โมโกจู ทริปเปิดป่า 17-21/11/18

ถ้าพูดถึงเดินป่า ตอนนี้เรานึกถึงแต่...โมโกจู
โมโกจูเป็นทริปเดินป่าที่ว่ากันว่าโหดที่สุดในประเทศไทยเลยน่ะ
เหมือนเป็นปริญญาเอกของการเดินป่า ที่นี่ใช้เวลาเดินป่าถึง 5วัน4คืน
เพื่อเดินทางไปพิชิตยอดเขาที่มีความสูง 1,964เมตรเลยแหละ

เราเชื่อว่ายังมีอีกหลายๆคนที่ยังไม่รู้จักโมโกจูแน่ๆ ไม่เคยได้ยินหรือไม่เคยผ่านหูมาเลยซักครั้ง
โมโกจูเป็นเขาที่โด่งดังในกลุ่มคนชอบปีนเขามากๆ และยังเป็นทริปที่จองยากที่สุด
ใครที่ว่าเขาช้างเผือกจองยากแล้ว โมโกจูยากกว่านั้นหลายร้อยเท่า
และปีนึงจะมีคนได้ไปแค่ประมาณ240คนเท่านั้น

จุดเริ่มต้นครั้งนี้ของเราเริ่มจากเนื่องด้วยจากที่ปีที่แล้วเราได้ไปเขาช้างเผือก
แล้วก็รู้สึกติดใจการเดินป่ามายังไงก็ไม่รู้ หลังจากกลับลงมา
ก็ไปเปิดเจอทริปปีนเขาที่น่าสนใจเยอะมาก จนไปเจอโมโกจูนี่แหละ
ที่ว่าเป็นทริปที่จองยาก แถม5วัน4คืน อะไรมันจะขนาดนั้นนนนน!!
ดูเป็นเขาที่ท้าทายสุด เพราะฉะนั้นเรานี่แหละต้องไปให้ได้!!!!!

  • โมโกจู5วัน4คืน
    วันที่1 : อุทยาน(16กม.)-แคมป์แม่กระสา
    ทางราบ มีชันบ้างช่วงแรกๆ
    วันที่2 : แคมป์แม่กระสา(4กม.)-แคมป์แม่เรวา-(3กม.)น้ำตกแม่รีวา
    เส้นทางป่าไผ่ เดินงาน ก็จะยกย่อชิดหน่อยๆ
    วันที่3 : แคมป์แม่เรวา(8กม.)-แคมป์ตีนดอย-(1กม.)หินเรือใบ
    ทางขึ้นเขาแบบชันชันชัน ชันยาวๆตลอดเกือบ8กิโลไปเลย ชันแบบสุดลูกหูลูกตา สุดยอดของความชัน
    วันที่4 : แคมป์ตีนดอย(12กม.)-แคมป์แม่กระสา
    เส้นทางที่ว่าขึ้นชันๆมาเมื่อวาน วันนี้เลยลงกันแบบยาว ลงจนนิ้วเท้าระบมไปเล๊ยยยยย
    วันที่5 : แคมป์แม่กระสา(16กม.)-อุทยาน
    ทางราบตลอดทาง มีทางขึ้นเขานิดหน่อย
  • การจองทริป
    การจองทริปเป็นอะไรที่ยากมากจริงๆ ใครที่อยากจะไปจริงๆ ต้องตั้งตารอวันประกาศกันเลยแหละ
    ทางอุทยานจะประกาศการจองทริปประมาณช่วงเดือนตุลาคม แต่ปีนี้ล่าช้าไปเดือนพฤศจิกายน
    เนื่องจากเราฉายเดี่ยว ไม่มีเพื่อนไปด้วยเพราะมันโหดเกิน เราเลยต้องไปรวมกลุ่มกับคนอื่นๆ
    ซึ่งเราก็ได้ไปเจอ เพจ:หาเพื่อนเดินขึ้นโมโกจู ซึ่งเพจนี้จะมีจัดกลุ่มโดยคาดเดาวันที่ที่อุทยานจะเปิด
    แล้วตั้งเป็นกลุ่มๆ เพื่อให้ต่างคนต่างที่มาได้มาจับกลุ่มร่วมกัน
    ซึ่งเมื่อเราได้กลุ่มแล้ว ก็เริ่มคุยกันถึงวิธีการจอง จองยังไง ใครอยู่ที่ไหน มาจากไหนกันบ้าง
    แล้วรอทางอุทยานประกาศ ถ้าวันที่เราได้คาดการณ์ไว้ตรงกับวันที่ทางอุทยานประกาศ ก็เตรียมพร้อม
    สำหรับการจองได้เลย **ห้ามใช้เมลเดิมส่งเมลซ้ำน่ะ**

  • วิธีการจองแบบเป็นลำดับขั้นตอน
    1. หาร่วมกลุ่ม ในเพจ:หาเพื่อนเดินโมโกจู
    2. เมื่อหากลุ่มได้แล้ว รออุทยานประกาศ
    3. เมื่ออุทยานประกาศแล้ว เตรียมใบสมัครเพื่อจองทริป
    4. ซ้อมส่ง E-mail ให้เมลถึงเมลปลายทาง12:00ตรง จับกันเป็นวินาทีไปเลย
    5. เมื่อส่งแล้วก็นั่งภาวนาอยู่หน้าคอม
    6. รอประกาศแค่นั้นเลย

ตัวอย่างการซ้อมส่งเมล จริงจังแค่ไหนเรียกจริงจัง!! คำนวณเป็นวินาทีกันเลยทีเดียว
เราจะกดส่งลงท้ายที่ 56วินาทีกดไปเลย อย่ามือลั่นน่ะ55

  • การเดินทาง
    สามารถเดินทางได้ด้วนรถยนต์ส่วนตัว หรือ รถทัวร์จ้า
    ส่วนเราเริ่มออกเดินทางจากกรุงเทพ-คลองลาน
    ไปโดยรถทัวร์ของ บขส. ไปลงที่คลองลาน
    ค่ารถทัวร์ ไป-กลับ 574บาท
    จากคลองลาน เราต่อรถเหมาไปลงมี่อุทยาน
    ไปกลับ 200บาท


  • ค่าใช้จ่าย
    ค่ารถทัวร์ ไปกลับ 574+10=584บาท
    ค่ารถจากคลองลานเข้าอุทยาน ไปกลับ200บาท
    มัดจำค่านำทางโมโกจู 30% 281.25
    ค่านำทางโมโกจู 70% 1593.75
    (ค่านำทาง13,500ลูกหาบ9000/÷12คน=1,875บาท)
    ค่าวัตถุดิบที่เราซื้อไปทำอาหารข้างบน 5วัน 12มื้อ 415บาท
    รวม 3,074บาท
  • อาหารการกิน
    เนื่องจากเราไปอยู่กินนอนในป่า แน่นอนแหละก็ต้องเตรียมของกินไปให้พร้อม ในกลุ่มของพวกเราก็จะรวมตัวลิสรายการอาหารที่จะทำ และรายการวัตถุดินที่จะซื้อมาทำกินกัน จำนวนวุตถุดิบที่จะนำมาทำอาหาร ต้องให้พอกับจำนวนคนทั้งหมด ซึ่งทั้งทริปมี 12คน +ลูกหาบ 3คน +เจ้าหน้าที่ 2คน รวม 17คน เรื่องอาหารการกิน เราต้องเตรียมให้พร้อมสำหรับลูกหาบและเจ้าหน้าที่ด้วย




ของใช้ที่จำเป็น
อยู่ในป่า 5วัน4คืน ควรเตรียมอะไรไปบ้าง **นี่คือคำเตือน**55555
บอกเลยว่าเราควรเตรียมไปเฉพาะของที่จำเป็นเท่านั้น อะไรที่ไม่จำเป็นให้ตัดออก
ของกลุ่มเรา มีลูกหาบ3คน ซึ่งจะแบกอาหาร อุปกรณ์ทำครัวต่างๆทั้งหมด
และก็จำพวกเต้นท์ ส่วนเสื้อผ้าถุงนอนก็จะแบกกันขึ้นไปเอง
ซึ่งบอกเลย ไม่ควรเอาไปเยอะ เพราะมันจะตัดกำลังเราไปเยอะเหมือนกัน
- เสื้อผ้า ไม่ต้องเอาไปเยอะ ใส่ซ้ำๆเอาได้ (ซักได้แต่ต้องเอาแบบผ้าแห้งไวไป)
- เสื้อกันหนาว
- หมวก
- รองเท้าเดินป่า + รองเท้าแตะ
- ถุงนอน + หมอนลม
- กล้อง + อุปกรณ์ต่างๆ
- Powerbank
- ถุงกันทาก
- ถุงเท้าหนาๆ
- อุปกรณ์เดินป่า (ไม้เท้าเดินป่า หม้อสนาม ช้อนส้อม จานชามส่วนตัว)
- Rain Cover
- เสื้อกันฝน
- ยาสามัญ + ยากันยุง

  • กระเป๋าควรใช้แบบไหน
    กระเป๋าที่อยากจะแนะนำให้ใช้ควรที่จะมีซัพพอร์ทหลัง มีสายรัดสะโพกเพื่อถ่ายเทน้ำหนัก ควรเป็นกระเป๋าเป้ Backpack ของเราเอาไปขนาด 32ลิตร (น้ำหนักกระเป๋าแค่เกือบๆ900กรัม)สำหรับบางคนอาจจะน้อยไป แต่เราไม่อยากเอาไปใบใหญ่มาก เพราะกระเป๋าที่มีขนาดใหญ่มาก ก็จะใส่ของได้เยอะ มันเลยอาจจะทำให้เราใส่ของเพิ่มไปเรื่อยๆ จนทำให้กระเป๋ามันหนักเกินไป เราเลยเลือกที่จะเอาไปเท่านี้ ซึ่งน้ำหนักของกระเป๋าก็มีผลน่ะ สำหรับใครที่กำลังเลือกซื้อ ก็ขอแนะนำกระเป๋าที่น้ำหนักเบา ถ้าใบใหญ่มาก กระเป๋าก็กินไปเกือบๆ 2โลแล้ว เพื่อนๆก็ลองหาเลือกๆที่ตัวเองถูกใจกันดูน่ะค่า^^
  • รองเท้า
    รองเท้าที่จะแนะนำ ควรเป็นรองเท้าที่แข็งแรง ทนทาน ลุยน้ำ ลุยดิน ลุยป่าไม้
    ถ้าเป็นรองเท้าที่แห้งไวก็จะดีมากๆเลย

วันนัดพบ 16/11/18
จุดนัดพบของพวกเราส่วนหนึ่ง นัดเจอกันที่หมอชิต รถของพวกเราเวลา 22:00น.
นี่คือตั๋วของเราาาาา ตั๋วไป-กลับจ้า^^
รถทัวร์ของเราจะมีแวะกินข้าว ช่วงๆตี1 ที่สำคัญจะมีข้าวต้มดักเอาไว้
อย่าพึ่งใจรีรีบร้อน ขางๆเดินไปนิดนึงมีราดหน้า ข้าวมันไก่ ก๋วยเตี๋ยว ก๋วยจั๊บ
ของเรากินก๋วยเตี๋ยว ซดน้ำร้อนๆ บอกเลยอร่อย



วันแรก 17/11/18
ตี4 เรามาถึงตลาดคลองลาน มาถึงไวไปตลาดที่เราจะซื้อเนื้อสัตว์ยังไม่เปิดเลย
ตลาดสดจะอยู่ตรงเซเว่น ลงรถแล้วถึงเลย ตอนนี้เราทำได้แค่รอเวลาเท่านั้น
ส่วนรถที่จะมารับเราไปที่อุทยานนัดเอาไว้ 7โมงเช้า


ระหว่างที่เรารอรถมา ก็แวะๆเดินไปดูร้านที่เปิด ซื้อผัก ซื้อหมูสด เครื่องปรุงต่างๆ
เตรียมของกันให้ครบ เหลือดีกว่าขาดน้าาาาา^^

แล้วเราก็ต้องเตรียมมื้อเช้ากับมื้อเที่ยงไปกินด้วยน้าา
ในตลาดก็จะมีข้าวเหนียวหมูปิ้ง ข้าวหนียวหมูฝอย ไก่ทอด ปาท่องโก๋

เมื่อเราหาอะไรกินกันซักพัก รถก็มารับแล้ว พร้อมลุยแล้วค่า^^

เมื่อเราไปถึงก็ทำการเปลี่ยนเสื้อผ้า ชั่งของ เตรียมของที่จะให้ลูกหาบแบก
ซึ่งกลุ่มเรามีลูกหาบทั้งหมด3คน ได้คนละ20กิโล รวม60กิโล
ซึ่ง!! มัยไม่พอ ยังไม่ทันใส่เตนท์เลย ของกินก็เกินน้ำหนักกันแล้ว
ทำกันยังไงหละ ก็ต้องช่วยๆกันถือไง ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของผู้ชาย อิอิ^^

ลำพังแค่กระเป๋าของเราเองก็ 10กิโลแล้วเด้อ ไม่เคยแบกของ10กิโลด้วยรถยะทางไกลเท่านี้เลย
นี่คือมีแต่ของที่จำเป็นละนะ ไม่รู้มันหนักอะไร งงใจจริงๆ (อ้อ!!ในกระเป๋ามีน้ำประมาณเกือบๆ2ลิตร)

นี่คือของที่ทุกคนต้องแบกกันเอง ฮาๆ เอาเรื่องไปเลย

ก่อนที่เราจะเริ่มออกเดิน เราก็ต้องมีการประชุมกันก่อนซักนิด เพราะเราต้องไปอยู่ในป่าตั้ง 5วัน4คืน
ทางเจ้าหน้าที่ก็จะมาบอกว่าต้องเตรียมอะไรไปบ้าง ควรระวังอะไรบ้าง วันไหนเดินระยะทางแค่ไหน
และสัตว์ตัวน้อยๆที่ควรระวัง

พร้อมแล้วก็ถ่ายรูปรวมกันซักหน่อย!!

เราเริ่มออกเดิน 09:38น. แหม่!! แดดกำลังดีไปเลยจ้า ร้อนสุดๆ

ระยะแรกๆเราจะเดินมาเรื่อยๆ แล้วก็จะเจอกันมอขี้แตก
ซึ่งเป็นเนินที่ทรหดมากๆ แดดก็จะร้อนหน่อยๆ
เมื่อผ่านมอขี้แตกมาได้ ส่วนที่เหลือก็จะเป็นทางเรียบ
ทางเนินบ้างสลับบ้าง เป็นทางเดินง่าย แต่เหนื่อยมาก

จุดตรงนี้เลยมอขี้แตกมาหน่อย เป็นจุดสุดท้ายที่จะมีสัญญาณมือถือ แล้วจะมีอีกจุดตรงวันที่สาม วันที่เราพักกินข้าวก่อนถึงแคมป์ตีนดอย

แดดมันก็จะร้อนๆประมาณนี้

เดินพักเดินพัก และแล้วเราก็ถึง เท้าที่แบบปวดมาก
หลัง สะโพก เคล็ดไปหมดเลยจ้า เหงื่อท่วมตัวสุดยอด
ถึง 15:45น.ใช้เวลา 6ชั่วโมง7นาที

หลังจากนั่งพักกินขนมรองท้องซักแปปเราก็กางเต้นกัน อาบน้ำที่ลำธารแล้วก็ทำกับข้าวกินกัน

เรื่องไฟไม่ต้องห่วง ลูกหาบจะเป็นคนก่อกองไฟให้เองเลยจ้า
ลูกหาบกลุ่มเราน่ารักและใจดีมาก หุงข้าวให้ แถมยังทำกับข้าวให้ด้วย
พี่ๆเค้ากลัวว่า ถ้าให้พวกเราทำกว่าจะได้กินคง...อีกหลายชั่วโมง55555


หน้าตาอาหารวันแรกก็จะอลังๆประมาณนี้ หลังจากที่เรากินเสร็จแล้วก็ได้เวลานอนพัก
เตรียมแรงสำหรับวันพรุ่งนี้ต่อจ้า

เราสามารถโหลดของที่ตอนนี้เราคิดว่าไม่จำเป็นทิ้งไว้ที่แคมป์ได้น่ะ เพราะยังไงวันคืนที่4 เร่ต้องมานอนื่แคมป์นี้กันอยู่แล้ว


วันที่สอง 18/11/18
วันนี้เราจะเดินไปแคมป์แม่เรวาและน้ำตกแม่รีวากัน ใช้เวลาการเดินทางไปแคมป์แม่เรวาแค่ 4กิโลเท่านั้น แต่ก็แอบเหนื่อยนิดหน่อย แต่ไม่เท่าวันแรกน่ะ ใช้เวลาเดินมาประมาณ 1ชั่วโมง 56นาที

เมื่อถึงที่พักเราก็กางเต้น ทำอาหาร ทานมื้อเที่ยง นั่งคุยกันซักหน่อย เก็บของ แล้วก็ออกเดินทางกันต่อ

14:00 เราออกเดินทางกันไปน้ำตกแม่รีวา เป็นระยะทาง3กิโล(หน่อยๆ) ไปกลับก็ประมาณ 6กิโล ทางเป็นป่าไผ่ เดินไปเรื่อยๆก็จะเจอป้าน้ำตกแม่รีวาอีก 1.5กิโล แต่ทำไมเป็นอีกครั้งทางที่เหมือนไกลมาก ไม่ถึงซักที55

และแล้ว เราก้มาถึงน้ำตกกันแล้วววว หินลื่นชันมากบอกเลย ลื่นไถลหินไปรอบนึง ได้แผลมาด้วย มันไม่ไหวจริงๆ จะหาอะไรคว้าแต่ไม่ทัน ไถลไปเลย แถม...กล้องจอแตกอีกต่างหาก เครียดไปเลย ช็อคสุดๆ เศร้าTT
หลังจากนั้นเราก็ตั้งหลัก ทำใจ ห้ามนอย มันเกิดขึ้นไปแล้ว ย้อนไปแก้อะไรไม่ได้แล้ว ร่าเริงๆเข้าไว้
แล้วเราก็เดินกลับทางเดิมไปที่น้ำตก แล้วก็ยึดให้มั่นๆ แต่มันก็ยังลื่นๆอยู่ดี เกร็งไปหมด แต่สุดท้ายเราก็ถึงน้ำตก

ช่วงที่เราถึงน้ำตก ก็เริ่มลงเล่นน้ำ น้ำเย็นมากกกกก หนาวสุดๆ แต่เย็นสบายไปเลย

ปล. มีจังหวะนึง ซึ่งน้ำแรงมาก ทำให้เราเกร็งทรงตัวไม่อยู่ เลยทำให้ตัวเราไหลไปตามน้ำ ซึ่งอีกนิดก็จะไหลลงไป คว้าก้อนหินที่พื้นก็มีแต่หินเล็กๆน้อยๆเกาะไม่ได้เลย ตอนนั้นไม้รู้จะทำยังไง แต่ภาพนี่คิดไปถึงตอนที่เราลงอยู่ข้างล่างแล้วนะ โชคดีที่ขาไปยันหินก้อนใหญ่ได้พอดี แล้วก็เรียกเจ้าหน้าที่มาช่วย พี่เจ้าหน้าที่เลยรีบมาช่วยดึงเราไป ใจหาบว๊าบบบไปแล้ว แล้วเราก็กลับไปร่าเริงต่อ ใครที่มาก็ระวังๆกันด้วยน่ะมันอันตรายมากจริงๆ

หลังจากเล่นน้ำจนเหนื่อยเต็มที่ ก็ได้เวลาเดินทางกลับกัน
และเมื่อถึงที่แคมป์เราก็รีบไปอาบน้ำแล้วมาทำกับข้าวกัน
เมนูของแต่ละวันก็อาจจะคล้ายๆกัน55
วันนี้มียำปลากระป๋อง ผัดกระหล่ำ ผัดมาม่า น้ำพริก
คืนนี้หลับฝันดี เจอกันวันที่3 เวลาตี4


วันที่สาม 19/11/18
04:00 ตี4แล้ว ตื่นมาทำบ้าอะไรแต่เช้า
ตื่นมาเตรียมตัว กินข้าว เก็บของ แล้วจะเริ่มออกเดินทางกันไงเล่า

วันนี้เราจะเริ่มออกเดินทางกันตั้งแต่6โมงเช้า (จริงๆจะออกตั้งแต่ตี5 แต่เตรียมกันไม่ทัน) เพราะว่าเราต้องรีบเดินขึ้นไปที่แคมป์หินเรือใบ ใช้ระวะเวลา9กิโล แต่เป็น9กิโลที่หินมาก อาจจะเสียพลังงานไปเยอะเหมือนกัน
เพื่อนๆควรมีขนมเล็กๆน้อยๆมากินเล่นระหว่างทางกันด้วยน่ะ เช่น ช็อคโกแลต ถั่ว power gel


เราจะนั่งพักทุกเนินก็ย่อมได้ ก็มันเหนื่อยนี่นา หายใจแทบไม่ทัน

เจ้าหน้าที่ของเรานี่ก็เดินไวเหลือเกิน เราก็เดินคนแรกอีก ข้อเสียของเราเดินคนแรกคือ กดดัน!!
กดดันจากคนข้างหลังที่จี้ตามตูดติดๆ แต่ก็ดีเพราะทำให้เราสปีทตัวเอง

ที่นี่น้ำจากลำธารสามารถกรอกน้ำกินได้เลย ใสสะอาดเหมือนน้ำพึ่งซื้อมา แถมเย็นสดชื่นไปเลย

เราใช้เวลาเดินทั้งสิ้น 8ชั่วโมง 44นาที (พักกินข้าวไป1ชม.) เหนื่อยสุดๆไปเลย

หลังจากที่เราถึงแคมป์เราก็เก็บของพักซักแปป เราก็เดินไปที่หินเรือใบ หินที่เราแบกตัวเองขึ้นมาตั้งกว่า 30กิโล สุดยอดไปเลย ข้าขอฝากรอยจูบไปซักหนึ่งที

เราอยู่ข้างบนได้ซักพัก ก็ต้องรีบลง ตัวคุ่นเยอะมาก ตัวคุ่นมันจะมาเหมือนยุง แต่ไม่เจ็บไม่รู้สึก รู้ตัวอีกทีห้อเลือดแล้ว เราก็ต้องเราเลือดออกให้หมด มันจะทิ้งร่องลอย พอซักพักเราจะคันมากๆ กว่าจะหายใช้เวลาหลายเดือนเลยน่ะ แล้วเราโดนกัดไปก็ไม่ใช่น้อยๆน่ะบอกเลย หมดกัน!!

วันที่สี่ 20/11/18
เช้านี้เราตื่นกันตั้งแต่ตี4 เริ่มเดินตี5 เพราะเราจะขึ้นไปดูพระอาทิตย์ขึ้นกันที่หินเรือใบ
เราจะไปลาหินเรือใบกัน เพราะเราจะไม่รู้ว่าเราจะได้มาเจอมันอีกมั้ย ฮาๆ
วันนี้ท้องฟ้าเป็นใจ ทะเลหมอกอย่างปัง ไม่ทำให้เราผิดหวังจริงๆ

ภาพในความทรงจำสวยกว่าภาพที่เราถ่ายมากหลายร้อยเท่า
ความรู้สึกในตอนนั้น หายเหนื่อยไปเลย มันคุ้มค่ากับที่เราเดินมา30โลเลยจริงๆ โคตรมีความสุข

ในที่สุดเราก็พิชิตยอดเขาโมโกจูได้แล้วจ้าาาา

นี่คือเพื่อนร่วมทริปของเราทั้ง12คน ต่างคนต่างมาเจอกันที่นี่ นับเป็นมิตรภาพที่ดีสุดๆ ขอบคุณทุกคนจริงๆ

หมดเวลาสนุกแล้วสิ หมดเวลาสนุกแล้วสิ ได้เวลาเดินกลับ!!
หลังจากที่เราถ่ายรูปอะไรกันเรียบร้อยแล้ว เราก็เริ่มลงเขากัน ไปที่แคมป์เก็บเต้นท์ ทานอาหารเข้า
แล้วก็เอาอาหารมื้อเที่ยงใส่กระเป๋าไปปด้วยเลย เพราะเราจะลงกันไปยาวๆจนถึงแคมป์แม่กระสา

ลงไปเลย ลงรัวๆ แบบยาวๆ เป็นด่านพิสูจน์เลยว่ารองเท้าใครเจ๋งจริง
ส่วนรองเท้าของเรานั้น นิ้วเท้าได้เจ็บปวดแหลกสลายไปเลยจ้า

เราลงกันยาวๆ มาจนถึงแคมป์แม่เรวา ใช้เวลาทั้งหมด 4ชั่วโมง46นาที พักกินข้าวก่อนจะไปต่อ

กินข้าวชิวๆที่ลำธาร เท้าแช่น้ำเย็นๆให้ผ่อนคลายซักหน่อย

เมื่อพักกันเต็มที่เราก็ไปต่อที่แคมป์แม่กระสา ใช้เวลาเร่งความเร็ว 4กิโล ได้เวลาที่ 1ชั่วโมง27นาที
ไม่รู้จะรีบกันไปไหน ก็มันเหนื่อยนี่นาเลยอยากรีบถึงไวๆ พวกเราเดินกันแบบไม่หยุดเลย
แต่ก็จะมีเพื่อนๆบางคนที่เดินช้า ก็จะมีเจ้าหน้าที่เดินตามประกบท้าย ไม่ต้องห่วงว่าจะหลงเด้อ

พอลงมาถึง ก็จะชื่นใจหน่อยๆ ที่นี่มีขายเอสตอนขากลับเท่านั้นน้า

หลังจากที่เราอาบน้ำ กางเต้นท์กันเรียบร้อยแล้ว ก็ถึงเวลาอาหารมื้อค่ำ

กับบัวลอยของพี่ทิพ ที่ภูมิใจนำเสนอสุดๆ ก่อนที่จะไปนอนหลับฝันดี

วันที่ห้า 21/11/18
เช้าวันที่ห้า วันสุดท้ายของพวกเราแล้ว ได้เวลาเดินทางกลับกันแล้ว

รูมเมท เพื่อนร่วมเต้นท์ของเรา^^

เนื่องจากทริปของเรามีคนเดินช้ามากและเดินไม่ค่อยไหว เจ้าหน้าที่ก็กลัวจะค่ำมืดกันก่อน
และด้วยอีกกลุ่มที่เป็นทริปเดียวกัน ซึ่งมีคนบาดเจ็บ เลยต้องให้รถมารับกลับ
ส่วนพวกเรานั้น!! ก็เดินไปสิ

พวกเราใช้เวลาเดินกลับถึงอุทยาน 3ชั่วโมง45นาที
โอ้โห!! จะรีบไปไหนกัน55555 เราถึงกัน11โมงนิดๆ
โดยปกติแล้วจากที่ถามเจ้าหน้าที่ จะถึงกันประมาณบ่ายๆ

หมดกันสภาพรองเท้า ข้างๆนี่แหวกออกหมดแล้วน่ะ
จริงๆมันแหวกออกตั้งแต่วันแรก นี่นึกว่าจะเดินไปไม่ถึงยอดแล้วคู่นี้

เมื่อมาถึง กินข้าว อาบน้ำ แล้วเราก็นั่งรอเพื่อนๆคนอื่นๆที่กำลังลงมา
ก็แวะซื้อเสื้อเป็นที่ระลึกซะหน่อย และก็ไปรับเกียรติบัตรกลับบ้าน
สงสัยต้องเอาไปเคลือบเข้ากรอบอย่างงามซะแล้ว

จบแล้วทริปของเรา โมโกจู 5วัน4คืน เป็นทริปที่สุดยอดของปีนี้จริงๆ
โคตรมีความสุข ทั้งระยะทาง ระหว่างทาง ที่สอนอะไรหลายๆอย่าง
เจ้าหน้าที่ก็น่ารัก ที่คอยดูแลเรามาตลอด5วัน 4คืน
เพื่อนร่วมทริป ที่ใจดี น่ารัก ทำให้กลุ่มเรามีแต่เสียงหัวเราะ เฮฮา สนุกสนาน ไม่มีเบื่อเลยจริงๆ
หูกหาบก็ยิ่งน่ารัก ทั้งแบกของ หุงข้าว ทำกับข้าว อาหารที่หมดก็ช่วยแบกเต้นท์อีก คุยสนุกอีกด้วย
เรายกให้ทริปนี้เป็นทริปเพิ่มเพื่อนละกันเนอะ ขอบคุณสำหรับมิตรภาพดีๆ โมโกจู

เที่ยว.มั้ย.ล่ะ

 วันเสาร์ที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2561 เวลา 17.14 น.

ความคิดเห็น