อยู่ "น่าน" 5 วัน ไปไหนมาบ้าง อยากรู้มั๊ย? เดี๋ยวเล่าให้ฟัง....

NaN with ME --- 5 วันที่ฉันอยู่ "น่าน"

-------------------------------------

วันแรก .... 10 พ.ย. 2561 .....

การเดินทาง : ออกเดินทางจากกรุงเทพฯ ตั้งแต่ 7 โมงเช้า ด้วยรถยนต์ส่วนตัว ถึงน่าน 4 โมงเย็น

ถึงแล้วก็เช็คอินเข้าที่พักที่จองไว้ ชื่อ "มิ่งเมืองแมนชั่น" อยู่ใกล้กับวัดภูมินทร์ สามารถเดินไปวัดได้สบายๆ ค่าที่พักคืนละ 500 ห้องแอร์ ไม่มีอาหารเช้า "พี่นา" เจ้าของแมนชั่นพูดเพราะ ต้อนรับดี ห้องพักสะอาด ทีวี ตู้เย็น มีครบ ... เช็คอินแล้วก็เก็บสัมภาระ เดินไปวัดภูมินทร์....


ไปวัดภูมินทร์

ไปไหว้พระขอพรและขออนุญาตสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำเมืองน่านให้คุ้มครองตลอดการท่องเที่ยวทั้ง 5 วัน

ไปดูภาพจิตรกรรมฝาผนัง


ภาพไฮไลท์ของที่นี่ คือ "ภาพปู่ม่านย่าม่าน" หนุ่มสาวไทลื้อสมัยก่อนที่กำลังกระซิบสนทนากัน ...


คำแนะนำ : วัดปิด 18.00 น.


ไปถนนคนเดินกาดข่วงเมืองน่าน

ออกจากวัดมาก็เจอถนนคนเดินเลยจ้าาาา บรรยากาศถนนคนเดินที่นี่ดีมาก ถ้าซื้ออาหารก็จะมีโตกให้บริการฟรี จะนั่งกินมื้อเย็นแบบขันโตกไปเรื่อยๆ ยังไงก็ได้.... ถ้ามาน่านต้องมาสัมผัสนะจ๊ะ

ขันโตกฉบับเลือกสรรเมนูมาเอง เป็นมื้อเย็นที่ได้วัฒนธรรมชาวเหนือแต้ แต้ เจ้า... โตกนี้ 130 เองนาจาาาา

คำแนะนำ : ถนนคนเดินกาดข่วงเมืองน่านมีเฉพาะวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ นาจาาาาา

กินเสร็จแล้วก็เดินกลับที่พัก อาบน้ำ พักผ่อน ...



วันที่สอง .... 11 พ.ย. 2561 .....

ตั้งนาฬิกาปลุก 05.20 น. หยิบกุญแจรถ ไปไหนล่ะ เดี๋ยวเล่าให้ฟัง...


ไปดอยตีดู้ว์

การเดินทาง : ใช้ทางหลวงหมายเลข 1091 ระยะทางประมาณ 30 กม.

"ตีดู้ว์" แปลว่า ใกล้ขอบฟ้า .... เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่เปิดเมื่อวันที่ 11 พ.ย. 2560 และวันนี้ก็ครบรอบ 1 ปี พอดี ขอบอกว่าใครต้องการพักผ่อนท่ามกลางวิวทะเลหมอก ทานอาหารเช้าท่ามกลางอากาศเย็นๆ เต็มๆไปด้วยทะเลหมอก... มาได้เลย คุ้ม!!!



ไปนั่งชิงช้าใหญ่ โยกตัวไกลๆ ให้ถึงสายหมอก....

ไปนั่งจิบกาแฟ กินไข่กะทะ ที่แสนจะฟิน....

ไปเดินเอาฟิวริมถนน....

มื้อเช้าผ่านไปแล้ว..... ต่อไปเป็นมื้อเที่ยง ... จะไปที่ไหน... เดี๋ยวเล่าให้ฟัง..


ไปฟาร์มเห็ดบ้านหัวน้ำ

การเดินทาง : ใช้ถนนหมายเลข 101 ถึง อ.ปัว เลี้ยวขวาเข้าถนนหมายเลข 1170 ระยะทางประมาณ 66 กม.

ไปนั่งชิวๆ ท่ามกลางป่าเขา วิวนาขั้นบันได กินพิซซ่าเห็ดที่นี่ไง ...

กินคาวไม่กินหวาน มันจะอยู่ได้อย่างไร.... ไปหาอะไรsหวานๆ กินอีกสักหน่อย ... ไปไหน? เดี๋ยวเล่าให้ฟัง....


ไปกินกาแฟบ้านไทลื้อ

การเดินทาง : ใช้เส้นทางเดียวกันกับฟาร์มเห็ดบ้านหัวน้ำ ถึงก่อนฟาร์มเห็ด

ไปนั่งกินกาแฟชิวๆ

มารอบนี้ไม่ได้วิวทุ่งนาสีเขียว แต่ถ้ามารอบหน้าอาจจะได้วิวต้นไม้สวยๆ นาาาจา... เพราะพี่ๆ เขา กำลังปลูกต้นไม้กันนะ

ไปดูผ้าทอไทลื้อ

ไปถ่ายรูปเชคอินเก๋ๆ

กินของหวานแล้ว...ไปไหนต่อ..... เดี๋ยวเล่าให้ฟัง


ไปอุทยานแห่งชาติดอยภูคา

การเดินทาง : ใช้ถนนหมายเลข 101 ถึงอำเภอปัว เลี้ยงขวาเข้าถนนหมายเลข 1256 ระยะทางประมาณ 90 กม. ถนนหมายเลข 1256 เป็นทางขึ้นเขาคดเคี้ยวไปมา อาจจะเวียนหัวนิดหน่อย ไม่ต้องห่วงว่า Eco Car จะขึ้นไม่ได้ ขึ้นได้แน่นอนเพราะทริปนี้ใช้ Eco Car


ไปขับรถผ่านถนนลอยฟ้า

ไปกางเต้นท์นอนดูดาว ที่ลานดูดาว อุทยานแห่งชาติดอยภูคา

ไปนั่งดูดาว แม้ว่าเมฆจะเยอะ แต่............. "อยู่ตรงนี้มองเห็นดาว และดวงดาวคงมองเห็นเธอ อย่างน้อยเราอยู่ใต้ดาวดวงเก่าเดียวกัน"

นั่งสัมผัสบรรยากาศหมอกเย็นๆ ลอยมากระทบเป็นระยะๆ สักพักก็เข้าเต้นท์ พักผ่อนท่ามกลางเสียงฝนเปาะแปะๆ .... และพรุ่งนี้เช้าจะไปที่ไหน เดี๋ยวเล่าให้ฟัง...

คำแนะนำ :

1. ค่าบริการกางเต้นท์ ณ ลานดูดาว คนละ 30 บาท ค่าเช่าเต้นท์อุทยาน 345 บาท แต่ถ้าฝนตกเต้นท์อุทยานไม่มีผ้าใบกันฝนให้ และที่นี่จะเปิดไฟให้ตลอดทั้งคืนจ้า แต่เฉพาะห้องน้ำเท่านั้นน๊าา...

2. ที่พักในอุทยานแห่งชาติดอยภูคาก็มีเช่นกัน เป็นบ้านหลังๆ เป็นกระท่อมก็มี หรือลานกางเต้นท์ก็มีชื่อว่า ลานดูเดือน

3. ลานดูดาวไม่ได้อยู่ในบริเวณอุทยานฯ ห่างจากอุทยานประมาณ 5 กม.



วันที่สาม .... 12 พ.ย. 2561 .....

นาฬิกาปลุกไม่ต้อง ร่างกายมันตื่นรับบรรยากาศยามเช้าเอง

ตื่นกันตี 5 หยิบกุญแจรถ ไปไหนอีกล่ะ เดี๋ยวเล่าให้ฟัง...


ไปจุดชมวิว 1715

การเดินทาง : ใช้ถนนหมายเลข 1256 มุ่งหน้าไปอำเภอบ่อเกลือ ระยะทางห่างจากอุทยานแห่งชาติดอยภูคา ประมาณ 8 กม.

ตัวเลข 1715 คืออะไร? คือระดับความสูงจากน้ำทะเล ที่นี่เป็นจุดชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นและพระอาทิตย์ตก

แต่วันนี้ก็พบกับอุปสรรค เพราะฝนตกทั้งคืน เมฆปิดหมดเลยจ้า ...

ไปเดินเล่นถ่ายรูปริมถนนไว้เชคอินด้วยนะ

ไปสูดอากาศดีๆ

ดูวิวเสร็จแล้ว...ก็กลับเต้นท์ ก่อไฟทำมื้อเช้ากัน

ชงกาแฟกินท่ามกลางสายหมอกที่ลอยมา

กินมื้อเช้าอิ่มแล้ว...ก็เก็บสัมภาระ เตรียมตัวไปยังที่ต่อไป....

คำแนะนำ : ที่ลานดูดาวนี้ มีต้นไม้ที่เป็นซิกเนเจอร์ของที่นี่นะ ชื่อว่า "ต้นเต่าล้านปี" อย่าลืมบันทึกภาพกับซิกเนเจอร์ของที่นี่นะจ๊ะ...

ออกจากลานดูดาวแล้วจะไปไหนต่อ.....เดี๋ยวเล่าให้ฟัง


ไปหมู่บ้านสะปัน อ.บ่อเกลือ

การเดินทาง : ใช้เส้นทางปัว - บ่อเกลือ ถนนหมายเลข 1256 ก็ได้ เส้นทางนี้จะผ่านอุทยานแห่งชาติดอยภูคา ระยะทางประมาณ 115 กม. หรือจะใช้เส้นทางอำเภอสันติสุข ถนนหมายเลข 1169 และ 1081 ระยะทางประมาณ 96 กม.

ชุมชนที่แสนจะสงบ...โอบล้อมไปด้วยขุนเขา "แหล่งโอโซนชั้นดี ต้องที่สะปัน"

ไปปั่นจักรยานชมบรรยากาศของหมู่บ้าน

ไปดูวิวนาขั้นบันได

ไปน้ำตกสะปัน

ไปยืนชิวๆ ที่สะพานแขวนของหมู่บ้าน

ปั่นจักรยานไปถ่ายรูปกับมุมมหาชน

ไปนั่งแกว่งขาลอยน้ำสูดโอโซนให้เต็มปอด

ไปนอนพักกระโจมริมน้ำที่ "มี สะปัน บ่อเกลือ น่าน"

ไปดูแสงไฟบรรยากาศยามค่ำคืนสวยๆ เพราะดูได้ถึงแค่ 4 ทุ่ม ไฟก็จะดับแล้ว....

คำแนะนำ ติดต่อจองที่พักที่ มี สะปัน ได้ที่ พี่เม .... 064-6521490

เป็นหมู่บ้านที่เหมาะกับการพักผ่อนที่สงบที่สุด... คืนนี้ก็นอนท่ามกลางเสียงฝนและเสียงน้ำจากลำธารที่ไหลกระทบกับโขดหินเบาๆ ทำให้ผ่อนคลายสุดๆ หากใครมาน่านต้องมาาให้ถึงหมู่บ้านสะปันนี้นะคะ ขอแนะนำให้มาสัมผัสบรรยากาศกันที่นี่ให้ได้ สำหรับเช้าพรุ่งนี้จะไปที่ไหน.... เดี๋ยวเล่าให้ฟัง...



วันที่สี่ .... 13 พ.ย. 2561 .....

วันนี้ตื่นสายไปนิด... เพราะนอนสบายมากๆ ตื่นขึ้นมาก็ไปกินอาหารเช้าของที่นี่

บรรยากาศของมื้อเช้ามันก็ดีมากๆ

อิ่มมื้อเช้าแล้ว เก็บสัมภาระ เช็คเอ้าท์แล้วขับรถเข้าตัวอำเภอบ่อเกลือ เพราะมาถึงอำเภอบ่อเกลือทั้งที ก็ต้องเอาเกลือไปเป็นของฝากสักหน่อย ....


บ่อเกลือสินเธาว์ภูเขาแห่งเดียวในโลก

ภาพข้างล่างนี้ คือต้นกำเนิดของชื่ออำเภอบ่อเกลือ เป็นซิกเนเจอร์ของอำเภอนี้เลย ... มันคือบ่อน้ำเกลือที่ไหลลงมาจากภูเขา คุณลุงคนนี้กำลังตักน้ำจากบ่อขึ้นมาพัก ถ้าคนในหมู่บ้านคนไหนต้องการน้ำไปต้มเป็นเกลือก็มาตักเอาไปได้จากจุดนี้

ที่เราเห็นๆ กันนั้นจะเป็นกระบวนการต้มเกลือ ซึ่งเกลือทั่วไปที่เรากิน จะใช้เวลาต้มประมาณ 5-6 ชม. แต่ถ้าต้องการดอกเกลือ ต้องใช้เวลาต้มประมาณ 24 - 26 ชม.

ต้มเสร็จก็ตักวางขายตรงโรงต้มเกลือนี่เลย... หรือถ้าอยากตักเกลือเอง คุณลุงคุณป้าที่นี่เค้าก็ให้เราลองตักเกลือเองได้น๊า...

อย่าลืมอุดหนุนเกลือไปเป็นของฝากน๊า.....

ออกจากอำเภอบ่อเกลือก็ขับรถเข้าตัวเมืองน่าน ... ใช้ถนนหมายเลข 1081

ถึงบ้านห้วยหาดไปไหว้ขอพรกับพระเจ้าทันใจ

ไปแวะกินกาแฟที่ดอยกว่าง ตรงนี้จะมีวิวถนนลอยฟ้าดอยกว่าง ...

ไปถ่ายรูปชิคๆ ริมถนน

ไปถ่ายรูปที่จุดชมวิวเก๋ๆ ใว้เชคอิน

ออกจากดอยกว่างมา

เข้าถึงตัวเมืองน่าน ไปไหว้พระขอพรที่วัดพระธาตุเขาน้อย

ไปลานชมทิวทัศน์ ประดิษฐานพระพุทธมหา อุดมมงคลนันทบุรีศรีน่าน ไหว้พระและชมทิวทัศน์โดยรอบของตัวเมืองน่าน

ออกจากตัวเมืองน่านแล้วจะไปไหนต่อ.... เดี๋ยวเล่าให้ฟัง.......


ไปม่อนเคียงดาว

การเดินทาง : ใช้เส้นทางน่าน - แพร่ ถนนหมายเลข 101 เข้าอำเภอเวียงสาถนนหมายเลข 1026 และเลี้ยวซ้ายเข้าถนนหมายเลข 1083 ระยะทางจากจังหวัดน่านประมาณ 75 กม.

"ม่อนเคียงดาว" เป็นสถานที่ที่ให้บริการที่พักในอุทยานแห่งชาติศรีน่าน เป็นที่พักของเอกชน ไม่ใช่ของอุทยาน อยู่ถัดไปจากดอยเสมอดาวประมาณ 2 กม.

ที่นี่มีที่พักให้บริการ สอบถามได้ https://web.facebook.com/MonKeangDao.Nan/

แต่ทริปนี้เราไปใช้บริการพื้นที่กางเต้นท์ คิดราคาคนละ 120 บาท เลือกจุดกางเต้นท์ได้เองเลยเต็มที่!!

มาที่นี่แล้วได้อะไรบ้าง .... เดี๋ยวเล่าให้ฟัง

มาถึงก็ได้ดูพระอาทิตย์ตกไง...

ได้กินหมูกระทะ...ท่ามกลางบรรยากาศฟินๆ

จุดเด่นของที่นี่คือ... การดูดาว .... เป็นที่ที่สามารถมองดาวได้แบบกว้างมากๆๆ พอ 3 ทุ่มครึ่ง ก็จะปิดไฟทุกจุดเพื่อให้มองดาวได้อย่างชัดเจน ...

ค่ำคืนนี้ก็นอนหลับท่ามกลางแสงดาว...บรรยากาศดีมากๆ อากาศเริ่มเย็นเรื่อยๆ ฝนยังคงตกเช่นเคย...

และพรุ่งนี้เช้าก็ครบ 5 วันแล้ว ... จะไปไหนอีกบ้าง เดี๋ยวเล่าให้ฟัง...



วันที่ห้า.... 14 พ.ย. 2561 .....

ร่างกายตื่นรับบรรยากาศยามเช้าเองอีกแล้ว... แต่มองดูนาฬิกา 05.55 น.

ไม่ได้การแล้ว! สายแล้ว รีบลุกล้างหน้า แบกกล้องไปดูพระอาทิตย์ขึ้น

และวิวที่ได้....มันคุ้มค่าเหลือเกิน ทะเลหมอกแน่นมาก... พระอาทิตย์กำลังเคลื่อนขึ้นมาเรื่อยๆ

ถ่ายกับมุมดาราซักหน่อย... คุ้นกันมั๊ยกับวิวนี้

ม่อนเคียงดาวมีที่พัก 2 โซน โซนที่เราจะเห็นวิวทะเลหมอกชัดเจนคือวิวด้านตะวันออกหรือเรียกโซนนี้ว่า โซนดารา ระฆังโซนนี้จะเป็นจุดที่เปิดประตูออกมาเจอกับทะเลหมอกทันที ... ถ้าต้องการวิวทะเลหมอกก็เลือกพักโซนนี้กันนะจ๊ะ

ได้ทั้งวิวพระอาทิตย์ตก ... กลางดึกก็ดูดาวได้เต็มท้องฟ้า ... เช้ามาก็มีทะเลหมอกอย่างแน่น พร้อมกับวิวพระอาทิตย์ขึ้น ... ทุกอย่างมันครบจริงๆ ... เหมาะมากๆกับการมาสัมผัสหมอกหยอกพระอาทิตย์ ... ลองมาสัมผัสบรรยากาศแบบนี้กันนะ...

ออกจากม่อนเคียงดาวแล้ว...จะไปไหนต่อ .... เดี๋ยวเล่าให้ฟัง


ไปดอยเสมอดาว

จะไม่มาที่นี่ได้ไง ในเมื่อใครๆ ก็พูดถึง "ดอยเสมอดาว" แต่ขอบอกว่าครั้งนี้มาเพื่อเก็บข้อมูลกับถ่ายรูปเท่านั้นจริงๆ เพราะวันนี้ต้องกลับกรุงเทพฯ แล้ว

ดอยเสมอดาว เป็นจุดบริการที่พักของอุทยานแห่งชาติศรีน่าน ... ที่นี่มีเต้นท์ของอุทยานให้บริการ แต่อาจจะต้องจองออนไลน์ล่วงหน้ามาก่อน ราคาเช่าอยู่ที่ 345 บาท เต้นท์สีเหลืองๆนั่นแหละจ้าา... เต้นท์ของอุทยาน

ถ้าไม่เช่าเต้นท์ของอุทยานก็มีจุดบริการให้กางเต้นท์ได้ ค่าบริการคนละ 30 บาท มุมนู้นเลย ที่เห็นเป็นชั้นๆ

ชมวิวกันหน่อย....

ออกจากดอยเสมอดาวแล้ว ... ไปไหนต่อ .... เดี๋ยวเล่าให้ฟัง..


ไปเสาดินนาน้อย

ไปดูสิ่งที่ธรรมชาติสร้างขึ้น ความยิ่งใหญ่ของเสาดินที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ

ออกจากเสาดินนาน้อย เที่ยงครึ่ง มุ่งหน้ากลับ กทม. ถึง กทม. 4 ทุ่ม


สรุปค่าใช้จ่ายทั้งทริป

- ค่าน้ำมันรวมทั้งทริป ไป - กลับ 3200 บาท

- ค่าที่พักคืนที่ 1 มิ่งเมืองแมนชั่น 500 บาท

- ค่าที่พักคืนที่ 2 ลานดูดาว อช.ดอยภูคา 70 บาท

- ค่าที่พักคืนที่ 3 มี สะปัน บ่อเกลือ น่าน 1200 บาท

- ค่าที่พักคืนที่ 4 ม่อนเคียงดาว 240 บาท

- ค่ากิน สำรองไว้คนละ 1500 บาท (เหลือกลับคืนคนละ 200)

จบทริป NaN with ME ---- 5 วันที่ฉันอยู่ "น่าน"


อ่านแล้วสนุก ดูรูปแล้วถูกใจ กดให้ "หัวใจ" ตรงอ่านแล้วรักเลยได้นะคะ ขอบคุณมากจ้าาาา

จ๊ะจ๋า - ตาตีบ

 วันศุกร์ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561 เวลา 18.01 น.

ความคิดเห็น