สวัสดีค่ะ,

เราผู้ซึ่งเป็นบุคคลที่ไปเที่ยวบ่อยมากกก ย้ำว่ามากจริงๆ จนมีคนบอกว่า "ทำไมไม่ทำรีวิว ลงเว็บง่ายๆก็ไม่ยากเลย" เอาจริงๆนะ เราอยากทำมาก แต่นี่ก็หาข้ออ้างสารพัด ไม่มีเวลาบ้าง จำไม่ได้บ้าง โน่นนั่นนี่ แต่เหตุผลจริงๆเลยคือ ...ขี้เกียจค่ะ 555 ซึ่งพอมาถึงทริปนี้ ไม่ได้จริงๆ ค่ะ ขอลงบ้างละกัน..


เกริ่นมาพอสมควร เริ่มละนะ

เริ่มจากการที่เราเห็นภาพการเที่ยวโบรโม่ของใครสักคน ตั้งแต่ตอนเรียนมหาลัย ซึ่งมันนานพอสมควรเลยค่ะ 55 เรียกได้ว่านี่คือ Dream Destination ที่นึงของเราเลยก็ว่าได้


เริ่ม.. หาไกด์ก่อนเลย ทีแรกจะใช้ไกด์ยอดฮิตที่คนไทยชอบรีวิว

- Adit Advanture แต่รู้สึกว่าเค้าตอบช้า ไม่เห็นเหมือนกับที่คนอื่นรีวิวว่าตอบไว บางทีก็อ่านแล้วไม่ตอบบ้าง และอีกอย่างคือทาง Adit สามารถไกด์ให้เรา และส่งเราถึงท่าเรือไปบาหลีเท่านั้น ...ซึ่งไม่ตอบโจทย์คนขี้เกียจอย่างเราค่ะ ข้าม!

ประจวบเหมาะกับที่มีเพื่อนใน Facebook คนนึงแอดมาชื่อ Elmo ecca (ใครจะไปตามแอด Elmo ได้เลยค่า) ซึ่ง Elmo เป็น Marketing อยู่ที่ Exotic java adventure และได้เสนอราคามาอย่างงาม พร้อมแพคเกจเริ่มตั้งแต่ สนามบินสุราบายา ส่งเราจนจบที่สนามบินบาหลี นั่นล่ะค่ะ ไม่หาต่อแล้วค่ะ เอาตามนี้เลย


สมาชิกของเราทีแรก 7 คน แต่โดนเทเนื่องจากมีความจำเป็นต้องไปจัดการธุรกิจ และเริ่มงานใหม่ จนเหลือสมาชิกอยู่ 4 คนค่ะ โดนเทรัวๆ

ข้อเสนอของ Elmo ดังนี้ค่ะ

Duration: 6 Days 5 Nights

Destination:

- Bromo ( penanjakan 1,crater , teletubies hills/savana ,whispering sands)

- Madakaripura waterfall

- ijen crater (blue fire)

- Explore Bali

Price:

- 4 PERSON, IDR 3.400.000 / person / PAX, If you add more people more low price

BEST PRICE

Include:

- Transport

- Driver

- Gasoline

- Parking

- Hotel cemara indah

- Homestay ijen

- Hotel Bali 3 nights

- Entrance fee all destinations

- Jeep bromo

- Drinking water 2x 1day

- Breakfast every homestay and Hotel

- free rent gas mask from me for hikking ijen

- taxi motor in madakaripura

- guide madakaripura, and ijen

- ticket ferry boat

Exclude:

- lunch + dinner

- cold equipments

- shopping

- Flight ticket

- horse riding

>>> itinerary for duration 6 days 5*nights

#Day 1

- 09.35.arrival at airport surabaya(checking baggage)

- 10.00 travel go to madakaripura waterfall

- 13.00 arrived and 3 hours explore madakaripura waterfall

- 17.00 check in Hotel cemara indah free and easy

#Day 2

- 03.00 view sunrise in Penanjakan 1 and explorer cauldron bromo ,teletubbies hills /savana, whispering sands.(use jeep)

- 10.00 back to hotel for breakfast

- 11.30 check out from hotel and travell to homestay ijen

-17.00 check in homestay ijen and rest

#Day 3

-00.45 morning call for prepare trekking at ijen creater

-01.00 check out from homestay and go to parking ijen

-01.45 arrived in parking ijen and start for trekking - 08.00 travel go to Port ketapang

-09.00 arrived in Ketapang Port to gilimanuk Port with ferry boat round 1 hours ( 1 Hours faster than Bali)

-11.00 arrived in gilimanuk Port and travell to Tanah lot temple

-15.00 arrived in tanah lot and waiting for sunset

-18.30 go to hotel kuta

- 20.30 check in hotel Kuta

#Day 4

- 04.00 wake up and go to pura ulun danu beratan to see sunrise

-Tegala lang rice terrace

- Pura tirta empul

- tegenungan waterfall

- Tibumana waterfall

- check in hotel kuta free and easy

#Day 5

- 08.00 canggu beach

- 11. 00 Balangan beach

- uluwatu beach

- if have time we go to another beach in Bali

- back to hotel

#Day 6

- 09.00 check out hotel

- 10.00 arrived in airport Ngurah rai and tour finish


สรุป 4 คน คนละ 3.400.000 IDR (7820 บาท เรท 0.0023) และเดินทางด้วยสายการบิน Scoot ลงสุราบายา (เปลี่ยนเครื่องที่สิงคโปร์) ขากลับ AirAsia ค่าเครื่องคนละ 6467 บาท ไป-กลับค่ะ (ไม่รู้แพงมั้ย แต่เราว่าโอเคแล้วนะ)

อันนี้ตารางแพลนการเที่ยวของเราค่ะ ก็ทำจากที่ Elmo ส่งมาให้นั่นแหละ เพื่อให้ดูง่ายขึ้น จะเห็นว่า ..ตื่นเช้ามากกกก ถ้าเป็นปกติอาจจะยังไม่ได้นอนก็ได้ และมีการปรับที่นอน เราจะไม่นอนที่ Ubud แล้ว แต่จะมานอน Kuta ทั้ง 3 คืนเลย (ในรูปไม่ได้แก้) เปลี่ยนมันกระทันหันก่อนบินเนี่ยละ ซึ่งทริปนี้เราขอบอกก่อนว่า main ของทริปคือโบรโม่ และคาวาอีเจี้ยนค่ะ ส่วนบาหลีนั้นเรามาพักร่าง พักผ่อน ชิลๆ เตรียมตัวกลับไปเป็นมนุษย์เงินเดือนอีกครั้ง

ทริปนี้ไม่ลำบากใดๆเลย เพียงแค่กายคุณพร้อมเท่านั้น...


Day 0 แบกเป้ขึ้นรถเมล์ ไปทำงาน เตรียมตัว ผจญภัย

"การที่เรารออะไรบางอย่าง อาจจะไม่ทำให้เราได้สิ่งที่เราอยากได้

การผจญภัยก็เช่นกัน ถ้าเรามัวแต่รอ เราคงไม่มีแม้แต่โอกาสให้ได้ออกไปผจญภัย"


กล้องที่ใช้ในทริป Sony A5100 กล้องรุ่นยอดฮิตที่ยังผ่อนไม่หมด, Nikon รุ่นอะไรไม่รู้ ของไกด์ และมือถือ LG G4 ที่เกือบพัง

รูปในทริปอาจจะไม่โปร ไม่สวย แต่มันสวยมากๆสำหรับตัวเราเองเสมอ ง่อออ สวย :)


เริ่มวันใหม่ ซึ่งเป็นวันไปทำงานที่โคตรตื่นเต้นที่สุด พร้อมเป้ 65 ลิตรที่แทบจะใหญ่กว่าตัวเราอยู่แล้ว ขึ้นรถเมล์ ไปทำงาน เป็นผู้หญิงโสด ต้องสตรอง แม่สอนไว้ ...ร้องไห้ 5555

ตกเย็นเลิกงาน เด้งทันที มุ่งหน้าไปสนามบินดอนเมืองเลยค่ะ ไฟลท์เราเวลา 22.55 น. โดย Scoot เป็นครั้งแรกที่บินกับสายการบินนี้ และ ...บินนิ่มมากกก ลงจอดสวยงาม นิ่ม ประทับใจ ชอบ! (ขออนุญาตข้ามช๊อตเปลี่ยนเครื่องไปเลยนะคะ ถึงสิงคโปร์ หาที่พัก กินข้าว และสำคัญสุดคือช้อป C&K สักใบก่อนเดินทางต่อ ใช่ค่ะ เราพ่ายแพ้ต่อสิงคโปร์ 555)


Day 1 Start

09.35 Arrived SUB

คนขับรถที่มารับเราชื่อ Yudha ไกด์ผู้เป็นทุกอย่างให้เธอแล้ว Yudha เป็นคนตลก กวนตีน ถ่ายรูปสวย พูดภาษาอังกฤษได้ดีทีเดียว และนางเป็นทุกอยางให้กับทริปของเรา ขับรถ ซื้อเบียร์ พาไปกินข้าว แปลเมนูอาหาร แนะนำของอร่อย ถ่ายรูป จ่ายค่าเข้าสถานที่ แนะนำสถานที่คร่าวๆ เป็นเพื่อนกินเบียร์ ...ทุกอย่างจริง!

รถตู้ขนาดเล็ก กับถนนอินโดนีเซียที่เล็กตามขนาดรถ พร้อมกับรถบรรทุกที่คิดว่าตัวเองเป็นเด็กแว๊น เรานี่เหยียบเบรคช่วย Yudha ตลอดทางเลยฮ่ะ โอ้ยย จะรีบไปไหนก๊านนน


หลังจากที่ Yudha มารับเราที่สนามบิน เราเรียกร้องหาของกินก่อนเลยค่ะ หิวมาก ทาง Yudha เลยบอกว่าเดี๋ยวแวะกินทางที่ไปน้ำตก

อาหารมื้อแรกของพวกเราที่อินโดนีเซียค่ะ ข้าวราดแกงดีๆ นี่เอง แต่อร่อยเฉย ไอ่ที่ราดๆ สีแดงๆ เผ็ดๆ นั่นละตัวเด็ดเลย และที่สำคัญคือไอ่ตัวนี้ อร่อยทุกร้าน มีทุกร้าน ต่างแค่ระดับความเผ็ดเท่านั้น ซึ่งเพื่อนเราเรียกมันว่า "น้ำพริกอ่อง" ..มันเหมือนจริงๆนะ


เราเดินทางกันต่อไปที่น้ำตก Madakaripura waterfall

ระหว่างทางไปน้ำตก วิวภูเขาไฟเรียงกันหลายลูก Yudha อธิบายว่าตรงนั้นเป็นตัวแทนของเทพ 3 องค์ของฮินดู นี่กว่าจะฟังออกว่าอะไรใช้เวลานานอยู่ ชื่อพระอินทร์ พระศิวะ พระนารายณ์ ภาษาอังกฤษนี่ไม่เคยรู้เลยอ่ะ 5555 แต่สำหรับตัวเราตอนนั้นนึกถึงทริปญี่ปุ่น ไปภูเขาไฟฟูจิ แต่ไม่เจอแม้แต่ฐานฟูจิซังเลย หมอกลง ฝนตก ดอกไม้เบาบาง นึกว่าอยู่สวนพฤกศาสตร์ เชียงใหม่ โอ้ยย เศร้า 5555

ถึงน้ำตกแล้ว ต้องนั่งมอเตอร์ไซด์เข้าไป และเดินเข้าไปอีกน่าจะ 2 กิโลได้ ซึ่งค่า Local guide รวมอยู่ในแพคเกจเรียบร้อย ไม่ได้จ่ายสิ่งใดๆเพิ่ม อ่อออ.. มีเสื้อกันฝน ถ้าไม่ได้เตรียมมา ซื้อเถอะ ถ้าไม่อยากเปียก

ทำไมเวลาไปเที่ยวต้องถ่ายกับป้าย แต่ก็ถ่ายนะ

Local guide ของเราเอง จำชื่อไม่ได้ เป็นไกด์ที่ดูแลดีมากก คุณจะไม่กังวลในการก้าวเท้าครั้งใดๆเลยต่อเมื่อไกด์จับมือคุณอยู่

ระหว่างทางสวย ร่มรื่นมากๆค่ะ อากาศเริ่มเย็นลงเมื่อไหร่ไม่รู้ รู้ตัวอีกทีก็ขนลุกแล้ว 5555 เดินเพลิน ไม่เหนื่อย ทางเดินง่ายมากๆ และไกด์จะบอกคุณเสมอว่า อีกนิดเดียว 5 นาทีก็ถึงแล้ว... เหรอ!

ให้ภาพมันเล่าทุกอย่างแล้วกันเนอะ

แค่ที่แรกเราก็ประทับใจมากๆแล้ว จากการที่คิดว่าเราเป็นคนโดนเท เรากลับคิดว่าเราเทเค้า หนีจากทุกสิ่งที่วุ่นวาย เพื่อกลับมาเสพธรรมชาติ และสิ่งที่สวยงามขนาดนี้มากกว่า ..โคตรคุ้ม

สิ่งที่ควรเอาเข้าไปคือกล้องที่กันน้ำได้ นี่เราทดสอบประสิทธิภาพความทนทานของ Sony A5100 มาเรียบร้อย อึด ถึก ชื้นได้ไม่เสียหาย ตากฝนมา 2 รอบ คุ้มแล้ว 5555 สงสารกล้องตัวเองมากค่ะ แต่ลืมเอา Action camera ไป แต่ก็รอดอยู่ ไม่เอาไปแช่น้ำก็พอ และควรใส่รองเท้า "ที่ไม่ลื่น" เพราะถ้าลื่น ก็ถอดเสื้อกันฝนเล่นน้ำไปเลยค่ะ เพราะไม่รอดแน่นอน

จากนี้เราเดินทางไปยังโบรโม่กันค่ะ ใช้เวลาไม่นานมาก ไม่รู้ว่าเพราะ Yudha ตีนผี หรือสถานที่มันอยู่ไม่ห่างกันมากก็ไม่รู้ค่ะ 5555 เราเดินทางกันไปต่อ เพื่อเข้าพักที่ Hotel cemara indah โรงแรมยอดฮิตที่เห็นตามรีวิว เปิดประตูห้องออกมาก็เจอเจ้าโบรโม่เด่นตระหง่านอยู่เบื้องหน้า สภาพห้องตามที่เห็นในรีวิวทุกอย่างเลย นอนไม่กี่ชั่วโมงเพื่อแลกกับวิวหลักล้าน ..คุ้ม

วิวระหว่างทางจะประมาณนี้ ดีต่อใจที่สุดในโลก ซึ่ง Yudha บอกเราว่า อยากแวะตรงไหนบอกนะ จะแวะให้ทุกที่ แล้วนางก็แวะให้จริงๆ ถ่ายรูปให้ด้วย จัดท่าทางให้ทุกอย่าง

วิวจากหน้าห้องพักก็จะประมาณนี้ ดีมาก ดีมากๆ ดีมากจริงๆ ไม่รู้จะบอกละว่าดียังไง แต่ไปเถอะ ควรไปจริงๆ

เราถึงที่พักเย็นๆ แยกย้าย อาบน้ำ เพราะหมักมาตั้งแต่วันที่ทำงาน ครบ 24 ชั่วโมงละจ้า ออกมากินข้าว จิบเบียร์ ท่ามกลางอากาศที่โคตรหนาว หนาวแบบไม่คิดว่าจะขนาดนี้ 10 องศา กับกางเกงขาสั้นไม่ใช่เรื่องตลก ฮือออ เช่าเสื้อหนาวด่วนค่ะ

อากาศหนาว จิบเบียร์ (ภาพจาก IG Story ขออภัย ลืมถ่าย แง) แล้วรีบนอน พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่มืด ใช่ค่ะ มืด!

แล้วเจอกันนะโบรโม่ เรารอเจอนายมานานมากๆ พรุ่งนี้เราก็จะเจอกันแล้ว


Day 2 God of Breath

เราตื่นมาตั้งแต่ตี 1 ด้วยเหตุที่ว่า หนาว! หนาวแบบหนาวมาก โรงแรมมีผ้าห่มให้สองผืน ใส่เสื้อหนาวนอน มันไม่พออออออ T T สั่นไปทุกอณูร่างกาย วิ่งไปเอาถุงเท้ามาใส่ให้ไว และเอาร่างไปซุกพี่ข้างๆที่มาด้วยกัน ก่อนทำใจลุกไปล้างหน้า แปรงฟัน ต่างๆนาๆ และแน่นอน ไม่อาบน้ำค่ะ ลาก่อย 5555 มันหนาวจนเครื่องทำน้ำอุ่นไม่สามารถอุ่นให้เราได้ จนตี 2 มิสเตอร์จอห์น Local guide คนขับรถจิ๊บของเรามาเคาะห้อง เพื่อเดินทางไป view point ชมพระอาทิตย์ขึ้น

เหมือนอยู่ในเกมอะไรสักอย่าง ซิ่งฝุ่นตลบกันมาด้วยเจ้านี่แหละ ทีแรกมืดๆก็ไม่รู้หรอกว่าทางขึ้น view point มันขนาดไหน พอสว่างเท่านั้นแหละ อื้อหืออ ชันมาก! ยอมใจในความชำนาญทางของมิสเตอร์จอห์นเลยค่ะ

ปล. มิสเตอร์จอห์นพูดอังกฤษได้น้อยมากกก แทบไม่ได้เลย เราสื่อสารกันผ่าน Google translate ค่ะ ไม่ยากเลย ขอบคุณเทคโนโลยีมา ณ ที่นี้

เราอยากถ่ายภาพทางช้างเผือกมาก แต่ลืมเอาขาตั้งกล้องไป เบลอสุด มันคือครั้งแรกในชีวิตเลยที่เห็นทางช้างเผือกพร้อมๆ กับดาวตก สวยมาก และเป็นครั้งแรกอีกเช่นกันที่มารอดูพระอาทิตย์ขึ้นตั้งแต่ตี 3

//เอามือทาบอกเบาๆ บางคนนี่ รอจนหลับ จนกรนแล้วกรนอีก

มาแล้ว หันไปเจอวิวแบบนี้ บรรยายยังไงดีหล่ะ พยายามอย่างสุดเพื่อให้ถ่ายไม่ติดคน คนเยอะมากกก รู้มาว่าช่วงที่ไปคือไม่ใช่ High season นะ ยังเยอะขนาดนี้ นี่ถ้า high season จะเยอะขนาดไหนละนี่ หาช่องไปจับจองถ่ายเจ้าโบรโม่กันดีกว่า

"สิ่งที่ธรรมชาติสร้างสรรค์ มักยิ่งใหญ่เสมอ"


เราว่าความฝันอย่างนึงในชีวิตเราทำสำเร็จแล้วหล่ะ มันอาจไม่ใช่ฝันที่ยิ่งใหญ่มากนักหรอก แต่อย่างน้อยเราก็ได้มันมา และมีกำลังใจในการทำฝันอื่นๆ ของเราต่อแล้ว ไม่เสียใจเลยที่มา เรากลับเสียใจกับคนที่ไม่ได้มากับเรามากกว่า ประทับใจแทบทุกอย่างที่เจอ วิวแบบนี้มันหาที่ไหนได้อีกหล่ะ จริงมั้ย?

อีกสักภาพ ก่อนที่จะลงไปสัมผัสเพื่อนใหม่ของเราให้ใกล้กว่านี้

เรานั่งรถจิ๊บกลับลงมาด้านล่าง มิสเตอร์จอห์นเช่าม้าให้พวกเรา คนละ 150.000 IDR ไปกลับ จริงๆราคาถูกกว่าม้าที่หัวหินอีกอ่ะ 55555 แต่ถ้าใครสะดวกเดิน เดินได้ค่ะ ได้แวะวัดระหว่างทางด้วย แต่กับระเบิดจากน้องๆ ม้าทั้งหลายจะเยอะมากๆเลยนะ ฝุ่นตามทางก็เยอะเช่นกัน เสร็จตรงนี้นี่ผมสาก แข็งกระด้างไปเลย "ว่าจะ" กลับไปอาบน้ำนะ

นะน้อง ค่อยๆไปไม่ต้องวิ่ง พี่กลัวว 5555 คนจูงมาจะพามาส่งตีนบันไดขึ้นโบรโม่เลย และให้เวลาเรา 30 นาที ไม่รู้ต่อรองเวลาได้มั้ยนะ คาดว่าเค้าน่าจะรีบไปทำรอบแน่ๆ

คนเยอะมาก เยอะพอๆกับฝุ่นนั่นหล่ะ ค่อยๆเดิน ค่อยๆไป โคตรเหนื่อยเลยสำหรับคนที่ไม่เคยออกกำลังกายเลยแบบเรา ก่อนมาว่าจะออกกำลังกาย ฟิตร่าง แต่ก็ทำได้แค่คิด จนสุดท้ายก็คิดว่า แบกเป้ขึ้นภูกระดึงเองได้ เดินได้ไม่มีลูกหาบ แค่นี้เราก็ต้องทำได้สิวะ! (ปากดีสุด)

เนี่ยละ พักทุกที่ที่มีให้พักเลยค่ะ 30 นาทีที่ให้มาแทบจะหมดไปกับการนั่งพัก โกรธตัวเองที่ไม่ฟิต โกรธตัวเองที่ขี้เกียจมากๆ เลย ณ ตอนนั้น แต่วิวด้านบนระหว่างเดินขึ้นบันได พอหันกลับมาเห็นแบบนี้ก็น่าพักถ่ายรูปใช่มั้ยละคะ? (ปลอบใจตัวเอง)

เสียงเหมือนมีเครื่องจักรขนาดใหญ่ กำลังทำงานอยู่ด้านล่างนั่น หวาดเสียวมาก สูงมาก ที่กั้นแทบไม่ได้ช่วยให้ปลอดภัยเท่าไหร่ รองเท้าที่ใส่มาค่อนข้างสำคัญมากๆเลยค่ะ เพราะคนเยอะ ทางเดินแคบ มีรั้วกั้นด้านเดียว ข้าวก็ยังไม่ได้กิน หน้ามืดมานี่ก็เลือกเอาค่ะว่าล้มซ้ายหรือขวาดี 55555 หวาดเสียวไปหมดดด

รัก

มิสเตอร์จอห์นพาเรามาทุ่งหญ้า Savannah ก็ทุ่งหญ้าง่ะ ทุ่งหญ้า แค่วิวเหมือนไม่ใช่อินโดนีเซียเลย มันดูสวยไปหมด


และมิสเตอร์จอห์นก็ขอกล้องเราไปถ่ายให้ ไม่คิดว่าจะออกมาสวยขนาดนี้ง่ะ ถ่ายเก่ง ยอมเลย จากนี้เราก็ฝากกล้องไว้กับมิสเตอร์จอห์นได้เลยค่ะ 555555 แพคเกจคนขับรถแถมตากล้องก็มา


เราไปต่อกันที่ Whispering sands

Mission complete!


Whispering sands คู่กับวิวทุ่งหญ้า Savannah ภาพโดยมิสเตอร์จอห์น

Thanks Jeep!


กลับโรงแรม ทานข้าวเช้ากันค่ะ และใช่ค่ะ! เราไม่อาบน้ำกันแล้ว ไม่มีใครสู้กับน้ำเย็นๆ ของที่นี่เลย ยอม! เดี๋ยวว่ากันอีกครั้งที่โรงแรมตรงคาวาอีเจี้ยนเนอะ

เป็นการทานข้าวเช้าที่วิวอร่อยที่สุดในชีวิตตั้งแต่เกิดมาเลย


Yudha ไม่ได้อยู่กับเราทั้งคืน เนื่องจากขออนุญาตกลับบ้านไปเยี่ยมญาติที่โรงพยาบาล และจะกลับมารับพวกเราตอนเช้าอีกครั้ง และเรามาทราบทีหลังว่าญาติเสียหลังจากที่เค้าไปเยี่ยมได้ไม่นาน เสียใจด้วยนะคะ แถมไม่ได้ไปงานใดๆทั้งสิ้นเพราะมีงานต้องทำ ซึ่ง Yudha บอกว่าไม่เป็นไร เพราะนี่คืองานของเขา คนเราสักวันเดี๋ยวก็ต้องตายอยู่ดี..

ตบท้ายด้วยว่า ไปเถอะ ตามมา เดี๋ยวถ่ายรูปให้ จะพาไปเดินเล่น แต่เนื่องจากสมาชิกในทริปยังไม่อิ่ม มีเราคนเดียว ก็ไปค่ะ เดินไปกะนางสองคน ตลกดี และนี่เป็นฝีมือ Yudha ค่ะ

แล้วเราก็เก็บของ Check-out เพื่อเดินทางต่อไปที่ Kawah Ijen กัน เรามาถึงกันตอนเย็นของวันนั้น Yudha พาเราไปแช่บ่อน้ำพุร้อนเพื่อผ่อนคลาย โดยที่พักและบ่อน้ำพุร้อนจะอยู่ในหมู่บ้านที่ทำกาแฟ และชาวบ้านแถวนี้คือมีอาชีพปลูกกาแฟให้โรงงานตรงนั้นหมดเลย และเราเห็นว่าชาวบ้านจะขี่มอเตอร์ไซด์ลงมาแถวบ่อน้ำพุร้อนเพื่ออาบน้ำ เราสงสัยเลยถาม Yudha ไป


Me: ทำไมต้องมาอาบที่นี่ ไม่อาบในบ้านตัวเองหล่ะ

Yudha: มันสะดวกกว่าการดูแลห้องน้ำในบ้าน พวกเขาไม่มีเวลามากพอมาทำความสะอาดหรอก เลยเลือกแบบนี้

Me: อ่าว ไม่มีห้องน้ำในบ้านแล้วถ้าถ่ายหนัก หรือเบาหล่ะ ทำไง

Yudha: Anywhere

Me: O_o !!

แช่น้ำดีกว่า ตรงที่แช่ให้แค่นักท่องเที่ยวเข้ามาค่ะ สะอาด ปลอดภัย วางใจได้ (ขาใหญ่จังชั้น T T) พอแช่น้ำจนพอใจแล้ว เข้าที่พัก ทานข้าว อาบน้ำนอนกันค่ะ ที่พักของเราพักที่ Arabica homestay

ขอบคุณภาพจาก Elmo ค่ะ


ด้านหลังที่พักเป็นวิวคาวาอีเจี้ยนเลยค่ะ แต่เนื่องจากเรามาถึงค่ำแล้ว ไม่เห็นอะไรเลย นอนพักเอาแรงละกัน อีก 1 Dream กำลังจะเริ่มพรุ่งนี้แล้ว

See you guys!

Day 3 Kawah Ijen

Yudha มาปลุกเราตั้งแต่ตี 2 นางเตรียมอาหารเช้าไว้ให้ เพื่อทานหลังจากเสร็จภารกิจคาวาอีเจี้ยน เดินทางจากโฮมสตย์สักพัก ก็ถึงทางเข้า อากาศหนาวมาก แต่น้อยกว่าโบรโม่ ก่อนเริ่มต้นเดิน Yudha จะถามเราว่าใครมีโรคประจำตัว หรือเป็นโรคหอบมั้ย ซึ่ง ไม่มีค่ะ เรามีแต่โรคอ้วน ครั้งนี้ Local guide ของเราชื่ออาซอ พาเราเดินขึ้น 3 กิโลเพื่อไปปากปล่อง และ Blue Flame ซึ่ง ....ใช่ค่ะ คนไม่ออกกำลังกายอย่างเราไปไม่ทันค่ะ 555555555 โดยกิโลเมตรแรกจะเป็นทางราบ ที่เราว่ามันชัน และ 2 กิโลเมตรสุดท้ายคือขึ้น ขึ้น และขึ้นอย่างเดียวเลย พื้นเป็นกึ่งๆหินกรวดง่ะ มันเดินยากมากเพราะลื่นค่ะ และตั้งแต่เลิกกับแฟนมายังไม่ได้จับมือชายใด นอกจากมือไกด์เนี่ย แถมจับนานสุดละ ตลกอ่ะ 5555 อาซอพาเดินไม่ลื่นเลย ไว้ใจได้มาก ถึงมากที่สุด แถมมีแท๊กซี่ๆเรียก และจราจรตลอดทาง เสียแรงส่งในการเดินมาก และเคยเห็นแต่ขับรถโค้งตัวยูขึ้นเขา นี่เดินค่ะ ชัน! มาก! เหนื่อย พัก! ไม่ทัน ตรึ่งงงง

อาซอวิ่งลงไปถ่ายให้เรามา เราเห็นจากไกลๆ ลิบๆ สีฟ้าๆแว๊บๆ ฮืออ กราบขอบคุณอาซอมาก

พอสว่างก็ลงไปถ่ายแอ๊คๆสักหน่อย

หมอกจางๆและควัน ..หลังจบรูปนี้น้ำตาไหลเลยค่ะ ซึ้งหรอ? เปล่าเลย แสบตา แงงงงง T T

ตะกายขึ้นมาจากปากปล่อง เห็นทางเดินที่เราเดินมาตอนมืดๆแล้ว ก็นะ...เทียมเมฆเลย ฟินเด้อ

เดินกลับลงมาถ่ายป้ายทางเข้าด้านหน้า เดี๋ยวไว้มีโอกาสจะกลับมาหาอีกนะ สัญญา..


กลับลงมา ทานข้าวเช้าที่ Yudha เตรียมมาให้ ล้างไม้ล้างมือ แล้วเดินทางกันต่อจุดหมายต่อไป บาหลีค่ะ

ระหว่างทางลง จะมีน้ำตกมาให้เป็นของแถม Kali pati waterfall เป็นน้ำตกกำมะถัน น้ำที่ไหลลงมาจะมาจากทะเลสาปด้านบนคาวาอีเจี้ยนค่ะ ห้ามจับเด็ดขาด อันตรายมากจ้า ลมพัดมาที แสบตาไปหมด

Yudha ไกด์ผู้เป็นทุกอย่างให้เธอแล้ว ..แฟนหลายๆ คนยังไม่ทำให้ขนาดนี้เลย 5555


ไปๆ ไปบาหลีกันค่ะ เรามาถึงเกาะบาหลีกันช่วงบ่ายๆ เผชิญรถติดกันมานานมากกก รถเยอะมาก รถติด ถนนแคบ เมืองไทยนี่ชิดซ้ายไปเลยจ้ะ

Tanah Lot temple จุดชมพระอาทิตย์ตกของเรา และจบวันกันที่นี่ และ ใช่ค่ะ นั่นคน!

พระอาทิตย์ดวงเดิม แต่บรรยากาศไม่ซ้ำกันซักวัน


เล็กน้อยก่อนเดินทางไปโรงแรมจ้า

จากนี้ 3 วันเราจะพักกันใกล้ Kuta beach ชื่อ Pop hotel เข้าโรงแรมแล้วสลบเลยค่ะ หมดแรง จากนี้ขอพักร่าง เที่ยวชิวๆแล้วกัน เหนื่อย แต่สนุก

Day 4 Time to relax

พวกเราสลับตารางเที่ยว จากวันที่ 4 มาเป็นวันที่ 5 เพราะทุกคนเหนื่อยกันมากๆจาก 2 วันที่ผ่านมา แต่ก็ตื่นเช้าอยู่ดี 55555 พวกเราออกจากโรงแรมกันเวลา 8.30 น. เพื่อไปยังหาด Canggu beach และ Balangan beach เราไม่ได้ถ่ายมามากนัก เราว่าทะเลไทยมันสวยกว่าง้ะ 55555 น้ำเย็น คลื่นแรง เหมาะกับการมาเล่นเซิร์ฟอย่างเดียวเลยจ้า ...แต่ฝรั่งงานดี คอนเฟิร์ม

เราทานข้าวกลางวันกันที่ Balangan beach เราคิดถึงหมูแล้วว แงงงง

ฝั่งบาหลีไม่ค่อยใช้กล้องตัวเองเท่าไหร่ มี Yudha เป็นตากล้องให้ สบายละ!


ไปต่อกันที่ Uluwatu temple กันเลย!

ที่นี่ลิงเยอะมาก! ระวังโดนขโมยแว่น ฉกสร้อยกันได้นะคะ เค้าว่าคนที่นี่นับถือลิงใช่มั้ย?


เราเสร็จจาก Uluwatu ประมาณ 5 โมงเย็น กลับ Kuta beach กันค่ะ ได้เวลาแยกย้ายกันไปช๊อปปิ้ง พรุ่งนี้ยังเหลือเวลาให้ได้พักผ่อนอีกวัน

ปล.เบียร์อินโดอร่อยง่ะ

Day 5 The last day in Indonesia

วันสุดท้ายแล้วจ้า

เราตื่นกันสายมาก และคิดว่าโปรแกรมน้ำตกที่แพลนไว้ คงไม่ได้ไป และวัดน้ำพุศักดิ์สิทธิ์ ก็คงไม่ได้ไปค่ะ 55555555

pura ulun danu beratan ที่อยู่ในแบงก์ 50000 IDR ทีแรกเห็นรูปที่คนอื่นถ่ายมา เรานึกว่าจะใหญ่กว่านี้นะ แต่สวยมาก อากาศดี ตอนเช้ายังร้อนอยู่เลย ตื่นมาอีกทีอยู่บนเขา อากาศเย็นละ สดชื่น!

Thanks Yudha!

ทานข้าวเสร็จแล้ว เรามาต่อกันที่ กาแฟขี้ชะมดกันเลย!

ชิมวนไปค่ะ ทุกอย่างชิมฟรี ยกเว้นกาแฟขี้ชะมด แก้วละ 60000 IDR ค่ะ

Tegala lang rice terrace หรือนาขั้นบันได เราว่าบ้านเราก็มีน้า 55555 มีชิงช้าสูงๆ ถ่ายรูปน่าจะสวยค่ะ แต่เราไม่ได้เล่น เพราะใกล้จะเย็นแล้ว สมาชิกอยากกลับไปช๊อปต่อมาก และวัดน้ำพุศักดิ์สิทธิ์เราก็ไม่ได้ไปค่ะ น้ำตก 2 ที่เราก็ยกเลิก เพื่อจะกลับไปช๊อปปิ้งโดยเฉพาะเลยค่ะ


เรามาช๊อปกันแถว Pub Street ใกล้กับ Kuta beach และที่พัก ต่อราคาสนุกมาก ทริคในการช๊อปคือ ต่อราคาให้ได้มากกว่า 50% จากที่เค้าตั้งมาค่ะ ถ้าเค้าไม่ให้ เราเดินหนีเลย เดี๋ยวเค้าจะโอเคเองค่ะ สนุก เลิศ!


Day 6 Goodbye

ตื่นเช้า เดินทางไปสนามบิน เพื่อเตรียมตัวกลับ Yudha มาส่งเราถึงสนามบิน ต้องจากเพื่อนใหม่แล้วก็เศร้าแปลกๆ เราอยู่กันมา 6 วันจนสนิทกันแล้ว ไว้ครั้งหน้ามาใหม่ เจอกันอีกนะ!


หลับตั้งแต่เครื่องยังไม่ขึ้นจากสนามบิน หลับสนิทชนิดที่ไม่รู้ว่าจริงๆ แล้วรันเวย์อยู่ติดกับทะเล ...


สุดท้ายนี้ ขอบคุณตัวเองที่ยังมีกำลัง ก้าวออกจาก Comfort zone ในประเทศตัวเอง ก้าวข้ามไปยังประเทศต่างๆ เพื่อเรียนรู้สิ่งที่เราไม่สามารถหาได้จากที่ที่เราจากมา ผู้คน วัฒนธรรม การเป็นอยู่ ศาสนา หรือแม้แต่อาหารการกิน


Dream destination ที่นึงในใจของเรา เราทำมันสำเร็จแล้ว อาจจะไม่ใช่ที่ที่ยิ่งใหญ่มากนัก แต่เราโคตรภูมิใจเลย และทำให้เรากล้าที่จะก้าวต่อไปทำ Dream อื่นๆ ให้สำเร็จต่อ

พอมีคนถามว่าเป็นไงบ้าง ไปเที่ยวมาสนุกมั้ย เรามักจะตอบไปว่า ..สนุกมาก ไปเถอะ ควรไป สักครั้งในชีวิต

ปล.แล้วเจอกันงาน Bromo Jazz ถ้ามีโอกาส :)

รัก


ฝากงาน ฝากบทความ ฝากตัว ฝากใจ ฝากทุกสิ่ง เข้าไปดุ๊

เสียมเรียบ เงินราบ ..ปีใหม่นี้ ณ เขมร Ep.1/2

เสียมเรียบ เงินราบ ..ปีใหม่นี้ ณ เขมร Ep.2/2

Mermaid on Earth

 วันอังคารที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2562 เวลา 17.10 น.

ความคิดเห็น