ก่อนมาถึงตอนที่ 3 ไม่รู้ว่าใครจำสองตอนแรกของการเดินทางได้บ้าง 555 ขออภัยที่การเขียนเว้นระยะมานานครับ นี่จะสิ้นเดือน มกราคา 2562 แล้ว ก็...พอกลับมาทำงาน ก็ทำให้เรารู้สึกว่าลืมการเดินทางที่ผ่านไปเหมือนกันนะ อาจจะเพราะผมต้องกลับมา Focus กับงาน แต่เอาเถอะ เพราะเงื่อนไขของการมีชีวิตคือการทำงาน ไม่ว่า เราต้องรับผิดชอบอะไร เราก็ต้องตั้งใจทำครับ มาต่อกับการเดินทางของเราดีกว่า

หลังจากที่ผมอยู่ที่ วังน้ำปัว ก็ ตัดสินใจ อยู่ต่อเป็นคือ ที่ 2 เพราะตั้งหน้าตั้งตารอ เมื่อมาถึงในตอนเช้า ก็ให้น้องๆ พักพ่อนก่อนเล็กน้อย

น้อง นุ๊ค อันนี้มาถึงก็ขอรับบรรยากาศก่อนเลย

น้อง อัง ก็ไม่แพ้กันจ้า วิวดีๆ ที่วังน้ำปัว น่านนี่มันชิวมากๆ

เมื่อหายเหนื่อยแล้วเราก็ไปลุยกันต่อครับ และจุดหมายของเราในวันนี้คือ บ่อเกลือ ที่ที่ซึ่งเราได้ฟังมาตลอดว่าที่นั้นมันมีอะไร เพื่อนๆ เราพูดถึงมันบ่อยมากๆ ซึ่งขอออกตัวว่าเส้นทางระหว่างการเดินทางจากวังน้ำปัวไปถึงบ่อเกลือนั้นค่อนข้างไกล ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที

เส้นทางคตเคี้ยวมาก แต่ก็สวยงาม เราใช้เวลาเดินทางจริงๆ กันเกือบๆ 2 ชั่วโมงกว่าๆ ฮาๆ ก็ มีการแวะชมจุดชมวิวระหว่างทางกันเป็นระยะๆ

วิวดีขนานนี้ ขอจัดภาพให้น้องๆ 1 รูป และเราก็เดินทางต่อ....

ผ่านเส้นทางคตเคี้ยว สวยงาม แต่ไม่ได้ถ่ายภาพมา เสียดายเล็กน้อย บทเรียนคราวนี้อาจจะเป็นเพราะว่าเราตั้งความหวังกับจุดหมายมากเกินไป จนทำเราชมเส้นทาง เพลินจนลืมเก็บภาพบรรยากาศมา อาจจะเพราะช่วงวันนั้นเหมือนจะมีฝน เลยทำให้เราทำเวลากันเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในการเดินทาง เพราะน้องไม่ได้ชุดกันฝนมา


ในที่สุดเราก็มาถึง "บ่อเกลือ" หากเพื่อนๆ เดินทางโดยใช้ GPS ให้ตั้งจุดหมายที่ "บ่อเกลือสินเธาว์ บ้านบ่อเกลือ" จะได้ไม่เลยไปไหนก็ไม่รู้แบบเรา


และในที่สุดก็มาถึงบ่อเกลือละครับ ใช้เวลาเกินไปมาก พอถึงสถานที่แล้วก็ เดินถ่ายรูปเล่นสักหน่อย บ่อเกลือที่จังหวัดน่านนี้ มีประวัติน่าสนใจครับ เพราะมีบ่อเกลือที่นี่ มานานกว่า กว่า 200 ล้านปี! เดี๊ยว! 200 ล้านปี ก็ผ่านช่วงสงคราม ผ่านร้อน ผ่านหนาว ผ่านเค็มมาถึงปัจจุบัน


อำเภอบ่อเกลือ เดิมนั้นมีชื่อว่า “เมืองบ่อ” ซึ่งก็น่าจะหมายถึงบ่อน้ำเกลือสินเธาว์ที่เดิมมีอยู่ 9 บ่อ แต่เดิมเป็นชุมชนขนาดใหญ่และมีหลักฐานทางประวัติศาสตร์พงศาวดารเมืองน่าน ที่ระบุว่า พระเจ้าสุริยพงษผริตเดช (เจ้าผู้ครองนครน่าน องค์ที่ 63 แห่งราชวงศ์หลวงติ๋นมหาวงศ์และเป็นต้นราชสกุล ณ น่าน) ได้แต่งรวบรวมขึ้นไว้ มีข้อความกล่าวถึงแหล่งผลิตเกลือที่สำคัญแห่งนี้เอาไว้ เป็นสาเหตุทำให้พระเจ้าติโลกราชแห่งเมืองเชียงใหม่ (กษัตริย์ล้านนาแห่งราชวงศ์มังราย องค์ที่ 6 พระนามเดิมคือ เจ้าลก ซึ่งคำว่า ลก ในภาษาไทเดิม หมายความว่า อันดับที่6) ยกทัพเข้ามาตียึดเมืองน่าน เมื่อ พ.ศ.1993 …

ตรงนี้อาจจะสงสัยว่าทำไมต้องมาตีเมืองเพราะ เกลือ คำตอบคือ ในยุคสงคราม เกลือถือเป็นยุทธปัจจัยสำคัญที่ขาดไม่ได้ ซึ่งจะนำเกลือไปปรุงอาหาร, ถนอมอาหาร รวมถึงนำไปเป็นส่วนผสมสำหรับทำยารักษาโรคอีกด้วย ซึ่งในยุคโบราณถือว่าใครที่ได้ครอบครองแผ่นดินที่มีเกลือ นั่นหมายถึง อำนาจ ที่สามารถเอาชนะข้าศึกและครอบครองอาณาจักรได้

(ข้อมูลที่เป็นความรู้จาก : http://humanroadjourney.com/%E0%B8%9A%E0%B9%88%E0%...)


นอกจาก บ่อเกลือ ยังมีประวัติมายาวนาน ก็ยังเป็นจุดหมายของบรรดา Biker ผู้รักในการเดินทางอีก เพราะเจอพวกๆ กันอีกหลายลำ!

ที่จะพบเจอบ่อยๆ นอกจากจักรยานต์ Bigbike แนว Racing ที่เจอบ่อยๆ ก็จะเป็นแนวทัวริ่งแบบนี้ครับ เพราะสามารถติดตั้งกล่องสัมภาระ หรือ ที่เขาเรียกกันว่า "ปี้บ" เอาไว้เดินทาง ส่วนมากก็จะมีตั้งแต่ 2 ใบ จนถึง 3 ใบ หาสาวซ้อนท้ายมาได้อีก 1 คน

ฝากน้องอัง กับน้องนุ๊ค มาเป็นแบบให้พี่อีกสักรูป ก่อนเดินทางต่อ เส้นขากลับเราจะกลับกันอีก เส้นเรียกได้เราจะผ่านไปทาง "ภูลังกา" ก็จะมีเส้นทาง และความสวยงามรอเราเหมือนเคย ทริปนี้ดี ฟรินๆ ทั้งนั้น


เราก็มากันถึง "ภูลังกา" ผ่านเส้นทางที่คตเคี้ยว มากมาย บวกกับได้รับลมหนาว กลิ่นไอฝนตลอด คือเป็นฤดูหนาวที่มีความเสี่ยงในการเจอฝน ถือว่าแปลกมากๆ ก็เวลาที่เราไม่ได้เตรียมการณ์อย่างเพียงพอ ผมเลยตัดสินใจ พักที่ร้านกาแฟ และ เป็นทั้งที่พักชื่อว่า "บ้านทะเลหมอก" มีทั้ง ที่พัก ห้องน้ำ อาหาร ราคาก็ไม่แพง ได้ชมวิวสวยๆ จอดพัก ดูฟ้ากว้างๆ ลมพัดเย็นๆ ตอนนี้เราไม่รีบเดินทางแล้วครับ ก็ปล่อยให้บรรยากาศนั้นได้พาเราไป

ผู้คนก็อาจจะเยอะหน่อย ก็ดีกว่าต้องเหงาคนเดียว การเดินทางช่วงเทศกาลแบบปีใหม่ ก็เป็นการใช้เวลากับตัวเอง กับคนอื่น ได้พูดคุยสอบถามเส้นทาง บางคนมาคนเดียว บางคนมาเจอเพื่อนใหม่ที่นี่ ได้รับบรรยากาศแบบคึกคักแบบนี้ ก็ไม่เลวเลยนะ

ทริปนี้ต้องบอกก่อนว่า สงสารน้องอังมาก เพราะนุ๊คใช้มอไซต์แบบ ไม่มีกันโคลนหลังล้อ เราก็พยามแบ่งให้น้องมาซ้อนเราบ้าง เพราะจะได้ไม่โดนหนักจนเกินไป น้องอังสู้ๆ

แบบนี้ล่ะครับ ผมลองมาคร่อมถ่ายรูป ยังคิดเลยว่า ไม่ต้องห่วงเรื่องหลังดีด คิดไปถึงตอนซักเลยดีกว่า ฮาๆ หยอกน้า หยอก

รูปนี้ไม่มีอะไรครับ แค่อยากจะบอกว่า น้องอัง ได้มาถึงภูลังกาโดยแท้ทรูแล้ว เพราะ อ้วกรอบสอง น้องอังบอกว่า "นู๋มึนคะ" คืนสู่ธรรมชาติ (เส้นทางมีความคตเคี้ยว ระวังอันตราย และถือถุงอ้วกดีๆ)


เส้นทางที่เราใช้ขากลับคือเส้นทาง 1148 แต่ทริปนี้ จากระยะที่เราดูกัน น่าจะกลับที่พักที่ ปัว ไม่ทัน เราเลย ตัดสินใจ ใช้เส้น 1148 จากภูลังกา เลี้ยวซ้าย ตัดแยกเข้าเส้น 1128 และ เลี้ยวขวาอีกทีที่แยก เข้าเส้นทางหลวงหมายเลข 1020 เพื่อกลับที่พัก วันนี้ เราขับขี่กันมาเป็นระยะทางที่ไกลมาก

ขากลับก็ได้รับความห่วงใยจากเจ้าหน้าที่นิดหน่อย ถือว่ามาถึงภูลังกาแล้วอีกคน เป็นด่านเพื่อความปลอดภัยนะครับ เพราะเส้นทางมีความคตเคี้ยว เจอด่านแบบนี้ก็ให้ความร่วมมือกันหน่อย ถ้ามีแบบสอบถามแบบนี้ ก็ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ ที่เหนื่อยทำงานในวันหยุด เพื่อความปลอดภัยของเรานะครับ

ของฝากของน้องอัง อดทนนะจ๊ะ

ก็ทุกการเดินทางแหละครับ ที่เราไม่ได้วางแผน ก็อาจจะทำให้เราพลาดไปบ้าง ช้าไปบ้าง หิวไปบ้าง เลอะไปบ้าง แต่ก็มันทำให้เราได้รู้จักกับตัวเองมากขึ้นเล็กน้อย ไม่ใช่ว่าเราไม่เคยออกเที่ยว ไม่ใช่ว่าเราพึ่งจะเที่ยว เราเดินทางออกเที่ยวกันมาตั้งนานแล้ว แต่เราอาจจะไม่ได้โฟกัสกับรอบๆ ตัวข้างๆ ทาง เมื่อเราเปลี่ยนรูปแบบการเดินทาง ความรู้สึกมันกลายเป็นอย่างไปเลย แล้วเพื่อนๆ ชอบเดินทางแบบไหน เหมือนผมไหม ผมว่าผมติดใจการเดินทางแบบ Road Trip แบบนี้เอามากๆ เรียกได้ว่า ตั้งแต่กลับมาทำงาน ก็พยามๆ ออกตัว หาที่ถ่ายรูปใหม่ๆ อยากมีเรื่องมาเล่าให้ฟัง ตอนนี้ผมคิดถึงการเดินทางอีกแล้ว แล้วเจอกันนะครับ ตอนหน้า พม่า แล้ว


ติดตาม ต่อ ในวันต่อไปนะครับ ถือว่าเป็นตอนที่สาม ของการเดินทางของผม

วันนี้ ขอฝากไว้เท่านี้ก่อน ขอบคุณที่เข้ามาแลกเปลี่ยนประสบการณ์ด้วยกัน

ผมทำเพจการเดินทางเล็กๆ ที่พึ่งเริ่มออกตัวนะครับ เราจะเดินทางพร้อมกันให้ครบ 3,966 กิโล

หากเพื่อนๆ ชอบการเดินทางแบบผม ก็สามารถเข้ามาพูดคุยกันได้นะครับ ขอบคุณครับ

www.facebook.com/holidayrider.th/

Jirakom Bunjaruswong

 วันอังคารที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2562 เวลา 21.56 น.

ความคิดเห็น