ปาย สินะ รอทำไม ปาย สิ ปาย

เริ่มหนาวแรกของปี ทริปแรกก็มา ปาย สินะ รอทำไม ปาย สิ ปาย ..“อำเภอปาย” จังหวัดแม่ฮ่องสอน ที่บอกเลยว่าการมาเที่ยวปาย อำเภอซึ่งอยู่กลางหุบเขา ต้องเดินทางผ่านหลายพันโค้ง ไม่ใช่ครั้งแรกของผม ซึ่งจากครั้งแรกที่มา จนถึงครั้งนี้ ก็น่าจะประมาณ 10 ปีที่แล้ว เห็นจะได้ สมัยหนังเรื่อง รักจัง ดังๆ เพราะพูดได้เติมปากว่า การมาปายครั้งแรกก็ตามมาจากหนังเรื่องนี้แหละ

การเดินทางมาปายเป็นครั้งที่สองของผม เกิดขึ้นจากความใฝ่ฝันขยันวิ่งของพี่สาวคนหนึ่ง ที่บังเอิญกดสมัครร่วมวิ่งมินิมาราธอน เราจึงได้ติดสอยให้ตามมา ถึงปาย นี่แหละ ที่สำคัญโชคช่วยที่เรามาในช่วงของอากาศหนาวแรกของปีพอดิบพอดี เลยคือดีสุด

การเดินทางมา อำเภอปาย ไม่ยากเลย มารถส่วนตัวก็ขับตามป้าย ผ่านหลายพันโค้งหน่อย แนะนำไม่ควรขับรถมาคนเดียวควรมีเพื่อนนั่งมาข้างๆ ไว้คุยเป็นเพื่อน

ส่วนถ้าใครจะงบน้อย ไม่มีรถขับ อาศัยเดินทางโดยขนส่งสาธารณะก็สะดวกมาก นั่งรถ นั่งเครื่อง มาลงที่เชียงใหม่ แล้วไปขึ้นรถตู้ เชียงใหม่-ปาย ที่ขนส่งอาเขตเชียงใหม่ มีรถตู้สภาพดีของบริษัท เปรมประชาขนส่ง ไว้บริการ ราคา 150 บาท/เที่ยว ส่งถึงตัวอำเภอปาย เลยจากนั้นใครจะเช่ารถมอไซต์ขับก็สามารถเดินหาได้ แถวๆท่ารถ มีให้เลือกเยอะมาก ราคามีตั้งแต่ 100-300 บาท/วัน (ไม่รวมค่ามัดจำ 1000-2000บาท)

ทริปนี้เรามาด้วยรถยนต์ส่วนตัว กำหนดไว้ว่าจะถึงปายช่วงค่ำๆ เพราะจะแวะดูพระอาทิตย์ตกที่ อช.ห้วยน้ำดัง พอลงจากรถได้แค่นั้นแหละ ต้องรีบเดินกลับไปที่รถ ไปหยิบเสื้อกันหนาวทันที เพราะอากาศเย็นมากประมาณ 10 องศาได้

ที่ อช.ห้วยน้ำดัง สามารถพักข้างแรม ตั้งแคมป์ ได้แต่มีคนในพื้นที่แนะนำว่า อาจนอนไม่ค่อยหลับเพราะนอกจากอากาศจะหนาวเย็นมากแล้ว ลมยังพัดแรงอีกด้วย เต้นท์ที่กางกันจะปะทะกับลมได้ ถ้าคนไม่คุ้นชินมีนอนไม่หลับกันได้

เมื่อแสงสีทองลับขอบฟ้า เราก็บขับรถต่อไปอีก 30 กิโล เพื่อเข้าที่พักกันก่อน โดยเราเข้าพักที่ บ้านพักลานนาไทย ติดอยู่ริมถนนสาย ปาย-แม่ฮ่องสอน บริเวณกิโลเมตรที่ 100 ไม่ไกลจากสนามบินปาย และตัวอำเภอมากนัก เงียบสงบ เพราะเป็นบ้านพักที่อยู่ในเขตทหาร ค่ายโสณบัณฑิตย์ คล้ายๆร้านค่าสวสัดิการอะไรประมาณนี้ ไม่มีให้จองล่วงหน้า แต่สามารถติดต่อเข้าพักได้โดยตรง มีตั้งแต่ราคาหลังละ 350 บาทขึ้นไป หรือจะกางเต้นท์ ก็มีลานกางเต้นท์ให้

เก็บของเข้าที่พักเรียบร้อยก็ไปตะลุยถนนคนเดินปายกัน บอกเลยการเอารถส่วนตัวมาปายมันจะลำบากนิดหน่อยตรงที่จอดรถนี่แหละครับ ต้องจอดไกลหน่อยแล้วเดินเอา เดินไปหาข้าวเย็นกินกันก่อน ก็ต้องแนะนำ ร้านน้องเบียร์ ละกัน ร้านอาหารในตำนาน ที่คนไทย และฝรั่ง มาถึงก็มากินกัน อยู่ตรง 4 แยกไฟแดงถนนคนเดินปาย ครับ

ถนนคนเดินปายแบ่งเป็นโซนหลักๆ คงได้แค่ 2 โซน คือโซนของกิน ของฝาก และโซนบาร์ปาร์ตี้ ที่นี้ฝรั่งเยอะมว้าก มาฝึกใช้ภาษาอังกฤษกันได้ ณ ปายนี้แหละ 555+ ไม่ค่อยจะเจอคนไทยสักเท่าไร หรือว่าเราไปในโซนที่คนไทยเขาไม่ไปกัน 555+

อรุณสวัสด์ยามสาย ในเวลาที่หมอกจางหายไปแล้วววว แต่ว่าเราก็แอบเห็นหมอกตอนเช้านะบอกเลย แต่มันง่วง นอนโง่ๆ ยาวไปก่อนนะ ตื่นกันอีกที 10 โมงเช้า ตามหาอาหารเช้ากัน คุณคิดว่าเราจะเจอไหม 555+ เบรคฟรัช ในเวลา 11.00 น. สุดท้าย ท้ายที่สุด เราก็มาหยุดที่อาหารเช้าบวกสาย ฟาสฟู้ดสไตล์อิตาเลียน อิตาเลียนป่าวไม่รู้ แต่ที่รู้ๆ เจ้าของร้านเป็นชาวอิตาเลียน ผมให้ 5 ดาวเลยแหละร้านนี้ อาหารดี เจ้าของร้านก็อัธยาศัยดี. เพราะนานๆทีจะมีคนไทยเข้าร้าน คิดว่านะ แฮะๆ ร้านนี้ชื่อว่าร้าน Witching Well อยู่บนถนนคนเดินปาย ชั้นบนจะเป็นเกสเฮาท์ (ราคาอาหารไม่แพง)

ไวน์ในภาพลองสั่งมากินกันเมายาวบ่าย อิอิ

ไป เราไปกันต่อ หาอาหารเที่ยงกัน จุดหมายคือ ก๋วยเตี๋ยวห้อยขาบ้านจ่าโบ่ อยู่ห่างจากปายประมาณ 1 ชม. ไปทาง อ.ปางมะผ้า บรรยากาศที่นี่คือดีมาก คนจะเยอะหน่อยในช่วงวันหยุด ราคาก๋วยเตี๋ยว เริ่มต้นที่ 35 บาท รสชาติคือดี แต่ถ้าใครไม่ชอบท่านเปรี้ยว หรือเผ็ด คงไม่สนุกกับการกินสักเท่าไรครับ เพราะเป็นก๋วยเตี๋ยวต้มยำที่แซบมาก นั่งกินชิลๆ ห้อยขาชมทิวเขา มาเช้าๆก็คงเจอทะเลหมอกอะเนอะ **แนะนำมาที่นี่ต้องลองกาแฟ “จ่าโบ่คลู” คิดว่าคงไม่มีที่ไหนนอกจากที่นี่ หากินได้ที่นี่ที่เดียวแน่นอน

วันสุดท้ายพวกเรามีความจำเป็นต้องตื่นแต่เช้า เช้าจริงๆ ตี 4 แน่ะ ไปที่สะพานประวัติศาสตร์ปาย เพราะปีนี้เขาจัดวิ่งปาย ฮาฟมาราธอน เป็นปีแรก เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว เราเลยได้มีโอกาสเห็นหมอกในตอนเช้าชัดๆ เต็มๆ ตา หมอกหนักมากจริงๆ

ก่อนกลับคงพลาดไม่ได้กับร้านอาหารชุมชนบ้านสันติชน หมู่บ้านจีนยูนาน ที่ขึ้นชื่อเรื่องขาหมูน้ำแดง กับหมันโถ

ตามด้วยแวะเก็บภาพ ให้เป็นทีระลึกอีกสักนิดที่ คอฟฟี่ อิน เลิฟ บ้านสีเหลือง แลนด์มากปาย ที่ใครเคยมาครั้งที่ปายยังไม่คึกคัก คงไม่พลาดที่จะมาถ่ายรูป แต่ว่าไอ้หลักกิโลใหญ่ๆ ไม่มีแล้วนะ

ขาหมูน้ำแดง 250฿ หมันโถ 30฿ ข้าวเปล่า 10฿

ระหว่างทางก่อนถึงเชียงใหม่ เราก็แวะแช่เท้าเล่นๆ ที่ โป่งเดือด น้ำพุร้อน ที่ธรรมชาติสร้างขึ้นให้เราได้ยน

จบทริปง่ายๆ สั้นๆ3วัน2คืน ที่รู้สึกว่าจะเน้นกิน กับกินกันเป็นส่วนใหญ่ เสพธรรมชาติตามไหล่ทาง เอ้ยข้างทาง การได้มาปายในครั้งนี้ ถึงแม้จุดมุ่งหมายไม่ได้มาเพื่อเที่ยว แต่การแค่เราได้มาเยือนในพื้นที่ใหม่ๆ เจอกับบรรยากาศใหม่ๆ ที่เราไม่เคยเจอ ทำให้เรารู้ รัก และเข้าใจธรรมชาติมากขึ้น

มานอนเล่นสักคืน สิ ปาย.