นอนริมนา โฮมสเตย์ใกล้กรุง ณ บ้านข้าวหอมโฮมสเตย์ จ.สิงห์บุรี

ไปปั่นจักรยาน.. ชมท้องนา.. กัน!

ในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ หลายๆ คนก็ชอบที่จะออกไปหาสถานที่พักผ่อน เพื่อผ่อนคลายความเครียดจากเรื่องต่างๆ ยิ่งถ้าไม่ต้องเดินทางไปไกลก็ยิ่งดี เพราะไม่ต้องเสียเวลาในการเดินทาง และสามารถใช้เวลาพักผ่อนได้อย่างเต็มที่ อย่างเช่น ทริปนี้.. ที่ผมได้มีโอกาสไปนอนโฮมสเตย์บรรยากาศริมท้องนา ไม่ไกลจาก กรุงเทพฯ อยู่แค่ จ.สิงห์บุรี แค่นี้เอง!

โฮมสเตย์ที่ผมได้ไปพัก มีชื่อว่า “บ้านข้าวหอมโฮมสเตย์” อยู่ใน จ.สิงห์บุรี ซึ่งจะเป็นอย่างไรนั้น ตามมาเที่ยวด้วยกันเลยนะครับ

บ้านข้าวหอมโฮมสเตย์ จ.สิงห์บุรี

บ้านข้าวหอมโฮมสเตย์ เป็นโฮมสเตย์แบบเรือนไทย บรรยากาศเรียบง่าย ตั้งอยู่ริมท้องนา ทำให้ได้ความรู้สึกถึงการมาพักผ่อนชิลๆ แบบท้องทุ่งลมโชยอะไรอย่างนั้น ที่พักจะแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนของบ้านพักเรือนไทยที่นอนหลังเดียวกับเจ้าของบ้าน(เครื่องปรับอากาศ) และ ส่วนของบ้านพักเรือนไทยที่อยู่ริมนา(พัดลม) นอนได้ตั้งแต่ 2- 15 คน สำหรับผมขอเลือกพักในแบบหลังครับ เพราะ ได้บรรยากาศมากกว่า แม้ไม่มีเครื่องปรับอากาศ แต่ก็ได้แอร์ธรรมชาติมาทดแทน 55+

ราคาค่าที่พัก จะคิดเป็นคน คนละ 750 บาท รวมที่พัก 1 คืน อาหาร 2 มื้อ อาหารว่าง และ กิจกรรมท่องเที่ยว(ตามฤดูกาล)
กิจกรรมท่องเที่ยว เช่น การลองทำอาหารไทยหรือขนมไทย, ปั่นจักรยานชมท้องนา, ใส่บาตรพระตอนเช้า, ชมการปลูกผักปลอดสารพิษ, ชมโรงสีข้าว เป็นต้น

การเดินทาง ไป บ้านข้าวหอมโฮมสเตย์

บ้านข้าวหอมโฮมสเตย์ ตั้งอยู่ห่างจากตัวเมืองสิงห์บุรี ประมาณ 22 กิโลเมตร วิธีที่สะดวกที่สุด คือ การขับรถส่วนตัว ไปเองครับ เพราะสามารถแวะเที่ยวตามจุดท่องเที่ยวต่างๆ ของ จ.สิงห์บุรี ได้ หรือ สามารถ เหมารถ จากตัวเมืองสิงห์บุรี ให้ไปรับ-ส่ง ที่โฮมสเตย์ พร้อมพาเที่ยวตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ก็ได้เช่นกัน ส่วน รถสองแถวโดยสาร จากตัวเมืองสิงห์บุรี ก็มีผ่านไปที่โฮมสเตย์ แต่ไม่แนะนำ เพราะต้องรอรถเป็นระยะเวลาที่นานมาก

ไปนอนริมนา ณ บ้านข้าวหอมโฮมสเตย์

ผมเดินทางมาถึง บ้านข้าวหอมโฮมสเตย์ ในช่วงเวลาบ่ายแก่ๆ โดยได้รับการต้อนรับอย่างดี จาก พี่สายพิน เจ้าของโฮมสเตย์ริมนาแห่งนี้ พี่สายพินให้ผมเลือกว่า จะเข้าพักหลังไหน? แน่นอนว่ามาเน้นชิลเอาบรรยากาศ ก็ต้องเป็นหลังที่อยู่ติดริมท้องนา

หลังจากเดินดู ก็ถูกใจหลังที่อยู่ริมสุด ซึ่งว่างอยู่พอดี ช่วงนี้บรรยากาศดี ต้นข้าวในนากำลังเขียวได้ที่เชียว

บ้านพักแบบเรือนไทย ในบริเวณริมนามีอยู่ 2-3 หลัง มีทั้งขนาดเล็กนอนได้ 2-3 คน และ ขนาดใหญ่ที่รองรับได้หลายคน

เดินสำรวจรอบบริเวณที่พัก ก็จะเป็นท้องนา แปลงผักสวนผสม และหนองน้ำ ที่มีเป็ดและห่าน ลงแหวกว่ายในน้ำอยู่

ในห้องพักริมนา(แบบพัดลม) ก็จะมีเตียง และเครื่องนอน พร้อมห้องน้ำในตัว นอนที่นี่จะดีหน่อย ตอนเช้าๆ เปิดหน้าต่างมาบรรยากาศดีมาก

ส่วนห้องพัก(แบบมีแอร์) ก็กว้างขวาง นอนสบายเช่นกัน อยากนอนแบบไหนก็เลือกได้ตามความต้องการครับ

เมื่อสำรวจรอบบริเวณที่พักเป็นที่เรียบร้อย พี่สายพิน ก็ได้นำ Welcome Healthy Drink เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ มาให้ดื่ม

มีของว่างอร่อยๆ ให้ลองชิม หวานแบบธรรมชาติ

บรรยากาศยามเย็น แดดร่มลมตก นี่มันช่างดีจริงๆ เนอะ

มีเปลผูกอยู่ที่ใต้ถุนบ้านเรือนไทย ก็สามารถมานอนเล่นรับลมได้ครับ

เดินเล่นริมหนองน้ำ ดูเป็ด ดูห่าน เล่นน้ำ ไปเพลินๆ เลย

ที่นี่.. มี แปลงผักปลอดสารพิษ ด้วย สามารถเข้าไปเดินชมในโรงเรือนปลูกผักได้ ซึ่งผักเหล่านี้ก็จะนำมาประกอบอาหารให้ได้ทานกันอีกด้วย

น้ำพริก ปลาทู และ สลัดผัก มื้อเย็นนี้ จัดเต็ม!

นั่งเล่นชมบรรยากาศยามเย็นอยู่ไม่นาน เมื่อพระอาทิตย์สิ้นแสง ก็ได้เวลา อาหารเย็น ซึ่งพี่สายพินก็ได้ทำอาหารด้วยตัวเอง เป็นเมนูอาหารแบบง่ายๆ แต่มีประโยชน์ต่อร่างกาย โดยเฉพาะเมนู สลัดผักปลอดสารพิษ ที่พี่สายพินขอนำเสนอในวันนี้

เมนูอาหารในมื้อเย็นนี้ ก็จะมี น้ำพริกกะปิ ปลาทูทอด ปลานึ่ง ผักทอดกรอบ ผักลวก ต้มจืดกระดูกหมูหน่อไม้ และ สลัดผัก ซึ่งผักต่างๆ ก็ได้มาจากแปลงผักปลอดสารพิษนี่เอง

ความพิเศษของมื้อนี้ คือการได้ลองทาน ข้าวสามสี (ข้าวหอมมะลิ ข้าวกล้อง และข้าวไรซ์เบอร์รี่) ซึ่งเป็นข้าวอินทรีย์ ผลิตภัณฑ์ ของ บ้านข้าวหอมโฮมสเตย์ แห่งนี้ครับ

สูดอากาศสดชื่น ในเช้าวันใหม่!

เสียงขับกล่อมจากบรรดาจิ้งหรีดเรไร ทำให้เคลิ้มหลับไปตั้งแต่ช่วงหัวค่ำ นอนอย่างเต็มอิ่ม พร้อมตื่นเช้ามาอย่างสดชื่น เป็นเช้าที่อากาศเย็นสบายดี

เปิดหน้าต่างออกไป ก็จะเห็นท้องทุ่ง ในยามเช้า มองไปไกลๆ ดูเหมือนว่า.. จะมีสายหมอกจางๆ พาดผ่านอยู่ด้วย

อารมณ์แบบนี้ เหมาะมากที่จะจิบกาแฟร้อนๆ นั่งชมวิวนอกหน้าต่าง

กิจกรรมในช่วงเช้า จะได้ ใส่บาตรพระ ด้วย ซึ่งสามารถใส่ได้ที่บริเวณหน้าโฮมสเตย์ได้เลย โดย พี่สายพิน จะจัดเตรียมของสำหรับใส่บาตรพระเอาไว้ให้ครับ

หลังจากใส่บาตรพระเสร็จเป็นที่เรียบร้อย ก็ได้เวลาเดินชมทุ่งครับ ในช่วงเช้าแสงแดดอ่อนๆ มีหมอกจางๆ บรรยากาศดีมากครับ

โฮมสเตย์มีจักรยานให้นำไปปั่นเล่นฟรีด้วย สามารถนำไปปั่นเล่นรอบๆ ทุ่งนาได้เลย หรือไปไกลกว่านั้นก็ได้ ถ้ามีแรง 55+

ท้องนากำลังเขียวขจี ปั่นไป หยุดถ่ายรูปเล่นไป ชิลๆ สำหรับเช้านี้

ชมบรรยากาศยามเช้า รอบๆ โฮมสเตย์

บ้านข้าวหอมโฮมสเตย์ จะมีการปลูกกล้วยไว้ตามแนวคลองเล็กๆ ซึ่งวิธีรดน้ำก็จะใช้เรือขนาดเล็กที่มีท่อสำหรับพ่นน้ำออกมาได้ทั้งฝั่งซ้าย และ ฝั่งขวา โดยเรือจะแล่นไปเรื่อยๆ ตามคลอง พร้อมกับพ่นน้ำออกมารดต้นกล้วย ถ้าใครนึกสนุก อยากลองลงไปนั่งบ้าง ก็สามารถลงเรือไปด้วยได้เลย

มื้อเช้าแบบง่ายๆ และ ขนมครก(ทดลอง)ทำเอง

สำหรับอาหารมื้อเช้า ก็เป็นอาหารแบบง่ายๆ ครับ ข้าวต้มรวมมิตร ร้อนๆ เหมาะกับตอนนี้มาก อร่อยดี เติมได้เรื่อยๆ เลย พี่สายพิน ทำเผื่อให้เยอะมากครับ

ชอบ ชาม และ ช้อน มาก ได้อารมณ์ย้อนยุคหน่อยๆ นะ

ตามด้วย ชาข้าวไรซ์เบอร์รี่ จิบร้อนๆ อีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ จาก บ้านข้าวหอมโฮมสเตย์

หลังจากจัดการมื้อเช้าเสร็จ พี่สายพิน ก็ชวนมาทำ ขนมครก กินกันครับ โดยได้เตรียมเครื่องไม้ เครื่องมือ เอาไว้พร้อม เหลือเพียงแค่ หยอด รอ และ แคะ เท่านั้นเอง 55+

ดูแล้วก็เหมือนจะง่ายๆ ดี กลิ่นหอมของแป้งและกะทิ นี่ฟุ้งมาเลย

หน้าตาน่ากินอยู่เหมือนกันนะเนี่ย

พอได้ที ก็แคะขนมครกกันครับ ตอนนี้ก็ดูสนุกดี แคะเพลิน

ได้ ขนมครก ออกมาเรียบร้อย กินตอนร้อนๆ อร่อยดีครับ

กิจกรรมชมโรงสีข้าว บ้านข้าวหอมโฮมสเตย์

ก่อนจะเดินทางกลับ ผมได้แวะไปชม โรงสีข้าว ของ บ้านข้าวหอมโฮมสเตย์ ครับ เป็นโรงสีข้าวขนาดเล็ก ที่มีการสาธิต ขั้นตอนการสีข้าว การแปรรูปข้าว และการบรรจุภัณฑ์แบบสูญญากาศ

ข้าว ถือเป็นผลิตภัณฑ์หลัก ของ บ้านข้าวหอมโฮมสเตย์ เลยครับ มีการบรรจุภัณฑ์แบบสูญญากาศอย่างดี ทั้ง ข้าวหอมมะลิ ข้าวกล้อง และ ข้าวไรซ์เบอร์รี่ นอกจากนี้ ก็ยังมีแบบ ข้าวทั้ง 3 ชนิด ในแพ็คเดียวกันอีกด้วย สามารถเลือกซื้อกลับไปเป็นของฝากกันได้ครับ

เดินทางกลับ!

เมื่อได้เวลาอันพอสมควร ก็ถึงเวลาที่ต้องเดินทางกลับแล้ว ระยะ เวลา 2 วัน 1 คืน ได้มาพักผ่อนริมท้องนาที่ บ้านข้าวหอมโฮมสเตย์ ก็เป็นการพักผ่อนที่ดีอีกอย่างหนึ่งเลยครับ ซึ่งนอกจากจะได้พักผ่อนแล้ว ก็ยังได้ทานอาหารเพื่อสุขภาพ ปลอดสารพิษ อีกด้วย