เราเชื่อว่านักเดินทางทุกคนล้วนแล้วแต่มี Dream destination ในใจกันอยู่แล้ว ใช่ค่ะ! นครวัดคือ 1 ใน Dream ของเราเอง ในเมื่อฝันอยากจะไปมานาน ก็ขอลองไป Happy New year มันด้วยซะเลย ดูสิว่ามันจะเป็นยังไง ต่างจากเซนทรัลเวิลล์ขนาดไหน

ป่ะ! ไปดูกัน

เราเริ่มต้นทริปโดยการโดนเท! อีกแล้ว! ทริป Dream destination ของเราเริ่มต้นแบบเดิมซ้ำรอบ 2 ใครยังไม่ตาม ถือโอกาสฝากซะเลย >> ใครไม่อิน เราอินโด [โบรโม่ อีเจี้ยน บาหลี] 6 วัน 5 คืน กับ 4 สหายผู้โดนเท

แต่ไม่เป็นไร ดีนะยังเหลือพี่อีกคน ขอบคุณที่ยังไปด้วยกัน

ทริปนี้เราเดินทางกันด้วย Air Asia ขาประจำของเรานั่นเอง ออกเดินทาง 2 ทุ่ม ยังไม่ทันเขียนใบตม.เสร็จเลย ถึงละ! ใช้เวลาเดินทางทั้งหมด 1 ชั่วโมงถ้วน เร็วเฟร่อออ

เราได้ทำการติดต่อคนขับรถตุ๊กๆ และรถยนต์ให้เราตลอด 3 วันนี้ ณ เขมร คือพี่ชู (Chhay Chou) สามารถพูดไทยได้ชัดแจ๋ว มีบริการทั้งตุ๊กๆ และรถยนต์ แถมด้วยน้ำดื่ม กับผ้าเย็นฟรีตลอดทั้งวัน ใส่ใจ และตรงต่อเวลามากก เราใช้บริการพี่ชูทั้งหมด 3 วัน ตุ๊กๆ 2 วัน และรถยนต์ 1 วัน สนนราคาอยู่ที่ 120$ ใครสนใจติดต่อ คลิ๊กตามลิ้งค์ได้เลย!

เราพักกันที่ Botoum hostel มีรถมารับจากสนามบินฟรี โรงแรมดี สะอาด ราคาไม่แพง อยู่ไม่ไกลจาก Pub street แต่! เดินไม่ได้จ้า ใกล้ก็จริงแต่ทางเปลี่ยวมาก มืดมาก และไม่มีใครเดินเลยยย ต้องพึ่งตุ๊กๆของโรงแรมเท่านั้น ไป-กลับ สนนราคา 5$ แต่ถ้าไปอย่างเดียว 2$ ไป! เก็บของเสร็จก็หาเบียร์กินกันดีกว่าค่ะ

Happy Pizza 1$

ถึงแม้ว่าเราจะหิวข้าว แต่เราก็มักจะหิวยอดข้าวมากกว่าเสมอ อร่อยรองท้องไปก่อน เมนูหลักกำลังจะมา!

เราชอบเที่ยวแนวธรรมชาตินะ แต่เราก็ขาดแสงสีไม่ได้เช่นกัน!

หลังจากที่เราลงพื้นที่สำรวจร้านต่างๆ ถึง 3 ร้าน ก็ได้เวลาที่เรานัดกับคนขับตุ๊กๆ ของโรงแรม กลับห้องเพื่อเตรียมตัวไปดูพระอาทิตย์ขึ้นกันดีกว่า


4.30 น. คนขับรถที่เราจ้างมาตั้งแต่อยู่ที่ไทยพี่ชูนั่นเองง ได้มารับเราที่หน้าโรงแรม เพื่อรับเราไปซื้อตั๋วเข้านครวัด อากาศเสียมเรียบวันนี้กำลังสบาย แต่ถ้าตอนกลางวันก็ ....ร้อน!

62$ 3 days pass สำหรับค่าเข้านครวัด และวัดต่างๆโดยรอบ ได้ตั๋วแล้วก็ไปค่ะ

See Angkor Wat and die

เราโคตรประทับใจวิวตรงหน้า มันสวยมากๆ สมกับที่เค้าบอกให้มาดูนครวัดสักครั้งกับตาก่อนตายจริงๆหล่ะ เราสามารถยืนดูพระอาทิตย์ขึ้นเฉยๆได้นิ่งๆเลย โคตรขอบคุณตัวเองที่พาตัวเองมายืนอยู่ตรงหน้าวิวนี้ได้ มีความสุขมาก :)

ภาพตรงหน้ามันสวยมาก จนเวลาที่มันเดินอยู่รอบตัวแทบจะหยุดลง ช่วงจังหวะที่พระอาทิตย์กำลังจะโผล่ขึ้นมา นักท่องเที่ยวทุกคนเงียบ ไม่ค่อยมีเสียงพูดคุยกันดังมากนัก เหมือนกับว่าทุกคนกำลังเฝ้ารอช่วงจังหวะเวลาตรงหน้านี้อยู่เช่นเดียวกัน มันคือโคตร Magic moment เลย

แต่!!

ขอแนะนำว่าจริงๆเราไม่จำเป็นต้องตื่นตี 4 เพื่อที่จะมารอดูพระอาทิตย์ขึ้นก็ได้นะ เราหาเวลาพระอาทิตย์ขึ้นจากในอินเตอร์เน็ต แล้วมาก่อนเวลานั้นสัก 30 นาทีก็ได้ เพราะคนมันเยอะมากกกกกกก มากถึงมากที่สุด ที่เราให้มาก่อนพระอาทิตย์ขึ้นสัก 30 นาที เนื่องจากคนที่เค้ามาก่อนจะถ่ายรูปเสร็จ ละเค้าจะออกกันเลย ไม่ช้ามาก ไม่ค่อยมีคนแช่จุดนี้นานหรอกค่ะ เราก็เป็นหนึ่งที่ได้รูปแล้วก็ออกไปปราสาทอื่นก่อนเช่นกันค่ะ ด้วยเหตุที่ว่า ..หนีทัวร์จีนจ้า

จำนวนคนที่มารอพระอาทิตย์ขึ้น เยอะมั้ยละ! เชื่อเราเหอะ ไม่ต้องแหกตาตื่นมารอตั้งแต่เช้ามืดหรอก ง่วงก็ง่วง คนก็เยอะ เอาเวลาไปนอนเถอะค่ะ!

หลังจากดื่มด่ำกับพระอาทิตย์ขึ้นแล้ว เราก็วางแผนหนีทัวร์จีนไปนครธมกันก่อน 5555 เพราะทัวร์จีนจะเริ่มเข้านครวัดนี้ก่อนเป็นอันดับแรกค่ะ! กระโดดขึ้นตุ๊กๆ แล้วไปโลด


ชั่วโมงประวัติศาสตร์... ดึ่งดึงดึงดึ๊งดึงดึ่งดึงงง

Bayon temple ถูกสร้างขึ้นโดยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ซึ่งเชื่อว่าตนเองเป็นร่างอวตารของพระพุทธเจ้า นิกายมหายาน และตัวพระเจ้าชัยวรมนที่ 7 เองก็นับถือศาสนาพุทธเช่นกัน และปราสาทบายนยังถูกสร้างให้อยู่ตรงกลางของนครใหม่แห่งนี้... นครธม

จบ! สั้นโคตร

ไปเดินดูรอยยิ้มบายนกันน่าจะดีกว่า

พี่ชู คนขับรถของเราบอกว่ามีทั้งหมด 200 กว่าหน้า แต่เราไม่นับนะ ขี้เกียจจ้ะ 555 แค่เดินเข้ามาภายในปราสาทนี้ทุกคนจะรู้สึกหลอนแบบแปลกๆ เหมือนมีคนกำลังมองเราอยู่ทุกทิศทาง และเมื่อคุณถ่ายภาพ กล้องจะไปโฟกัสหน้าที่ปราสาท ไม่ใช่หน้าตัวเอง ตลกกก 555

สิ่งที่บันเทิงอีกอย่างนึง คือ เมื่อเรากดถ่ายภาพวิวเมื่อไหร่ กล้องจะเปลี่ยนโหมดออโต้เป็น Portrait ให้เราโดยทันที จนเราต้องเตือนสติกล้องตัวเองให้กลับมาเป็น Landscape อยู่เรื่อย ฮัลโหลล กล้องจ๋า กำลังถ่ายวิวอยู่เด้ออ ;)

ปราสาทบายนมักจะมีพระสงฆ์มาเรียนรู้ประวัติศาสตร์ รูปสลักตามกำแพงเสมอ รูปนี้ทีแรกอยากถ่ายตอนที่พระกำลังเดินดูปราสาท ฟังไกด์ และจดบันทึก พอพระเห็นเรายกกล้องถ่ายเท่านั้นแหละ วิ่งจีวรแทบปลิว สงสัยคิดว่าตัวเองกำลังบังวิวอยู่ จะบอกว่าขอโทษก็พูดไม่เป็นอี๊กก ไม่ต้องรีบ เดี๋ยวจีวรหลุ๊ดด

พี่ชูนัดจุดนัดพบอีกฟากของปราสาท ทิศตรงข้ามกับที่มาส่งเรา แต่ แต่ พวกเราหลงค่ะ เจอกองหินเลยถ่ายซะหน่อย แก้เขิน เดินวนมันครบ 4 ทิศเลย เดินไปๆมาๆ แค่ปราสาทบายนนี่ก็กิโลกว่าแล้วมั้งเนี่ย เดี๋ยวตอนท้ายจะมาสรุปให้ดูกันว่าทั้งหมด 3 วันนี้ เราเดินไปทั้งหมดกี่กิโล!

ปราสาทบาปวน... เป็นปราสาททรงพีระมิด เคยบรรจุศิวลึงค์ทองคำ แต่ตอนนี้หายไปแล้ว เคยเป็นปราสาทของฮินดูมาก่อน แต่พอยุคสมัยที่ศาสนาพุทธรุ่งเรือง ตัวปราสาทโดนรื้อนำหิน อิฐต่างๆ มาสร้างเป็นพระพุทธรูปปางไสยยาสน์อยู่ด้านหลังปราสาท >> นี่คือประวัติทั้งหมดที่เราทราบ 5555

เราเดินหาพระพุทธรูปนานมากกกก ในบอร์ดประวัติคือพระพุทธรูปองค์ใหญ่มากกกก และเห็นชัดมากๆ เราเดินหาจนคิดว่า ...หรือเป็นเพราะเราบาปหนาเกินเลยหาไม่เจอวะ? สรุปคือไม่ค่ะ โง่ล้วนๆ

ก่อนที่เราจะเห็นคือเดินจนเหนื่อย ถอดใจ และเดินออกมาซื้อน้ำ นั่งพัก แล้วกำลังจะเดินไปปราสาทต่อไป ตาเหลือบไปเห็นหนุ่มฝรั่งนางหนึ่ง หน้าตาจิ้มลิ้มมาก มากชนิดที่ว่ามองตามเลยแหละ หึ! นางเดินไปถ่ายรูปปราสาทจากด้านหลัง ซึ่งทีหลังเราคิดในใจว่า "มันจะสวยเหรอวะ?" เลยเดินไปดูบ้างตอนนางไปแล้ว ถึงบางอ้อเลยค่ะ นั่นไงพระ! อยู่หลังปราสาทจริงๆ พระนอนจริงๆ เออ เจอละ! นั่งพักมองปราสาทอยู่นานไม่เห็น ตามผู้ชายปุ๊บ เจอปั๊บ!

เดินตามทางมาอีกหน่อย จะเจอกับปราสาทปาลิไลยก์ ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับตัวปราสาทนี้เลย โล่งมาก จะไปอาศัยไกด์ฝรั่งแถวนั้นก็แลจะขี้เกียจแปล แต่ถ่ายรูปสวยมากค่ะ เป็นเนินขึ้นไปสูงๆ แต่เวลาเดินขึ้นไปอาจจะต้องระวังลื่นเล็กน้อย และไม่สามารถปีนเข้าไปถึงตัวปราสาทได้นะคะ เนื่องจากมันอันตรายค่ะ ระหว่างถ่ายรูปไปก็มีเสียงสวดภาษาเขมรไป หลอนแปลกๆดีเหมือนกัน พอเดินมาอีกหน่อยก็เจอต้นตอของเสียง ดูเหมือนว่าเค้ากำลังมีงานบุญกันอยู่ละมั้ง ตรงนั้นจะเป็นที่ตั้งของลานช้าง ซึ่งเราไม่ได้เข้าไปดูอย่างละเอียด เพราะ ร้อน เหนื่อย หิว!


...หิวแล้ว พี่ชูชวนเราพักกินข้าว เพื่อหนีทัวร์จีนที่จะไปปราสาทตาพรหมกัน

ข้าวผัดหมู อาหารเบสิคและสิ้นคิดสุดๆ สนนราคาอยู่ที่ประมาณ 7$ ราคาก็สูงอยู่ (มั้ง) แต่มีแอร์ มี wifi ห้องน้ำสะอาด ถือว่าโอเคมากๆสำหรับพวกเราค่ะ ทานข้าวผัดไป แกล้มกับ หมึ๊ก ไป อร่อยใช้ได้ หมึกกระตอยคั่วน้ำจิ้มอร่อยๆ จากปากน้ำปราณฯ เนี่ย! ลากเจ้าของแบรนด์มันมาเที่ยวด้วย ก็ใช้พื้นที่โฆษณาให้ด้วยซะเลย ตามลิ๊งค์เข้าไปสั่งมาลองกันได้เลยจ้า 5555

ปราสาทตาพรหม เปิดปราสาทมาทางด้านข้างซะเลย ใช่ค่ะ เพราะเราไม่ได้ถ่ายด้านหน้า 5555 โดยปราสาทนี้ถูกสร้างขึ้นในสมัยยุดท้ายๆของอาณาจักรเขมร ถูกสร้างมาเพื่อเป็นพุทธศาสนสถาน แต่ก็ได้ถูกทำลายลงโดยยุคสมัยถัดไปที่กษัตริย์นับถือศาสนาฮินดู โคตรเสียดายอ่ะ และต่อมาในปัจจุบัน การที่จะบูรณะปราสาทต่างๆ ทางรัฐบาลเขมรได้ตัดต้นไม้ออก เพราะกลัวมันใหญ่เกินจนทำปราสาทพัง แต่สำหรับปราสาทตาพรหม ทางรัฐบาลอยากให้คงสภาพเดิมไว้ เพื่อที่จะแสดงให้เห็นว่าธรรมชาติสามารถอยู่ร่วมกับสิ่งที่มนุษย์สร้างมาได้กว่า 500 ปี ซึ่งในสมัยโบราณก่อนสร้างปราสาทจะมีการเคลียต้นไม้ก่อนน่ะแหละ แต่สุดท้ายก็ไม่สามารถเอาชนะธรรมชาติได้ไง...

เพราะฉะนั้นไฮไลท์ของการมาปราสาทตาพรหมนี้ก็จะอยู่ที่การตามล่าหาต้นไม้เหล้านี้นี่แหละ ให้อารมณ์เหมือนเรากำลังเล่นเกมตามหา RC กันอยู่เลยค่ะ เดินไป งงไป ทีแรกหาไม่เจอหรอก ทั้งๆที่ต้นไม้ก็ใหญ่มากนะ ตลกดี เดินจนเหนื่อย จนท้อเลยอ่ะ ทั้งๆที่มันมีแผนที่บอกนะ ถ้าดูแผนที่แต่แรกก็เจอนานแล้วไงงงง ว๊อยยย!

ปราสาทนี้เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก เนื่องจากได้ถูกนำมาถ่ายทำภาพยนตร์ชื่อดัง เช่น ทูม ไรเดอร์ และเจมส์บอนด์ นั่นเองงง การจะถ่ายรูปให้ไม่ติดคนก็เป็นชาเลนจ์อย่างนึงของที่นี่เช่นกันนะ 5555

นางอัปสราที่ซุกซ่อนอยู่ในรากไม้ กว่าจะหาเจอ หายากมากกก มุดแล้ว มุดอีกก หลงแล้ว หลงอีก แล้วไม่ใช่จุดใหญ่แบบต้นไม้ คือเล็กมากกก ต้องสังเกตให้ดี หรือไม่ต้องสนใจสิ่งที่นักท่องเที่ยวมุงอยู่นั่นแหละ ถ้ามีคนมุงเมื่อไหร่ แสดงว่าตรงนั้นต้องมีอะไร!

นอกจากนางอัปสราในรากไม้แล้ว รูปปั้นไดโนเสาร์ก็เป็นอีกหนึ่ง RC ที่เราเดินหา นี่แทบจะเดินดูทุกเสาที่มีในปราสาทแล้วค่ะ สุดท้ายก็นั่นแหละ ที่ใดมีคนมุง ที่นั่นย่อมมีอะไรเสมอ

เราตามล่าหาสิ่งที่เราต้องการครบแล้ว ไปกันต่อค่ะ ไปต่อกันที่ที่ดึงเราให้มาอยู่ที่เสียมเรียบนี้กัน..

ที่สุดท้ายของเราในวันนี้ และเป็นสถานที่ที่ดึงเราให้มายืนอยู่ที่ตรงนี้ค่ะ นครวัดนั่นเอง ซึ่งนครวัดติดอันดับ 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก ที่นี่ได้ถูกสร้างขึ้นในสมัยของพระเจ้าสุริยวรมันที่ 2 จุดประสงค์ในการสร้าง เพื่อใช้เป็นศาสนสถานของศาสนาฮินดู แค่ระยะเวลาในการสร้างก็ 100 ปีแล้ว และยังแกะสลักอีกร่วม 40 ปี โคตรนานนนน เอาเป็นว่าคนสร้าง ไม่ได้ใช้งานกันเลยทีเดียว

กำแพงทั้ง 4 ด้านของนครวัดแกะสลักเอาไว้หลากหลายเรื่องราวมาก เช่น ประวัติของตัวพระเจ้าสุริยวรมันที่ 2 เอง หรือเรื่องราวการสู้รบของทั้ง 2 ตระกูลอย่างเรื่องมหาภารตะ และนี่คือสิ่งที่เรารู้เรื่องอยู่เรื่องเดียวค่ะ ..ตำนานการกวนเกษียนสมุทร ณ ตอนนั้นเราอยากจ้างไกด์มากกก ถ้ามีไกด์ และได้มาฟังเรื่องราวต่างๆ น่าจะสนุกกว่านี้มากค่ะ และยิ่งเป็นคนที่ชื่นชอบด้านประวัติศาสตร์อย่างเราแล้วนั้น จะอินมาก อินขั้นสุด แต่ค่าไกด์ที่นี่ค่อนข้างแพงนะคะ ไกด์ภาษาไทย 1 วัน อยู่ที่ 40$ ค่ะ และแพงสุดอยู่ที่ 70$ ซึ่งเราจำไม่ได้แล้วว่าเป็นภาษาอะไรค่ะ

เหล่านางอัปสราที่มีอยู่เต็มพื้นที่บริเวณไปหมด สวยงามมากๆ แกะสลักได้ละเอียดสุดๆ และอยากให้สังเกตนางอัปสราที่นี่นะคะ เท้าของทุกนางจะหันข้างหมดเลย เดี๋ยวพรุ่งนี้เราจะพาไปดูปราสาทที่ปั้นนางอัปสรา แต่เท้าจะหันตรงซึ่งจะแตกต่างกันกับนครวัดค่ะ

เนื่องจากเรามานครวัดกันค่อยข้างเย็นแล้ว และถึงเวลาที่ใกล้จะปิดแล้ว เรายังเดินไม่ทั่ว และยอดที่สูงที่สุดของปราสาท เราก็ยังไม่ได้ขึ้นไป แต่ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวเราจะกลับมาซ้ำที่แห่งนี้กันในวันสุดท้าย จริงๆเราแอบสงสารเจ้าหน้าที่ที่ต้องคอยต้อนคนออกจากปราสาท เมื่อถึงเวลาปิดนะ ขาลากแน่ๆ เพราะมันโคตรกว้างเลย

เราออกจากนครวัด หาข้าวกิน และเหมาเบียร์ที่มีอยู่บนชั้นวางอย่างละ 1 ยี่ห้อกลับไปดื่มกันที่ห้องค่ะ 5555 บอกเราว่าเราขาดไม่ได้จริงจริ๊งงง แล้วยิ่งเบียร์ที่นี่มันถูกแสนถูก ถ้าเป็นเบียร์สด อยู่ที่แก้วละ 0.5$ เท่านั้นเอง และที่เห็นทั้งหมดนี่ เราซื้อมากันอย่างละ 2 กระป๋อง ทั้งหมด 10 กระป๋อง เราจ่ายไปทั้งหมด 4$ เท่านั้นนนน ถูกมากกก ถูกแบบกินทิ้งขว้างก็ไม่เสียดายค่ะ!

ขอปิดท้ายกันด้วยเบียร์ที่เราชอบมากที่สุดค่ะ เป็น Stout ที่กินง่าย อร่อย ลื่นคอ และที่สำคัญ ราคาไม่แพง! คืนนี้นอนหลับสบายแล้วค่ะ ค่อยมาลุยกันต่อในเช้าวันพรุ่งนี้ เราจะพาไปตะลุยดันเจี้ยน เข้าป่า และพาไปชมปราสาทสีชมพูกัน ฝากติดตามกันด้วยนะคะ แล้วเจอกัน วันนี้ฝันดี ราตรีสวัสดิ์!


See you guys and gals

Please stay tune!

ฝากงาน ฝากบทความ ฝากตัว ฝากใจ ฝากทุกสิ่ง เข้าไปดุ๊

เสียมเรียบ เงินราบ ..ปีใหม่นี้ ณ เขมร Ep.2

ใครไม่อิน เราอินโด [โบรโม่ อีเจี้ยน บาหลี] 6 วัน 5 คืน กับ 4 สหายผู้โดนเท

Mermaid on Earth

 วันเสาร์ที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2562 เวลา 18.37 น.

ความคิดเห็น