ใครยากทานอาหารทะเลสด ๆ จัดเต็มไม่อั้น ยกมือขึ้น!

ทริปนี้ถือเป็นทริปไฟไหม้ ทริปกระทันหัน ทริปปุบปับมาก 55555

เป็นทริปที่ออกไปไม่ไกลจากกรุงเทพมาก กะไปเปลี่ยนบรรยากาศ กินอาหารทะเลอร่อย ๆ นอนดูนกชมไม้ไปเรื่อย ๆ แถมมีกิจกรรมให้เล่นเยอะแยะอีก (แต่เราไม่ได้เล่น ขี้เกียจ 555)

กว่าจะลงล็อคว่าจะไปที่ไหนก็เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาอยู่หลายที่ แต่สรุปแล้วก็มาลงตัวที่นี่ จันทบุรี ค่าาาา

โดยเราตัดสินใจจะไปเที่ยวกัน 2 วัน 1 คืน


DAY 1


เราเริ่มทริปกันตั้งแต่เช้าโดยการนั่งรถตู้ ขึ้นรถที่ สถานีขนส่งหมอชิต 2 ค่ะ

ค่าตั๋วรถตู้จากสถานีขนส่งหมอชิต 2 - จันทบุรี 200 บาท ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ชั่วโมง


รถตู้จะไปจอดในบขส.จันทบุรี เราหาทางเดินไปตลาดเพื่อหารถสองแถวไปน้ำตกพลิ้ว สุดท้ายก็เจอจ้า ต่อรองกันไปกันมา คุณลุงคิดราคา 150 บาท จากตลาด - น้ำตกพลิ้ว ตกคนละ 75 บาท ตอนแรกก็คิดว่าเอาวะ ราคาแรงแต่ถึงที่หมายเลย สะดวกดี แต่พอนั่งไปจริง ๆ โอ้โห ไกลสุดดดดด 55555

ในที่สุดก็ถึงแย้วววว คุณลุงจอดรถตรงทางขึ้นมาน้ำตก สะดวกสบายคุ้มราคามากค่ะ แฟนเราเลยขอเบอร์คุณลุงไว้เลย เผื่อขากลับจากน้ำตกไปที่พักจะได้โทรเรียกคุณลุงให้มารับ


บริเวณด้านหน้าฝั่งซ้ายมือจะมีจุดจำหน่ายตั๋วเข้าชมนะคะ

ราคาสำหรับคนไทย

    • ผู้ใหญ่ 40 บาท
    • เด็ก 20 บาท
    • เด็กอายุต่ำกว่า 4 ปี / ผู้สูงอายุ 60 ปี เข้าชมฟรี



แม้อากาศจะร้อนเพียงใด แต่พอเข้าไปในบริเวณน้ำตกคือเย็นสบายม้ากกกก ตรงต้นไม้เยอะ ๆ อาจจะชื้นหน่อย แต่โดยรวมคืออากาศดีมาก ๆ ใครอยากไปพักผ่อน แนะนำสุด ๆ แถมมีน้องปลา (ปลาพลวง) เต็มไปหมดไม่ว่าตรงไหนของน้ำตก 55555

ป.ล. น้องไม่กัดนะคะแต่น้องจะตอดตลอด ถ้าตัวใหญ่ก็ตอดแรงหน่อย แต่ไม่เจ็บเด้อวางใจได้ 555


บริเวณน้ำตกแต่ละจุดเขาจะมีป้ายคอยบอกปริมาณน้ำตลอด สังเกตกันด้วยน้า จะได้ปลอดภัยหายห่วง


เราเดินเข้าไปเรื่อยๆ ชมนกชมไม้จนมาเจอกับอลังกรณ์เจดีย์


และรูปปั้นของสมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ พระบรมราชเทวี ซึ่งเป็นอัครมเหสีในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาจุฬาลงกรณ์ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) นั่นเอง


บริเวณนั้นอากาศดีมาก ด้านหลังเจดีย์มีน้ำตก อากาศเย็นสบาย โดยรอบร่มรื่นมากกกก


เดินต่อไปอีกก็จะเจออ่าวบันได ทางลงคือเป็นขั้นบันไดลงไปจริง ๆ ชันมาก ลื่นด้วย ระวังกันด้วยนะคะ


เดินต่อไปอีกหน่อยจะถึงจุดที่มีน้ำตกสูง ๆ เสียงน้ำบวกกับไอน้ำที่ลอยอยู่ในอากาศทำให้สดชื่นมากกกกอากาศเย็นสบายมาก ๆ มีละอองน้ำลอยอยู่ในชั้นบรรยากาศเต็มไปหมด เหมือนฉีดน้ำแร่ตลอดเวลา 555


เรานั่งพักกันอยู่ตรงบริเวณน้ำตกประมาณครึ่งชั่วโมงได้ พอหายเหนื่อยก็เดินกลับย้อนออกมาทางเดิม ระวังกันด้วยนะคะ ใครกลัวเดินไม่ถนัดก็ถอดรองเท้าเดินเลย แต่ต้องระวังพวกกรวดหินดินทรายบนพื้นด้วยน้า เดี๋ยวจะบาดเท้าเอา ค่อย ๆ เดิน

มาน้ำตกก็ต้องทานส้มตำสิถึงจะถูกกกก


วิวตรงข้ามร้านอาหาร


กินของคาวจบก็ต้องต่อด้วยของหวาน ที่ร้านเขาก็มีไอศกรีมขายด้วยนะเออ


อิ่มเรียบร้อยยย รสชาติพอใช้ได้ ราคาไม่แพงมาก เยี่ยมเล้ย!

ถึงเวลาต้องไปที่พักแล้วค่า ว่าแล้วก็ลองโทรหาคุณลุงดูว่าเขาสะดวกมารับไหม เรารอคุณลุงกันอยู่ครึ่งชั่วโมงได้ ตอนแรกนึกว่าจะเบี้ยวแต่สุดท้ายก็มาจ้า นี่เห็นรถสองแถววิ่งมาแต่ไกล ดีใจตาลุกวาว 555555

ระหว่างทางไปที่พัก เขียวขจีไปหมด แต่ฝนตกปรอย ๆ ตลอดทางเลย ฟ้าครึ้มเชียว


คุณลุงไม่รู้ทางไปที่พัก แฟนเลยเปิด Google map บอกทางให้คุณลุงพาไป แอบไกลอยู่

ราคารถสองแถวจากน้ำตก - ที่พัก 200 บาท

ในที่สุดก็มาถึงสักที ที่พักที่เราปักธงมากันคือ ปากคลองโฮมสเตย์ ค่า

ที่นี่มีกิจกรรมล่องแพเปียกด้วยนะ สามารถติดต่อเจ้าของโฮมสเตย์ได้เลยแต่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม 100 บาท นอกจากนี้ในที่พักก็มีกิจกรรมอื่น ๆ ให้เราเล่นได้เล่นอีก ไม่ว่าจะเป็นนั่งเรือชมป่าชายเลน(ช่วงเย็น) พายเรือ ปั่นจักรยาน ตกปลา(นำเบ็ตมาเอง) ดักปู เล่นน้ำ คาราโอเกะ ฟรี!!! จัดโลด



ที่นี่สามารถเข้าพักแบบ 2 คนได้แม้จะเป็นวันเสาร์อาทิตย์ สะดวกตรงนี้ >w<

ราคาที่พักต่อคืน (รวมอาหารเช้า, กลางวัน, เย็น) 1,800 บาท/คน

บรรยากาศรอบ ๆ ที่พักจ้า เปิดประตูจากห้องนอนออกมาก็เป็นวิวนี้เลย เจว๋งงงง


ภายในห้องพักมีห้องน้ำในตัว บ้านที่เราพักมีชั้นสองด้วยนะ ไว้นั่งปาร์ตี้ชิล ๆ ได้


เย็นแล้วววว ไปทานข้าวกันเต๊อะ!


มื้อเย็นจะเป็นอาหารทะเลบุฟเฟ่ต์ไม่อั้น! คุณภาพสดใหม่ อร่อยมากกกก ฟินลื้มมมม

เวลาอาหารมื้อเย็น 18.30 - 21.00 น. ค่า

เมนูอาหารมื้อเย็น : ปลาทอด, กุ้งแช่น้ำปลา, ปลาที่มีรสเปรี้ยว ๆ คล้ายเปลือกส้ม (ใครรู้บอกทีว่าเขาเรียกว่าอะไร), แกงจืดเต้าหู้หมูสับ, ปูนึ่ง, กุ้งต้ม, กุ้งเผา, หอยนางรมทรงเครื่อง

ที่นี่พิเศษอีกอย่างคือ น้ำดื่มก็รวมในบุฟเฟ่ต์นะคะ น้ำเปล่า น้ำอัดลม ที่สำคัญ เบียร์ไม่อั้น!!!

ป.ล. แต่หากต้องการนำเครื่องดื่มแอลกอฮอล์กลับไปดื่มที่ห้องพักจะเสียเงินเพิ่มน้า ต้องนั่งดื่มที่โต๊ะอาหารที่ทางโฮมสเตย์จัดให้นะคะ


ทางคุณลุงคุณป้าเชียร์ให้ทานอีก ๆ ตลอด อิ่มมากแต่ก็เกรงใจเลยสั่งเพิ่มมานิดหน่อย เขาก็เดินมาให้สั่งเพิ่มอีก แง ท้องหนูจะแตกแล้วววว ใจดีมาก ปลื้มใจ *^*

กินอิ่มสบายใจ กลับไปนอนพักผ่อนดีกว่า ราตรีสวัสดิ์ฮับบบ (。♥‿♥。)


DAY 2


เราตื่นแต่เช้าเพื่อออกไปทานอาหารเช้ากัน บรรยากาศสดชื่น ฝนตกปรอย ๆ เปิดแอร์เย็น ๆ ~

เวลาอาหารมื้อเช้า 07.30 - 10.00 น. ค่า

เมนูอาหารมื้อเช้า : ข้าวต้มเครื่อง, ปาท่องโก๋พร้อมนมข้นหวาน, เส้นจันท์ผัดกุ้ง


ชอบมากกกกกกกกกกก อร่อยๆๆๆๆๆ ให้ 10000000/10


อิ่มเรียบร้อยก็กลับมาพักผ่อนต่อที่ห้อง รอทานมื้อกลางวันอีกมื้อแล้วค่อยเดินทางกลับ


ไป ๆ ไปทานมื้อกลางวันกันต่อ ลุยยยยยย!

เวลาอาหารมื้อกลางวัน 11.00 - 15.00 น. ค่า

เมนูมื้อกลางวัน : ปลาทอด, ทอดมัน, น้ำพริกไข่ปูเสิร์ฟพร้อมผักต้ม, แกงส้มดอกแคกุ้ง, แกงหมูชะมวง (อร่อยมาก ๆ ๆ ๆ ต้องลองนะ)


ถึงเวลาต้องกลับแล้วสิ ไม่อยากกลับเลยยยยย แต่เดี๋ยวค่อยมาใหม่เนาะ บ๊ายบาย T///T


แต่เรายังไม่จบทริปแค่นี้ค่ะ เราออกเดินทางไปตัวเมืองจันทบุรีด้วยรถส่วนตัวที่ทางคุณลุงเจ้าของที่พักจัดหาให้ มี contact ให้เรียบร้อย เป็นเหมือนบริษัทขับรถรับส่งรอบตัวเมืองจันทบุรี


ซึ่งเราจะไปเที่ยวที่อาสนวิหารพระนางมารีอาปฏิสนธินิรมลจันทบุรีก่อนกลับ

ราคาจากที่พัก - โบสถ์ 350 บาทจ้า (ไกลมากเด้อ นี่หลับด้วย 55555)

ถึงแล้วววว โบสถ์สวยมากจริง ๆ ๆ


ภายในโบสถ์สวยมากกกก เย็นสบาย บวกกับสีที่ดูสบายตา แง ชอบบบ


สำหรับสาว ๆ ที่ใส่กระโปรง หรือ กางเกงขาสั้น ทางเจ้าหน้าที่เขาจะมีผ้าถุงสีฟ้าเตรียมไว้ให้เราคลุมก่อนเข้าโบสถ์นะคะ เพราะเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์จึงต้องแต่งกายให้เรียบร้อยนิดนึง

ซึ่งเราชอบมาก น่ารักดี 55555 (ขออนุญาตลงรูปตัวเอง 1 รูปนะคะ อยากให้เห็นผ้าถุงมาก)


พักใจอยู่ที่โบสถ์กันจนหายเหนื่อยก็ถึงเวลากลับกรุงเทพแล้วจ้า

เรานั่งรถมอเตอร์ไซค์วินจากโบสถ์ - ท่ารถบขส. จันทบุรี (นั่งซ้อน 3) ราคา 60 บาท

พอถึงบขส. คุณลุงวินมอเตอร์ไซค์ก็ถามว่าจะไปไหน พอบอกไปหมอชิตเขาก็ชี้เลยว่าให้ไปซื้อท่าไหน ค่ารถตู้ก็ราคาเท่าขามา 200 บาทจ้า


สรุปค่าใช้จ่าย (ต่อคน)

  • ค่ารถตู้จากกรุงเทพฯ - จันทบุรี : 200 บาท
  • ค่ารถสองแถวจากตลาดในตัวเมืองจันทบุรี - น้ำตกพลิ้ว : 75 บาท
  • ค่าบัตรเข้าชมน้ำตกพลิ้ว : 40 บาท
  • ค่าอาหารที่ทานในโซนน้ำตก : 220 บาท (if any)
  • ค่ารถสองแถวจากน้ำตกพลิ้ว - ปากคลองโฮมสเตย์ : 100 บาท
  • ค่าที่พัก ณ ปากคลองโฮมสเตย์ : 1,800 บาท
  • ค่ารถเช่าจากปากคลองโฮมสเตย์ - โบสถ์ : 175 บาท
  • ค่ารถมอเตอร์ไซค์จากโบสถ์ - บขส. จันทบุรี : 30 บาท
  • ค่ารถตู้จากจันทบุรี - กรุงทพฯ : 200 บาท

รวม 2,840 บาท (ไม่รวมค่าขนมจิปาถะระหว่างทาง)


สำหรับเงิน 3,000 บาทที่เสียไปบอกเลยว่า คุ้มมาก!!!!! เป็นทริปที่กินตัวแตกสุดอะไรสุด ใครชอบทานอาหารทะเล ชอบเที่ยวธรรมชาติเอย น้ำตกเอย แนะนำเลยจ้าาา

ฝากไว้ให้คิส ❤️


s.folkmade

 วันพุธที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561 เวลา 14.28 น.

ความคิดเห็น