผิดอยู่ดี เพราะเสื้อมันต้องทับคนละด้านเฟร้ย เอาฝั่งที่มีตัวหนังสื้อยู่ด้านนอก (ซ้ายทับขวา)

แต่ด้วยความที่ไม่ได้สังเกตก็ใส่ออกไปเดินร่อนไปทั่ว แหะๆ

ไง อยากมีเรื่องก็ว่ามา /me ถกแขนเสื้อรอ

รึจะเอา?!?

ไม่ได้ๆ . . . ปรัชญาคาราเต้ว่าไว้ว่า คาราเต้ไม่ทำใครก่อน !!!

Special dojo (Shurei Hall)

โชคดีฝนไม่ตก ออกมาถ่าย Outdoor ได้ วิวด้านนอกนี่สูงพอสมควร มองไปก็เป็นวิวเมือง Naha

ศาลาหลังคากระเบื้องสีแดง สถาปัตยกรรมสไตล์โอกินาว่า ซึ่งก็เป็นที่ฝีกซ้อม หรือ Dojo แต่ไม่ใช่ Dojo ธรรมดา แต่เป็น โดโจ ไว้สำหรับงานพิเศษเท่านั้น เพราะเป็นสถานที่สอบ เพื่อเลื่อนชั้นของเลเวลสูงๆ และก็ไว้ใช้เพื่อแสดงโชว์ในวันคาราเต้


เป็นการออกอาวุธหมัด ที่หน่อมแน้มมาก เสื้อก็ใส่ผิด คู่ต่อสู้ที่ไหนเค้าจะกลัวเอ็งงงงง555+

KARATE. . . การต่อสู้ด้วยการใช้ร่างกายที่แข็งแรง เป็นอาวุธ บวกกับจิตใจที่ไม่ย่อท้อยอมแพ้ เพราะต้องมีการฝึกฝนร่างกายอย่างหนัก เพื่อที่จะสร้างคุณค่าและสันติภาพให้เกิดขึ้น


เราเดินไปสนามฝึกซ้อม หรือที่เค้าเรียกว่า Dojo ข้างในกันดีกว่า

Dojo ที่นี่ใหญ่มาก แบ่งออกเป็น 4 คอร์ท ไว้ใช้สำหรับจัดการแข่งขันคาราเต้และจัดงานอีเวนท์ โดยมีอัฒจันทร์ ที่สามารถจุผู้ชมได้ 380 ที่นั่ง ชั้นสองมีที่นั่งสำหรับรถวีลแชร์

สนามยิ่งใหญ่อลังการมาก

โค้งคำนับ อำลาคู่ต่อสู้ ไม่สู้แล้วจ้า ลาแล้วจ้า


ตอนจะไปเปลี่ยนเสื้อ เดินสวนกลับอาจารย์ฝรั่งท่านนึง อาจารย์เพ่งมองมา ซึ่งตอนแรกเราก็ไม่รู้ว่าเราใส่เสื้อผิด จ้องมองมาจนแมวน้ำรู้สึกเหมือนโดนครูฝ่ายปกครองจะมาว่าอะไรรึเปล่า

ที่ไหนได้เข้ามาบอกว่า ยูๆ ใส่เสื้อผิด ที่ถูกมันต้องใส่เอาฝั่งตัวอักษรไว้ข้างหน้า ยูโน่ว

ใครอยากมาสัมผัสบรรยากาศต้นกำเนิดคาราเต้แบบออริจินัลที่ OKINAWA ก็ขับรถมาได้ที่ :

Okinawa Karate Kaikan
เวลาเปิด-ปิด : 9 โมงเช้า - 6 โมงเย็น *ปิดทุกวันพุธ
Tel.: 098-851-1025
website: http://karatekaikan.jp/en/

12.) Blue seal คือ ไอติม ไม่ใช่ แมวน้ำสีฟ้า


BLUE SEAL ICE CREAM ไอศครีมยี่ห้อดัง แห่ง #Okinawa

ถึงแม้ต้นกำเนิดของแบรนด์นี้จะมาจากอเมริกา แต่ไปๆมาๆ มาโตที่โอกินาว่าซะนี่ จริงๆก็คือเจ้าเดียวกับ #โฟรโมสต์ ที่เราคุ้นเคยเนี่ยแหล่ะ

โดยตอนแรกโฟรโมสต์เข้ามาในโอกินาว่า เพราะต้องส่งพวกผลิตภัณฑ์นมเนยไว้บริโภคในกองทัพสหรัฐ ที่ตั้งฐานทัพบนเกาะโอกินาว่า
แต่หลังจากนั้น Foremost ก็ได้ออกมาตั้งบริษัทไอศครีมนอกฐานทัพ และใช้ชื่อแบรนด์ Blue Seal แทน

info Credit: http://en.blueseal.co.jp/

จริงๆ Blue Seal ice cream แทรกซึมไปทุกพื้นที่บนเกาะโอกินาว่า ไปที่ไหนๆก็มีขาย

แต่สาขาหลัก main branch อยู่ที่ Urasoe หรือ Maki Port (อยู่ไม่ไกลจาก Naha)

ซึ่งคือสาขาที่แมวน้ำพามากินไอติมกันนี้แหล่ะ

🍦ที่สาขานี้จะมีฝั่งที่เป็นร้านขายไอศครีม 🍨 ให้อารมณ์ โฟรโมสต์ศาลาไอศครีม สมัยก่อน (ถ้าเกิดไม่ทันให้ไปถามพ่อแม่ดู ^^) ตกแต่งสไตล์ 70's
มีทั้งแบบเป็น Scoop หรือ Soft Cream ใส่ถ้วย หรือ โคน หรือ ชอบแนวจัดเต็มก็เป็น Parfait / banana split / Sundae

หรือจะจัดหนักถ้วยใหญ่ไซส์จัมโบ้ เอาให้ไส้เย็นเจี๊ยบไปเลย ราคา 3,500 เยน มีไอติมเป็นสิบยี่สิบลูก โห มันใหญ่มากกกกกกกก . . . น่ากิน แต่กินลูกเดียวก็อิ่มแล้วง่ะ

หรือ จะซื้อแบบเป็นถ้วยๆให้เค้าแพคใส่น้ำแข็งแห้งไปกิน ก็มีหลายรถชาติมากมาย

นอกจากรสชาติหลัก เช่น วานิลลา ช็อกโกแลต สตรอเบอรี่ แบบรสชาติพื้นฐานแล้ว

Blue Seal ที่ Okinawa ก็จะมีรสชาติพิเศษที่ใช้วัตถุดิบท้องถิ่นมาทำ เช่น

  • มันม่วง Beni-Imo / Ryukyu Royal Milk tea / Shiquasa Sherbet ผลไม้ท้องถิ่น คล้ายๆส้มจี๊ด / Okinawa Ta-imo Cheesecake / Okinawan Salt Cookie
  • แล้วก็พวกผลไม้แบบ Tropical ที่นิยมปลูกใน Okinawa อย่าง Mango-Tango / Passion Fruit / Pineapple sorbet ปลูกเยอะแถว Nago / Sugar cane อ้อยก็มีปลูกเยอะที่โอกินาว่าเหมือนกัน

น่ากินทุกรสเลย เราสามารถขอเค้าชิมได้ จะชิมหมดทุกรสก็เกรงใจเพราะมีเกือบ 20-30 รส แต่มันม่วงกินแล้วเฉยๆ ไม่ได้รสสัมผัสมันม่วงเท่าไหร่

ได้แย้วววว . . . รสBlue Wave ให้เข้ากับเกาะโอกินาว่า รสชาติมีความ tropical เปรี้ยวๆหวานๆ มีชิ้นสับปะรดหน่อยๆ อร่อยถูกใจเค้ามาก นี่กินจนลืมไปเลยว่าปวดท้อง ท้องเสีย อาเจียน มาตลอด 3 วัน

กินเสร็จก็ทรมานต่อ . . . ตามใจปาก มันก็ลำบากกายอย่างนี้แหล่ะหนูเอ้ยยยย

มานั่งกินไอติมอ่อย ทหารเมกันหน่อยดีกว่า

Blue Seal Ice Park

ส่วนข้างๆ ตึกสีพาสเทล คือ Blue Seal Ice Park เป็นที่เปิดเวิร์คชอพทำ DIY ice cream

ถ้าอยากมาเวิร์คชอพทำไอติม DIY ก็ต้องจองเข้ามาก่อน เพราะจะเปิดให้ทำเป็นรอบๆ แต่จริงๆน่าจะเหมาะกับเด็กเล็กๆมากกว่า

เพราะworkshop ที่ว่านี้ ไม่ใช่ การสอนทำ ice cream หรือ ปั่นไอศครีมเป็นรสชาติต่างๆ แต่แค่เป็นการตกแต่งไอศครีมแท่งตามจินตนาการของเด็กๆมากกว่าจ้า

แวะมาแค่นั่งกินไอติมสวยๆ ใสๆ ของร้านข้างๆน่าจะเหมาะสมกับวัย(แม่คนอย่าง)เรามากกว่าเนาะ ^^


🍦 แล้วก็มี interactive museum เล็กๆ บอกความเป็นมาของ Blue Seal

แต่ถ้าใครพาลูกๆเจ้าตัวน้อยไปเที่ยวแล้วอยากหากิจกรรมเด็กๆใสๆเล่นกัน

ก็เข้าไปดูรายละเอียดการจองรอบ D-I-Y ICE CREAM

  • 1 วัน มีทั้งหมด 5 รอบ รับรอบละไม่เกิน 30 คน
  • ราคาคนละ 1,500 เยน / 1 คน (ถ้าเป็นเด็กเล็ก อนุญาตให้ผู้ปกครองเข้าร่วมด้วย 1 คน)
  • ต้องจองคิวล่วงหน้า เพราะทางทีมงานจะจัดเตรียมอุปกรณ์ตามจำนวนคนที่จองเข้ามาก่อนเท่านั้น

ดูรายละเอียดอื่นๆได้ ที่ >>> ได้ที่ http://icepark.blueseal.co.jp/

(เวบเป็นภาษาญี่ปุ่น โปรดใช้ Google Translation ให้เป็นประโยชน์)


. . . ไปเยือน Okinawa ทั้งที อย่าลืมไปลองชิมไอติม Blue Seal กันนะจ๊ะ



13.) Bagel สีรุ้ง ฟรุ้งฟริ้ง กรุ๊งกริ๊งๆ ย่าน Chatan

ร้านนี้แอบส่อง และ ตามมาจาก รูปใน IG ของคน Okinawa

เพราะเห็นเบเกิลสีสวยแล้วอยากไปลองมั่ง ร้านอยู่แถว Chatan หรือ ใกล้ American Village นี่เอง

ชื่อร้านว่า . . .

CARACALLA coffee & bread

ร้านเหมือนบ้านเดี่ยว มีสนามหญ้าหน้าบ้าน สามารถพาน้องหมามาวิ่งเล่นได้

เดี๋ยวเข้าไปสั่งของด้านในกันเลย

ร้านเหมือนบ้านเลย ดูอบอุ่นดี

กาดริปเท่มาก

สั่งเป็น กาแฟดริป กับเบเกิลสีรุ้งใส้ครีมชีสราสเบอรี่ มั้งนะ ถ้าจำไม่ผิด

กาแฟดริปรสชาติเบาๆ พอใช้ได้แต่ไม่ถึงขั้นพีคมาก

ในส่วนของเบเกิ้ลสีรุ้ง ตัวเนื้อเบเกิลค่อนข้างเหนียว ส่วนไส้ครีมชีสเบอรี่ก็เปรี้ยวๆหวานๆอร่อยดี แต่ถ้าไม่ชอบไส้เป็นของหวาน ก็จะเป็นไส้ไข่ดาว เบคอนก็ได้ ออกแนว แฮมเบอเกอร์ แซนวิชประมาณนั้น

หรือไม่ชอบไส้ก็กินเปล่าๆได้เลย (ขออภัยจำราคาไม่ได้)



เผื่อใครชอบขนมสีสันสดใส กินเล่นก็ดี กินกับกาแฟก็ได้ ก็แวะมาอุดหนุน ฺRainbow Bagel เบเกิลสีรุ้ง กันที่ร้าน CARACALLA ย่าน Chatan

*เปิด-ปิด 8.00-15.00 น. (หยุดทุกวันจันทร์-อังคาร)

(พิมพ์ชื่อร้านใน Google Map คุณมาถูกทางแน่นอนจ้า)

14.) เกลือดีเพราะมีปะการัง

Gala Aoiumi โรงงานเกลือจากน้ำทะเลโอกินาว่า

- ทำความรู้จักเกลือ OKINAWA -

เป็นที่รู้กันว่า ทะเลของโอกินาว่านี่สวยใส บริสุทธิ์ แน่นอนว่าน้ำทะเลที่ดี ก็เป็นตัวแปรชั้นดี ที่การันตีได้ว่าเมื่อนำมาเข้าสู่กระบวนการแปรรูปเป็นเกลือ ที่ใช้สำหรับปรุงอาหาร ก็จะได้เกลือที่มีคุณภาพสูง มีแร่ธาตุที่ดีต่อสุขภาพ

ที่โอกินาว่ามีโรงงานเกลือหลายสิบแห่ง แต่วันนี้แมวน้ำจะมาที่นี่

. . . Gala Aoiumi โรงงานเกลือริมทะเลสวยๆ อยู่ย่าน Yomitan นี่เอง

. . . ตอนที่หาข้อมูลไปเที่ยวโอกินาว่า ก็นั่งไล่ดูรายการ ดูให้รู้ ย้อนหลัง มาเจอเรื่องเกลือ โอกินาว่า นี่แหล่ะ ที่น่าสนใจ
เกลือ เป็นวัตถุดิบที่สำคัญอยู่คู่ทุกครัวในโลก โดยเฉพาะชาติที่ทำอาหารเน้นรสชาติธรรมชาติของวัตถุดิบอย่างญี่ปุ่น ปรุงรสให้น้อย ดังนั้น "เกลือ" จึงเป็นเครื่องปรุงรสที่สำคัญที่จะช่วยชูรสชาติวัตถุดิบให้โดดเด่นขึ้น

พอได้ดูรายการดูให้รู้ตอน เกลือโอกินาว่า ที่คุณฟูจิพามาดูวิธีทำเกลือ และ คุยกับผู้เชี่ยวชาญทางด้านเกลือ ก็ทำให้รู้ว่า. . . เกลือของที่นี่ไม่ธรรมดา น่าสนใจดี ก็เลยได้รู้จักที่นี่. . . Gala Aoiumi

จากหัวข้อที่เกริ่นไปว่า . . . เกลือดี เพราะมีปะการัง !!!

ที่นี่จึงมีการเพาะเลี้ยงปะการังอ่อน และเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ปลาทะเลด้วย เพื่อที่จะช่วยรักษาระบบนิเวศน์น้ำทะเลของโอกินาว่าให้สมบูรณ์

ซึ่งในโซนเลี้ยงปะการังนี้ นักท่องเที่ยวสามารถเข้าชมได้ แต่ต้องเสียค่าเข้าชมเพิ่ม ผู้ใหญ่ 900 เยน / เด็ก 600 เยน เด็กเล็กเข้าฟรี

ปะการังที่ดีและสมบูรณ์ ช่วยให้ระบบนิเวศน์ในทะเลโอกินาว่าสมบูรณ์ไปด้วย พอน้ำทะเลสมบูรณ์ ก็ส่งผลต่อคุณภาพของเกลือที่ทำจากน้ำทะเลโอกินาว่านั่นเอง มันเป็นกลไกของธรรมชาติ ^^

น้ำทะเลที่นำมาใช้ทำเกลือจะต้องหากจากฝั่งอย่างน้อย 2 กิโลเมตร แล้วน้ำมาต้มด้วยฟืน

เกลือก็ไม่ได้รสเค็มแต่อย่างเดียว เกลือมีหลายรสชาติแฝงอยู่ ขึ้นอยู่กับแหล่งน้ำทะล และกระบวนการผลิตเกลือที่ต่างกันด้วย

ย้อนกลับไปที่ร้านเกลือ ที่ถนนKoKusai กัน เนื่องจากคุณภาพของเกลือโอกินาว่าที่มีแร่ธาตุที่มีประโยชน์และสามารถทำขายได้อย่างเสรี โอกินาว่าจึงมีเกลือมากกว่า 1,000 จากแหล่งน้ำทะเลบริเวณเกาะโอกินาว่า และเกาะใกล้เคียง


โดยคุณสมบัติของเกลือของแต่ละชนิด ก็เหมาะกับอาหารที่แตกต่างกันออกไป

บางชนิดเหมาะกับอาหารประเภทผัก บางชนิดเหมาะกับเนื้อสัตว์เนื้อแดง เนื้อหมู เนื้อวัว หรือบางชนิดก็เหมาะทานกับปลา บางชนิดเหมาะกับกินเต้าหู้ หรือ เกลือบางอย่างก็เหมาะกับกินกับเทมปุระ

ซึ่งที่ร้าน Masuya เป็นร้านที่ขายเกลือโดยเฉพาะ ให้เราสามารถเลือกซื้อไปเป็นของฝากได้เลย

ซึ่งแมวน้ำก็สอย เกลือจาก น้ำทะเลเกาะมิยาโกะมา 1 ซอง เดี๋ยวจะกลับเอาลองใช้ปรุงอาหารดู เกลือจากมิยาโกะนี้เป็นผงละเอียดยิบ ซึ่งเกลือแต่ละชนิดผลึกก็ไม่เหมือนกันอีก เกล็ดเล็ก เกล็ดใหญ่ เป็นเม็ด เป็นผง แล้วแต่กรรมวิธีการทำของแต่ละที่

เกาะมิยาโกะ เป็นเกาะห่างไกลแต่อยู่ในอาณาเขตของจังหวัด โอกินาว่า ใช้เวลาเดินทางด้วยเครื่องบินจาก NAHA ไป 1 ชั่วโมง เคยเห็นรูปจากเวบท่องเที่ยว ปะการังน้ำตื้นที่เกาะมิยาโกะสวยมากกก. . . น่าไปจริงๆ

นอกจากเรื่องเกลือๆ ที่แมวน้ำได้เล่าให้ฟังไปคร่าวๆแล้ว ที่ Gala Aoiumi แห่งนี้ ยังมีโซนขายอาหาร ร้านขายของฝาก พวกผลิตภัณฑ์เกลือต่างๆ ร้านซอฟท์ครีมเกลือ ลองชิมที่ร้านMasuya แล้วคาดว่าน่าจะเหมือนกัน

ยังมีร้านขนมแครกเกอร์ที่ทำจากข้าวเป็นสูตรพิเศษของที่นี่ก็คือ รสเกลือ เสียดายว่าตอนที่ไปปวดท้องอีกแล้ว กินไรไม่ได้อีกตามเคย เลยต้องหันไปหากิจกรรมอย่างอื่นทำแทน

ที่นี่มีกิจกรรมเวิร์คชอพอีกหลายอย่างที่น่าสนใจ เช่น

  • เวิร์คชอพทำเกลือ Salt Making Experience

คนละ 1,500 เยน วิธีทำก็คือ ต้มน้ำทะเลให้น้ำระเหย จนเกลือตกผลึก ทำเสร็จก็เอากลับบ้านไปใช้ได้

  • ดำน้ำดูปะการัง

แต่ช่วงที่ไปนี่น้ำเย็นเกิน ช่วงที่น้ำทะเลอุณหภูมิเหมาะกับการลงเล่นน้ำ ดำน้ำ ราวๆกลางเดือนพ.ค.ไปแล้ว ชายหาดต่างๆ เริ่มเปิดให้คนมานั่งเล่นกัน และช่วงพีคก็คือ ช่วง Summer ประมาณเดือน ก.ค.-ส.ค.

  • ขี่ม้าชมวิว

  • ปั้นดิน Pottery Studio Tida

คอร์สเวิร์คชอพประมาณ 2,000-3,500 เยน

  • เป่าแก้ว Ryukyu Glass Workshop


แมวน้ำเลือกกิจกรรมที่เราจะทำการเวิร์คชอพกันได้แล้ว นั่น คือ งานเป่าแก้ว งานนี้ นี่เองงงง. . .

. . . การทำเครื่องแก้วสไตล์ริวกิว ถือเป็นงานศิลปะเก่าแก่ เป็นภูมิปัญญาของชาวโอกินาว่ามาตั้งแต่สมัยเมจินู่นแหน่ะ ซึ่งถือเป็นงานคราฟท์เพราะทำมือทุกชิ้น!!!

ในช่วงสงครามโลก โรงงานทำแก้วในโอกินาว่าถูกทำลายไปมากมาย แถมยังขาดแคลนวัสดุอุปกรณ์ ต้องเก็บพวกขวดเบียร์มาทำ แถมเครื่องไม้เครื่องมือก็ไม่พร้อม แก้วที่ได้ก็เลยเกิดฟองอากาศด้านใน ซึ่งจริงถือว่าไม่ได้คุณภาพ
. . . แต่เจ้า bubble ในเนื้อแก้ว ก็กลับสร้างเอกลักษณ์ให้กับแก้วริวกิวให้สวยงามแปลกตา เหมือนฟองคลื่นของน้ำทะเลโอกินาว่านั่นเอง


จริงๆมีโรงงานแก้ว Ryukyu ที่ Itoman ขายและผลิตแก้วริวกิวโดยเฉพาะเลย แต่เนื่องจากเราเวลาน้อย เลยได้ไปด้านล่างๆของโอกินาว่า เลยหาที่เวิร์คชอพเป่าแก้ว กันที่ Gala Aoiumi นี่แหล่ะ

ขั้นตอนของการเวิร์คชอพเป่าแก้ว ตามนี้เลย

  1. จองคิว ลงชื่อไว้ก่อน ที่ห้องเวิร์คชอพนี่แหล่ะ แล้วแต่รอบที่เค้าจัดไว้
  2. จองคิวเรียบร้อยเค้าก็จะให้เราเลือกลักษณะทรงแก้ว สี ลวดลายที่เราอยากได้
  3. และเมื่อถึงเวลา ก็จะเริ่มทำการเวิร์คชอพกัน โดยแต่ละขั้นตอน จะมีสตาฟคอยช่วยเหลือ ควบคุมคุณภาพของผลงานเราตลอด ฉะนั้น ไม่ต้องกังวลว่าเป่าแก้วแล้วออกมา เบี้ยว ไม่เป็นทรง แก้วทุกใบที่เราทำ จะออกมาดีงาม พร้อมเอาไปอวดได้เลย (แม้ว่าส่วนร่วมในการทำจะมีเพียง 20% ก็ตาม อิอิ) ก่อนอื่นใส่ถุงมือ กับปลอกแขนยาว กันร้อนก่อน



การเวิร์คชอพเป่าแก้ว ใช้เวลาแป๊บเดียวเอง ประมาณ 10 นาที แค่นั้น แต่เราจะยังไม่ไ้ด้แก้วกลับบ้านเลยทันที

เพราะจะต้องลดอุณหภูมิแก้ว ทิ้งไว้ 1 คืน

***ใครที่จะทำเวิร์คชอพแก้ว ก็ควรจะต้องเผื่อเวลาในวันรุ่งขึ้นเพื่อกลับมารับแก้วที่เราทำไว้ด้วยนะจ๊ะ ****


Gala Aoiumi
- Tel 098-958-3940
- Address 915 Takashiho, Yomitan Village, Nakagami County, Okinawa
- MAPCODE : 33851545*76



15.) KOURI Island เกาะนี้วิว ดี๊ ดี

การเดินทางไปยังเกาะ Kouri ถ้าตั้งต้นจากNaha ไปด้วยการเช่ารถขับไปเอง แล้วขึ้นทางด่วน ก็จะใช้เวลาประมาณ ไม่เกิน 2 ชม. แต่แมวน้ำร่นระยะทางเพราะคืนก่อนนั้นไปนอนที่พัก เกาะ Yagaji เกาะที่อยู่ติดกับเกาะ Kouri เป็นที่พัก ที่จองผ่านAirbnb ชื่อว่า

Kayo's Garden (Seaside nest - secret Cabin)

เจ้าของบ้านชื่อ คุณลุง Kayo แต่ตอนไปเช็คอินนี่ไม่ได้เจอตัว แต่มีวิธีการซ่อนกุญแจบ้านไว้ให้อย่างแยบยล

เหมือนมาถอดรหัสดาวินชี่โค้ด

บ้านเป็นบ้านเดี่ยว ที่นอนและมีโซฟาเบด มีเครื่องครัวให้ทำอาหาร มีเตาปิ้งย่างไว้ให้ BBQ

เหมาะสำหรับคนที่พาครอบครัวมาปิคนิคกัน ถ้ามาพักกับเพื่อนสัก 3-4 คน ก็จะดีเลย

มาพักกัน2คน มันก็จะวังเวงไปหน่อย เพราะละแวกบ้านในรัศมี 300 เมตร ไม่มีบ้านใครเลย ให้ฟิลลิ่ง alone in the universe!!!

. . . ถ้าไม่ชอบความปลีกวิเวก วังเวง ที่นี่ไม่เหมาะกับคุณ

ในทางกลับกัน . . . ถ้าชอบแบบส่วนตั๊วส่วนตัว ไม่ชอบสุงสิงกับใคร ที่นี่จัดว่าใช่

ราคาที่จองไป คือ 2,451.21 บาท / 1 คืน

ที่นอนหมอนมุ้ง เครื่องนอน เครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องครัวมีพร้อม

กาดริปก็มีให้ สำหรับคนชอบSlow coffee

หน้าบ้าน วิวดีอยู่นะ เดินไปไม่ไกลจากตัวบ้าน ประมาณ 200 เมตร จะมีเป็นคล้ายทะเลสาบ หรือ อะไรสักอย่าง มีเกาะแก่งเล็กๆน้อย วิวสวย ธรรมชาติมาก

ได้เวลาออกเดินทาง เช้านี้เรามุ่งหน้าไปที่เกาะKouri กันเล้ย . . .

ขับไปยังสะพานKouri ที่ทอดยาวเชื่อมจากเกาะOkinawa ไปประมาณ 2 กม.

ดีจังวันนี้ฟ้าสดใส น้ำสีสวยมากๆ

ก่อนจะข้ามไปจะมีจุดจอดรถให้เราลงไปถ่ายรูปได้

ตอนนั้นไปช่วงต้นเดือนมี.ค. อากาศก็จะเย็นๆหน่อย ประมาณ 20 °C จอดรถลงไปถ่ายรูปกัน

พอถ่ายรูปแล้ว ก็ขับรถข้ามไปฝั่ง Kouri

เดี๋ยวเราจะขึ้นไปชมวิวสวยๆกันที่นี่ เลยKouri tower

เป็นจุดชมวิวทะเลในมุมสูง ขับรถมาจอดแล้วซื้อบัตรเข้าชมเลย คนละ 800 เยน

พอซื้อตั๋วแล้วก็นั่งรถไฟฟ้า เป็นรถอัตโนมัติ ไม่มีคนขับ ขึ้นไปด้านบนเพื่อไปยังจุดชมวิว

พอลงแล้วก็จะเข้าไปในตัวอาคาร ซึ่งมีพิพิธภัณฑ์หอยแปลกๆไว้ให้ชมกันด้วย

เดินต่อไปเรื่อยๆ ขึ้นไปอีกสองชั้นก็จะเจอจุดชมวิวนี้

โหหห...... วิวสวยมากกกกกก.....น้ำทำไมมันถึงใสเวอร์เบอร์นี้

มาโอกินาว่าช่วงต้นเดือน มี.ค. นี่ก็แอบลุ้นเรื่องสภาพอากาศอยู่เหมือนกัน

เพราะ เป็นช่วงเปลี่ยนผ่านฤดูจาก ฤดูหนาว เป็น ฤดูใบไม้ผลิ

แต่ก็นับว่าโชคดีที่มาเจอ ฟ้าสวยๆน้ำใสๆ แบบนี้

ขึ้นไปอีกชั้นจะออกไปโซนoutdoor ได้ ลมแรงมาก วิวก็สวยมากเช่นกัน

ลั่นระฆังพอเป็นพิธีให้รู้ว่าเรามาถึงจุดชมวิวของKouri แล้ว

ก่อนออกจากKouri Tower แน่นอนว่าต้องโดนบังคับให้ผ่านโซนshopping อย่างเสียมิได้

ใครอยากซื้อของฝากก็เชิญตามอัธยาศัย ซึ่งของฝากในแถบนี้ ตั้งอยู่ในเขตของ Nago

ซึ่งเด่นดังโอทอปในเรื่องของสับปะรด ดังนั้นจึงมีสินค้าแปรรูปที่ป็นสับปะรดเยอะหน่อย

ซึ่งคนไทยคงไม่อินมาก บ้านเรามีสับปะรดกินจนเบื่อแล้วเนาะ ^^

เดี๋ยวเราขับรถไปต่อจุดต่อไปกันดีกว่า

HEART ROCK

จุดท่องเที่ยวอีกจุดนึงของKouri ที่คนมักจะแวะกัน นั่นก็คือ Heart Rock หินรูปหัวใจกลางทะเล

มาถึงแล้วนี่เนาะ แวะไปดูสักหน่อย เดี๋ยวจะว่ามาไม่ถึง

ขับออกจาก Kouri Ocean Tower ไปแค่ 3 โลนิดๆ

ขับไปตามgoogle map ไม่มีหลงแน่นอน พอไปถึงก็จอดรถจุดที่ใกล้ที่สุด ที่เค้าทำลานจอดรถไว้ เสียค่าจอดประมาณ 300 เยน หรือเปล่าถ้าจำไม่ผิด

ตรงลานจอดก็จะมีร้านขายไอติม มีห้องน้ำไว้ให้บริการด้วย มีน้องหมาเฝ้าร้านไอติมอยู่เล่นได้ น่ารักมาก

เอ้า ลูกกกกก . . . กินมือแม่ทำมายยยย

เดินลงไปที่หินรูปหัวใจทางนี้เลย ไม่ไกลมาก เดินดี ระวังลื่นนะจ๊ะ

นี่ไง มาถึงแล้ว ของจริงไม่ใหญ่อย่างที่คิดนะ

จริงๆ คนเยอะ พอประมาณนะ เพราะมาวันเสาร์ อาศัยหลบมุมเอา

แล้วคลื่นก็ซัดขึ้นมาแบบไม่ทันตั้งตัว เละสิคร้าบ พี่น้องคร้าบ

เห็นฟ้าใสๆ ยั่งงี้ อยู่ดีๆก็มีเมฆมา ลมฟ้าที่นี่เอาแน่เอานอนไม่ได้เลยจริงๆ

งั้นเดี๋ยวเดินไปเปลี่ยนรองเท้าแตะในรถแล้วไปต่อกันจ้า

(มีรถก็สบายงี้แหล่ะ จะแบกรองเท้าแบกเสื้อผ้า สัมภาระเยอะแค่ไหนก็ได้ เนอะ ^^)


INN CAFE

สตูดิโอ คาเฟ่ วิวทะเลสุดเท่ บนเกาะ Kouri

ก่อนไป Heart Rock เมื่อกี๊ ผ่านอะไรแว้บๆ เป็นตึกลักษณะคล้ายตู้คอนเทนเนอร์สีดำ สูง 4-5 ชั้น เห็นป้ายเขียนว่า INN Cafe

อ๋อออออ . . . คาเฟ่นี้ก็อยู่ในลิสเหมือนกันนะ แต่ไม่คิดว่าจะอยู่บนเกาะ Kouri

ฉะนั้น หลังจากขับออกจาก Heart Rock ก็เลยแวะสักหน่อย มาถึงราว 11 โมง คงจะเปิดพอดีแหล่ะ

ตึกนี้เท่มากๆ สร้างจากตู้คอนเทนเนอร์สีดำ นับๆดูก็หลายตู้อยู่นะ แล้วซ้อนกันสี่ห้าชั้นให้เป็นโครงสร้างตึกสูง ตัวคาเฟ่จริงๆอยู่ชั้น 4 ก่อนขึ้นต้องถอดรองเท้าไว้ข้างล่าง เค้าจะมีรองเท้าใส่เดินบ้านไว้ให้

ในระหว่างชั้น 1 - 2 - 3 ที่เดินขึ้นไป ในแต่ละชั้น เหมือนโชว์รูมเฟอร์นิเจอร์ เหมือนสตูดิโอ

นี่เราเข้ามาไม่ผิดที่ใช่มะ นี่คาเฟ่อะไรเนี่ย

แต่ละห้อง แต่ละโซนนี่มีการตกแต่งดีไซน์ที่มีสไตล์ มีความวินเทจนิดๆ บางโซนก็เท่ๆออกแนวอินดัสเทรียล

บางห้องก็สวยหวาน ราวห้องเจ้าหญิงในนิยาย

กล้องในมือนี่สั่นระริกๆ

แต่ช้าก่อนๆ นี่ยังไม่ได้อุดหนุนเค้าเลย จะมาถ่ายรูปเล่นแล้วชิ่งไม่ได้

ว่าแต่คนขายอยู่ไหนเนี่ยเดินมา 3 ชั้นแล้วยังไม่เจอใครสักคน

อ่อ . . .เจอแล้ว คุณลุงคอยรับออเดอร์อยู่คนเดียวที่ชั้น 4

เมนูก็จะมีตามนี้เลยจ้า เป็นกาแฟร้อน เย็น กาแฟดริป แล้วก็เมนูชา

อาหาร น้ำผลไม้ ของหวานก็มีด้วยเช่นกัน

จริงๆเมนูมีหลายอย่างเลย แต่ข้อแม้คือ ต้องสั่งอย่างน้อยคนละ 1 รายการ นะจ๊ะ

สั่งแล้ว ในระหว่างรอ เราก็ไปซนกันต่อในมุมอื่นๆ

ที่นี่มีชั้นดาดฟ้าด้วย สามารถบาบีคิวกันได้

หรือมุมนี้ เราก็มาผ่อนหนักให้เป็นเบาได้ . . .

สุขาวดีลอยฟ้า แบบOcean View

Coffee time

โอ๊ย อยากมีครัวแบบนี้ จะขลุกอยู่ในครัวทั้งวันเลย

ดีงามจริงๆ อยากมีบ้านแบบนี้บ้าง ^^

INN CAFE
- ตั้งอยู่บนเกาะ Kouri อยู่ใกล้ๆ Heart Rocks
- เปิดทุกวัน ตั้งแต่ 11.00-18.00 น.
- แต่มีวันหยุดไม่ประจำ ดูตารางวันหยุด และ เมนูของINN CAFE ที่ http://inn-cafe.com

ได้เวลาเดินทางต่อแล้ว วันนี้เราต้องไปอีกหลายต่อหลายที่

แต่ก่อนที่เราจะออกจากเกาะเล็กๆ ที่ชื่อ Kouri นี้

ขอแวะให้อาหารแมวน้ำสักหน่อยดีกว่า

เล็งร้านนี้ไว้ ดูจากรายการSugoi Japan ของคุณฮิโระ พามากินร้านนี้

จริงๆร้านนี้มีชุด ข้าวหน้ามากุโระกับสาหร่ายพวงองุ่น ที่ขึ้นชื่อ

แต่ด้วยสภาพท้องไส้ของแมวน้ำที่มีอาการคล้ายกับโดนไวรัสโรต้าเล่นงาน

ตั้งแต่วินาทีแรกที่ขึ้นเครื่องจากสุวรรณภูมิ ยันวันกลับ

จากที่วางแผนจะกินโน่นกินนี่ เลยอดทุกสิ่งเลย งืออออออออออออ T-T

โดยเฉพาะพวกปลาดิบนี่กินไม่ได้เลยแม้แต่ชิ้นเดียว

สงสัยต้องกลับไปแก้มือ

เลยขออาหารซอฟต์ๆ ข้าวหน้าหมู ปะทังไปก่อน งื้อออ ทำไมมาป่วยตอนเที่ยว >.<'

อีกร้านนึง คือ Shrimp Wagon เป็น Food Truck ร้านดัง บนเกาะ Kouri

ต้องจอดรถตรงนี้ แล้วเดินขึ้นไปซื้อตรงนู้นนนน

ร้านนี้คนเยอะมากต่อคิวยาวเลย

เกาะ Kouri ก็เป็นอีกจุดหนึ่งที่คนโอกินาว่านิยมมาเที่ยวเล่น ปิคนิคกัน

แต่ช่วงเดือนมี.ค. น้ำอาจจะยังเย็นไปนิดนึง เล่นน้ำ ดำน้ำ คงจะหนาวเย็นเกินไป

เลยแค่มานั่งเล่นปิคนิคริมทะเลกันแบบครอบครัว

ถ้าช่วง Summer ประมาณเดือน ปลายๆเดือน 6 - 7 คนคงเยอะกว่านี้น่าดู

อยากมาช่วงซัมเมอร์เหมือนกันแฮะ อยากลงเล่นน้ำ อยากดำน้ำดูปะการังที่โอกินาว่ามากๆเลย

ก็ดูซี่. . . . น้ำใสขนาดนี้

เดี๋ยวเราสตาร์ทรถออกเดินทางต่อไปจุดอื่นกันต่อดีกว่า แพลนมาเยอะ เดี๋ยวเก็บไม่ครบ

ใครมีโอกาสขับรถมาทางเหนือๆก็อย่าลืมแวะ เกาะKouri กันนะคร้าบบบ


16.) อายุยืน 100 กว่าปีแบบคน 'Ogimi' : หมู่บ้านอายุยืนที่สุดในโลก

นอกจากการมาดูวาฬหลังค่อม ที่ Zamami จะเป็นไฮไลต์ของทริปนี้แล้ว อีกที่นึง ที่อยากมาเยือนเป็นการส่วนตัวก็คือ ที่หมู่บ้าน Ogimi นี่เอง

Ogimi ได้ชื่อว่า เป็นหมู่บ้านที่มีคนอายุยืนมากที่สุดในโลก และมีคนอายุยืนกว่า 100 ปี มากที่สุดด้วย

ทำให้คิดได้ว่า ในขณะที่คนในญี่ปุ่นเกาะหลัก ในเมืองใหญ่ อย่างเช่น โตเกียว หรือเมืองอื่น มีอัตราการฆ่าตัวตายถี่ขึ้นทุกวัน เป็ฯเพราะความเครียดจากชีวิต หน้าที่การงาน ภาวะซึมเศร้า หรืออะไรก็แล้วแต่

ในประเทศเดียวกัน กลับมีหมู่บ้านที่ผู้คนกลับใช้ชีวิตกันอย่างมีความสุข มีสุขภาพกาย และสุจภาพจิตแข็งแรง และมีอายุยืนกว่า 100ปี อยู่บนเกาะโอกินาว่าแห่งนี้

ที่ผ่านมาเคยได้ดู สารคดี เกี่ยวกับหมู่บ้านนี้มาบ้าง วันนี้เลยอยากแวะมาดูบรรยากาศที่นี่สักหน่อย มีเวลาไม่มาก ไว้โอกาสหน้าไว้ค่อยมาเจาะลึกอีกรอบ

หมู่บ้าน Ogimi อยู่ทางตอนเหนือของเกาะโอกินาว่าติดชายฝั่งทะเลและ อยู่ในเขต Yanburu ที่เป็นป่าต้นน้ำของที่นี่ ฉะนั้นอากาศที่นี่จึงบริสุทธิ์มากๆ ในฤดูหนาวก็ไม่หนาวจัด เหมือนญี่ปุ่นเกาะหลัก

ผู้สูงอายุที่นี่จะชอบเดินไปออกกำลังกายในป่า เพราะในป่าจะมีพลังประจุลบ จากการแตกตัวของออกซิเจน ทำให้ร่างกายได้รับอากาศที่บริสุทธิ์สดชื่น ดีต่อระบบภายในร่างกาย

ที่นี่ได้รับการยกย่องให้เป็นหมู่บ้านที่อายุยืนที่สุดในโลก โดยอายุมากสุดอยู่ที่ 106 ปี และมีประชากรที่อายุยืนเกิน 100 ปี กว่า 450 คน และส่วนใหญ่จะเป็นผู้หญิง

นอกจากสภาพแวดล้อมอากาศที่นี่จะอำนวยต่อสุขภาพแล้ว อาหารการกินก็ถือเป็นปัจจัยสำคัญ ซึ่งเป็นสิ่งที่แมวน้ำดั้นด้นมาเพื่ออยากเห็น อยากชิม ว่าอาหารเพื่อสุขภาพที่กินแล้วอายุยืนนี่ รสชาติ หน้าตาเป็นยังไง

ก่อนอื่นเรามาแวะจุดพักรถที่ Ogimi กันก่อนเลย เป็นจุดที่ชาวบ้านที่นี่จะนำสินค้าทางการเกษตรมาจัดจำหน่ายกัน

จุดนี้เรียกว่า Michi-no-eki Ogimi (Mapcode: 485704391*83)

โหผลผลิตอินทรีย์ที่นี่ ใหญ่โตมโหฬารมาก ดูไชเท้าสิ

ที่นี่มีทั้งผัก ผลไม้สด ของแห้ง อาหารแปรรูป ที่เป็นของพื้นเมือง โดยเกษตรกรย่านนี้นำมาจำหน่ายกันในราคาไม่แพงมาก

จุดแวะพักนี้ อาจจะไม่ว้าว มากสำหรับคนไม่ได้ทำกับข้าว

แต่สำหรับ แมวน้ำแล้ว มันคือตลาดที่ดีงามที่แม่ครัวโดยอาชีพอย่างดิชั้น ตื่นตาตื่นใจมาก อยากจะหยิบฉวยกลับมาเสียทุกสิ่ง

นี่ก็สอย ผักอบแห้งมาเป็น สแน็ค และ สาหร่ายแห้ง เอามาทำสลัด (เดี๋ยวจะลงวิดีโอนำของฝากจากโอกินาว่ามาทำเป็นอาหารสุขภาพด้วยนะจ๊ะ )

ของขึ้นชื่อ ที่เปรียบเสทอน ยาอายุวัฒนะ เลยก็ว่าได้ นั่นคือ Shikuwasa

หรือเจ้าส้มจี๊ดนั่นเอง คนที่นี่รับประทาน Shikuwasa กันเป็นประจำ และนำมาแปรรูปเป็นสินค้าต่างๆมากมาย

' Shikuwasa ' อุดมไปด้วยวิตามิน C สูง ที่ช่วยบรรเทาอาการเหนื่อยล้าได้เป็นอย่างดี และในชิคุวาซ่านี้ ยังพบสารประกอบชนิดหนึ่ง ชื่อว่า Nobiletin ที่พบมากกว่าพืชตระกูล Citrus ด้วยกันหลายเท่า เจ้าสารนี้มีประโยชน์มาก เพราะ เป็นสารที่ช่วยยับยั้งการก่อมะเร็ง ช่วยควบคุมเบาหวาน ช่วยรักษาตับ และ ยังสามารถควบคุมเมลานินส่งผลทำให้ผิวพรรณดีอีกด้วย

มีการวิจัยล่าสุด ยังพบอีกว่า เป็นทรีทเมนต์ขั้นพื้นฐานของการรักษาโรคอัลไซเมอร์ได้อีกด้วย

และที่สำคัญ เจ้า Shikuwasa นี่ก็ปลูกกันเป็นล่ำเป็นสัน แถบป่า Yanburu หรือละแวกหมู่บ้าน Ogimi

ทีนี้เราก็พบกุญแจสำคัญ ของการมีอายุยืนยาวของคนที่นี่แล้ว ก็คือ เจ้า Shikuwasa นี่เอง!!!

info credit: http://www.jpn-okinawa.com/en/products/shiikwaasaa...

คน Ogimi จะรับประทาน Shikuwasa เป็นประจำทุกวัน ดื่มเป็นน้ำผลไม้ก็ดี บีบใส่น้ำชา บีบใส่อาหารคาว หวาน ได้หมด ถ้าสดชื่น ด้วยรสชาติที่เปรี้ยวจี๊ด และมีกลิ่นหอมๆหมือนส้ม ทำให้รู้สึกเจริญอาหาร และที่สำคัญน้ำตาลน้อยมากด้วย

พอเดิมานซื้อของในส่วนที่เป็นผลิตภัณฑ์แปรรูปโดยผู้สูงอายุชาว Ogimi

คุณป้า หรือ คุณยาย หรือ คุณทวดดี เพราะคนแถวนี้บอกอายุ 80 -90 นี่ธรรมดามาก เพราะดูจากลักษณะทางกายภาพยังแข็งแรงสมบูรณ์ เหมือนสัก 70

ถึงแม้เราจะคุยกันไม่เข้าใจ แต่คุณป้า น่ารักมาก พยายามจะถามว่าเรามาจากไหน แล้วก็หัวเราคิกคัก เป็นกันเองมากๆ

เพราะฉะนั้น นอกจาก อากาศดี อาหารดี มันยังไม่พอ เพราะเป็นแค่ปัจจัยภายนอก แต่สิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันก็คือ สภาพจิตใจ ด้วย

คนสูงอายุที่นี่ไม่มีภาวะเครียดเลย แม้บางคนจะอาศัยอยู่คนเดียว แต่เพราะที่นี่อยู่กันเป็นชุมชน ช่วยเหลือกัน มีกิจกรรมทำร่วมกัน มีงานเล็กๆน้อยๆ ปลูกผักมาขายมีรายได้ ทุกคนจึงรู้สึกว่าตนเองมีคุณค่า

ไม่เครียด ไม่เหงา มันก็มีความสุขทั้งกายและใจแหล่ะเนาะ . . . นี่คือ ชีวิตในอุดมคติจริงๆ

ใครอยากอุดหนุนผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรของคน Ogimi ก็แวะมาที่จุดพักรถนี้ได้เลยจ้า

ซื้อของเสร็จยังไม่จบ เดี๋ยวเราจะไปกินอาหารแบบคน Ogimi กัน ที่ร้านนี้ . . .

Emi-no-Mise

วันนี้เราจะมากินอาหารแบบคน Ogimi กันดู

อยากจะรู้ว่า อาหารของหมู่บ้านที่ได้ชื่อว่า อายุยืนที่สุดในโลก เค้ากินอะไรกัน ซึ่งแน่นอนว่า มันต้องเป็นอาหารสุขภาพแน่ๆล่ะ คนที่ไม่ทานผัก เน้นเนื้อสัตว์ อาจจะงงใจว่า . . . กินอะไรกันน่ะ !!!!

แต่บอกไว้เลยอว่า ไม่ได้กินยาก อย่างที่คิด ^^


ภายใต้บ้านเก่าๆหลังนี้ เป็นร้านอาหาร ชื่อว่า Emi-no-Mise โดยเจ้าของร้านคุณ Emi ที่เปิดมายาวนานตั้งแต่ปี 1990 ดำริของการก่อตั้งร้านอาหารแห่งนี้ ก็เนื่องมาจาก การที่คนในชุมชนOgimi ปลูกผักกินกันเอง ในสวนหลังบ้านของคุณย่า คุณยายนี่แหล่ะ คนที่นี่เติบโตและผูกพันกับธรรมชาติ และด้วยภูมิปัญญาของบรรพบุรุษที่ปลูกผักและนำพืชผลตามฤดูกาลมาใช้ในการปรุงอาหาร สืบทอดกันมารุ่นสู่รุ่น

คุณเอมิ อยากให้ภูมิปัญญาทั้งด้านทำอาหาร การทำสวน และ อาหารแบบคนOgimi สืบทอดต่อไปยังคนรุ่นใหม่ๆ
เพราะ ในสมัยก่อน ไม่มีร้านขายผัก จะกินอะไรต้องลงมือพรวนดินเอง หว่านเมล็ด รอมันโตขึ้นมาถึงจะเก็บมากินได้ อยากให้รู้สำนึกถึงผักที่ปลูกขึ้นจากแปลงผักของผู้เฒ่าผู้แก่แห่งนี้ ดินแดนที่มีรวมกันของผืนดินและน้ำทะเล

แมวน้ำผู้แพ้สตอรี่ประมาณนี้ ด้วยความที่ตัวเองก็ทำร้านอาหาร ชอบทำอาหาร การได้มาเจอบุคคลที่มีpassion เดียวกัน ก็รู้สึกเหมือนซื้อบัตรจับมือ มาเจอไอดอลเลยทีเดียว

. . . แมวน้ำคามิโอชิคุณป้าเอมิแห่ง OGM48 ค่าาาา5555+

(คนทางซ้าย) คุณป้าเอมิเจ้าของร้าน Emi-no-Mise

โดยส่วนตัว อาหารที่ชอบทำก็จะเป็นเมนูอาหารไทยทั่วไป กินได้ทุกวัน ไม่ต้องการจะเป็นสุดยอดเชฟ ไม่ต้องการที่ครีเอทเมนูอะไรที่แปลกใหม่ แต่แค่อยากทำอาหารธรรมดาๆให้คนในครอบครัวทานแล้ว อิ่ม อร่อย สุขภาพดี แค่นั้นพอใจแล้ว

. . .ส่วนที่มาที่นี่ ก็อยากมาเห็นว่า กินอาหารแบบไหนกันที่ทำให้สุขภาพดี อายุยืนยาว จะได้มีไอเดีย ทำให้บุพการีที่บ้านทานบ้าง^^

เมนูร้านนี้มาเป็นเซ็ท ดีเลยไม่ต้องเลือกเยอะ มีทั้งเมนูภาษาญี่ปุ่น และอังกฤษ

จริงๆร้านนี้มีชื่อเสียงอยู่นะ ฝรั่งแวะมาทานกันเยอะพอสมควรเลย เพราะมีต่างชาติมาศึกษาและทำสารคดีเกี่ยวกับเรื่องหมู่บ้านอายุยืน ที่ Ogimi กันเยอะเลยล่ะ


Makachi Kumisore เป็นภาษาท้องถิ่นของโอกินาว่า แปลว่า "Leave it to us!!"


ส่วนคุณน้าคนนี้ ก็สามารถพูดภาษาอังกฤษได้ดีมากเลย

แมวน้ำสั่งเป็นชุดอาหารกลางวัน ชุดนี้ MakaChikumi Soure Lunch

สีสันสดใสมาก อาหารที่ดีต้องอร่อยตั้งแต่ยังไม่ได้กิน หมายถึง อาหารตาไง สีสันสดใส การจัดวางที่สวยงามแค่เห็นก็เรียกน้ำย่อยได้แล้ว


รายละเอียดของส่วนประกอบในชุดนี้ ตามนี้เลยจ้า ส่วนใหญ่ล้วนแล้วแต่ใช้วัตถุดิบท้องถิ่นทั้งนั้นเลย เป็ฯอาหารคลีนขั้นสุดจริงๆ รสชาติก็อร่อยดีนะ คือ มันไม่ได้จืดชืด มันมีรสชาติอยู่ แต่ไม่จัด เหมาะเป็นอาหารสำหรับผู้ป่วยกรดไหลย่อน อย่างแมวน้ำมากๆ

อย่างน้ำชาที่เสิร์ฟเราสามารถเติมได้ฟรี เป็นชาที่ผสมขมิ้นชัน ช่วยในเรื่องระบบการย่อย

นี่เห็นว่าที่เสิร์ฟมามีมาอย่างละนิดอย่างละหน่อย ให้ปลาซิวมา 1 ตัวงี้ ที่เหลือ พืชพันธุ์ธัญญาหารล้วนๆ ถามว่าจะกินอิ่มมั้ย อิ่มสิ อิ่มพอดีๆเลย หารู้ไม่ว่า

. . . วัฒนธรรมการกินของคน Ogimi อีกอย่าง ก็คือ กินอิ่มแค่ 80% พอ

เพื่อไม่ให้อึดอัดท้องจนเกิน โดยส่วนมาก เราเน้น กินเกินอิ่ม

อย่างไปกินบุฟเฟต์นี่กะว่าเอาคุ้ม ยัดเข้าไปจนล้นคอหอย

หรือ อย่างแมวน้ำจะเป็นประเภท กินน้อย แต่ชอบสั่งเยอะ กินกับข้าว อย่างเดียว หรือ 2 อย่างไม่เป็น อยากกินหลายๆอย่าง แต่สุดท้ายก็อิ่มก่อนกินไม่หมด พอไม่หมดก็เสียดาย ก็กินต่อ มันก็เกินอิ่ม กลายเป็นอืด

เพราะฉะนั้น ต้องรู้จักพอ กินแต่พอดี ไม่ต้องอิ่มจนแน่นจนไม่สบายท้อง ระบบการย่อยมันก็จะไม่ต้องทำงานหนัก (นี่บอกไม่บอกใครเลย บอกตัวเองล้วนๆ 555+)

นี่ก็ไม่ใช่ว่า กินผักอย่างเดียว อย่าง ชิ้นนี้ คือ อาหารท้องถิ่น เรียกว่า Rafute เป็นหมูสามชั้น ที่ตุ๋นกับเหล้าอวาโมริ แล้วปรุงรสด้วย Shikuwasa ออกเปรี้ยว กินไปแล้วไม่มีคลอเรสเตอรอล

ส่วนอันนี้ Andagie เป็นขนมพื้นเมือง เค้าเรียก โดนัทโอกินาว่า น่าจะทำจากแป้งมันม่วง

ส่วนชุดนี้จัดเต็มขึ้นมาอีก ต้องสั่งจองล่วงหน้าเอาไว้ก่อน

มื้อดีนี้งามมากจริงๆ ได้มาเห็น ได้มาชิมอาหารของหมู่บ้านอายุยืนถึงที่แล้ว เย่ๆ Mission Complete!!!

. . . ไม่แปลกใจแล้วว่า ทำไมคนที่นี่ถึงอายุยืนเหยียบร้อยกันทั้งหมู่บ้าน ก็กินอยู่กันแบบนี้ มันจะมีปัจจัยอะไรไม่ให้สุขภาพกายและใจไม่แข็งแรงล่ะ จริงมั้ย ^^

จ่ายเงินและกล่าวอำลาสมาชิกร้าน Emi-no-Mise บอกเค้าไว้ว่า ถ้าครั้งหน้ามาจะใช้เวลาอยู่ที่นี่ให้นานกว่านี้ จะบอกเล่าแลกเปลี่ยนความรู้ด้านอาหารไทยๆแบบพื้นบ้าน ที่ก็สามารถกินได้สุขภาพเหมือนกัน ในครั้งต่อไป

. . . ขอบคุณเรื่องราวดีๆของหมู่บ้านอายุยืน คุณEmi และ ชาวOgimi ที่ทำให้เห็นคุณค่าของการมีชีวิตที่ยืนยาว ^^

Info Credit: http://eminomise.com/

ส่วนวิดีโอนี้ทำเอง ถ่ายเองเล่นๆ ทำชุดอาหารกลางวันสไตล์โอกินาว่า จากวัตถุดิบและ inspiration ที่ได้กลับมาจากทริปนี้ ให้สมกับแม่ครัวแมวน้ำ ^^

ประกอบด้วย ผัดมะระขี้นกใส่ไข่กับเต้าหู้ (Goya Champuru) / สามชั้นตุ๋น Rafute (ไม่มี Awamori เลยใช้เหล้าจีนแทน) / Miso Soup ใส่สาหร่ายวากาเมะและของทะเลแห้งที่ได้มาจาก Ogimi และ seaweed salad สลัดสาหร่ายเย็น

อาหารปรุงรสด้วย #เกลือจากเกาะมิยาโกะ และ #Shikawasa หรือส้มจี๊ด ที่ขอเข้ามาจากข้างบ้าน


ใครสนใจอยากมาลองชิมอาหาร ที่หมู่บ้านที่อายุยืนที่สุดในโลก Ogimi ก็มาที่

Emi-no-Mise
ที่อยู่ : 61 Oganeku Ogimi-son Kunigami-gun Okinawa
Tel :0980-44-3220
เปิด 9:00~17:00 (อาหารกลางวัน เริ่ม 11.30 ปิดรับออดเดอร์16:00)
ปิด ทุกวันอังคาร-พุธ-พฤหัสบดี


17.) 'Azalea festival ' หุบเขาดอกไม้แห่ง Higashi Village

มากันในเรื่องของ ดอกไม้ สวยๆงามๆ กันบ้าง นอกจาก ซากุระแล้ว ที่ญี่ปุ่นก็มีดอกไม้อีกมากมายให้เราได้ไปถ่ายรูปสวยๆงามกัน อย่าง ลาเวนเดอร์ ที่ ฮอกไกโด หรือ ดอกชิบะซากุระ แถวฟูจิ แล้วก็ดอกนู้นดอกนี้มีให้ชมกันตลอดปี

อย่างที่โอกินาว่า ก็มี ซากุระให้ดูเหมือนนะ แต่ด้วยว่าอยู่ในโซนด้านล่าง ซากุระที่นี่ก็จะบานเร็วกว่าชาวบ้านชาวช่องเค้า คือ ฟูลบลูมประมาณ ปลายเดือนมกราคม แล้วสีดอกก็จะชมพูบานเย็น ไม่ซอฟท์ๆ เหมือนบนเกาะหลัก

ที่ Okinawa นี่ก็มีเทศกาลดอกไม้เกือบๆทั้งปีเหมือนกัน จนเค้าสามารถทำออกมาเป็นปฏิทินดอกไม้ออกมาเลย

ในช่วงเดือน มี.ค. ที่แมวน้ำไป ก็มีเทศกาลดอกไม้เหมือนกัน ชื่อว่า Azalea Festival

ชื่อดอกนี้อาจจะไม่ค่อยคุ้นหูเท่าไหร่ แต่สีสันที่ดูจากในรูปก็สวยงามดี ไหนๆเรามาถึงแถวด้านบนๆ Ogimi แล้ว สถานที่จัดงานดอกไม้นี้ก็อยู่ใกล้ๆกัน ชื่อหมู่บ้านว่า Higashi Village

36th Azalea Festival in Higashi Village

(ระยะเวลาจัดงาน : 2-21 มีนาคม 5618)


แมวน้ำก็ไม่รู้ว่าชื่อภาษาไทย เค้าเรียกดอกนี้กันว่าดอกอะไร แต่ภาษาญี่ปุ่น ชื่อว่า Tsutsuji (สึสึจิ) つつじ

เทศกาลดอกAzaleaนี้ไม่ได้มีแค่ที่ โอกินาว่าที่เดียว ที่โตเกียวก็มีเทศกาลนี้ที่ศาลเจ้า Nezu แต่จะบานประมาณเดือนเมษายน-พฤษภาคม

ก่อนเข้างานซื้อบัตรเข้าชมกันก่อน คนละ 300 เยน เท่านั้น โชคดีเรามาตรงกับวันเสาร์พอดี เพราะทุกวันเสาร์ตลอดช่วงจัดงาน เค้าจะมีร้านค้ามาออกบูธกัน แล้วก็มีการแสดงซันชินบนเวทีด้วย (จริงๆไม่บังเอิญหรอก เราวางแผนให้มาดูดอกไม้วันนี้ เพื่อที่จะได้เดินเล่นชมงานกันไง โดยเมลไปสอบถามข้อมูลจาก Okinawa Story ก่อน)

เดี๋ยวเราไปโฟกัสกันในเรื่องของดอกไม้กันก่อนดีกว่า แล้วค่อยมาเดินเล่นชมร้านค้ากัน

ที่ หมู่บ้าน Higashi นี้ ก็อยู่ในละแวกป่าต้นน้ำ Yanburu เช่นกัน มีความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติมากเลยทีเดียว



ลักษณะของ Higashi Azalea Park แห่งนี้จะเป็นหุบเขาสูง สามารถมองเห็นทะเลได้เลย วิวดีมากๆ



โดยปกติเทศกาลดอกAzalea จะจัดในเดือนมีนาคม ราวๆ 3 สัปดาห์ ซึ่งช่วงfull bloom น่าจะราวๆกลางเดือนมีนาคม

ดอกAzalea มีหลายสี ชมพูอ่อน บานเย็น สีขาว สีแดง สลับกันไป


นี่ขนาด ไม่ใช่ ช่วงฟูลบลูมยังสวยเลย แต่ดอกมันก็จะน้อยไปหน่อย เพราะแมวน้ำไปวันที่ 10 มี.ค. ไปช้ากว่านี้อีกสักอาทิตย์นึงก็น่าจะเต็มตา บานเต็มภูเขาสวยกว่านี้อีก



ดอกสีขาวก็หวานดี


มีพร็อพไว้ให้ถ่ายรูปด้วยนะ ชมพู้ ชมพู ^^


วันนี้ฟ้าดี๊ ดี เคยเห็นในรูปก่อนมา ฟ้าหม่น แปลว่าเราก็เฮงเหมือนกันนะเนี่ย ^^


ลงไปเดินเล่นดูร้านขายของกันดีกว่า มีร้านรวงมาออกงานไม่มาก ก็แนวๆเหมือนงานวัด ทั่วไป มีขายของกิน ผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร

แต่เราเพิ่งกินอาหารอายุยืนไปเมื่อกี๊ที่ร้านคุณป้าเอมิ เลยขอเป็นกาแฟดริปสักแก้วของร้านนี้


รสชาติก็ถือว่าโอเค ใช้ได้ ร้านนี้มีร้านจริงจงถาวรอยู่ที่หมู่บ้าน Higashi นี่แหล่ะ ใครผ่านมาแถวนี้ แต่ไม่ใช่ช่วงเทศกาลดอดก Azalea ก็แวะไปนั่งจิบกาแฟที่ร้าน Matayoshi ได้ รู้สึกเค้าทำไร่กาแฟด้วยนะ ^^

ระหว่างเดินเล่น ชมดอกไม้ ชมร้านค้า ก็มีเสียงดนตรีพื้นบ้านดังมา ใช่แล้ว วันนี้เค้ามีการแสดงซันชินด้วย นักร้องร้องเพลงพื้นเมืองประกอบเครื่องดนตรีประจำเกาะโอกินาว่า ให้บรรยากาศที่นี่ผ่อนคลาย สวยงาม

ได้เวลาเดินทางต่อแล้ว รู้สึกดีมากที่วางแผนมาชมดอกAzalea วันนี้ ได้ชมทั้งดอกไม้ วิวสวยๆ ได้เดินเล่นดูร้านค้า ได้ฟังเพลงพื้นเมืองและการแสดงซันชินแบบสดๆ ที่ทำให้ทริปโอกินาว่านี้มีสีสัน สวยงาม ประทับใจ

ใครจองตั๋วหาจังหวะมาเที่ยวช่วงเดือนมีนาคม พอดี ก็ขับรถขึ้นมาตอนเหนือๆที่ Higashi Village มาดูดอก Azalea บนเนินเขา บวกกับวิวทะเล ที่มีให้ชมที่นี่ที่เดียวเท่านั้นนะจ๊าาาาา

Azalea Festival in Higashi Village

  • Period:มีนาคมของทุกปี (จัดประมาณ3สัปดาห์)
  • สถานที่:Higashi Azalea Park (Higashison Sonmin No Mori Tsutsujien) ลิ้งนี้เป็นgoogle map เส้นทางไปทีี่นี่ http://bit.ly/2nR5vUy
  • ค่าเข้าชม: 300 เยน
  • Light up:จะมีเปิดไฟ light up ด้วย เฉพาะวันเสาร์ ที่เขาระบุในโบรชัวร์งานเท่านั้น เปิดไฟตอน 6โมงเย็นถึง 3 ทุ่ม)

18.) Melody Road ถนนนี้ มีทำนอง ที่ Futami

ระหว่างการวางแผนค้นข้อมูล Okinawa ก็ไปพบสถานที่ที่น่าสนใจอีกแห่งนึง แต่ไม่ได้อยู่ในเส้นทางผ่านเลย แล้วก็ไม่แน่ใจด้วยว่าจะไปถูกมั้ย ถนนเส้นนี้มีความพิเศษกว่าถนนเส้นอื่น เพราะเป็นทำนองเพลงในระหว่างที่ล้อสัมผัสกับพื้นถนน ถนนนี้อยู่ที่ Futami ย่าน Nago

เราเดินทางออกจาก Higashi Village ตั้ง google map มาที่ Futami ใช้เวลาประมาณ 50 นาที ระยะทาง 30 กม. โดยพอมาถึงเราจะเห็ฯป้ายรูปตัวโน้ต และสัญลักษณ์เป็นคู่รักชายหญิงในชุดสไตล์ริวกิว

ที่ถนนเส้น 331 Futami

จุดสตาร์ทของเพลงจะเริ่มจากจุดที่เป็นตัวโน้ตสีฟ้า ต้องเริ่มจากด้านนี้เท่านั้น อีกฝั่งนึงไม่มีเสียงนะจ๊ะ

ระยะทางที่มีเสียงเพลงประมาณ 340 เมตร

ขับผ่านตัวโน้ตด้วยความเร็ว 40 กม./ชม. ด้วยความที่ถนนถูกออกแบบมาเป็นลูกคลื่น ซึ่งเมื่อล้อรถบดกับถนนก็เหมือนกดผ่านโน้ตทีละตัว ทำให้เกิดเป็นเสียงเพลง ซึ่งเป็นเพลงพื้นเมือง มีเนื้อหาเกี่ยวกับความรัก เหมือนเป็นคู่รักจากต่างเมือง จะครองรักกันที่ Futami แล้วจะไม่มีวันแยกจากกัน

info credit: http://www.mapitokinawa.com/2013/01/melody-road-fu...

ลองฟังจากวิดีโอนี้ดู แต่เสียงอาจจะไม่ค่อยดังมาก เพราะถ้าเปิดหน้าต่างขับก็จะได้ยินแต่เสียงลม พอปิดหน้าต่างเสียงก็ไม่ค่อยดัง ^^'

ใครอยากมาลองขับเล่นดู ก็ตั้ง Google Map ไปที่ Futami ได้เลยจ้า


19.) 3 ศาลเจ้า ขอพรก่อนกลับ

มาถึงที่เที่ยวอันดับสุดท้ายแล้ว เป็นอภิมหากาพย์รีวิว ที่ยาวสุดๆไปเลย

วันนี้เป็นวันสุดท้ายก่อนเดินทางกลับ ตลอดทริปเราได้รับความสะดวก เดินทางสบาย อากาศก็ดี ไร้ซึ่งอุปสรรค

. . . มีเพียงสิ่งเดียวที่ทำให้ปัญหาก็คือ สุขภาพร่างกาย จากอาการปวดท้อง ท้องเสียอาเจียน และพ่วงด้วย โรคกระเพาะและกรดไหลย้อน ที่แมวน้ำเป็นตั้งแต่วันแรกที่มาถึงโอกินาว่า ยันวันสุดท้ายที่จะกลับบ้านเลยทีเดียว นี่ยังภูมิใจเล็กๆที่ยังรู้รักษาตัวรอดให้กลับบ้านมาได้โดยสวัสดิภาพ ไม่ถึงขั้นต้องล้มหมอนหนอนเสื่อ เข้าโรงพยาบาลให้น้ำเกลือ จนไม่ได้เที่ยว

ถึงจะซื้อประกันการเดินทางมาก็เถอะ แต่ไม่จำเป็นจริงๆ ทนไม่ไหวจริงๆ ก็ไม่ได้อยากใช้นักหรอก ^^'

ก่อนกลับสู่อ้อมอกแม่ เราไปไหว้เจ้าทำบุญเสริมโชคลาภบารมี ขอพรอำนวยชัยให้เดินกลับบ้านปลอดภัยกันดีกว่า กับ 3 ศาลเจ้า ระหว่างทางกลับเข้าตัวเมือง Naha


1. Naritasan Fukusenji

ศาลเจ้านี้อยู่ใกล้ ซากปราสาท Nakagusuku Castle

ความเก๋ของศาลเจ้านี้คือ เป็น ศาลเจ้าแบบ Drive-Thru !!!

จอดรถด้านหน้า ยกมือไหว้ขอพร แล้วไปต่อไม่รอแล้ว555+ คอนเซปต์ดีๆ

คนโอกินาว่านิยมมาไหว้พระขอพรที่นี่ในช่วงวันปีใหม่ และก็จะมีเทศกาลที่นี่ตลอด 3 วันฉลองปีใหม่ด้วย

ศาลเจ้านี้คนมักจะขอพรเรื่องการขับขี่ปลอดภัย แมวน้ำก็ขอให้วันนี้ขับไปส่งรถคืนปลอดภัยแล้วก็ขึ้นเครื่องกลับบ้านโดยสวัสดิภาพด้วยเถอะนะคะ สาธุ!!!

2. Futenma "Cave" Shrine

ศาลเจ้านี้ถือเป็น 1 ในศาลเจ้าหลักของเกาะโอกินาว่า ด้วยศาลเจ้ามีความเก่าแก่กว่า 500 ปี มีเรื่องราวตำนานมากมายภายในศาลเจ้านี้ และที่สำคัญมีถ้ำอยู่ภายในศาลเจ้าด้วย

เดี๋ยวเดินเข้าประตูโทเรอินี้ไปไหว้ขอพรกัน

ก่อนอื่นเราต้องชำระล้างมือ ให้สะอาดบริสุทธิ์ก่อน


แล้วเข้าไปไหว้พระด้านในกัน

อย่างที่บอกว่าที่ศาลเจ้านี้มีถ้ำเก่าแก่อยู่ภายใน ซึ่งถ้ำนี้เปิดให้คนนอกเข้าชมได้ แต่จะต้องแจ้งเจ้าหน้าที่ให้พาเราเข้าไปเท่านั้น โดยจำกัดรอบละ ไม่เกิน 30 นาที

ติดต่อเจ้าหน้าที่ตรงห้องที่ขายพวกเครื่องลางนำโชคได้เลย ไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ


ล้างมือด้วยน้ำศักดิ์สิทธิ์ ขณะรอเจ้าหน้าที่พาเข้าไปดูถ้ำด้านใน

ถ้ำจะอยู่เข้าไปในประตูนี้ ซึ่งมีการล็อกประตู้นิรภัยอยางแน่นหนาและห้ามถ่ายรูป ภายในก็จะเป็นศาลเจ้าถ้ำเป็นถ้ำจริงๆเป็นหินงอกหินย้อย แต่ในไม่ลึกมาก ใช้เวลาไม่น่าเกิน 10 นาทีเท่านั้นแหล่ะ

โดยมีตำนานของเทพเจ้าที่ Futenma 2 เรื่อง ดังนี้

  • เรื่องแรกเป็นเทพเจ้าผู้หญิงชื่อว่า Megami เป็นเรื่องราวของสองศรีพี่น้อง คนพี่เค้าร่ำลือกันว่าเป็นหญิงสาวที่หน้าตางดงามแบบไม่มีใครเทียบได้ แต่ด้วยมีพลังจิตอันแรงกล้า เธอจึงปรารถนาให้ไม่มีใครสามารถเห็นหน้าตาเธอได้ ด้วยความที่สามีของน้องสาวมีความอยากรู้อยากจะเห็นว่าเธอจะสวยขนาดไหน เลยแอบดู พอเธอรู้ว่ามีคนแอบดู เธอก็วิ่งเข้าไปซ่อนในถ้ำจนไม่ออกมาอีกเลย

  • เรื่องที่สอง เป็นเทพเจ้าผู้ชายบ้างนามว่า Kumano

ตามตำนานเล่าว่ามีคู่สามีภรรยาคู่หนึ่งมีฐานะยากจน อาศัยอยู่แถว Nakagusuku ภรรยาทำงานรับใช้ราชวงศ์ในประสาทชูริ ทุกวันระหว่างทางกลับบ้าน เธอจะผ่านมากราบไหว้ ขอพรที่ศาลเจ้า Futenma เป็นประจำทุกวัน เทพเจ้าKumano เลยพรางตัวเป็นชายแก่แล้วมอบสิ่งของที่ห่อมาอย่างดี บอกเธอให้ช่วยเก็บรักษาของสิ่งนี้แทนเขา เมื่อเวลาผ่า่นไป เธอก็ยังคงศรัทธา อุทิศตนให้กับ ศาลเจ้าFutenmaตลอดเรื่อยมา จนวันนึง เทพเจ้าKumano มาเข้าฝันเธอแล้วปรากฏร่างจริงของท่าน แล้วกล่าวกับเธอว่า ของในหีบห่อนั้น ขอมอบให้เป็นรางวัลของคนที่อุทิศให้กับศาลเจ้าอย่างสม่ำเสมอ พอตื่นมาเธอแกะห่อออกก็พบเงินทองมากมาย ทำให้เธอและสามีกลายเป็นคนที่มั่งคั่งร่ำรวยหลังจากนั้นมา

ดังนั้น ศาลเจ้านี้ ผู้คนมักมากราบไหว้ขอพรในเรื่องของโชคลาภ ความมั่งคั่งร่ำรวยนั่นเอง

info credit: https://okinawahai.com/futenma-shrine-caves/


3. Naminoue - gu Shrine

มาถึงศาลเจ้าสุดท้ายก่อนกลับ แล้วศาลเจ้า Naminoue ศาลเจ้าชื่อดัง ตั้งอยู่ใจกลางเมือง Naha ที่ถือว่า เป็นศาลเจ้าหลักของเกาะโอกินาว่าเลยทีเดียว


จริงๆศาลเจ้านามิโนะอูเอะ นี่เป็ฯศาลเจ้าเก่าแก่มาก แต่ก็ถูกทำลายลงเพราะภัยสงคราม แล้วก็เพิ่งมาบูรณะใหม่ช่วง ยุค50 ตอนนี้ก็เป็นศาลเจ้าที่ได้รับความนิยมที่นักท่องเที่ยวมากราบไหว้กันเมื่อมาเยือนโอกินาว่า

ไว้เจ้าขอพรให้ลูกเดินทางกลับบ้านปลอดภัย หายป่วยไวๆ แล้ว ขอให้ได้กลับไปเยือนโอกินาว่าอีกด้วยนะคะ


เป็นการมาศาลเจ้าที่ใช้เวลาน้อยมาก เพราะใกล้ถึงเวลาคืนรถแล้ว แต่พอนึกได้ว่าจะซื้อประกันมาส่งรถเลทได้ ก็เลยขอลงไปดูชายหาดของ Naminoue นี้หน่อย นี่เป็นชายหาดเดียวในNaha ที่สามารถลงเล่นน้ำได้


โอ๊ย น้ำใสอะไรเบอร์นี้เนี่ย นี่ชายหาดกับน้ำทะเลในตัวเมืองเลยนะเนี่ย พลันนึกถึงชายหาดพัทยาบ้านเราแล้วก็ เฮ้อออ . . . .


วันนี้อากาศดีสุดๆ น้ำใสลมเย็น

ได้เวลาไปคืนรถ พร้อมขึ้นเครื่องกลับบ้านแล้ว ถึงเราจะคืนรถเลทได้ ก็ไม่ได้แปลว่าเราจะเอ้อระเหยลอยลมได้ เพราะ เดี๋ยวไปเช็คอินขึ้นเครื่องไม่ทัน ตกเครื่องล่ะแย่เลยเนาะ


20.) หาของฝาก ก่อนจาก O K I N A W A

ไปเที่ยวโอกินาว่า ซื้อของฝากอะไรดี ซื้อที่ไหนดี?!?

ปกติเวลาคนไปเที่ยวญี่ปุ่นก็คงจะเน้นช็อปปิ้ง เสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า accessory ขนมนมเนย ของน่ารักกระจุ๊กกระจิ๊ก แต่สำหรับโอกินาว่า อาจจะไม่ได้มีของให้ช็อปปิ้งอะไรมากมาย เหมือนกลับจาก โตเกียว โอซาก้า ฮอกไกโด ส่วนมากจะเป็นของพื้นเมืองสไตล์ริวกิว ที่ดูๆแล้วก็แอบเชยหน่อยๆ แต่ถ้าซื้อมาเป็นที่ระลึกก็โอเคอยู่ ^^

จริงๆ เรื่องของฝากโอกินาว่า มีเขียนแทรกไว้ในหัวข้ออื่นๆไว้บ้างแล้ว เดี๋ยวจะมาสรุปทบทวนให้อีกรอบ

ส่วนใหญ่ที่ซื้อของฝากก็ไม่หนีพ้นถนนKokusai นี่แหล่ะ

KOKUSAI STREET

ย่านนี้มีร้านขายของที่ระลึกของฝากเยอะหน่อย ก็เหมือนแหล่งท่องเที่ยวทั่วไป ซึ่งสินค้าที่วางขายก็จะเชยๆนิดนึง ราคาก็ไม่ถูกเท่าไหร่ ตามสไตล์แหล่งของฝากขายนักท่องเที่ยว ขาจร

เช่น พวก เสื้อยืดลาย โอกินาว่า / ลายคาราเต้ / ลายเบียร์ Orion / ลายShisa /ลายฉลามวาฬ


เดินๆดูแต่ถ้าคิดอะไรไม่ออกบอก ดองกี้ เลย (Don Quijote) ร้านของฝากยืนหนึ่งในใจคนไทยทุกคน

แมวน้ำก็เช่นกัน


ชุดเสื้อผ้าพื้นเมือง

มาสก์หน้าลาย Shisa

ช็อปปิ้งเกลือนานาชนิดที่ร้าน Masuya เอาไปฝากแม่ครัวที่บ้าน

เหล้า Awamori ก็ดีราคาไม่แพง แต่ระวังแตกหน่อยแล้วกัน ห่อดีๆแล้วกัน


แก้วริวกิว

Shisa แมสคอทประจำโอกินาว่า ซื้อคู่เล็กๆไปตั้งโชว์ที่บ้าน ให้รู้ว่าเราเคยมาเที่ยวโอกินาว่าแล้วนะ

แหล่งที่มีให้เลือกเยอะก็ที่ Tsuboya Pottery Street อยู่ไม่ไกลจาก Naha

หรือคิดอะไรไม่ออก หาซื้อตามร้านสะดวกซื้อนี่แหล่ะ ถูกและดี สะดวกซื้อสมชื่อ ที่โอกินาว่า จะมีFamily Mart กับ Lawson ซะส่วนใหญ่

นอกจากซื้อน้ำ ซื้อหนมแล้ว ตลอดทริปนี้ต้องอาศัยห้องน้ำของร้านสะดวกซื้อรายทาง ตลอด 6 วัน

เนื่องด้วยความกระปิดกระปรอยของท้องไส้ ที่ไม่เป็นใจ ความหวังเดียวของเราก็คือห้องน้ำตามร้านสะดวกซื้อนี่แหล่ะ ที่ Save my life

ห้องน้ำสะอาด ปราศจากกลิ่น ชักโครกดี มีระบบเสียงเซอร์ราวไว้กลบเสียงเอฟเฟค ขณะทำธุระ

แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะมาแวะเข้าห้องน้ำอย่างเดียว เราก็อุดหนุนด้วยอะไรด้วย

ยกตัวอย่างของฝากราคาไม่แพง ที่ได้กลิ่นอายโอกินาว่ามาสัก 2-3 ไอเทม กันหน่อย แวะสอยกันได้

อย่างเจ้า ซุปกึ่งสำเร็จรูป นี้ คือ สิ่งเดียวที่ช่วยเยียวยาคนท้องไส้ปั่นป่วนอย่างแมวน้ำได้เป็นอย่างดี

ด้วยอาการที่คลื่นไส้อาเจียน ท้องเสีย ท้องอืด โรคกระเพาะ ทำให้กินอะไรได้น้อยมาก ของเย็นๆนี่ตัดไปได้เลย

คงเหลือก็แต่ซุปอุ่นๆ ที่ช่วยวอร์มท้องให้รู้สึกดีขึ้น เวลาจะหาซุปร้อนๆในร้านสะดวกซื้อเมืองไทยไม่มีเลย มีโอทาโกะก็มาในรูปซอง ใส่น้ำกินเลยไม่ได้ หลายครั้งจำเป็นต้องซื้อมาม่าคัพ แล้วซดเอาแต่น้ำ เอาเส้นทิ้ง

แต่ที่ญี่ปุ่นนี่ดี มีซุปนานาประเภทให้เลือกเยอะ ช่วยได้มากจริงๆ

***มิโซะซุป กับ ซุปไข่น้ำ อร่อยมาก ซื้อกลับมากินบ้านได้เลย ***

ในส่วนของคอกาแฟ ก็มีproduct ให้เลือกซื้อมาชิมเล่นได้


อย่างใครที่ชอบกาแฟดริปรสออกเปรี้ยวนิดๆ สไตล์เมล็ดคั่วอ่อน ให้รสสดชื่นๆ ไม่ขมนำ หนักคอ ก็แนะนำตัวนี้ Drip Coffee ของ Family Mart Collection จากแหล่งเอธิโอเปีย อันนี้ใช้ได้เลย สามารถซื้อติดตัวไปดริปกินตลอดทริปได้สบายๆ เพราะกาแฟที่ชิมจากคาเฟ่ต่างๆที่ Okinawa จะไม่ค่อยเปรี้ยวเท่าไหร่


หรือ ถ้าของฝากแบบมีความโอกินาว่าแทรกอยู่หน่อยๆ ก็ลอง Black Coffee + เหล้าAwamori ดูได้

แพคมาดี เบาๆ ซื้อไปแจกเค้าได้

ส่วนอันนี้ก็น้ำ Shiquawasa + Awamori รสชาติเป็นไงไม่รู้ แต่ดูเป็นการสมาสสนธิกันของ 2 สิ่งโอทอปประจำเกาะโอกินาว่าไว้ใน 1 เดียว

AEON Mall Okinawa Rycom

ถ้าอยากซื้อของราคามาตรฐานหน่อยก็แวะ ที่ Aeon Mall ก็ได้ ห้างใหญ่ ของเยอะ ใหญ่พอๆกับ Mega Bangna มีทั้งของให้ Shopping เยอะแยะ ร้านอาหารเพียบ


แมวน้ำจองที่พักคืนสุดท้ายที่ Southern Village Okinawa ราคาประมาณ 1,700 บาท/คืน อยู่ห่างจาก Aeon แค่ 3 กม. เท่านั้น ใกล้มากๆ

พอดีไปเย็นวันเสาร์ประมาณทุ่มนึง ที่อิออน รถเยอะมาก วนหาที่จอดนานมาก และห้างก็ปิดเร็วไปหน่อย ประมาณ 4 ทุ่ม ห้างปิดแล้ว เดินยังไม่ทั่วเลย


ถ้าใครอยากได้ของฝากแบบขนมที่ผลิตจากวัตถุดิบพื้นเมืองหน่อย ก็แวะที่ร้าน Souvenir ที่ชั้น 2 ชื่อว่า

CHURAON. NET SOUVENIR

Boxerวาฬพ่นน้ำ วร้ายๆๆ บ้าบอๆ

มีขนมของฝากเยอะแยะมากมาย เลือกซื้อได้ตามสบาย

พวงกุญแจShisa น่ารักดี

ของฝากยอดนิยมต้องอันี้เลย ทาร์ตมันม่วง อร่อยจริง ชิมแล้ว ไม่หวานมาก ได้รสชาติมันม่วงเต็มๆ

เบียร์ Orion เบียร์ของ Okinawa นี่ไปช่วง Spring ก็จะมีเบียร์ซากุระด้วย สีสวยงาม

NAHA airport

เผื่อใครเศาตังเหลืออยากใช้ให้หมด ก็มีร้านขายของอีกนิดก่อนเข้า Gate ของสนามบินตึกหลัก

(รู้สึกว่าจะเป็นคนละฝั่งกับคนที่นั่ง Peach Air เพราะแมวน้ำบินกับ HongKong Airlines)


มี กาแฟ 35 Coffee ให้เลือกซื้ออีกนิดหน่อย


. . . ครบถ้วน 20 ที่เที่ยวนอกกะแสที่โอกินาว่าแล้ว เย่ๆ

ตอนนี้ได้เวลากลับบ้านแล้วจ้า อยากกลับไปหาหมอให้น้ำเกลือแย่แล้ว ป่วยตอนเดินทางก็ทำให้ความสนุกลดลง ฉะนั้น ก่อนเดินทางเตรียมตัวให้พร้อม รักษาสุขภาพให้ดี เตรียมยาที่ครอบคลุมทุกอาการที่น่าจะเป็นไปให้ครบ ที่สำคัญซื้อประกันการเดินทางติดไปด้วย เื่อเกิดเหตุการฉุกเฉินต้องล้มหมอนนอนเสื่อ จะได้ช่วยเซฟคอส และเซฟชีวิตเราไว้ได้ด้วยนะจ๊ะ

ขอบพระคุณทุกท่านที่ตามอ่านกระทู้ 20 ที่นอกกระแสที่โอกินาว่าทั้ง 2 ตอนของแมวน้ำ

ต้องขออภัยที่รีวิวนี้อาจจะเขียนยาวไปหน่อย แต่รับรองว่า เนื้อหาที่ประสบพบเจอมาจะมีประโยชน์กับผู้ที่ต้องการแสวงหาโอกินว่าในมุมมองใหม่ๆบ้าง

แมวน้ำยังอยากวางแผนไปเยือนอีกสักรอบ ไปให้ครบตามที่เคยลิสไว้แต่แรก แล้วพลาดไปด้วยเวลาจำกัด ถ้ามีโอกาสไปอีกเมื่อไหร่ จะมาแชร์ข้อมูลใหม่ๆ ให้ทุกคนอีกนะคะ

. . . ไว้พบกันใหม่ในการเดินทางครั้งหน้า กับแมวน้ำ Seally-Go-Round ที่จะทำให้การเดินทางทุกทริปมีความหมายมากกว่าแค่ไปเที่ยวนะคร้าบบบ ^^


ติดตามการเดินทางของแมวน้ำ Seally.Go.Round

ได้ที่ >>>Facebook: https://www.facebook.com/seallygoround/

IG: @Seally.go.round

Seally-Go-Round

 วันศุกร์ที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2561 เวลา 18.08 น.

ความคิดเห็น