การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานเลย (ททท.เลย) ร่วมกับ อุทยานแห่งชาติภูกระดึง จัดกิจกรรม "วิ่งปลุกภูกระดึง Phu Kradueng Wake Up Run 2017 " ในวันเปิดอุทยานแห่งชาติภูกระดึง ประจำปี 2560 วันอาทิตย์ ที่ 1 ตุลาคม 2560 สำหรับคนรักภูเขา และคนรักภูกระดึง ไม่พลาดแน่นอนที่จะมาร่วมกิจกรรมดีๆแบบนี้ กิจกรรมวิ่ง แบ่งเป็น 2 ประเภท คือ พิชิตภูกระดึง (Uphill Classic) 9 กม. และท้าทายภูกระดึง (Uphill Challenge) 25 กม. มีนักวิ่ง ผู้ที่ชื่นชอบเดินป่าและรักสุขภาพ มาร่วมกว่าหนึ่งพันคน ครั้งนี้อ้ายกึ่มขอท้าแค่ระยะ 9 กม. ก็พอแล้ว ไม่ใช่แค่ภูกระดึงหรอกที่ตื่น น้องทากเองก็คงตื่นด้วยแล้วเนี่ย


อุทยานแห่งชาติภูกระดึง อำเภอภูกระดึง จังหวัดเลย เป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงมากแห่งหนึ่งของประเทศไทย เนื่องจากมีธรรมชาติที่สวยงาม ก่อตั้งเป็นอุทยานแห่งชาติอันดับที่ 2 ของประเทศไทย ถัดจากอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ไม่มีใครไม่รู้จัก แค่ได้ยินชื่ออุทยานก็ทำให้นึกถึงการเดินขึ้นภูเขา มันจะต้องหอบแฮ่กๆ แน่เลย ในแต่ละปีจะมีคนมาเที่ยวเฉลี่ยหลายหมื่นคน ด้วยพื้นที่เยอะพอสามารถรองรับนักท่องเที่ยวได้จำนวนมาก แถมมีร้านค้าจำหน่ายของกินอย่างเพียงพอตั้งแต่เริ่มเดิน ซำแฮกจนถึงซำแคร่ ก่อนตะกายเนินสุดท้ายสู่หลังแป


เปิดภูเดือนตุลาคมต้นฤดูกาลแบบนี้ บนภูกระดึงมีที่สวยๆ ที่น่าสนใจมากมาย ทั้งชมพระอาทิตย์ตกดิน ชมทะเลหมอกยามเช้า เดินเส้นทางศึกษาธรรมชาติและริมผาที่สวย โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนที่ไหน และที่ไม่น่าพลาดเลยสำหรับคนที่ชื่นชอบน้ำตก ต้องมาเดือนตุลาคม จะได้เห็นสายน้ำตกที่สวยงามและก้อนหินที่เต็มไปด้วยมอสสีเขียว ดูแล้วชุ่มฉ่ำ สดชื่นกันไป เพื่อนๆ จะเพลิดเพลินเดินเล่นได้ทั้งวันจนลืมเวลา ทำให้เที่ยววันเดียวยังไงก็ไม่พอ ลองมาเที่ยว มาเดินและมานอนพักผ่อน แล้วจะหลงรักที่นี่ "ภูกระดึง"


โปรแกรมเที่ยวของผม ทริปนี้ 3 วัน 2 คืน (1-3 ตุลาคม 2560)

Day 01 : ตีนภู - หลังแป – ผาหมากดูก

Day 02 : ผานกแอ่น – เส้นน้ำตก - ผาหมากดูก

Day 03 : ผานกแอ่น – จบทริป ขับรถกลับ กทม.


สำหรับการเดินทางขึ้นภูกระดึงนั้น

-ทางอุทยานฯ จะอนุญาตให้นักท่องเที่ยวเดินขึ้นได้ตั้งแต่เวลา 07.00-14.00 น. ของทุกวัน และหลังจากเวลา 14.00 น. เป็นต้นไป ทางอุทยานจะไม่อนุญาตเพราะระยะทางจากตีนภูถึงหลังแปประมาณ 5.5 กม. ในการเดินทางขึ้นเขาต้องใช้เวลาในการเดินเท้าประมาณ 4-5 ชั่วโมง ซึ่งจะตรงกับเวลาพลบค่ำในระหว่างทาง ดังนั้นอาจจะทำให้เกิดความยากลำบากอีกทั้งอาจได้รับอันตรายจากสัตว์ป่าที่ออกหากินในเวลากลางคืนอีกด้วย

- อุทยานแห่งชาติภูกระดึง เปิดการท่องเที่ยวและพักแรมบนยอดภู ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม ถึงวันที่ 31 พฤษภาคมของทุกปี และจะทำการปิดการท่องเที่ยวและพักแรมบนยอดภูกระดึง ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน ถึงวันที่ 30 กันยายนของทุกปีเช่นกัน เพื่อเป็นการฟื้นฟูในช่วงฤดูฝน


รายละเอียดและการเตรียมตัวต่างๆ สำหรับมาเที่ยวชมภูกระดึง อ่านได้จากกระทู้เดิมของอ้ายทางนี้เด้อ https://th.readme.me/p/9359


:::การเดินทาง:::


จากกรุงเทพ
-- โดยรถประจำทาง: มีรถทัวร์จากสถานีขนส่งกรุงเทพ (หมอชิต) สู่ จ.เลย โดยนักวิ่งสามารถซื้อตั๋วลง อ.วังสะพุง แต่บอกคนรถว่าจะลงที่ "ผานกเค้า" หรือ นักวิ่งสามารถซื้อตั๋วมาลงที่ จ.ขอนแก่น แล้วต่อรถประจำทางสาย อ.ภูกระดึง มาลงที่ "ผานกเค้า" ได้เช่นกัน
-- โดยรถไฟ: ซื้อตั๋วรถไฟจากสถานีรถไฟกรุงเทพ (หัวลำโพง) สู่ จ.ขอนแก่น จากนั้นต่อรถประจำทางสาย อ.ภูกระดึง มาลงที่ "ผานกเค้า"
-- โดยเครื่องบิน: มีสายการบินจากท่าอากาศยานดอนเมือง สู่ จ.เลย 3 เที่ยวบินต่อวัน (นกแอร์และแอร์เอเชีย) มีรถตู้และรถเหมามาส่งที่อุทยานฯ ราคาตามที่ตกลง ใช้เวลา 1 ชม. หรือสามารถลงที่ท่าอากาศยาน ขอนแก่น (เที่ยวบินเยอะกว่า) แล้วนั่งรถประจำทางมาที่อุทยานได้เช่นกัน
จากจังหวัดอื่น
-- โดยรถยนต์ส่วนตัว อุทยานแห่งชาติภูกระดึงมีลานจอดรถที่ท่านสามารถจอดค้างคืนได้ ผู้ที่นำรถส่วนตัวเข้ามาในพื้นที่อุทยานจะต้องชำระค่าธรรมเนียมเพิ่ม



พร้อมแล้วก็มาวิ่ง มาแล่นแข่งกับอ้ายกึ่มเลยม่ะ



-------------------------------------------------------------------------------------------

Day 01 : ตีนภู - หลังแป – ผาหมากดูก

-------------------------------------------------------------------------------------------

เริ่มต้นกันที่ ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวศรีฐาน เพื่อชำระค่าธรรมเนียมอุทยาน จองเต๊นท์ที่พัก และเตรียมสัมภาระชั่งหาบ พร้อมไปพิชิตภูกระดึง


เช้านี้เหล่าผู้กล้า ทั้งนักวิ่งขาแรง นักวิ่งมือใหม่ต่างพร้อมใจกันมาวิ่งปลุกภูอย่างหนาแน่น บรรยากาศครึกครื้นมากๆ ตอนนี้เหลือนักวิ่งระยะ 9 กม. และนักท่องเที่ยวทั่วไป เพราะระยะ 25 กม. ได้ปล่อยตัวไปก่อนหน้านี้แล้ว

เจอเพื่อนๆ ที่รู้จักด้วยละ เจอโดยไม่ได้นัดหมาย

ผมวิ่งแค่ 9 กม. จากตีนภู ถึง ลานกางเต็นท์ด้านบน ทางผู้จัดงานให้เวลา Cut off time 7.30 ชม.

สบายมาก เดินเอาก็ถึง ฮิๆๆ

วันเปิดภู มันจะสดชื่น ดินชุ่ม ต้นไม้เขียวชอุ่มจริงๆ


ลักษณะของภูกระดึงจะเป็นภูเขาหน้าตัด มีพื้นที่ราบบนเขา ระหว่างทางขึ้นเขาเราจะผ่านร้านค้าที่ตั้งรายทาง เป็นเหมือนจุดพัก เรียกว่า "ซำ" บ้างก็หยุดเพื่อพักเหนื่อยและเติมพลัง บ้างก็รอเพื่อน

มันต้องผ่านกี่ซำละเนี่ย นี่เลย เดินไปแล้วอ่านป้ายไปด้วยเด้อ ระยะทางรวมประมาณ 5 กม. ก็ถึงหลังแป

ซำแฮก

ซำบอน

ซำกกกอก

ซำกอซาง

ซำกกหว้า

ซำกกไผ่

ซำกกโดน

และซำสุดท้าย ที่เราจะได้แวะเติมพลังที่ร้านค้า คือ "ซำแคร่" นั่งพักเอาแรงยาวๆ เลยละ เอาแรงไว้ตะกายความชันสุดท้ายก่อนถึงหลังแป

ระหว่างทางก็มีหมอกคลุมตลอด ไม่แน่อาจได้เจอทะเลหมอกสวยๆ ที่ซำแฮกก็ได้ อ้าวฟ้าวๆ กันหน่อย

ทั้งนักวิ่ง ทั้งนักท่องเที่ยว ทั้งลูกหาบ ไปพร้อมๆกัน มีน้ำใจให้แก่กัน หลบทางให้กันด้วยนะครับ โดยเฉพาะพี่ลูกหาบ ถ้าเราเจอควรหลบให้พี่เเกก่อนเลย

พอแสงแดดเริ่มสาดส่องตัดกับสายหมอก เกิดเป็นลำแสง มันช่างสวยงามจริงๆ

วิ่งไป ฟินไปครับ บรรยากาศแบบนี้ไม่ได้หาได้ง่ายๆเด้อ

พอถึงซำแฮก ผมก็รีบวิ่งไปดูทะเลหมอกที่ริมผา มีจริงๆด้วยครับ

ลองนึกดูถ้าเช้านี้เรายืนอยู่ที่ผานกแอ่น มันจะสวยงามมากแค่ไหน เอาไว้พรุ่งนี้เช้าค่อยไปลุ้นกันที่ผานกแอ่น


พักเติมพลังกันหน่อย ใครหิวข้าวก็แนะนำให้กินที่นี่คับ อีกอย่างที่ผมไม่พลาด ที่จะกินแทบทุกซำก็คือ แตงโม ชิ้นใหญ่ หวานกรอบ ชิ้นละ 10 บาท เรียกความสดชื่นหลังเสียเหงื่อได้ดีเชียวละ

มันปิ้ง ข้าวเหนียวปิ้ง ไข่ปิ้ง กล้วยปิ้ง มีให้แวะกินทุกซำ

พักพอหอมปากหอมคอ ทักทายสาวๆ นักวิ่ง อู้ยยยย น่ารักอ่ะ ไปด้วยกันได้ไหม รออ้ายด้วย

บางคนเดินไม่ค่อยไหว ก็มีบริการหาบขึ้นภูด้วยนะครับ แต่ถึงแค่ซำแคร่ จากนั้นก็ต้องเดินเท้าอีกนิดหน่อย เนื่องจากมันชันค่อนข้างอันตราย (ลูกหาบบอกว่า ย้านนักท่องเที่ยวตกอู่ตายก่อนสิฮอดหลังแป 555)


ทางเดินก็จะเขียวๆ ลื่นๆ ระมัดระวังกันด้วยนะครับ รองเท้าก็สำคัญนะ

ระหว่างทางก็แฉะ และลื่น ค่อยๆไป

ตัดภาพมาที่ ซำกกโดน เลยละกัน อิอิ อย่าถามว่าเหนื่อยไหม ต้องมาเองถึงจะรู้

ซำกกโดน มากี่ครั้ง กี่ฤดู ก็มีเมเปิ้ลให้ดูตลอด

เราพึ่งมาถึงแค่ครึ่งทางเอง ก็เริ่มเห็นนักวิ่ง (ขาแรงมากๆ) เริ่มสวนทางกลับลงมาแล้วอะ อายจัง ฮ่าๆๆ พี่ๆเค้ารับเหรียญแล้วหรอเนี่ย รอข่อยแหน่ๆๆๆๆ ใจเย็นๆอ้าย

เออ ไม่พักก็ได้ ไปต่อๆ เดี่ยวหมดเวลาที่เค้ากำหนด อดได้เหรียญพอดีกัน ทางก็เล๊ะ แฉะตลอดเลย


ในที่สุดเราก็มาถึงหลังแป ก็เป็นการสิ้นสุดเส้นทางขึ้นเขา "แป" ภาษาอีสานแปลว่า แบน หรือ ราบ เพื่อนๆ ของผมเองก็ชอบล้อผมว่า บัคดังแป (ดั้งแบน นั่นเอง อิอิ)


ถึงแล้วก็อย่าลืมถ่ายคู่กับป้ายนะครับ ถ่ายที่ไหนก็ไม่ภูมิใจเท่าถ่ายที่นี่ แล้วเอาไปอวดเพื่อน ว่าข้าทำได้แล้วววววว เพราะหลังจากนี้ ก็จะเดินทางราบ ระยะราว 3-4 กม. ก็จะถึงลานกางเต็นท์ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว วังกวาง เป็นการเส้นสุดระยะวิ่ง 9 กม. พร้อมแล้วก็เดิน เอ๊ย วิ่งกันต่อครับ


มองไปไหนก็เห็นแต่คู่รัก อย่าให้มีมั่งนะ ไม่อิจฉาหรอกแค่หมั่นไส้

เมื่อยขาก็นวดให้นะคะ น่ารักดี

เพื่อนนักวิ่งที่ถึงเส้นชัยระยะ 9 กม.แล้ว ก็รับเหรียญ บางคนก็เดินทางกลับลงเขาเลย บางคนก็ค้างคืนและเที่ยวต่อเหมือนผม

เอ๊ะ มีรถรับส่งด้วยหรอ VIP จัง

ส่งนักวิ่งที่หลังแปแล้ว รถก็ว่าง วนกลับไปลานกางเต็นท์อีกรอบ อ้าวเห้ย กระโดดขึ้นดีไหมเนี่ย แต่เราไม่ขึ้นหรอก เรามาวิ่ง ท่องไว้ๆ

และแล้วผมก็มาถึงเส้นชัย ระยะทางรวม 9 กม. ใช้เวลาไปประมาณ 6 ชม. เห็นไหมเวลาเหลือๆ (เหลือนิดเดียวสลบ ฮ่าๆ) อันนี้รูปเพื่อนนะครับ "พี่คิม" ไม่ใช่ผม


จากนั้นก็ไปกินข้าวกลางวัน แล้วค่อยไปติดต่อรับสัมภาระและเอาของไปเก็บที่เต็นท์ที่เช่าไว้แล้ว มีเวลาเหลือพอ พวกเราก็เดินไปเที่ยวชมพระอาทิตย์ตกดิน ที่ไม่ไกลจากลานกางเต็นท์ เดินไปประมาณ 2 กม. ก็ถึงที่ "ผาหมากดูก" มาเลย ตามเจ้าแดงมาขอรับ


วันนี้แสงยังไม่สวยมาก แต่วิวสุดแสนโรแมนติก อากาศเย็นสบายถึงหนาว อย่าลืมเอาไฟฉายมาด้วยนะครับ เพราะตอนเดินกลับลานกางเต็นท์คงมืด

วันนี้ก็ครบตามที่แพลนไว้ จบที่ "ผาหมากดูก"

จากนั้นเราก็เดินกลับลานกางเต็นท์ กินข้าวและพักผ่อน ครั้งนี้พิเศษหน่อยได้นอนเต็นท์ใหม่ของอุทยานฯ คืนนี้ฝันดีนะครับ พรุ่งนี้ไปเที่ยวชมพระอาทิตย์ขึ้นที่ผานกแอ่นกัน ไปลุ้นทะเลหมอกกันเด้อ


-------------------------------------------------------------------------------------------

Day 02 : ผานกแอ่น - น้ำตก – ผาหมากดูก

-------------------------------------------------------------------------------------------

ในครั้งนี้ ผมตั้งใจมาเที่ยวน้ำตก เปิดภูใหม่ๆ เดือนตุลาคมปลายฝนต้นหนาว ว่ากันว่า น้ำตกสวยงามมาก มีน้ำทุกน้ำตกเลย ต่างกันกับฤดูหนาว ที่น้ำตกพร้อมใจกันเหือดแห้ง ทำให้ครั้งนี้ผมไม่พลาดเด็ดขาด


เวลาตี 05.00 น. ตรงโดยประมาณ เดินมารวมกันที่อาคารบริการนักท่องเที่ยว จะมีเจ้าหน้าที่เดินนำไปที่ ผานกแอ่น ห้าม เดินไปกันเองเด็ดขาด


ผานกแอ่น จุดชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นที่สวยงามที่ห้ามพลาดครับ หากโชคดีก็จะได้เห็นทะเลหมอกคู่กับพระอาทิตย์ขึ้นยามเช้า

บรรยากาศของเช้าวันนี้ แสงไม่ค่อยสวยเท่าไหร่ มีเมฆหนาคล้ายว่าจะมีฝนตก ทะเลหมอกก็มีให้เห็นพอชื่นใจ วิวที่อยู่ตรงหน้าสามารถมองเห็นผานกเค้า ชมวิวและรับลมหนาวอ่อนๆ กันนะ

เพื่อนๆ ทั้งเหล่านักวิ่งและนักท่องเที่ยวที่ค้างแรมด้านบน ต่างพร้อมใจกันตื่นมาชมความงามของที่นี่ บางคนก็ไม่ยอมตื่นนอนเพราะคงเหนื่อยและเมื่อยขาตั้งแต่เมื่อวาน

สำหรับผมแล้ว ได้เห็นวิวแบบนี้ก็ชื่นใจแล้วละครับ

เจอเพื่อนๆ ที่รู้จักกัน ก็ถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระทึก

เอาไว้จะกลับมาลุ้นทะเลหมอกและพระอาทิตย์ขึ้นสวยๆ อีกครั้งในเช้าวันพรุ่งนี้ ตอนนี้ได้เวลากลับไปกินข้าว เติมคาเเฟอีนและเตรียมห่อข้าวกลางวัน พร้อมน้ำดื่ม เพื่อไปลุยเดินเส้นทางศึกษาธรรมชาติบริเวณน้ำตกกันต่อ


ระหว่างทางเดิน ก็มีอะไรให้ชม ถ่ายรูปเล่นได้ตลอดทาง


"หยาดน้ำค้าง"


เริ่มเดินจากลานกางเต็นท์ จะไปเจอน้ำตกแรกเลย ใกล้สุด "น้ำตกวังกวาง"

เสร็จแล้วก็ไปกันต่อ น้ำตกเพ็ญพบใหม่ น้ำตกโผนพบ ปิดท้ายด้วยน้ำตกถ้ำใหญ่ เป็นน้ำตกสุดท้าย

ช่วงนี้น้ำค่อนข้างเยอะ ไหลแรง อันตราย บางน้ำตกไม่สามารถเข้าไปได้

เดินไปก็มีอะไรถ่ายรูปตลอด นี่แหละเสน่ห์ช่วงต้นฤดูเปิดภูใหม่ๆ ใครชอบก็อย่าพลาดเด้อ

เคยเจอภาพสวยๆ ในอนุสาร อสท. น้ำตกที่ภูกระดึงมันช่างสวยงาม หินทุกก้อนเต็มไปด้วยมอสสีเขียว มันชวนให้ผมอยากมาเที่ยวถ่ายภาพที่นี่มากๆ



อย่าพึ่งเบื่อน้ำตกนะครับ นี่คัดแล้วนะ ไม่อยากลบออกเลย เสียดาย

ปิดท้ายด้วย "น้ำตกถ้ำใหญ่" ครับ

ใช้เวลาไปนานพอสมควร สำหรับเดินเที่ยวน้ำตก นี่ก็เริ่มบ่ายคล้อย ท้องเริ่มหิว ผมก็ออกจากน้ำตกถ้ำใหญ่แล้วไปนั่งกินข้าวตรงทางเข้าน้ำตกอีกฝั่ง ก่อนเดินลัดเลาะตัดไปเส้นริมผา คือ ผานาน้อย

คิดในใจจะไปต่อที่ผาหล่มสักดีไหม ระยะทางจากผานาน้อย ถึง ผาหล่มสักก็ประมาณ 6 กม. เวลาที่เหลือกับร่างกายที่อ่อนล้าแล้ว ก็เลยตัดสินใจไม่ไป ย้อนกลับไปชมวิวที่ผาหมากดูกอีกครั้งก็ได้ วันนี้ที่ผาหมากดูกแสงสวยไม่น้อย คิดในใจเราช่างอิจฉาคนที่ไปชมพระอาทิตย์ตกดินที่ผาหล่มสักจัง คงสวยน่าดู

จากนั้นผมก็เดินกลับลานกางเต็นท์ อาบน้ำ กินข้าวและพักผ่อน เก็บแรงไปลุ้นทะเลหมอกที่ผานกแอ่นอีกครั้ง ก่อนที่จะเดินทางกลับ อำลาภูเขารูปหัวใจแห่งนี้


-------------------------------------------------------------------------------------------

Day 03 : ผานกแอ่น - เดินทางกลับ

-------------------------------------------------------------------------------------------

เช่นเคย รวมพลกัน 05.00 น. ตรง นำทางโดยเจ้าหน้าที่ไปยังผานกแอ่น อย่าลืมไฟฉายนะครับ เดินไปก็คิดในใจ เช้านี้จะมีแสงสวยๆ มีทะเลหมอกงามๆ ไหมน้อ เป็นความหวังเล็กๆ ของนักเดินทางอย่างเรา อย่างว่าแหละ ธรรมชาติยากที่จะคาดเดาได้ ได้แต่ท่องคำนี้ไว้ "ไม่คาดหวัง ไม่ผิดหวัง"


ถึงผานกแอ่นปุ๊บ ก็เห็นทะเลหมอกบ้างนิดหน่อย แสงแดดอย่าได้ถามหา มีแต่มวลมหาเมฆ ที่พร้อมหอบฝนมากระหน่ำ

รีบถ่ายรูป แข่งกับเวลา ต้องรีบกลับก่อนฝนจะเทลงมา


เช้านี้ คนน้อยกว่าเมื่อวานมาก สงสัยหมดเรี่ยวแรง เก็บแรงไว้เดินทางกลับกัน


จากนั้นก็กลับไปเก็บสัมภาระ เตรียมให้ลูกหาบ ก่อนจะไปกินข้าว ดื่มกาแฟร้อนๆ และอำลาภูกระดึง



ลาแล้วนะ สายหมอก น้ำตก ภูผาและเจ้าทากน้อย

สนต้นเดียว เจ้าจะไม่เดียวดาย อีกไม่กี่วันก็ถึงวันเปิดภูแล้วนะ


ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 8 ของผม และในฤดูหนาวช่วงเดือนธันวาคม 2560 เป็นครั้งที่ 9 ตามรีวิวนี้ครับ (https://www.facebook.com/media/set/?set=a.18075153...)


ครั้งต่อไปจะเป็นครั้งที่ 10 ผมได้สมัครลงวิ่งอีกครั้งกับกิจกรรม "Phu Kradueng Wake Up Run 2018 วิ่งปลุกภูกระดึง ปี 2" ในวันที่ 6 ต.ค.2561 คราวนี้ผมขอท้าหัวใจตัวเองที่ระยะ 25 กม. วิ่งไปถึงผาหล่มสัก ไหวไม่ไหว คอยติดตามสภาพอาการได้นะครับ ฮ่าๆๆ


ขอบคุณภูเขารูปหัวใจแห่งนี้ ที่ผมมาแต่ละครั้ง แต่ละฤดู แต่ละปี จะมีความงามที่แตกต่างกัน จนอยากให้เพื่อนๆ มาสัมผัสและเห็นด้วยตาตัวเอง แล้วผมจะกลับมาใหม่นะ “ภูกระดึง

"ประสบการณ์ใหม่ ไม่ออกไปหา ไม่มีทางเจอ" Life is a journey

#ภูกระดึง #เลย #Thailand #ดีแต่เที่ยว












อ้ายกึ่มมักเล๊าะ

 วันศุกร์ที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2561 เวลา 11.24 น.

ความคิดเห็น