สวัสดีครับ วันนี้จะพาไปสถานที่ที่คนไทยไปกันเยอะช่วงนี้ เนื่องจากวิวที่สวยงาม และไปไม่ไกล อยู่ที่พม่านี่เอง นั่นก็คือ " มุลาอิ "

มุลาอิ เป็นส่วนหนึ่งของแนวเขา Dawna Hill เป็นยอดเขาที่สูงที่สุดในเขตการปกครองของกะเหรี่ยงพุทธ DKBA ที่นับถือที่นี่เป็นยอดเขาศักดิ์สิทธิ์ และสูงที่สุดในบรรดายอดเขาทั้ง 4 แห่ง (โมโกตู หรือ มะม่วงสามหมื่น, ดอยพะวี, เมะลาอะ และ มุลาอิ )

เป็นสถานที่สำคัญทางศาสนาพุทธ สถานที่ศักดิ์ที่ชาวพุทธในพม่าไปแสวงบุญกัน

- โซเชียลพาไป -

ทุกวันนี้เราเห็นสถานที่สวยๆเยอะแยะมากมายตามโซเชียล เรียกได้ว่านั่งดูได้ทั้งวันก็ไม่หมด แล้วเพื่อนๆตัวดีของเราก็ส่งลิงค์ที่นี่มา ดูรูปแล้วก็ร้องเฮ้ย มันสวยเว่ยยย ทุ่งหญ้าสีทองๆ ทิวเขาสวยๆ วิวรอบทิศทาง สายถ่าย Landscape อย่างเรามีเหรอจะพลาด ที่สำคัญมันอยู่ฝั่งพม่า เราสามารถข้ามไปทาง อ.พบพระ จ.ตากได้

แล้วโซเชียลก็นำพาเรามาถึงที่นี่จนได้ "มุลาอิ"

- ความศักดิ์สิทธิ์ -

ที่นี่ได้ชื่อว่าเป็นขุนเขาแห่งศรัทธา ที่มีความศักดิ์สิทธิ์ ก่อนเดินทางก็มีเหตุให้เกือบจะไม่ได้ไป แต่ก็โชคดีที่สุดท้ายก็ได้ไป

ผมเลือกเดินทางกันไปเองกับกลุ่มเพื่อน โดยนั่งรถ บขส. ที่หมอชิต2 ไปลง อ.แม่สอด จ.ตาก รอบดึกเพื่อไปถึงที่นู้นช่วงเช้ามืด

จากบ้านก็นั่งแท็กซี่ไปถึง หมอชิต ด้วยความที่ไปก่อนเวลาเยอะเลยไปฝากกระเป๋าจะจ่ายเงิน ปรากฏว่าลืมกระเป๋าสตางค์ไว้บนรถแท็กซี่ เอาแล้วไง สงสัยจะไม่ได้ไปแล้วเรา อุตส่าห์ตั้งใจกับทริปนี้ แล้วก็ได้ยินประสัมพันธ์ประกาศชื่อ พี่แท็กซี่ใจดีเอากระเป๋ามาคืนให้ โล่งใจไปที

หลังจากขึ้นรถบขส.มาลงที่อ.แม่สอดแล้ว เราก็เหมาสองแถวจากขนส่งแม่สอด เพื่อไปลงที่ อ.พบพระ หมู่บ้านวาเลย์ (บ้านลุงจ่า) จริงๆอย่าเรียกว่าเหมาเลย ลุงคนขับแกก็แวะรับคนตั้งแต่ออกมาจนถึงพบพระ

ถึงบ้านลุงจ่าขนของขึ้นรถกระบะ 4wd นึกขึ้นได้ว่าลืมเต็นท์ไว้ที่รถสองแถว (ลืมอีกแล้ว) โชคดีจริงๆที่ขอเบอร์แกไว้เผื่อตอนกลับเรียกแกมา เลยโทรไปเรียกแกกลับมา ไม่อย่างนั้นไม่รู้จะนอนยังไง นี่เป็น 2 เหตุการณ์ที่โชคดี อาจะเป็นเพราะความศักดิ์สิทธิ์ ที่เราตั้งใจจะไป หรือเราคิดไปเอง อันนี้แล้วแต่มุมมอง แต่ที่แน่ๆก็ต้องโทษตัวเองเรื่องความสะเพร่า

- ทางของฝุ่น -

หลังจากขึ้นรถ 4wd เรียบร้อย (ค่ารถไป-กลับคนละ 900 บาท) ออกเดินทางจากบ้านลุงจ่าก็ใช้เวลากันราวๆ 4 ชม. กันเลย เป็น 4 ชม.ที่ต้องอดทน เพราะทางที่ไปนั้นเป็นทางลูกรัง ค่อนข้างลำบากพอสมควร ที่สำคัญฝุ่น ๆ ๆ มันเยอะมาก (ผ้าบัฟ ผ้าปิดปาก เตรียมมาให้พร้อม สำคัญมากๆ) ที่นี่เริ่มมีการทำถนนคอนกรีตช่วงแรก สั้นๆยังใช้ไม่ได้ อีกหน่อยถนนคงเข้าถึง การเดินทางจะสะดวกขึ้นมาก พร้อมกับคนคงจะมาที่กันมากขึ้นอีกเยอะ ระหว่างทางจะมีหยุดแวะพักหมู่บ้านเล็กๆ มีน้ำ อาหารขายอยู่บ้าง นักท่องเที่ยวนิยมเอาขนมมาให้เด็กๆกัน

- พลังงานเจ -

ไม่ใช่เครื่องยนต์เจ 2เจ หรือ เจเทอร์โบ แต่มันคืออาหารเจ ใช่ครับ ที่นี่เราต้องทานอาหารเจกันเท่านั้น เจล้วนๆ ห้ามนำเนื้อสัตว์ใดๆขึ้นไป เรียกได้ว่า เป็นภูเขาที่เราจะต้องใช้พลังงานเจนี่แหละในการดำรงชีวิตอยู่ แหมมม ดูโอเวอร์เนาะแค่คืนเดียวเอง 55 จากจุดเริ่มเดินไปจนถึงจุดกางเต็นท์ระยะทางสั้นมากๆครับแค่ประมาณกิโลเศษๆ เองเดินยังไม่ทันได้ฟิลลิ่งเลยก็ถึง

ที่นี่เมื่อเราขึ้นไปแล้วจะไปที่โล่งแจ้งไม่มีร่มไม้ใดๆ กลางวันแดดแรงอากาศร้อนมาก

- ตะวันลับฟ้า ทุ่งหญ้าสีทอง -

เมื่อแดดร่มลมตก พระอาทิตย์ลับขอบฟ้า แสงสีทองสาดส่องกระทบต้นหญ้า มันช่างสวยงามเหลือเกิน ที่นี่มีทิวเขาและเนินที่สวยมากๆ เวลาแสงสาดมาจะเห็นแสงและเงาเป็นมิติสวยงามมากๆ ใครชอบถ่ายภาพ Landscape รับรองว่าต้องชอบแน่นอน นาทีนี้กดชัตเตอร์กันรัวๆ

- ค่ำคืนที่เหน็บหนาว กับคืนที่ดาวเต็มฟ้า -

หลังจากพระอาทิตย์ตกไป เราก็ทำอาหารง่ายๆกินกัน มาม่าเจ โจ๊กคัพเจ อาหารกระป๋องเจ หาซื้อได้ตามซุปเปอร์ต่างๆ ถึงจะไม่ใช่ช่วงเทศกาลเจ ก็ยังพอหาได้บ้างแต่อาจจะไม่เยอะ ตกช่วงกลางคืนอากาศก็เย็นลง ยิ่งดึกก็ยิ่งหนาว เตรียมเสื้อกันหนาวมาให้พร้อมเลย ต้องบอกว่าทั้งลมแรงและหนาวพอสมควร

ปิดไฟรอบๆตัวให้หมดแล้วแหงนหน้ามองท้องฟ้า ดูดวงดาวเต็มท้องฟ้าที่ไม่อาจจะนับได้ สำหรับผมนี่ถือเป็นอีกไฮไลท์อีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้เราชอบขึ้นมาบนยอดเขา ยิ่งช่วงไหนถูกที่ถูกเวลาเราจะเห็นทางช้างเผือกได้ด้วยตาเปล่าเลย ในรูปเห็นแค่ปลายๆจางๆ

- เที่ยวตามกระแส แพ้ทางธรรมชาติ -

ไม่รู้เมื่อไรที่เราเริ่มมาเที่ยวป่าเที่ยวเขากันมากขึ้นขนาดนี้ มันเรียกว่า "เที่ยวตามกระแส" หรือเปล่า เชื่อว่าโซเชียลต่างนำพาทุกคนมาถึงจุดนี้ ใครเห็นรูปเห็นรีวิว ก็อยากมากัน มาเช็คอิน โพสลง social media ต่างๆ เป็นเรื่องปกติ

ยังจำได้ว่าตอนเริ่มปีนเขาครั้งแรก ตอนนั้นไปผ้าห่มปก กับดอยหลวงเชียงดาว 2 ยอด 2 วัน คิดในใจตลอดว่า กูมาทำอะไรวะเนี่ย ที่สวยๆไม่ต้องเดินลำบากขนาดนี้ก็มีเยอะแยะ นอนอยู่บ้านก็ดีอยู่แล้ว กลับบ้านมาก็เดี้ยงไปหลายวัน จำได้ว่าตอนลงมาจากยอดดอยแล้วนั่งรถกลับมองผ่านยอดภูเขาที่เราขึ้นไป ก็รู้สึกว่า กูเดินขึ้นไปได้ยังไงวะเนี่ย ความรู้สึกในการพิชิตอะไรสักอย่างมันทำให้เรารู้สึกดีขนาดนี้เลยเหรอ มีอีกหลายความรู้สึกที่อธิบายยากจังแฮะ

หลังจากนั้นก็เดินมาเรื่อยๆ นี่อาจจะเป็นการ "แพ้ธรรมชาติ" ก็ได้

- เจดีย์ทั้งสอง -

ที่นี่จะมีเจดีย์ให้เราสักการะ 2 ยอด ซึ่งผู้หญิงจะสามารถไปได้แค่เจดีย์แรกเท่านั้น ผู้ชายเท่านั้นถึงจะขึ้นไปเจดีย์ด้านบนได้

-ผู้หญิงต้องนุ่งผ้าถุงให้เรียบร้อย

-ผู้หญิงที่มี ประจำเดือนห้ามขึ้นเจดีย์ แต่สามารถขึ้นเขาได้

-ต้องถอดรองเท้าไว้ด้านล่าง

-ห้ามหญิงชายเดินเคียงหรือชิดกัน ให้เว้นระยะห่าง

ที่นี่เราจะพบชาวพม่าขึ้นมากราบสักการะอยู่ตลอด สังเกตุว่าสถานที่จาริกแสวงบุญมักจะอยู่ที่สูงๆ เดินทางลำบากเพื่อให้เรามีจิตมุ่งมั่นศรัทธา ตั้งมั่นอยู่ในเส้นทางเพื่อจริยธรรมทางจิตใจ


"ทางด้านศาสนาและจิตวิญญาณ การจาริกแสวงบุญ (อังกฤษ: Pilgrimage) คือการเดินทางหรือการแสวงหาสิ่งที่มีความสำคัญทางจริยธรรมต่อจิตใจ บางครั้งก็จะเป็นการเดินทางไปยังศาสนสถานที่มีความสำคัญต่อความเชื่อหรือความศรัทธาของผู้นั้น สมาชิกของศาสนาหลักของโลกมักจะร่วมในการเดินทางไปแสวงบุญ ผู้ที่เดินทางไปทำการจาริกแสวงบุญเรียกว่านักแสวงบุญ" (ข้อมูลจาก wikipedia)


รายละเอียดค่าใช้จ่าย

-ค่ารถ บขส.VIP ไป อ.แม่สอด จ.ตาก

ไปกลับ 1,200 บ.

-ค่ารถสองแถวเหมาไปบ้านลุงจ่า 156 บ.

-ค่ารถ 4WD ไป-กลับขึ้นเขา คนละ 900 บ.

-ค่าน้ำเปล่า คนละ 15บ.

-อาหารเตรียมกันไปเอง


ติดตามเรื่องราวเพิ่มเติมได้ที่

www.facebook.com/OKReady2go


ขอบคุณครับ

ป้ายข้อปฏิบัติก่อนขึ้นเจดีย์ครับ

OK Ready2Go

 วันอาทิตย์ที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562 เวลา 14.19 น.

ความคิดเห็น