สวัสดีค่าาา ♡

กลับมาเจอกันอีกครั้ง วันนี้เราจะพาทุกคนไปสัมผัสวิถีธรรมชาติอย่างแท้จริง

ที่อ.ปัว จ.น่าน ค่ะ ได้มาเยี่ยมเยียนเมืองปัวอีกครั้งแล้ว

ก่อนอื่น ไปชมวิดีโอบรรยากาศกันก่อนเลย



PLANNING & ITINERARY


เท้าความถึงครั้งที่แล้วที่มาปัว เป็นครั้งแรกของเรา

ด้วยความที่ไม่เคยมา เราเลยไปเที่ยวสถานที่ท่องเที่ยวดังๆ ตามรีวิวเกือบทั้งหมด

กลับมาอีกครั้ง เลยอยากจะเที่ยวอะไรที่มัน local บ้าง

แถมยังได้ทำกิจกรรมที่เราชื่นชอบ นั่นก็คือการเดินป่า หรือ hiking (อีกแล้ว!)

ทริปนี้ เราเลยกลับมาเป็นสายธรรมชาติอีกรอบ ด้วยการพาทุกคนไป

เรียนรู้วิถี permaculture (permanent + culture) หรือวัฒนธรรมแบบยั่งยืน

ที่คนไทยรู้จักกันก็อารมณ์อยู่อย่างเรียบง่ายพอเพียงนั่นแหละ

ในที่นี้คือการรักษาวัฒนธรรมของแต่ละท้องถิ่น การอยู่ร่วมกับธรรมชาติด้วยค่ะ


ในส่วนของแผนต่างๆ จะเป็นไปตามด้านล่างนี้เลยจ้า



โดยเราจะพักที่ DaiDib DaiDee ซึ่งเป็นฟาร์มสเตย์ที่ทำให้เรารู้จัก permaculture นี่ล่ะ

ไกด์ที่จะทำเที่ยวในทริปนี้ทั้ง 3 วันคือ พี่เบิร์ด ค่ะ โดยวันแรกจะเป็นวันชิลๆ

วันที่สองจะเดินป่าค่อนข้างหนักหน่วงหน่อย ส่วนวันสุดท้ายจะไปตะลอนเที่ยวทั่วๆ ปัวค่ะ


TRANSPORTATION

สำหรับการเดินทางมาที่ปัว เราก็ใช้บริการรถทัวร์ของ สมบัติทัวร์ เหมือนเดิม

เพิ่มเติมคือรอบนี้มารถ VIP แล้ว นั่งสบายมากๆ ขึ้นรถที่หมอชิต 2 ลงรถที่ สถานีขนส่งปัว เลยจ้า


DAY 1

EXPLORING

หลังจากเกือบ 11 ชั่วโมงบนรถทัวร์ เราก็มาถึงปัวแล้ว เย้

นั่งอึนอยู่สักพัก ก็โทรเรียกคุณไกด์ให้มารับ เนื่องจากทางเข้าที่พักจะงงงวยมาก

ผ่านนาของชาวบ้านเข้ามาจนถึงบริเวณต.ศิลาแลง ในที่สุดก็มาถึงงง

DaiDib DaiDee

ฟาร์มสเตย์ที่จะให้เราสัมผัสถึงความธรรมชาติอย่างเต็มที่

สิ่งก่อสร้างทุกอย่างก็คือพี่เบิร์ดกับคุณพ่อเป็นคนช่วยกันสร้างค่ะ

วัสดุส่วนใหญ่จะเป็นไม้กับดิน ดูจากเตาทำอาหารก็คือเป็นเตาดินแบบสมัยก่อนเลย

ส่วนไฟฟ้าจะมีแค่บริเวณ common area หรือตรงครัวนี่แหละ

เดินมาในครัวก็จะเห็นว่าแม้แต่แก้ว ชาม หรือถ้วยใส่อาหาร

ก็ทำมาจากกะลากับไม้ไผ่หมดเลยค่ะ น่ารักกกมากกก

ในส่วนของห้องพักที่นี่ จะเป็นแบบ บ้านต้นไม้

ใช่แล้วทุกคน นอนบนบ้านต้นไม้เลยย มีมุ้งให้ตอนกลางคืน กันยุง

สัมผัสอากาศหนาวๆ ฟังเสียงธรรมชาติ (จะมีเสียงน้ำค้างหยด กับใบสักร่วงค่ะ ตกใจทั้งคืน)

บ้านต้นไม้จะนอนได้ 2 คนค่ะ ถ้าใครมาเป็นกลุ่มเป็นแก๊ง

มี dorm รวมอยู่นะคะ นอนได้ 8-10 คนเลย คนละ 300 บาทค่ะ

หลังจากเก็บของ นั่งพักจนหายมึนจากการเดินทางอันยาวนานแล้ว

ก็ได้เวลาออกไปสำรวจบริเวณนี้กันแล้วค่ะ


วังศิลาแลง

ที่แรกที่พี่เบิร์ดพามาก็คือออ วังศิลาแลง หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่า วังบอก

ซึ่งเมื่อก่อนเรียกตามลักษณะหินที่เป็นช่องทรงกระบอก เหมือน Canyon

ซึ่งบริเวณนี้เคยเป็นรอยเลื่อนของเปลือกโลกค่ะ

(ชื่อที่เรียกแบบสถานที่ท่องเที่ยวก็คือ แกรนด์แคนย่อนเมืองปัวค่ะ 5555)

จากตรงนี้ เดินเข้าไปประมาณ 150 เมตร จะถึงแคนย่อนแรก

ซึ่งคนส่วนใหญ่จะมาหยุดถ่ายรูปแค่ตรงนี้ค่ะ แต่เราจะไม่หยุด!

ทางด้านซ้ายจะมีทางให้เดินขึ้นไปอีกค่ะ เดินอีกพอสมควร (น่าจะ 400 เมตรได้)

แล้วปีนลงมานิดหน่อย เตรียมรองเท้ามาให้พร้อมนะคะ ถ้าไม่พร้อมก็ถอดรองเท้าเดินได้เลย ลื่น 55555


จะเจออีกแคนย่อนนึงอยู่ตรงนี้ สวยมากกกกกก

สามารถมาเล่นน้ำ พักผ่อน หรือพกหนังสือมานั่งอ่านก็ยังได้

คือชิลมาก ธรรมชาติมาก

จริงๆ แล้วทางสามารถเดินต่อไปได้จนถึงบริเวณต้นน้ำเลยค่ะ แต่อันตรายนิดนึง


Gem Forest Coffee

แวะเติมคาเฟอีนเข้าร่างกายที่ร้านเจม ฟอเรส คอฟฟี่ค่ะ

กาแฟที่นี่จะพิเศษอย่างนึง ก็คือใช้กาแฟมณีพฤกษ์ที่ปลูกที่น่านเองนี่เลยยย

(โดย Gem Forest แปลงมาเป็นไทยก็คือ มณีพฤกษ์ นั่นเอง)

กลิ่นหอม นวลๆดีค่ะ ชอบบ


ชมวิวรอบๆ กันหน่อย ตอนนี้นาเขาเก็บเกี่ยวไปหมดแล้ว

จากเขียวๆ ที่เคยมาตอนฤดูฝนก็จะไม่เขียวอีกต่อไป สวยไปคนละแบบ

BUFFALO CART RIDING

ต่อไปก็คือไฮไลท์ของวันนี้ เราจะนั่งเกวียนไปดูนาท้องถิ่นกันทุกคนนน

แล้วก็ไปดูวิธีการไถนาโดยใช้น้องควายด้วยค่ะ

นำแสดงโดยยย น้องกรุงเทพกับกรุงไทย

หรือชื่ออินเตอร์คือ โทนี่กับวิลเลียม ค่ะ

นั่งเกวียนก็จะได้ฟีลลิ่งอีกแบบนึงเลยอะ ดิบดี ยิ่งตอนเข้ามาที่นาต้องผ่านลำธารใช่มะ

โอ้โห ยิ่งกว่าถนนลูกรัง สนุกดีค่ะ


อาบน้ำให้น้องก่อน

ไถนาไปเห็นวิวภูเขาไปเลยค่าา สวยมาก

วิวระหว่างทางกับวิวข้างๆ นาก็จะประมาณนี้ สวยมากกก

น้ำใสมาก แล้วใสไปตลอดลำธารเลยค่ะ ไม่คิดว่าจะได้เห็นภาพนี้ที่ไทย 5555



กลับมาถึงที่พักก็ไปอาบน้ำท่ามกลางความหนาว

แล้วก็มานั่งรอบกองไฟ นอนดูดาวกันค่ะ

คนไม่ได้เอาขาตั้งมาก็จะประมาณนี้ 555555

คืนที่ไปมีฝนดาวตกเจมินิดส์พอดีค่ะ ตรงนี้เห็นดาวชัดมากๆๆ

เลยได้เห็นหลายดวงเลย สวยมาก เงียบสงบมาก



DAY 2

STAY LOCAL

วันนี้ตื่นเช้าๆ กันค่ะ คุณแม่ของพี่เบิร์ดจะมาสอนทำข้าวเหนียว

แล้วก็ทำอาหารเช้าให้กินด้วย มื้อมังๆ ของเราา


เริ่มตั้งแต่แช่น้ำร้อนไปจนนึ่งบนเตาดินเลยค่ะ

พอเสร็จแล้วก็จับใส่กระติ๊บ พร้อมเสิร์ฟ

แล้วก็มาถึงฝั่งกับข้าวกันบ้าง ไปเก็บผักที่สวนผักกันเถอะ 🌱

โดยเกือบทุกมื้อจะเป็นมังสวิรัติหมดเลยค่ะ

แต่ถ้าอยากพกอะไรเข้ามาทำกับข้าวที่ครัวก็ได้หมดเลยนะคะ

ไม่จำเป็นต้องมังฯ

เสร็จแล้ววว 💚

กินข้าวเสร็จก็นั่งย่อยสักพัก

เดี๋ยววันนี้จะไปขึ้นดอยกันค่ะทุกท่าน!


HIKING TIME!

วันนี้จะไปเดินเขากันค่ะ เป็นโปรแกรมครึ่งวัน โดยดอยที่จะไป

ไม่มีชื่อค่ะ เพราะเป็นป่าชุมชน แต่ที่ทราบมาน่าจะเรียกว่าบ้านผาเวียงค่ะ

คุณไกด์จะพาขับรถขึ้นไปก่อน ถึงจุดนึงจะเดินต่อเข้าไปในป่าค่ะ


วิวปัวจากด้านบน

ทางขึ้นดอยจะเป็นลูกรังค่ะ ค่อนข้างชันเลยแหละ

9 โมงกว่ายังมีหมอกอยู่เลยย

วิวสวยมากกกก

เห็นภูเขาแบบ 360 องศาไปเล้ยยย

มาเดินชมหมู่บ้านชาวลัวะค่ะ แต่ทุกคนไปไร่ข้าวโพดกันหมดเลยไม่เหลือใครเลยยย

ถ้าจะมาตรงนี้ต้องมากับคนท้องที่นะคะ อย่าบุกมาเลย เพราะชาวบ้านกลัวคนนอกค่ะ :)

นี่ยังไม่ถึงเส้นทางเดินป่าที่จะไปเดินนะคะ 555

เริ่มเดินแล้วค่ะตรงนี้ อากาศไม่ร้อนมาก เดินชิลๆ

แมลงทับค่ะ เพิ่งเคยเห็นตัวเป็นๆ

สภาพเส้นทางค่ะ ในรูปไม่เห็นนะว่าชัน แต่น้องแทบจะคลานลงไป 5555

เตรียมรองเท้ามาดีๆ หน่อยนะคะ ลื่นจริง

เส้นทางนี้จะเป็นทางที่ชาวบ้านท้องที่ใช้หาของป่าค่ะ

หลังจากฝ่าเส้นทางอันหฤโหดที่ไม่ค่อยจะเป็นทางเข้ามาแล้ว

เราก็จะเจอน้ำตกเล็กๆ แบบนี้ แถวนี้คือต้นน้ำค่ะ

เดี๋ยวเราจะไปดูถ้ำแถวๆ นี้กัน

อันนี้คือทางขึ้นถ้ำที่พี่เบิร์ดเคยทำไว้ค่ะ เพราะไม่งั้นต้องปีนเถาวัลย์ 55555

ปากถ้ำค่ะ เป็นถ้ำที่ไม่มีชื่อเช่นกัน

หินงอกหินย้อยด้านในค่ะ

คุณไกด์บอกว่าจริงๆ ถ้ำสามารถเดินสำรวจต่อเข้าไปได้อีก แต่ต้องชำนาญทางหน่อย

สำหรับมือใหม่อย่างเรา ก็พอแค่นี้ก่อน 5555

มาดูถ้ำเสร็จก็สิ้นสุดเส้นทางวันนี้ล้าา เวลาประมาณเกือบเที่ยงพอดี

ปีนกลับขึ้นด้านบนกันค่า

Solid ground, thank you!

ถ้ามาหน้าฝน ตรงนี้จะเขียวทั้งภูเขาเลยค่ะ มาหน้าหนาวก็จะแห้งๆ หน่อย

จอดมอเตอร์ไซค์ไว้ไกลนิด ต้องเดินไปอีกหน่อย

วิวพรีเมียมมากทุกคน จะร้องไห้ มันดีย์

ฝั่งนี้ที่มองไปไกลๆ นู้นนนน คือดอยภูคาค่ะ

กลับที่พักมานอนพักผ่อนตอนบ่าย แล้วตอนเย็นค่อยกลับไปดูพระอาทิตย์ตกกันค่ะ


SUNSET

ทางเดิมกับเมื่อเช้าเลยค่ะ พอขับรถขึ้นมาพร้อมเดินต่ออีกหน่อย

โอ้ยยยยย Best moment of the day ไปเลยคุณ

แสงอาทิตย์ส่องลอดภูเขามา เป็นเงาสวยงามมม

the lonely tree

ไม่รู้จะบรรยายยังไงเลยฮะ ชอบมาก


DAY 3

RELAX

วันนี้ก็ตื่นเช้าเหมือนเคย ไปดูพระอาทิตย์ขึ้นกันค่ะ เทียบวิวเดิมเช้ากับเย็นเลย

โชคร้ายนิดหน่อย ขึ้นมาไม่เจอทะเลหมอก แต่ก็ยังสวยอยู่ดี

ทางที่ขึ้นมา ดูแสงที่กระทบบนเขาสิ

ไม่ใช่สวิสหรือเหอฮวนซันไต้หวัน แต่ปัวน่านเองจ้าาา

สวยมากกกกก

ถ่ายกับดอกหญ้า มโนว่าเป็นทุ่งดอกไม้

มีศาลาให้ขึ้นไปนั่งชมวิวได้นะคะ แต่ไม่รู้ต้องเดินขึ้นทางไหน 55555

ลงจากดอยก็เก็บกระเป๋า แวะมาเดินเล่นกับกินข้าวในเมืองปัว

เตรียมตัวกลับบ้าน

พระจันทร์มาบอกลาแล้วว

มาเที่ยวครั้งนี้เหมือนได้มาทั้งพักผ่อน เรียนรู้วิถีชีวิต

และรีเซท mindset อะไรหลายๆ อย่างเลยค่ะ

ถ้ามีโอกาสอยากให้ลองมาใช้ชีวิตแบบง่ายๆ ใกล้ชิดธรรมชาติกัน แถมวิวสวยๆ ให้ด้วย


สำหรับใครที่อยากได้ข้อมูลเพิ่มเติม + ไกด์นำเที่ยวท้องถิ่นปัว สามารถทักไปได้ที่

พี่เบิร์ด DaiDib DaiDee ที่นี่เลยน้าาา >


ขอบคุณที่อ่านมาจนจบค่ะ เจอกันทริปหน้านะคะ :)


ติดตามทริปอื่นๆ และรูปเพิ่มเติมได้ที่

FB http://www.facebook.com/agirlgoesthere

♡ Instagram: @agirlgoesthere

Blog http://www.agirlgoesthere.com

A girl goes there.

 วันจันทร์ที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2561 เวลา 17.32 น.

ความคิดเห็น