“เยือนแดนมังกร มองมรดกโลกที่ลี่เจียง ตามเสียงหัวใจไปแชงกรีล่า อยากหยุดเวลาไว้ที่ย่าติง”

นี่เป็นคำนิยามสำหรับทริปนี้ เป็นอีกทริปในฝันที่มันมากกว่าคำว่าสวยงามจริงๆ กับเส้นทางในการไปเยือน The Last Shangri-la แชงกรีล่าแห่งสุดท้าย

ทริปนี้เราใช้เวลา 8 วัน (17-9-2018 - 24-9-2018)

Day 1 : กรุงเทพ-คุนหมิง-ลี่เจียง
Day 2 : ลี่เจียง-แชงกรีล่า
Day 3 : แชงกรีล่า-เต้าเฉิง-ย่าติง
Day 4 : ย่าติง เทรคยาว ทะเลสาปน้ำนม
Day 5 : ย่าติง ทะเลสาปไข่มุก,วัดชงกู่-เต้าเฉิง
Day 6 : เต้าเฉิง - แชงกรีล่า
Day 7 : แชงกรีล่า - คุนหมิง
Day 8 : คุนหมิง - กรุงเทพ

Day 1 : เรานั่งเครื่องบินไปลงที่คุนหมิง และเพื่อประหยัดเวลาเดินทางเราจึงนั่งเครื่องต่อไปลี่เจียงเลย พักลี่เจียง1คืน ภาพนี้เป็นภาพเมืองเก่าลี่เจียงที่มีหลังคาเป็นเอกลักษณ์ และมี ภูเขา Jade Dragon Snow Mountain ตั้งตระหง่านเป็นฉากหลัง ที่งดงามและลงตัวมากเลยทีเดียว

ลี่เจียงเมืองเก่ากว่า 800 ปี ที่มีสถาปัตยกรรม ประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมแตกต่างไปจากเมืองโบราณอื่นๆของจีน เนื่องจากเป็นเมืองที่เป็นที่ตั้งรกรากของชาวหน่าซี หรือนาซี มาตั้งแต่สมัยโบราณ เมืองนี้ยังได้รับการขนานนามว่า "เวนิสแห่งตะวันออก" และเป็นเมืองมรดกโลกอีกด้วย


ที่เมืองเก่าลี่เจียงจะมีอาหารหลากหลายมากๆ ของกินแปลกๆเยอะแยะ

Day 2 : ตอนบ่ายนั่งรถบัสจากลี่เจียงไปแชงกรีล่า ใช้เวลาประมาณ 3 ชม. (58y) เราเลือกพักย่านเมืองเก่า หลังเช็คอิน ทันใดนั้นฝนก็ตกต้อนรับเราทันที แต่ฝนแค่นี้ทำไรเราไม่ได้หรอก เที่ยวต่อไม่รอแล้วววว จากย่านเมืองเก่าสามารถเดินเล่นได้เพลินๆเลย อากาศดีมากๆ เย็นสบาย เรามาที่วัดต้าฝอ เพราะฝนตกทำให้เก็บภาพวัดกับเงาสะท้อนน้ำได้

มื้อเย็นนี้เราเลือกเมนูยอดฮิตประจำท้องถิ่นเลย นั่นคือ เนื้อจามรี นั่นเอง ไหนๆมาถึงที่นี่ไม่ลองได้อย่างไร รสชาตก็คล้ายๆเนื้อวัวน่ะแหละ

Day 3 : เรานั่งรถบัสจากแชงกรีล่าไปเต้าเฉิง (109y) ใช้เวลาประมาณ 8-10 ชม.เป็นการนั่งรถที่เพลิดเพลินบันเทิงใจมาก เริ่มจากวิวข้างทางที่เป็นทิวเขาสูงสลับซับซ้อน ด้านล่างเป็นแม่น้ำไหลเชี่ยว 🏞 สวยงามสักพักคุณจะได้เจอ วิวริมหน้าผาข้างรถอย่างใกล้ชิด ชนิดที่ว่าไม่กล้ามอง พอคุณเคลิ้มๆจะหลับ 😪 อยู่ดีๆก้นคุณก็จะลอยสูงขึ้นมาปลุกคุณให้ตื่นมาลุ้นว่าจะเจอก้อนหินอันเท่ารถมาขวางเลนรึเปล่าเพลินมากๆเลย


เจอทำถนน ทำให้เสียเวลาตรงนี้ ประมาณชม.นึงได้


ระหว่างทางใกล้จะถึงเต้าเฉิง คนขับก็ถามหาว่าใครจะไปย่าติง แล้วเรียกรถแวนมารับเรา คนละ (50y) พาเราไปถึงหน้าทางเข้าอุทยานย่าติงเลย

ถึงตรงจุดนี้ก็ค่อนข้างเย็นแล้ว เราไปซื้อตั๋ว เพลนแรกเรากะว่าจะเข้าไปนอนในอุทยาน แต่ จนท.บอกว่าที่พักเต็ม ทำให้เราต้องหาที่พักบริเวณหน้าทางเข้าอุทยาน ซึ่งราคาค่อนข้างสูง (400y)
ออกซิเจนกระป๋องสามารถหาซื้อได้ที่นี่ ราคาถูกกว่าที่อื่น (20y)


Day 4 : ตั๋ว(170)+รถบัส(120) = (270y) ใช้ได้ 3วัน ตรงนี้ใครเข้าพักในอุทยานค่ารถบัสวันต่อไปไม่ต้องเสีย คนที่พักข้างนอกให้เก็บตั๋วไว้ และรูปถ่ายโชว์เจ้าหน้าที่ วันต่อมาจ่ายค่ารถบัสครึ่งเดียว (60y)

วันนี้เราเข้าไปนอนในอุทยาน หลังเก็บของก็เริ่มออกเดินทางไต่ระดับความสูงเกือบ5,000 ม. ออกซิเจนที่เบาบางมากทำให้เหนื่อยง่ายและโรคแพ้ความสูงที่เราไม่เคยเจอหรือแทบไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยในชีวิต ทำให้เป็นทริปที่ลุ้นและกังวลเกี่ยวกับสภาพร่างกายมากที่สุด เราซื้อยาไดอะม็อกซ์มากินล่วงหน้าก่อนมาที่นี่ 1 วัน และ กินทุกๆ 8 ชม. มันช่วยได้นะ เราไม่มีอาการแพ้ความสูงเลย มีอาการมือชา ปากชาบ้างนิดหน่อย (ปรึกษาเภสัชกรก่อน บางคนอาจแพ้ยาตัวนี้ได้)

เทรควันแรกเราเลือกเส้นทางยาวระยะทางประมาณ 5 กม. คือ ทุ่งหญ้าลั่วหลง ทะเลสาปน้ำนม และทะเลสาปห้าสี รถบัสที่นั่งเข้ามาจะมาส่งเราที่จุดแยกระหว่างเส้นเทรคยาวกับสั้น เดินเลยมาจะมีจุดให้ซื้อตั๋วรถกอล์ฟไปกลับ(80y) ย่นระยะทางและเวลาได้เยอะ ซื้อเลยไม่ต้องคิด 555


เริ่มแรกจะเป็นทางเดินราบๆสบายๆ ชิลมากๆ เหมือนหลอกให้เราตายใจ ใครจะเลือกนั่งม้าก็มีบริการ 300y



แวะพักกินมื้อกลางวัน ของจริงกับที่ปกก็จะต่างกัน 555 แต่น่าจะเป็นมื้อที่วิวสวยที่สุดแล้วในชีวิต อันนี้เราต้องเตรียมซื้อมาจากด้านนอก ด้านในไม่มีอะไรขาย ห้องน้ำก็มีแค่ตรงจุดลงรถบัสเท่านั้น


ธรรมชาติที่นี่งดงามจริงๆ ทั้งภูเขา ลำธาร น้ำตก ทะเลสาป


หลังจากพักเบรคมื้อกลางวัน ความหฤหรรษ์ก็พลันเกิด 555 ทางเดินเริ่มไต่ระดับและชันขึ้นเรื่อยๆ เดินๆไป ดมออกซิเจนไป และด้วยความที่มัวแต่เอ้อระเหย ถ่ายรูปเล่นจนเอะใจ ทำไมมีแต่คนเดินสวนมาแฮะ เจอคนจีนทักว่าต้องรีบเดินนะไม่งั้นไม่ทันแน่ นั่นแหละถึงได้รู้ตัว 555 หลังจากนั้นก็รีบเลย เพราะรถกอล์ฟหมด 18 .30 น. และรถบัสนั้นหมด 19.30 น. ถ้าเริ่มเห็นธงมนต์แสดงว่าใกล้ถึงแล้ว


เวลารถหมดแต่ละฤดูต่างกัน ถ้าหน้าหนาวจะมืดเร็ว รถบัสจะหมดไว


และแล้วเราก็มาถึงทะเลสาปน้ำนม ไฮไลท์ของที่นี่เลย เมื่อไปถึงเราเพิ่งเข้าใจคำว่าหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้งเป็นยังไง รู้สึกโชคดีเหลือเกินที่ได้มายืนอยู่ตรงนี้ คือมันสวยมากๆจริงๆ


ถ้าจะบอกว่าสวยเหมือนสวรรค์ก็คงจะโม้ เพราะยังไม่เคยไป 55 แต่ถ้าจะบอกว่านี่คงเป็นที่ๆ ใกล้เคียงกับนิยามคำว่าสวรรค์ ตั้งแต่ได้พบมาก็คงจะจริง


ใครจะมาแนะนำให้รีบออกแต่เช้าแล้วเดินมาให้ถึงที่นี่ก่อนเลย อยู่ซึบซับบรรยากาศที่นี่ให้นานที่สุด แล้วค่อยไปแวะถ่ายรูปขากลับ จะบริหารเวลาได้ดีกว่า น่าเสียดายที่เราไม่ได้แวะทะเลสาป 5 สี เนื่องจากเวลาไม่ทันแน่ๆ ทะเลสาปห้าสี อยู่ห่างจากทะเลสาปน้ำนม 300 เมตรเท่านั้น แต่เป็น 300 เมตรที่ชันสุดๆ


ขากลับแทบจะวิ่งลงมาจากเขา ต้องทำเวลาให้ทันรถ ฟ้าก็ดูอึมครึมซะเหลือเกิน


สักพักฝนก็ตกลงมา นึกถึงเพลงพี่บอย ขึ้นมาทันที

"อดทนเวลาที่ฝนพรำ อย่างน้อยก็ทำให้เราได้เห็นถึงความแตกต่าง"

อย่างน้อยเวลาฟ้าไม่เปิด ก็ยังมีรุ้งให้เราเก็บภาพได้บ้าง คิดในแง่ดี จะมีสักกี่คนที่ถ่ายรุ้งที่นี่ได้ 555

ขอวิวสะท้อนน้ำสักหน่อย


Day 5 : เทรคสั้น ทะเลสาปไข่มุก-วัดชงกู่ ระยะทาง 1.5 กม. ทางเดินเป็นบันไดขึ้นไปเรื่อยๆ ทางเดินดี เดินง่ายกว่าเมื่อวานแต่ก็หอบอยู่ไม่น้อย วิว2ข้างทางสวยงามไม่แพ้ทางยาวเลย


สมกับคำว่า แชงกรีล่าแห่งสุดท้ายจริงๆ ถ้าเป็นช่วงใบไม้เปลี่ยนสีนี่มันจะขนาดไหน ประมาณกลางตุลากึงปลายจะเป็นช่วงที่พีคสุดๆ แต่ราคาโรงแรมก็จะแพงขึ้นอีกเยอะเลย


ใช้เวลาไม่นานมากก็มาถึงทะเลสาปไข่มุก เราเสียเวลาอยู่ตรงทะเลสาปไข่มุกนานพอสมควร นอกจากวิวที่สวยตรึงตาแล้วอากาศก็ดีมากๆด้วย ตรงจุดนี้สายๆคนจะเยอะมาก กว่าจะถ่ายได้แบบไม่ติดคนนี่ใช้เวลาพอสมควร


ขากลับมาแวะวัดชงกู่ วัดที่เป็นศิลปะของชาวทิเบตตั้งอยู่ในเขตอุทยานย่าติง เก่าแก่ประมาน 700 ปี

หลังจากออกจากอุทยานย่าติง เราก็กลับไปนอนที่เต้าเฉิง เพื่อซื้อตั๋วรถบัสกลับไปแชงกรีล่า มีรอบเดียวรถออก 6.10 (108y) แต่กว่าจะถึงเต้าเฉิงก็มืดแล้ว ซื้อตั๋วไม่ทัน เลยต้องไปลุ้นเอาพรุ่งนี้เช้าว่าจะมีตั๋วไหม สรุปว่ายังมีตั๋วอยู่ เหลือที่ท้ายๆเลย โชคดีไป

Day 6 : นั่งบัสกลับมาถึงแชงกรีล่า ประมาน 8 ชม. วันนี้อากาศเริ่มเป็นใจ หลังจากที่เช็คอินที่พักในย่านเมืองเก่า ก็เดินไปวัดต้าฝอ


Prayer Flag (ธงมนต์) มีประวัติความเป็นมาที่ยาวนาน และแน่นอนภาพและข้อความเหล่านั้นสะท้อนถึงแนวคิดและความเชื่อตามหลักพุทธศาสนาแบบธิเบต เมื่อลมพัดสายธงที่เต็มไปด้วยมนตราและภาพสัญลักษณ์อันศักดิ์สิทธ์ ก็เหมือนกับส่งพลังศักดิ์สิทธิให้ครอบคลุมไปทั่วทั้งบริเวณ เสมือนเครื่องรางและสิ่งนำโชคให้กับผู้คนในบริเวณนั้น
สีที่ใช้กับธงมนตรามี 5 สี บอกความหมายถึงธาตุทั้ง 5 และจัดเรียงลำดับจากซ้ายไปขวา หรือขวาไปซ้าย หรือจากล่างขึ้นบนก็ได้ เริ่มจากสีเหลือง หมายถึง ดิน, สีเขียว หมายถึง น้ำ, สีแดง หมายถึง ไฟ, สีขาว หมายถึง ลม และสุดท้ายเป็นสีฟ้า หมายถึง อากาศธาตุ


ที่นี่จะมีกงล้อแบบทิเบตเพื่อหมุนสำหรับขอพร แต่กงล้อที่นี่มีความพิเศษแตกต่างจากที่อื่น คือ เป็นกงล้อยักษ์ซึ่งมีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก มีความสูง 21 เมตร และน้ำหนักมากถึง 60 ตัน ต้องใช้แรงคนมากกว่า 20 คนถึงจะสามารถหมุนได้


บรรยากาศรอบวัดสวยงาม


Day 7 : ไปวัดจงซ่านหลิน ค่าเข้า 115y ซื้อบัตรที่ รร.ได้ราคา (105y) นั่งสาย 3 มาจากแถวเมืองเก่า มาลงที่จุดซื้อตั๋ว แล้วนั่งรถบัสไปต่อ



วัดลามะซงจ้านหลิน วัดที่สำคัญของเมืองแชงกรีล่า วัดนี้สร้างในสมัยดาไลลามะองค์ที่ 5 ตรงกับสมัยจักรพรรดิ์คังซีฮ้องเต้ของจีน รูปแบบการสร้างได้จำลองแบบจากพระราชวังโปตาลา (Potala) ในกรุงลาซา (Lhasa) ธิเบต เป็นวัดนิกายลามะแบบธิเบตที่ใหญ่ที่สุดในมณฑลยูนนาน อายุเก่าแก่กว่า 300 ปี และในยามเทศกาล ชาวทิเบตที่นี่ยังคงรักษาประเพณีที่จะจัดขึ้นตามวัดสำคัญๆ เหล่านี้ ด้วยการเต้นระบำหน้ากากและเป่าแตรงอน

จุดถ่ายรูปวิวสะท้อนน้ำจะอยู่ด้านนอกทางเข้าวัดจะมีทางเดินเลียบทะเลสาปเล็กมาทางซ้าย เดินมาเรื่อยๆ ก็จะเจอ


“แชงกรีล่า” การเดินทางไปสู่แชงกรีล่านั้นต้องเดินทางไต่ไหล่เขาไปเรื่อยๆ ใช้เวลานานพอสมควร ไม่ต่างอะไรกับดินแดนในฝัน โดยชื่อแชงกรีลานั้นมาจากภาษาธิเบต หมายถึง หนทางนำไปสู่ดวงตะวันและดวงจันทร์โดยดวงจิต และแปลอีกความหมายหนึ่งว่า ดินแดนอีกด้านหนึ่งของโลกหรือแดนสวรรค์บนโลก
นี่คือข้อมูลที่ได้จากในเนต ในความจริงเมืองแชงกรีล่านั้นเจริญมากๆ มีสนามบิน แต่ไม่มีตึกสูง และรูปแบบของตึกนั้นจะเป็นเอกลักษณ์เหมือนๆกันหมด แต่ในย่านเมืองเก่านั้นก็ยังคงรักษาความมีเสน่ห์ ในสไตล์ทิเบตไว้ได้อย่างดี


เดินเล่นย่านเมืองเก่า ตอนเย็นชาวบ้านจะออกมาล้อมวงเต้นรำกันที่จตุรัสกลางเมือง เราก็เดินเข้าไปเต้นกะเค้าเลยจ้า เต้นก็ไม่ได้เข้าจังหวะกะเค้าเลย มั่วมากๆ 55 พอยิ่งเริ่มดึกวงก็เริ่มเยอะขึ้น กลุ่มนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติจะเข้ามาร่วมเต้นด้วย มองไปทางไหนก็เห็นแต่รอยยิ้ม ช่างเป็นโมเม้นต์ที่สนุกสนานและน่าจดจำมากๆ ประทับใจจัง

Day 8 : เรานั่งเครื่องจากแชงกรีล่ามาลงที่คุนหมิง เที่ยวคุนหมิงวันนึงแล้วบินกลับ กทม. ตอนดึก รูปด้านบนคือย่านเมืองโบราณกวนตู้ มีร้านขายเสื้อผ้า รองเท้า อาหาร ของกินเล่นเยอะแยะ คนเยอะใช้ได้เลย


ตกเย็นเราก็ไปย่าน Jin Bi Square ที่นี่ร้านขายเสื้อผ้าเยอะมาก แบรนด์จีนงานดีๆเยอะแยะ ราคาก็ไม่แพง ที่นี่เดินได้เพลินๆยาวๆเลย

สรุปค่าใช้จ่าย

ตั๋วเครื่องบิน ไปกลับกทม.-คุนหมิง 2,020 บ.
ตั๋วเครื่องบิน คุนหมิง-ลี่เจียง 1,678 บ.
ตั๋วเครื่องบิน แชงกรีล่า-คุนหมิง 2,263 บ.
ค่าโรงแรมทั้งหมด 7 คืน /2คน 2,837 บ.
ค่าเข้า+รถบัส+รถกอล์ฟในอุทยาน 1,680 บ.
รถบัส 1,620 บ.
ค่าเข้าวัดจงซานหลิน 504 บ.
ค่ากิน ค่าขนม ค่าแท็กซี่ ของฝาก 4,600 บ.
ค่าวีซ่า 1,500 บ.
เบ็ดเสร็จรวม 18,702 บ.

ขอฝากเพจไว้ด้วยนะครับ ถ้าชอบก็กด like เป็นกำลังใจให้เราด้วยนะครับ หรือมีคำถามอะไรก็ ib มาได้เลย แล้วเราจะเก็บภาพมาฝากกันอีกแน่นอน

www.facebook.com/OKReady2go

สำหรับทริปนี้ ด้วยงบประมาณเท่านี้กับวิวและความสวยงามของธรรมชาติทำให้เราหลงเสน่ห์ของเมืองจีน เข้าให้แล้ว เราจะกลับมาอีกแน่ๆ
ที่ลี่เจียงและแชงกรีล่ายังมีที่เที่ยวสวยๆอีกหลายที่ที่เราไม่ได้ไป แล้วไว้จะมาบอกเล่าประสบการณ์กันอีกนะครับ ขอบคุณที่ติดตามกัน

TIP
-ควรทำการบ้านภาษาจีนมาด้วย เพราะภาษาอังกฤษแทบไม่ช่วยอะไร
-ควรพกหน้ากากอนามัยมาด้วย เพราะคนจีนสูบบุหรี่จัด
-ซื้อตั๋วรถบัสใช้พาสปอร์ตด้วยนะ
-อย่าหวังพึ่ง เนตหน้างานเพราะสัญญาณมาบ้างไม่มาบ้าง
-กินยาไดอะม็อกซ์ ป้องกันอาการแพ้ความสูง ก่อนขึ้นที่สูงสัก 1 วัน(ปรึกษาเภสัชด้วย)
-อย่าตกใจถ้าคนจีนพูดจาเสียงดัง กระโชกโฮกฮาก เป็นปกติ

OK Ready2Go

 วันศุกร์ที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2561 เวลา 13.23 น.

ความคิดเห็น