ให้ธรรมชาติเยียวยาร่างกาย ที่ The Jungle House เขาใหญ่

คุณเคยได้ยินมั้ยว่า......

“ธรรมชาติสามารถเยียวยาได้ทุกสิ่ง”

แต่ธรรมชาติที่เราโหยหามักจะต้องแลกมาด้วยความโหดร้ายจากการเดินทางไกล ใช้เวลาเดินทางนานหรือไม่ก็ต้องเดินเท้าเข้าไปในเขตอุทยาน ทำให้เกิดข้อจำกัดของครอบครัวที่มีสมาชิกเป็นเด็กและผู้สูงอายุ

มันจะดีกว่ามั้ย ถ้าเราได้พักผ่อนอย่างใกล้ชิดธรรมชาติ ในแบบของเรา

ในแบบที่ไม่ต้องเดินทางไกล ไม่ต้องเดินเท้าเข้าป่า ไม่ต้องเจอกับเจ้าทากตัวน้อย มีสิ่งอำนวยความสะดวกพื้นฐานรองรับ สามารถไปได้ทั้งครอบครัวแม้แต่เด็กๆและผู้สูงอายุ…..

ในเมื่อ ธรรมชาติเยียวยาได้ทุกสิ่ง ทริปนี้ขอเยียวยาความเหนื่อยล้าจากการอ่านหนังสือสอบของเด็กๆ กันหน่อย โดยเลือกสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่เดินทางสะดวก ไม่ไกลจากกรุงเทพ และยังถือว่าเป็นแหล่งโอโซนอันดับต้นๆ ของประเทศไทยอย่าง อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ที่ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา

สำหรับการมาเที่ยวเขาใหญ่ของเราในครั้งนี้เรามากันเป็นกลุ่มครอบครัว สมาชิกส่วนใหญ่นั่นเป็นเด็กๆ เราเลือกพักกันที่ The Jungle House เขาใหญ่....ตั้งอยู่บนถนนธนรัชต์ซึ่งเป็นถนนเส้นหลักในการเข้าไปยังอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ใกล้แหล่งท่องเที่ยวสุดฮิต และร้านค้าร้านอาหารมากมาย

แม้โรงแรมจะตั้งอยู่ใกล้กับความเจริญ แต่พื้นที่ภายในโรงแรมก็ยังคงรักษาความเป็นธรรมชาติของพื้นป่าเขาใหญ่ไว้อย่างสมบูรณ์แบบ จึงเป็นที่พักที่สามารถตอบโจทย์มนุษย์ที่โหยหาธรรมชาติแต่ยังคงเกรงกลัวซึ่งความยากลำบากแบบครอบครัวเราได้อย่างลงตัว

ที่นี่จะครบและลงตัวอย่างที่เราโม้ไว้รึเปล่านั้น เราจะพาไปพิสูจน์กัน

ที่ The Jungle House ถูกออกแบบให้สิ่งก่อสร้างทุกอย่างถูกโอบล้อมและกลมกลืนไปกับธรรมชาติ เพราะฉะนั้นคุณจะสัมผัสได้ถึงความร่มรื่น เขียวขจีของพันธุ์ไม้นานาชนิดตั้งแต่เข้ามาในบริเวณโรงแรม

ส่วนเคาน์เตอร์สำหรับเช็คอินจะอยู่ด้านใน หลังห้องอาหารของโรงแรม

หลังจากเช็คอินเรียบร้อยแล้วเราไปสำรวจห้องพักกันเลย ห้องพักของเราต้องเดินผ่านอุโมงค์ไม้เลื้อยเข้าไปด้านใน ซึ่งระหว่างทางที่เดินเราจะรู้สึกราวกับว่าเดินเข้าไปในป่าจริงๆ ไม่ใช่แค่สวนที่ถูกจัดด้วยต้นไม่ขนาดใหญ่

ในส่วนห้องพักของเราชื่อห้อง ปาปิญอง เป็นห้องแถวแทรกตัวอยู่ในป่า มีอยู่ทั้งหมด 4 ห้อง สามารถเข้าพักได้ห้องละ 2 ท่าน เสริมได้อีก 2 ท่าน พื้นที่ใช้สอยกว้างขวางเราพัก ผู้ใหญ่ 2 เด็ก 3 รวมเป็น 5 คน ก็ยังอยู่ได้สบายไม่คับแคบ ภายในมีสิ่งอำนวยความสะดวกทั้ง ทีวี เคเบิ้ลทีวี ตู้เย็น เครื่องปรับอากาศ เครื่องทำน้ำอุ่น เครื่องใช้ในห้องน้ำถือว่าครบครัน ส่วนเตียงนอนนั้นเราก็สามารถเลือกได้ว่าต้องการเป็นเตียงเดี่ยวหรือเตียงคู่ โดยแจ้งที่หน้าเคาน์เตอร์ได้เลย

ส่วนใครที่เสริมเตียงนอนแบบครอบครัวเรา เตียงเสริมก็จะอยู่ในส่วนของชั้นลอยด้านบน ตรงนี้แหละที่เด็กๆ ชอบกันมาก สนุกสนานกับจินตนาการเป็นทาร์ซานน้อยในป่าใหญ่

ส่วนด้านหลังห้องก็จะมีระเบียงเล็กๆให้ได้ออกมายืนซึมซับบรรยากาศในตอนเช้า ถ้าใครโชคดีก็จะเจอนกเงือกเจ้าถิ่นด้วยนะ

หลังจากเก็บของเรียบร้อยแล้ว เราก็ขอออกไปสำรวจป่ากัน ที่นี่จะมีเส้นทางศึกษาธรรมชาติเป็นทางเดินคอนกรีตระยะสั้นๆ อาจจะไม่ได้สัมผัสธรรมชาติแบบเต็ม 100% แต่ก็ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการปลูกฝังเด็กๆ ให้รักษ์และช่วยกันรักษาธรรมชาติ

หลังจากที่ตื่นเต้นกับเจ้ากระรอกน้อยที่ออกมาทักทายกันระหว่างทางและเสียพลังงานไปกับการเดินสำรวจป่า เราก็มุ่งตรงไปที่ห้องอาหารทันที ตรงนี้หากใครที่ไม่สะดวกจะออกมานั่งทานที่ห้องอาหารก็สามารถสั่งอาหารไปทานที่ห้องพักได้

ส่วนเมนูมื้อเย็นของเราเน้นเป็นอาหารสำหรับเด็ก แอบกระซิบว่ารสชาติเชลชวนชิมสุดๆ อร่อยทุกเมนู

ในส่วนห้องอาหารของ The Jungle House นั้น อยู่ในโซนด้านหน้า ตรงทางเข้าโรงแรม สำหรับท่านที่ไม่ได้เข้าพักที่ The Jungle House ก็สามารถเข้ามาทานอาหารกันได้ รับรองว่าอร่อยทุกเมนู ไม่ผิดหวังแน่นอน

และแล้วก็มาถึงไฮไลท์เด็ดของ The Jungle House นั่นคือการนั่งช้างชมธรรมชาติตามเส้นทางศึกษาธรรมชาติภายในโรงแรม ซึ่งเป็นระยะทางสั้นๆ ใช้เวลาประมาณ 30 นาที เริ่มเปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 08.00 น.- 16.30 น.

ช้างที่นี่มีทั้งหมด 3 เชือก ทุกเชือกได้รับการดูแลเป็นอย่างดี เลี้ยงดูกันมายาวนานมากกว่า 10 ปี จึงทำให้คุ้นเคยกับผู้คน ไม่ดุร้ายเหมือนพี่ใหญ่เจ้าถิ่นที่มีข่าวบ่อยๆ งานนี้เด็กๆแอบกลัวๆ กล้าๆ แต่พอได้ลองนั่งดูแล้วกลับติดใจซะงั้น

ก่อนกลับก็ให้อาหารคุณบัวบานเสียหน่อย ขอบคุณที่พาเราเที่ยวป่า บุกลำธาร อย่างสนุกสนาน

สำหรับการมาเที่ยวเขาใหญ่ในครั้งนี้ อาจจะแตกต่างจากทุกครั้งที่ผ่านมา แต่เป็นความแตกต่างที่ประทับใจที่สุดเช่นกัน

สำหรับครอบครัวไหนที่กำลังหากิจกรรมทำร่วมกันกับครอบครัว ร่วมกับแก๊งค์เพื่อนในวันหยุดสุดสัปดาห์หรือในช่วงปิดเทอมนี้ ที่ The Jungle House,เขาใหญ่ ก็ถือว่าเป็นตัวเลือกที่ดีเลยนะ