ไปโตเกียว เที่ยวฟูจิ

ตอน ไปโตเกียว เที่ยวตลอด

สวัสดีครับ การเดินทางด้วยตัวเองนั้นเป็นสิ่งที่ท้าทายสำหรับใครๆหลายคน แต่ผมอยากบอกว่า การเดินทางด้วยตัวเองนั้น มันทำให้เราไมีความกล้าตัดสินใจ การเรียนรู้ด้วยตัวเอง รวมถึงวิธีการแก้ปัญหาเฉพาะหน้านั้นถือเป็นสิ่งสำคัญที่มันจะทำให้เราผ่านอุปสรรคนั้นไปได้ไปได้

ครั้งนี้ผมไปเที่ยวประเทศญี่ปุ่นด้วยตัวเอง ข้อดีของการเที่ยวด้วยตัวเอง คือ การมีอิสระในการเดินทางนั่นเองครับ

ผมขอนำพาทุกท่านบินลัดฟ้าไปเที่ยวโตเกียว ประเทศญี่ปุ่นกัน ตามมาเลยจ้า....

ประเทศญี่ปุ่นเป็นประเทศจุดหมายปลายทางในฝันของนักท่องเที่ยวหลายๆคน หนึ่งในนั้นก็คือตัวผมเองนี่แหละ ผมเลยศึกษาหาข้อมูลเกี่ยวกับประเทศญี่ปุ่น วางแผน เก็บเสื้อผ้า แบกเป้ไปเที่ยวโตเกียวกัน


ก้าวแรกในโตเกียว

ทริปของผมเริ่มต้นที่ท่าอากาศยานนานาชาติดอนเมือง ผมเดินทางไปโตเกียวโดยสายการบิน ไทยแอร์เอเชียเอ็กซ์ เที่ยวบินที่ XJ602 ออกจากท่าอากายานนานาชาติดอนเมืองตอน ตี 5 ของวันที่ 17 เมษายน 2558

ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 6 ชั่วโมง ผมก็เดินทางถึงท่าอากาศยานนานาชาตินาริตะ ประเทศญี่ปุ่น ถ้ามากับไทยแอร์เอเชียเอ็กซ์ เครื่องจะจอดตรงอาคารผู้โดยสาร 2 เวลาในประเทศญี่ปุ่นจะเร็วกว่าประเทศไทย 2 ชั่วโมง เพราะฉะนั้นอย่าลืมปรับเวลานาฬิกาของเราให้เป็นเวลาท้องถิ่นที่นี่ด้วยนะ

เมื่อผมผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองแล้ว ผมก็มารับกระเป๋าสัมภาระ และก็ผ่านด่านศุลกกากร เดินออกจากอาคารก็จะเจอเคาร์เตอร์จำหน่ายตั๋วรถบัสซึ่งมีหลากหลายบริษัทให้เลือก สำหรับใครที่ต้องการเดินด้วยรถไฟก็เดินไปตามป้ายบอกทางได้เลยครับ ผมเลือกเดินทางด้วย shuttle bus เข้าเมือง เนื่องจากมีราคาถูกกว่ารถไฟ

ก้าวแรกที่สัมผัสผมก็หลงรักที่นี่เลย ผู้คนอัธยาศัยดี บ้านเมืองเป็นระเบียบ สะอาดหูสะอาดตา ทุกอย่างจัดการได้อย่างเป็นระบบ...เยี่ยมไปเลยครับ!

ผมจองรถบัสของบริษัท Keisei Bus ล่วงหน้าผ่านทางเว็บไซต์ ราคา shuttle bus อยู่ที่ 1,000 เยน เมื่อมาถึงเคาร์เตอร์ก็แค่ยื่นเอกสารยืนยันการจอง เจ้าหน้าที่ก็จะออกตั๋วมาให้พร้อมกับยื่นใบโบรชัวร์เกี่ยวกับข้อมูลการท่องเที่ยวต่างๆมาให้เราด้วยครับ

ผมออกมารอรถบัสเข้าโตเกียวที่จุดรอรถ shuttle bus หมายเลข 2 อุณหภูมิอยู่ที่ประมาณ 17 องศา อากาศกำลังเย็นสบายเลย

ผมรอรถ shuttle bus ประมาณ 10 นาที เจ้าหน้าที่จะเก็บสัมภาระที่มีขนาดใหญ่ไว้ใต้ท้องรถ ซึ่งเขาจะให้แท็กกระเป๋าเรามาด้วย เนื่องจากเวลาลงรถเขาสามารถหยิบกระเป๋าของเราได้ถูกต้อง

รถออกจากสนามบิน ประมาณ 11.30 น. จุดหมายปลายทางของผม คือ ที่พักแถวย่านชินจูกุ ใช้เวลาในการเดินทางประมาณหนึ่งชั่วโมงกว่าๆ ผมก็มาถึงสถานีโตเกียว ซึ่งผมต้องลงที่นี่เนื่องจากต้องต่อรถไฟไปลงสถานีที่ใกล้ที่พักของผมมากที่สุด

ผมนั่งรถไฟจากสถานีโตเกียว สาย Marunouchi หรือ สายสีแดง ไปที่สถานี Nakano-sakaue จากนั้นก็ต้องเปลี่ยนรถไฟอีกขบวนที่สถานีนี้ เพื่อไปสถานี Nakano-shimbashi เมื่อมาถึงสถานีรถไฟปลายทางแล้ว ผมเดินเท้าอีกประมาณ 10 นาที ก็ถึงที่พักของผมครับ



ผมได้จองที่พักผ่าน Airbnb ผมพักที่นี่เป็นเวลา 2 คืน 3 วัน เนื่องจากที่พักเป็นบ้านของชาวญี่ปุ่น ที่เปิดห้องขายใน Airbnb จึงทำให้ไม่มีชื่อที่พัก มีแต่ที่อยู่ที่เจ้าของบ้านส่งมาให้เราทางอินเตอร์เน็ต รวมถึงได้ส่งแผนที่การเดินทางไปที่บ้านเขามาให้ผมด้วย ห้องที่ผมจองเป็นแบบ Ryokan สไตล์ญี่ปุ่น ที่นี่มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน วันที่ผมไปเจ้าของบ้านไม่อยู่ที่บ้าน เขาได้ฝากกุญแจไว้ให้ในล็อกเกอร์ที่จัดไว้ให้เรา และมีคูมืออธิบายวิธีการเข้าบ้านที่ถูกต้อง ซึ่งระบบความปลอดภัยของที่นี่ดีมากๆครับ กว่าผมจะเข้าบ้านได้ก็ใช้เวลาพอสมควร 555


ย่านชอปปิ้งชื่อดัง ใครๆก็มา...ชินจูกุ

เมื่อพักผ่อนเต็มที่หลังจากการเดินทางที่แสนยาวนาน ประมาณ 17:00 น. ผมได้ออกเดินทางตระเวนท่องเที่ยวญี่ปุ่นยามราตรี ผมไปเที่ยวแถวย่านชินจูกุ ซึ่งเป็นย่านที่ใกล้ที่ผมพักมาก

ชินจูกุ ถือว่าเป็นย่านที่รวมเสนห์ทุกอย่างไว้ที่นี่ ไม่ว่าจะเป็นแหล่งชอปปิ้งชั้นนำในโตเกียว แหล่งรวมร้านอาหาร กินดื่ม ทุกระดับ นักท่องเที่ยวหรือชาวโตเกียวเองคงรู้จักชินจูกุกันดีว่าเป็นสถานีใหญ่ที่ใช้สำหรับเปลี่ยนสายรถไฟมากมาย เพราะรถไฟทุกสายทุกขบวนจะต้องผ่านที่สถานีชินจูกุแห่งนี้...

หลังจากเดินเล่น รับประทานอาหารเย็นเสร็จแล้ว ผมก็กลับเข้าที่พักเพื่อเก็บแรงไว้เที่ยวใโตเกียวในวันพรุ่งนี้อีกวัน


ตลาดปลาเก่าแก่แห่งยุคเอโดะ

วันนี้เป็นวันที่ 2 ของการเดินทาง ผมตั้งใจเที่ยวๆในโตเกียววันนี้อีก 1 วัน สถานที่แรกที่ผมไปนั้นคือ ตลาดปลาซึกิจิ

ตลาดปลาซึกิจิเป็นตลาดปลาแห่งแรกในโตเกียวตั้งแต่ยุคเอโดะ เพื่อสะดวกต่อการจัดหาวัตถุดิบในการใช้บริโภคในประสาทเอโดะ และหลังจากนั้นกลายเป็นตลาดค้าส่งปลาและอาหารทะเลที่ใหญ่ที่สุดในโลก

ตลาดปลาแห่งนี้เป็นแหล่งรวมอาหารทะเลสดในญี่ปุ่น นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะมารับประทานอาหารเช้ากันที่นี่ เพราะตลาดปลาแห่งนี้จะคึกคักพิเศษในช่วงเช้า

...แต่เป็นที่น่าเสียดายที่ตลาดปลาซึกิจิได้ปิดให้บริการถาวร ในวันที่ 6 ต.ค. 2561 และย้ายไปสถานที่แห่งใหม่ที่เรียกว่า ตลาดปลาโทโยสุ (Toyosu Market) ซึ่งอยู่ห่างจากตลาดปลาซึกิจิประมาณ 2-3 กิโลเมตร


สถาปัตยกรรมทางพุทธศาสนาโบราณของอินเดีย

หลังจากเดินเที่ยวและรับประทานอาหารเช้าที่ตลาดปลาซึกิจิแล้ว ผมเดินทางต่อไปยัง โตเกียว ทาวเวอร์ (Tokyo Tower) ระหว่างทางที่เดินไปสถานีรถไฟ ผมได้เดินผ่าน วัดซึกิจิฮงงันจิ (Tsukiji Hongwan-ji Temple)

วัดแห่งนี้เป็นวัดทางพระพุทธศาสนา อาคารสร้างด้วยหินตามแบบสถาปัตยกรรมทางพุทธศาสนาโบราณของอินเดีย เล่ากันว่าการตกแต่งภายในนั้นเป็นแบบเคร่งขรึมตามแบบวัดนิกายสุขาวดีดั้งเดิม ตัวอาคารหลักและรั้วหินโดยรอบรวมถึงประตูหลัก ประตูทิศเหนือและประตูทิศใต้ ได้ถูกขึ้นทะเบียนเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่สำคัญของประเทศอีกด้วย ใครมาเที่ยวแถวนี้ก็แวะชมได้นะครับ


วันวานยังโดดเด่นเหมือนเดิม...โตเกียวทาวเวอร์

ผมเดินทางต่อด้วยรถไฟจนมาถึงสถานี Akabanebashi เดินเท้าออกจากสถานี ข้ามถนนแล้วเดินไปตามป้ายบอกทางเพื่อไปที่โตเกียวทาวเวอร์

เมื่อเจอป้ายบอกทางไปโตเกียวทาวเวอร์ ให้เลี้ยวซ้ายตรงทางแยกข้างหน้า ซึ่งเมื่อผมเดินมาถึงตรงนี้ก็จะเจอกับโตเกียวทาวเวอร์แล้วครับ

โตเกียวทาวเวอร์ ถือเป็นแลนด์มาร์กอันดับหนึ่งตลอดกลางของเมืองโตเกียวที่ตั้งอยู่ใจกลางเมือง เรียกได้ว่าถ้ามาโตเกียวแล้วไม่มาเยือนโตเกียวทาวเวอร์นี่ถือว่าผิดเชียวล่ะครับ เพราะที่นี่นั้นเปรียบเสมือนสัญลักษณ์ของโตเกียวเลยก็ว่าได้ โตเกียวทาวเวอร์นั้นเป็นหอส่งสัญญาณโทรทัศน์และวิทยุ เปิดให้นักท่องเที่ยวให้ขึ้นไปชมวิวด้านบนที่บอกเลยว่าวิวก็สามารถดูได้แบบ 360 องศาอีกต่างหาก วันไหนฟ้าโปร่งๆฝนไม่ตกยังจะได้เห็นภูเขาฟูจิจากที่นี่ได้ด้วย โดยระดับความสูงของจุดชมวิวมี 2 ชั้นคือ 150 เมตร และ 250 เมตร สามารถซื้อตั๋วได้ที่ชั้น 1 ของอาคารได้เลยครับ

การเข้าชม
ค่าเข้าชม:
Main observatory: ผู้ใหญ่ 900 เยน
เด็กนักเรียน 500 เยน
เด็กเล็ก 400 เยน
Special observatory: 1600 เยน

เวลาเปิด-ปิด: (เปิดทุกวัน)
Main observatory: 9:00 - 23:00 น.
Special observatory: 9:00 - 22.00 น.

วิธีการเดินทาง: เดิน 10 นาที จาก Akabanebashi Station

ด้านหน้าพระราชวังอิมพีเรียล

พระราชวังอิมพีเรียล (Imperial Palace) คือสถานที่ประทับของสมเด็จพระจักรพรรดิแห่งญี่ปุ่น ภายในพื้นที่กว้างใหญ่ประกอบด้วยพระตำหนักและอาคารต่างๆมากมาย ในอดีตเคยเป็นที่ตั้งของปราสาทเอโดะ (Edo Castle) บริเวณพระราชวังจึงล้อมรอบด้วยคูน้ำและกำแพงหินสูงตระหง่าน นอกจากนี้พระราชวังอิมพีเรียลแห่งนี้ยังใช้เป็นสถานที่สำหรับจัดงานพิธีสำคัญๆอีกด้วย

บริเวณรอบๆของพระราชวังเป็นพื้นที่ของสวนขนาดใหญ่ล้อมรอบด้วยคูเมืองและกำแพงหิน จากทางเข้าชมด้านหน้าของพระราชวังอิมพีเรียล นักท่องเที่ยวสามารถชมสะพานได้ซึ่งจะมีอยู่ 2 สะพาน คือสะพาน Nijubashi และสะพาน Meganebashi (สะพานแว่นตา)

เนื่องจากพระราชวังมีพื้นที่กว้างขางมาก ผมจึงได้แค่เดินดูบริเวณด้านหน้าพระราชวังเท่านั้น หากใครมีเวลาเยอะๆก็สามารถเข้าเที่ยวชมพระราชวังนี้ได้ครับ

การเข้าชม
ค่าเข้าชม: ฟรี

เวลาเปิด-ปิด:
เดือนมีนาคม-ตุลาคม 9:00-16:30
เดือนพฤศจิกายน-กุมภาพันธ์ 9:00-16:00
เข้าชมก่อนเวลาปิด 30 นาที

วิธีการเดินทาง: เดิน 10 นาที จาก Tokyo Station

วัดเก่าแก่คูบ้านคู่เมือง เลื่องชื่อลือนาม วัดอาซากุสะ

ย่านอาซากุสะ (Asakusa) เป็นย่านเก่าแก่แห่งหนึ่งของกรุงโตเกียว ในอดีตนั้นเคยเป็นแหล่งสถานเริงรมย์และโรงละคร แต่เกิดความเสียหายไปมากในช่วงยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 ปัจจุบันเป็นย่านที่มีเสน่ห์แบบย้อนยุคและเติมแต่งด้วยสีสันของความทันสมัย โดยหัวใจของย่านนี้อยู่ที่วัดอาซากุสะครับ

วัดอาซากุสะ หรือ วัดเซนโซจิ เป็นวัดพุทธที่นับถือเจ้าแม่กวนอิม วัดนี้เป็นวัดที่เก่าแก่ที่สุดในโตเกียว มีประวัติความเป็นมาว่า เมื่อ ค.ศ. 628 มี 2 พี่น้องชาวประมง พบองค์เจ้าแม่กวนอิม (kannon) ขนาดเล็กที่แม่น้ำซูมิดะ (Sumida) แม่น้ำในย่านอาซาคุซะ และได้นำกลับเข้าหมู่บ้านในอาซาคุสะ ต่อมาที่หมู่บ้านนี้ก็ได้สร้างวัดจากบ้านหลังหนึ่งเพื่อเป็นที่เก็บรักษาองค์เจ้าแม่กวนอิม และหลังจากนั้นก็ได้สร้างวัดอาซาคุสะขึ้นใน ค.ศ. 645 วัดอาซากุสะถูกทำลายลงในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 และหลังจากนั้นก็มีการสร้างใหม่ขึ้นมาอีกเพื่อเป็นสัญลักษณ์ของการเกิดใหม่และความสงบสุข เพื่อเป็นที่ยึดเหนี่ยวของชาวญี่ปุ่น

เมื่อเดินทางมาวัดอาซากุสะ จะพบกับซุ้มประตูสีแดง มียักษ์เฝ้าประตูทั้ง 2 ฝั่งและที่ขาดไม่ได้เป็นโคมไฟสีแดงขนาดใหญ่แขวนไว้บนซุ้มประตู ประตูนี้เรียกว่า Kaminarimon หรือ Thunder Gate เป็นประตูทางเข้าวัด ที่หน้าประตูนี้จะมีนักท่องเที่ยวมาถ่ายรูปมากมายไม่ขาดสาย

เลยจากซุ้มประตูไปจะเป็น ถนนนากามิเซะ (Nakamise dori) คำว่า dori แปลว่าถนน ถนนเส้นนี้ยาวไปจนถึงวัดอาซากุสะจะเป็นถนนชอปปิ้ง ขายขนม ของฝาก ของที่ระลึก ขนมที่ซื้อกลับบ้านจะใส่กล่อง ห่อสวยงาม สามารถซื้อเป็นของฝากได้จากที่นี่ครับ

ก่อนที่จะเข้าถึงตัววัดจะมีซุ้มประตูโฮโซมอน (Hozomon) ที่ประตูนี้นอกจากจะมีโคมไฟสีแดง และยักษ์เฝ้าประตู แล้วก็ยังมีโคมไฟสีทองอีก 2 ดวง

การเข้าชม
ค่าเข้าชม: เข้าชมฟรี

เวลาเปิด-ปิด: 6:00 - 17:00 น. 6:00 - 16:30 น (ตุลาคม - มีนาคม)
วันปิดทำการ: เปิดทุกวัน

วิธีการเดินทาง:
เดิน 5 นาที จาก Asakusa Station

จุดสูงสุดของโตเกียวที่โตเกียวสกายทรี (Tokyo Sky Tree)

ไม่ไกลมากจากวัดอาซากุสะ มีอีกหนึ่งสถานที่ที่น่าสนใจซึ่งสามารถเดินไปได้ นั่นก็คือ โตเกียวสกายทรี นั่นเองครับ

เราสามารถมองเห็นโตเกียวสกายทรีตั้งเด่นสง่าได้จากวัดอาซากุสะ โตเกียวสกายทรีเป็นหอที่เพิ่งสร้างขึ้นมาใหม่และยังเป็นเหมือนแลนด์มาร์คสำคัญอีกแห่งหนึ่งของเมืองโตเกียวเลยก็ว่าได้ เพราะความสูงของตึกที่ท้าชนทุกตึกด้วยความสูงมากถึง 634 เมตร โตเกียวสกายทรีถูกแบ่งเป็นสองขั้น โดยชั้นแรกสูง 350 เมตร และชั้นบนสูง 450 เมตร เป็นจุดชมวิวเมืองโตเกียวที่สวยที่สุดอีกจุดหนึ่งเนื่องจากสามารถชมวิวได้รอบทิศ 360 องศา โดยได้รับการยอมรับให้โตเกียวสกายทรีเป็นตึกที่สูงที่สุดในญี่ปุ่น และเป็นหอคอยที่สูงที่สุดในโลกด้วยครับ

ผมแนะนำให้มาเที่ยวโตเกียวสกายทรีในช่วงเย็นๆก่อนพระอาทิตย์ตก เพราะเราจะได้บรรยากาศทั้งตอนกลางวัน และกลางคืนครับ

และนี่คือภาพมหานครโตเกียว จากโตเกียวสกายทรี

สังเกตภาพด้านบนนี้นะครับ จะเห็นเงาภูเขาไฟฟูจิลางๆอยู่นะ

ช่วงชั้น 350 เมตรนั้นมีจุดถ่ายรูปเป็นที่ระลึกอีกด้วย แต่คนเยอะมากๆ ^^

สำหรับวิธีการเดินทางจากวัดอาซากุสะไปโตเกียวสกายทรีนั้นไม่ยาก หากเดินด้วยเท้าจะใช้เวลาประมาณ 20 นาที หากเดินทางด้วยรถไฟจะใช้เวลาเพียง 3 นาทีครับ ผมชอบเดินเท้ามากกว่าเพราะจะได้ซึมซับบรรยากาศสองข้างทางในระหว่างที่เราเดินไปที่โตเกียวสกายทรี

และนี่คือแผนที่การเดินทางจากวัดอาซากุสะไปโตเกียวสกายทรีครับ

การเข้าชม
ค่าเข้าชม:
เข้าชมชั้น 350 เมตร
ผู้ใหญ่ 2060 เยน
เยาวชน(อายุ 12-17 ปี)1,540 เยน
เด็ก (อายุ 6-11 ปี) 930 เยน
เด็กก่อนวัยเรียน 620 เยน
เข้าชมชั้น 450 เมตร
ผู้ใหญ่ 1,030 เยน
เยาวชน(อายุ 12-17 ปี)820 เยน
เด็ก (อายุ 6-11 ปี) 510 เยน
เด็กก่อนวัยเรียน 620 เยน เวลาเปิด-ปิด: 8:00 - 22:00 น.

วันปิดทำการ: เปิดทุกวัน

วิธีการเดินทาง
เดินเท้า 20 นาที จากวัดอาสากุสะ
รถไฟ
เดิน 5 นาที จาก Tokyo Skytree Station [Tobu Isesaki Line]
เดิน 5 นาที จาก Oshiage Station [Asakusa Subway Line]
รถบัสประจำทาง
จากสถานีโตเกียว (Tokyo Station) นั่งรถบัส(30 นาที 520 เยน) บัสออกชั่วโมงละ 3 รอบ
จากสถานีอุเอโนะ (Ueno Station) นั่งรถบัส(30 นาที 220 เยน) บัสออกชั่วโมงละ 5 รอบ

ใครๆก็มาข้ามถนนที่แยกชิบูย่า

หลังจากดื่มด่ำบรรยากาศยามค่ำคืนของมหานครโตเกียวจากโตเกียวสกายทรีแล้ว ผมเดินทางต่อโดยรถไฟเพื่อไปยังย่านแหล่งชอปปิ้งชื่อดังอีกแห่งหนึ่งของญี่ปุ่น นั่นก็คือ ย่านชิบูย่า (Shibuya) ครับ

ชิบูย่าเป็นย่านสำคัญสำหรับวัยรุ่นกรุงโตเกียว เพราะเป็นย่านที่รวบรวมไปด้วยแหล่งแฟชั่นชั้นนำที่มีห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ ร้านค้ามากมาย และความบันเทิงที่ครบครัน


การมาข้ามถนนตรงห้าแยกชิบูย่าถือเป็นสิ่งที่น่าสนใจและตื่นเต้นสำหรับนักท่องเที่ยวมือใหม่อย่างผม ห้าแยกชิบูย่าถือเป็นแยกที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก มีผู้คนสัญจรไปมาหลายแสนคนต่อวัน นับว่าเป็นตัวเลขทีสูงมากเลยทีเดียว


ผมแนะนำให้มาแยกแห่งนี้นะ เพื่อชมภาพความน่าประทับใจในตอนที่สัญญาณไฟเปลี่ยนเป็นสีเขียวเมื่อใด ผู้คนพร้อมใจกันเดินข้ามสี่แยกนี้ โดยมีการจดสถิติบันทึกไว้ว่ามีจำนวนคนข้ามแยกนี้กว่า 3,000 คน ต่อครั้ง และสิ่งที่นักท่องเที่ยวให้ความสนใจอีกอย่างหนึ่ง คือ การถ่ายภาพคู่กับบรรยากาศการเดินข้ามถนนของผู้คนที่แยกแห่งนี้ครับ

สำหรับการเที่ยวในโตเกียววันนี้ ทำให้ขาของผมอ่อนแรงมากเลย เพราะเดินเยอะมากๆๆๆ แหะแหะๆ ยังมีที่อื่นๆอีกมามายในโตเกียวที่ผมยังไม่ได้ไปสัมผัส เอาไว้คราวหน้าจะมาใหม่อีกรอบ สำหรับตอนนี้กลับที่พักกันก่อนนะครับ...


ตอนต่อไป

ตอน ฟูจิซัง สวยจับตา งามจับใจ

ชมเรื่องราวการเดินทางไปที่วัดเจดีย์แดงที่มีชื่อเสียงด้านความงามของเจดีย์แดงที่มีภูเขาไฟฟูจิอยู่เป็นฉากเบื้องหลัง และเดินเล่นแถวสถานีรถไฟคาวากูจิโกะ เมืองน่ารักและสงบ

สามารถติดตามชมตามลิงค์ด้านล่างนี้ได้เลยครับ

https://th.readme.me/p/21578


ฝากติดตามเพจด้วยนะครับ

https://www.facebook.com/tiewtamjaiwherever

go see write เล่าเรื่องเที่ยว

 วันพฤหัสที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561 เวลา 21.40 น.

ความคิดเห็น