สำหรับฤดูหนาว ปลายปีแบบนี้ หลายคนคงมองหาสถานที่ท่องเที่ยวธรรมชาติ ให้ร่างกายไปสัมผัสอากาศหนาว นอนดูดาว สูดโอโซนเต็มๆปอดกัน "ช่องเย็น" เป็นหนึ่งทางเลือกที่ตอบโจทย์ได้อย่างดี เพราะมีสถานที่ให้กางเต๊นท์ นอนดูวิวภูเขา หรือจะไปเช้าเย็นกลับก็ยังได้ ด้วยระยะทางที่ไม่ไกลมากนัก ห่างจากกรุงเทพประมาณ 300 กม.เศษๆ การเดินทางก็สะดวกสบาย ถนนราดยางตลอดถึงที่พักเลย...

ก่อนขับรถขึ้นไปช่องเย็น จะมีด่านเก็บค่าเข้าอุทยาน คนละ 40 บาท รถยนต์อีก 30 บาท เจ้าหน้าที่จะบอกรายละเอียดอย่างชัดเจน...ให้เราแวะที่ทำการอุทยานก่อนเพื่อลงทะเบียน และจะได้รับกระดาษใบเล็กๆ เอาไว้ยื่นให้กับเจ้าหน้าที่ที่ด่านที่ 2 ก่อนขับรถไปช่องเย็น ที่สำคัญพกถุงขึ้นไปด้วยเพื่อเก็บขยะลงมาด้วยนะคะ ช่วยกันรักษาสิ่งแวดล้อมและธรรมชาติให้สวยงามกันเนอะ

เดินทางจากอุทยานแห่งชาติแม่วงก์เข้าไปอีก 28 กม. ก็จะถึงจุดหมาย ระหว่างทางก็จะเป็นป่าลักษณะ ป่าดิบชื้น ตลอดสองข้างทาง สามารถเดินทางโดยรถยนต์หรือมอเตอร์ไซต์ แต่ก็ระวังรถสวนทางกันนิดนึงนะคะ

วันที่เราขึ้นไปอากาศค่อนข้างหนาวเลยทีเดียว เพราะคืนก่อนหน้านี้ฝนตก เลยทำให้อากาศเย็นและมีหมอกเยอะเลยค่ะ ที่ลานก็จะเป็นลานกางเต็นท์คอยบริการนักท่องเที่ยว จะเอาเต็นท์มาเองหรือเช่าทางอุทยานก็ได้นะ โดยจองออนไลน์เท่านั้น ทางเว็บนี้เลยค่ะ http://nps.dnp.go.th แต่ต้องเตรียมเครื่องนอนมากันเองนะคะ ส่วนห้องน้ำก็มีบริการ ให้อาบน้ำได้ แยกชายหญิง ฝั่งละ 3 ห้องค่ะ พื้นที่จอดรถค่อนข้างจำกัดและแคบหน่อยนะคะ ต้องอาศัยจอดข้างถนนเอา

นี่คือจุดถ่ายรูป Check In ให้รู้ว่ามาถึง "ช่องเย็น" แล้วนะเออ... มองไปก็จะเห็นวิวภูเขา แต่มุมไม่กว้างเท่าไหร่นะคะ แต่ไหนๆ ก็มาถึงช่องเย็นแล้ว สิ่งที่ไม่ควรพลาดคือการเดินขึ้นไปดูยอด "ภูสวรรค์" ซึ่งอยู่เหนือช่องเย็นขึ้นไป ประมาณ 300 เมตร เป็นจุดที่มองเห็นวิวภูเขา 360 องศา และสัมผัสอากาศเย็น มีหมอกปลิวผ่าน ทางขึ้นเดินไปด้านขวาของป้าย ก็จะเห็นป้ายบอกทางชัดเจนเลยค่ะ

ป่ะ!! พร้อมแล้วก็ไปกันเลยค่ะ..

ทางเดินช่วง 100 เมตรแรกจะเป็นบันไดปูนเดินง่ายค่ะ ชันเล็กน้อย

เดินขึ้นมาได้สัก 50 เมตร ก็จะเห็นลานกางเต็นท์จากมุมสูงกันค่ะ

จากนั้นก็จะเป็นเนินดินบ้าง เดินข้ามหินบ้าง แต่ทางไม่โหดเท่าไหร่ค่ะ สามารถเดินได้สบายๆ ระหว่างทางก็จะได้สัมผัสกับวิวเป็นระยะๆ ซึ่งมองเห็นภูเขาหลายลูกเลยทีเดียว

รอบๆ ข้างก็จะมีดอกไม้ ขึ้นบ้าง รอบนี้ขึ้นไปเจอ ต้นนี้ไม่แน่ใจว่าคือ ต้นกุหลาบหิน (รึป่าว?)

และเมื่อเดินมาถึงยอดเขาแล้ว ก็จะเห็นอีกจุด Check In ที่สวยมากกก คุ้มกับการเดินที่เหน็ดเหนื่อย พูดได้ว่า "ขึ้นมาแล้วหายเหนื่อยเลยค่ะ"

อากาศดีมากกกกกก ลมพัดเย็นๆ มาเป็นระลอกๆ ผลพลอยจากฝนพึ่งตกไปเมื่อวาน หมอกพัดผ่านตลอดเวลาเลยค่าา เราจึงได้ภาพสวยๆ มาเยอะเลย และเอาสายหมอกมาฝากให้ได้สัมผัสกันนะคะ


จุดนี้สูงจากระดับน้ำทะเลปานกลาง 1,427 เมตร และใกล้ๆ จะมีเนินเดินลงไปดูวิวได้ บรรยากาศก็จะประมาณนี้ค่ะ

อีกมุมบนนี้ ก็จะเจอกับวิวภูเขาสลับซับซ้อนสุดสายตาเลยล่ะค่ะ

สัมผัสอากาศเย็นๆ ลมหมอกเอื่อยๆ ลอยละลิ่วตามลม พร้อมเก็บภาพสวยๆ

ทริปนี้ไปกัน สองคน...รอบที่สอง แหะๆ

เบื้องหลังช่างภาพประจำตัวของเรา :)

หลังจากเก็บภาพ..นั่งดูภูเขา..สูดโอโซนให้เต็มปอด ประมาณ 1 ชั่วโมง ที่เราใช้เวลาอยู่ข้างบนนี้ ก็เดินกลับลงมาข้างล่างเพื่อเดินทางกลับ ...ลืมบอกไปว่าทริปนี้เรามาเช้า เย็นกลับ เพราะทำงานอยู่กำแพงเพชร ใกล้ๆ เพียง 97 กม. เลยไม่ได้มาค้างคืน

ระหว่งทางลงไป...เราก็เจอโขดหินก้อนหนึ่ง มองวิวลงไปสวยงามมากก เลยแชะสักหน่อย

หันไปด้านหลังอีกด้านก็เห็นภาพเขาปกคลุมด้วยหญ้า

เมื่อเดินลงมาถึงข้างล่างแล้วววว....ก็ถึงเวลาออกเดินทางกลับ เราลงมาถึงประมาณเที่ยงกว่า ท้องเริ่มหิว เลยจัดการกับขนมที่เตรียมมา... ข้างบนไม่มีของขาย ไม่มีอาหารให้ซื้อ ต้องเตรียมมาเองนะคะ


ขับรถลงมาได้สักพัก จะเจอจุดชมวิว ไม่มีป้ายติดไว้นะคะ แต่จะเห็นชัดเลย คือเป็นเนินและลานโล่งให้ได้จอดรถ แวะเก็บภาพสวยๆกัน

เมื่อลงมาก่อนถึงอุทยานจะมีลานกางเต็นท์อีกจุดหนึ่ง มีลำห้วยไหลผ่าน มีฝูงปลาน้อยใหญ่จำนวนมาก แต่วันที่ไปไม่พบนักท่องเที่ยวแวะกางจุดนี้เลย อาจด้วยบรรยากาศที่ค่อนข้างเงียบและวังเวงนิดนึง

ฝากแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติ ไม่ไกล มาได้สะดวก "ภูสวรรค์" #ที่นี่กำแพงเพชร ไว้ด้วยละกันนะคะ

ขอให้เดินทางโดยสวัสดิภาพค่าาา :)

Anlny Apa Kitikan

 วันจันทร์ที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2561 เวลา 22.09 น.

ความคิดเห็น