กลับไปกลับมา วนไปวนมา สุดท้ายเราก็กลับมาหา “เขา” อีกตามเคย เดินทางยังไงก็ไม่มีทางลืม “เขา” ได้ซักกะที

เปิดหัวมาจะ’ดราม่า’ซะแล้วววว ที่เราต้องพูดถึงเขาครั้งแล้วครั้งเล่า เพราะครั้งนี้เป็นอีกคร้ังที่เดือนเลือกเดินทางไปหาเขาอีกครั้ง รอบนี้ ย้ายจังหวัดมาอยู่ที่ จ.กาญจนบุรี

สำหรับสายเดินป่าน่าจะคุ้นเคยกับ ยอดเขานี้ดี “สันหนอกวัว” อุทยานแห่งชาติเขาแหลม

รอบนี้เราอาจจะมีการจะให้ดาวเล็กๆ น้อยๆ เกี่ยวกับเรื่องการเดิน ความชัน หรือห้องน้ำ ต่างๆ เนื่องจากว่ารอบนี้กลับมา หลายคนถามว่าถ้าเต็ม 5 หรือ 10 ความยากเรื่องเดิน การกินอยู่ ให้กี่ดาว ซึ่งเอาจริงๆ ความยากส่วนตัวเราว่ามันขึ้นอยู่กับความฟิต แต่ยังไงจะเขียนอธิบายไว้ให้ได้เยอะๆ เผื่อใครอยากได้ข้อมูลไว้ตัดสินใจในการเดินทางไปหา เขา ‘สันหนอกวัว’

เกี่ยวกับ เขาสันหนอกวัว

"เขาสันหนอกวัว เป็นยอดเขาที่สูงที่สุดในจังหวัดกาญจนบุรี มีระดับความสูงที่ 1,767 เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลาง ตั้งอยู่ทางเหนือของที่ทำการอุทยานแห่งชาติเขาแหลม อำเภอสังขละบุรี ในแนวเทือกเขาเขียว ที่เป็นป่าฝั่งตะวันตกของพื้นที่อุทยานฯ มีส่วนที่ติดต่อกับพื้นที่ป่าในเขตทุ่งใหญ่นเรศวร จึงมีความเป็นธรรมชาติค่อนข้างสมบูรณ์ สภาพป่ามีต้นไม้ขึ้นหนาแน่น และยังคงมีสัตว์ป่าอาศัยอยู่ คำว่าสันหนอกวัว มาจากลักษณะของยอดเขาที่นูนออกมา รูปร่างคล้ายกับส่วนที่เป็นสันนูนบนหลังของวัว ที่เรียกว่าโหนก หรือหนอก"

ข้อมูลจาก : https://www.ceediz.com/th/travel/kanchanaburi/sp/a...

เริ่มต้นการเดินทางต้องทำยังไงบ้าง

เนื่องจากที่ ‘สันหนอกวัว’ บริเวณกางเต็นท์มีพื้นที่ค่อนข้างจำกัดในการกางเต็นท์จึงกำหนดจำนวนนักเดินป่าที่ต้องการเดินขึ้นไป น่าจะได้แค่วันละไม่เกิน 80 คน

1. การจอง : โทรติดต่อเจ้าหน้าที่เพื่อสอบถามข้อมูลการจอง หลังแจ้งจำนวน วันที่จะไป พร้อมชื่อ-สกุลแล้วเจ้าหน้าที่จะให้ส่งหลักฐานการจองไปที่ไลน์ (ข้อมูลอยู่ที่หน้าFacebook) เราต้องทำการโอนมัดจำ 100/คน และส่งเอกสารบัตรประชาชนเพื่อจอง โทรสอบถามได้ที่ : 034-510431 , 089-228 7612 โทรไปเวลาราชการนะเด้อ หรือใครอยากได้ข้อมูลเพิ่มเติม ลองเข้าที่ Facebook Page : อุทยานแห่งชาติเขาแหลม

2. การเดินทาง : ขาไปเดือนเดินทางด้วยรถประจำทางจาก หมอชิต-ด่านเจดีย์ฯ -> แต่เดือนลงที่อุทยานแห่งชาติเขาแหลม จริงๆ มันต้องลงที ป้อมปี่ละเดินเข้า นี่ทะลึ่ง ลงไปก่อนเลยต้องลำบากพี่เจ้าหน้าที่ให้แว๊นไปส่งที่ป้อมปี่เลย

ราคาค่าตั๋ว : 281 บาท

เวลารถออก : ช่วงที่เดือนไปรอบรถเหลือแค่รอบเดียวคือ 6.30 รอบเดียว แล้วต้องไปซื้อที่เคาร์เตอร์อย่างเดียวเท่านั้นไม่มีจองออนไลน์ (ข้อมูลนี้คือเจ้าหน้าที่บอกเดือนนะ แต่มีพี่ที่เจอเค้าบอกเค้าจองออนไลน์ได้) สำหรับเราว่ามันสะดวกมากตรงที่เราไม่ต้องเปลี่ยนรถ สามารถนั่งยาวๆ ได้เลย

ส่วนขากลับเนี่ย เจอน้องชายใจดีที่ไปรวมกลุ่มกันพามาส่งที่ บขส.กาญ ละนั่งรถตู้กลับหมอชิต

3. ที่พัก, อาหาร , อุปกรณ์ให้เช่าต่างๆ

ถ้าเดินทางด้วยรถประจำทางอย่างเดือนต้องไปถึงก่อนวันเดือนทางขึ้นเขา 1 วัน คือ ถ้าจะเดินขึ้นวันเสาร์ ต้องเดินทางตั้งแต่วันศุกร์ เพราะใช้เวลานานในการเดินทาง

ไปถึงก่อนนอนที่ไหน : อย่างที่บอกว่าให้มาลงรถที่ป้อมปี่ เพราะเป็นจุด Start ก่อนเราเดินขึ้นเขา เราต้องลงทะเบียนทำทุกอย่างที่ป้อมปี่ เพราะฉะนั้นเราจะนอนที่ป้อมปี่ 1 คืน ถ้าใครมีเต็นท์มา สามารถมากางได้เลย ส่วนเราขอนอนสบาย 1 คืน เลยเลือกจองบ้านพักก่อนหน้า หลังละ 900 อันนี้มีห้องน้ำในตัว สบายๆตัวก่อนไป

คืนที่นอนข้างบนยอด : เต็นท์มีให้เช่าหลัง 100 เท่านั้น เท่าที่รู้คือมีถุงนอนให้เช่าด้วยแต่เราเอาไปเอง

ค่าลูกหาบ : 1400 บาท 30 โล (ถ้าไปคนเดียวอาจจะลองถามๆ จากกลุ่มที่เราไปรวมกับเค้าเผื่อได้คนร่วมหาร)

ค่าเจ้าหน้าที่นำทางอันนี้คือต้องมี : 1000 บาท (กลุ่มนึงไม่เกิน7คน)

ค่ารถจากป้อมปี่-จุดปล่อยตัว : 1000 บาท

เผื่อใครไปคนเดียวไม่ต้องกังวลว่าจะไม่มีกลุ่มไป เดี่ยวเจ้าหน้าที่เค้าจะรวบๆ เราเข้ากับคนอื่นๆ ถือเป็นเรื่องดีได้รู้จักเพื่อนใหม่ที่มีวิถีโคจรเรื่องเที่ยวเหมือนกัน สุดท้ายแล้วเราจะได้ต่อยอด เดินทางไปกันอีก

ที่ป้อมปี่ มีร้านอาหาร ครัวจะปิดน่าจะประมาณ 5 หรือ 6 โมงเย็น ลองถามทางร้านอีกที มื้อเย็นวันก่อนขึ้นไปยอด กับมื้อเช้าฝากท้องไว้ที่นี่ได้เลย

แนะนำ ยำผักกูดเลย 60 บาท อร่อย นี่ชอบเลย

ภาพประกอบ ซักหน่อย ให้น้ำยาย หยาย ย้อยย

จานนี้ถ้าจำไม่ผิด 60 บาท

วันแรกที่ถึงช่วงเย็นจะมีเวลาพักผ่อน เดินเล่น รินเขื่อนวชิราลงกรณ์ได้สบายๆ เลย อากาศคือดีมาก ลมดี ดี๊ดีย์ ติดอย่างเดียว ไม่ได้รูปดาวเลยเมฆนี่หนาตึ๊บ รีบทำอะไรๆ ให้เสร็จ แล้วรีบเข้านอน เช้าต้องมาจุดลงทะเบียนตอน 8.30 เดือนนี่ก็เข้านอนแต่หัวค่ำเอาเวลาไปนั่งห้องน้ำนานๆ ล้างไส้ล้างพุงออกให้หมด เดินขึ้นจะได้ไม่ต้องกังวล

คือ แค่มานอนกางเต็นท์ ปิ้งๆ ย่างๆ ที่ป้อมปี ก็ดีละอ่ะ

เช้าวันใหม่ เก็บของให้เรียบร้อย แล้วออกไปกินข้าว อย่าลืมสั่งใส่ห่อไปกินกลางวันด้วยนะ หรือใครสะดวกเป็นขนมปังก็แล้วแต่สะดวกเลย

รอเจ้าหน้าที่เรียกชื่อ สรุปค่าใช้จ่าย ,แนะนำเจ้าหน้าที่นำทาง รวมถึงลูกหาบ แล้วก็รอรถมารับไปจุดเริ่มกันเล้ยยยยยยย

นั่งรถมาแป๊บนึง เราก็จะมาถึงจุดปล่อยตัว พร้อมแล้วก็เดินได้เลย ไม่ต้องรออะไรใดๆ


ที่สันหนอกวัว มีจุดพัก 5 จุด แต่ละจุดค่อนข้างใช้เวลาในการเดินเหมือนกัน รวมๆ ระยะทาง 9กม.แต่เส้นทางที่เดิน มันชัน ขึ้น ชัน ขึ้น บริหารร่างกาย จิใจ และกำลังขาให้ดี แล้วไอ่รูปที่เราจะเอามาลงตามแต่ละจุด บอกเลยว่าไม่ครบ จุดใหญ่ที่ คนส่วนมากพักกินข้าว เราไม่ได้พัก เดินไปยาวๆ

อีจุดพัก จุด 1 เนี่ย แรงยังเหลือเยอะ อย่าวางใจ นั่งพัก สุดลมหายใจให้เข้าปอดลึกๆ อย่าเพิ่ง ผลีผลาม อย่าเพิ่งห้าว ได้เจ็บตัวน้อยๆ

โฉมหน้าพี่เจ้าหน้าที่ประจำ Group เรา พี่แกกำลัง ตัดกิ่งไม้ ไว้ให้คนในกุ๊บที่ไม่มีอุปกรณ์ช่วยค้ำยัน ( ไม้ Pole) พักกันได้ที่ ละก็เริ่มเดินต่อได้ เดินต่อไม่รอละน๊ะ !!!!

มันเหนื่อยใช้ได้อยู่ะ แค่ จุดแรกมาจุดที่ 2 ไม่ธรรมดา เอาเรื่องอยู่เหมือนกัน หัว หูนี่เปียกไปหมด

รูปล่างเนี่ย โฉมหน้าน้องในกลุ่มที่ยังดูมีสีหน้า สดชื่น เบิกบาน

จากป้ายบอกทาง เราเหลือ ระยะทางที่ต้องเดิน อีก 7 โล

เหมือนจะไม่ไกลนะ แต่ บ้าบอ มาก

มองลงไป โถๆๆๆ ทางมันช่างไกลเหลือเกิน

พักพอมีแรง ละเดินต่อเน๊าะ ทำเวลานิดนึง

ไงล่ะ สภาพที่จุดพัก 3 หน้านี่ไปหมดแล้ว

ค่อยๆ ก้าว ค่อยๆ เดิน

สูดลมหายใจลึกๆ

ที่นี่ดีอย่างนึง

อ่ะ แป๊บๆ เราก็เยื้องย่างมาถึง จุดพักที่ 4 ละ พูดเลยว่าไม่เบาเลย กว่าจะผ่านไปได้แต่ละจุด

ใครที่ว่าแน่ อย่าวางใจไป... ฟิตร่างไปให้ดี....เดี่ยวจะร้องโอดโอย

ชมนกชมไม้ ไปเรื่อย เดี่ยวก็จะไม่เหนื่อย

เดินไปอีกพัก จากจุด 4 จะเป็น จุดพักที่ 5 ที่ส่วนมากคนจะหยุดพัก มื้อเที่ยงกัน

ไอ่เราอ่ะหรอ ไปจ่ะ เดินต่อไม่รอละนะ !!!

เดินไปเรื่อยๆ ให้ถึง จุด โหด

เดินชมนก ชมไม้ไปเรื่อยเดี่ยวมันก็จะเพลินๆ หายเหนื่อย

มาจุดเนินหมาถอย คิดเอา หมาแม่งยังถอย

เรามัน คน ไม่ใช่ หมา เพราะฉะนั้นเราต้องไม่ ถอย

เชื่อเราว่า ถ้าได้ถึงยอด แม่งลืมความเหนื่อยหมด จริงๆ

:

เกือบแล้ว ทุกคนนนน เราเกือบถึง สันหนอกแล้ว

นั่นแน่ะ เห็น หนอก กันแล้วใช่มั้ย นั่นแหละค่ะ หนอกเล็กที่เรากำลังจะเดินไปถึง

อยากจะบอกเหลือเกินว่าอากาศดีมาก

รีบเดินให้ถึง จะได้รีบไปกางเต้นท์แล้วเราจะได้ไปเก็บรูปสวยๆ กัน

:

ถึงแล้วก็มานั่ง ดู ลูกหาบเค้ากางผ้าใบ ปลาทู ให้พี่อีกกลุ่มกันค่ะ

ในส่วนของเรานั้น ลูกหาบกางให้เช่นกันค่ะ

นั่นไง Tent เรา สีน้ำเงิน ลิบๆ น่ะ

เวิ้งนี้ เป็นเวิ้งกาง Tent ทีกลุ่มพวกเราเลือกเป็นที่พักเรา เดินข้ามมาจากหนอกเล็ก พวกพี่เค้าเรียกกันว่า

"แอ่งกะทะ" กลางคืน ลมกำลังดี วิวก็ดีเลย

ไปค่ะ กางแล้วก็ ไปถ่ายรูปกัน

หนอกใหญ่ เนี่ย เดี่ยวเราไปถ่ายพระอาทิตย์ขึ้นกัน มันเป็นช่วงเวลาที่ โพล้เพล้ เจ้าหน้าที่เค้าจะไม่ให้เราขึ้นไปเอง ตอนแรกเราก็ดูหมือนมันไม่สูงนะ แต่เชื่อที่พี่เจ้าหน้าที่เค้าบอก ปลอดภัยสุด

:

คนกำลังว่าง ท่าประจำซักหน่อย อันนี้เราถ่ายไม่แบบไม่ชิดผาเลยนะ ไม่ต้องหวาดเสียวไป มีเชือกกั้นอยู่

วิว คือ ดีมาก

วิวพระอาทิตย์ตก จากสันหนอกเล็ก มันโค - ตร ดี แต่อาจจะต้องอดทนใช้เวลารอ จังหวะ หน่อย เพราะหมอกลอยไปลอยมา ผ่านหน้า ผ่านตา ตลอด ตั้งกล้องรอ แบบไม่ต้องลังเลเลย

ระหว่างที่ยืนถ่าย บอกเลยว่าลมแรงมาก ไม่มีขาตั้งกล้องนี่มือสั่นนะบอกก่อนเลย ขาเล็กขาใหญ่ ขาสั้นขายาว เตรียมไปโลด

:

จังหวะหมดแสงพระอาทิตย์ ก็หันหลังกลับมาถ่าย สันหนอกใหญ่ ได้สบาย หามุม หาที่ กันได้เลย

ก่อนมองไป สันหนอกใหญ่ เจอหน้าสาว ขอซักรูปเถอะจ้า มุมดีดี๊ดี อิอิ

อ่ะ ให้น้อง นี่อีกรูป

คือ พี่สาว คนนี้ กะน้องผู้ชายนี่เราไปเจอที่โน่นเลย แล้วเดินทางด้วยกัน


เดินกลับมาที่ ฐานเต็นท์ เรามองกลับไปมันก็สวยๆ แหละ คือ สวยจริงๆ ธรรมชาติกว่านี้ไม่มีอีกละ หายเหนื่อย

ถ่ายรูปอะไรเรียบร้อยแล้ว ก็เตรียมกลับมาตั้งเตา ทำอะไรกิน ก่อนฟ้าจะมืดมึด

มื้อเย็นสุดหรู ของเรา มาม่า เลยจ้า

ของร้อนๆ กับอากาศ เย็นนี่อย่าให้อธิบายว่ามันดีขนาดไหน สุดๆ บอกเลย

ทำไรให้เสร็จเรียบร้อย ก่อนที่ฟ้าจะมึด ในส่วนของการจะอาบน้ำนั้น เก็บไปอาบวันลงอุทยานเล ส่วนปล่อยหนัก ปล่อยเบา แนะนำให้ตามพุ่มหญ้า พุ่มไม้ เวิร์คสุด

:

รีบเข้านอน หลังจากเหนื่อยมาทั้งวัน เช้ารุ่งขึ้น ตีห้า ตื่นแล้วไปถ่ายพระอาทิตย์ขึ้นกันที่สันหนอกใหญ่กัน

แต่ก็ภาวนาให้ หมอก จางๆ ขอให้เห็นแสง บางก็จะดีมาก

:

อันนี้เป็นเต็นท์พี่ที่ไปเจอมา ขอแอบถ่ายพี่แกหน่อยเถอะ

:

ไปค่ะ ตี5 แล้ว ล้างหน้าแปลงฟัน เปลี่ยนชุดให้พร้อมนะจ๊ะ จะหาว่าไม่เตือน ทั้งลม ทั้งหมอก แรงมาก หนาวมาก เอาเป็นว่าไม่มีขาตั้งกล้อง มือสั่นอีกตามเคย

การจะเดือนขึ้นไปสันหนอกใหญ่ ต้องไปกับพี่เจ้าหน้าที่จะดีที่สุด ไม่อยากให้ห้าว ยิ่งเราไม่ชินทาง แถมมันมึดมาก ลื่นด้วย

:

ภาพตอนมึด เราถ่ายอะไรไม่ได้เลย หนาวสั่น งง จับcompose อะไรไม่ได้เลย

พอฟ้าเริ่มมีแสง หันกลับไปมองตรงแอ่งกระทะ ที่เรานอน ภาพก็ได้อย่างที่เห็นนั่นแล

จะหาที่ หาทางอะไรตั้งกล้องกันก็ระวังลื่น กันเด้อ

พี่ กะน้องสองคนนี่ก้อ หามุมได้ดีเหลือเกิน

นี่ก็ไม่ธรรมดา พี่สาว

มาถึงตาเราบ้าง พูดเลยนะว่า มุมน่ะมีให้ถ่ายได้หลายมุมเลย แต่ เลือกมุมกันดีดี รูปมันจะสวยมาก

แบบ Soft Soft ไปก่อน นักท่องเที่ยวค่อนข้างเยอะ รอจังหวะดีดี ก็จะได้รูปสวยๆ


อ่อ ไม่ได้ร้องไห้ มันหนาววว น้ำมูกหยายยยย

สุดท้ายแล้วแสงอาทิตย์ที่เราได้ ก็มีไม่กี่รูป รูปคนนี่แหละ เยอะแยะไปหมด

สัมผ้สบรรยากาศกันหนำใจแล้ว มองเวลา แล้วเราก็จะลงไปกินกาแฟ แล้วเก็บของ เพื่อเดินลงกันนะ

ได้กาแฟแล้วเราก็ไปกินแฟกัน

ไม่รู้จะอธิบายยังไง ว่ามัน โค-ตร ฟินนนนน

แล้วดูดิ่ หันหลังกลับไป เห็นสันหนอกใหญ่ก็ยังฟินขนาดนี้ใครจะอยากกลับเนี่ย

ตั้งแต่มายันวันกลับ เราเจอหมอก ตลอด มันดีนะ อากาศก็ดี สายเขา สายป่าน่าจะชอบอยู่แล้วแหละ

สรุปจบ "เขาสันหนอกวัว" ดี แค่นี้ จบ แยก!!!!

เที่ยว กับ เธอ

 วันพฤหัสที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2562 เวลา 00.04 น.

ความคิดเห็น