รีวิวนี้เป็นรีวิว ครั้งแรกในชีวิต ก่อนหน้านี้ ไม่เคยคิดว่าจะเขียนรีวิว เลยยย เพราะเป็นคนถ่ายรูปไม่สวย แต่รักการเดินทาง ครั้งนี้เลยคิดว่าอยากจะเก็บการเดินทางครั้งนี้ เป็นลายลักษณ์อักษร เมื่อเวลาผ่านไป จะได้กลับมาอ่าน อีกครั้งเริ่มต้นการเดินทางครั้งนี้ จากกรุงเทพ บิน ไป หาดใหญ่ นอนหาดใหญ่ 1 คืน ตื่นเช้ามา ผู้ร่วมเดินทางต้องเข้าออฟฟิส ก่อน ส่วนเราก็ตื่นสายๆ อาบน้ำแต่งตัว รอๆๆๆๆ
เมื่อผู้ร่วมเดินทางกลับมาก็พาไปกินขนมจีนป้าชื่น ขนมจีน ไก่ทอดของชาวหาดใหญ่


จากนั้น การเริ่มเดินทางไปต่างประเทศของเราสองก็เริ่มต้น รีบบึ่งไปจองตั๋วไป ปีนัง พนักงานบริษัท KST ก็บริการดี๊ดี ช่วยเราหาตั๋วไปปีนังให้ทันรอบ 12.30 น. โดยการติดต่อบริษัทอื่น เนื่องจากรถเต็มแล้ว รถตู้ก็วนรับผู้โดยสาร และครั้งนี้ ทั้งรถก็มีคนไทยแค่ 2 คน ที่เหลือคือฝาหรั่งงง (คิดถึงตอนไปวังเวียง เมื่อหลายปีก่อน) จากนั้นเราก็หลับ และตื่นอีกที ด่านจังโหลน อำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา

เราก็เดินไป จ๊อบ passport ด่านไทยก่อน แล้วก็ไป ต่อแถว ต่อที่ด่านมาเล ช่ายเวลา ประมาณ 2 ชั่วโมง เนื่องจากคนเยอะ มาก เมื่อข้ามด่านมาเรียบร้อย รถตู้ก็พาเราวิ่งไปในเส้นทางที่ไม่ใช่เส้นทางหลัก เนื่องจาก มี JPJ คอยดักจับอยู่ถนน High way ซึ่งระหว่างทาง คนขับรถตู้จะมีการโทรศัพท์หาคันอื่น เพื่อสอบถาม ว่า JPJ อยู่ตรงไหน ตลอดเวลา จนฝรั่งในรถ ต้องเปิด Google map และถามคนขับว่า Where are you going to Georgetown??? ฝรั่งคงงง ว่าจะขับเข้าป่า ทำไม ใช้เวลาในการเดินทาง ประมาณ 2 ชั่วโมงเศษๆ จากด่าน เราก็มาถึงสะพาน ปีนัง เพื่อเข้าสู่เมืองปีนัง

วันแรก เข้าพักที่ Link Hotel พนักงานบริการดีมาก พูดภาษาอังกฤษ คล่องปรื๋อ ส่วนพี่ก็ทำตาปริบๆ มั่วๆกันไป


เก็บของล้างหน้าล้างตาเรียบร้อย เราก็ออกไปหาอะไรกิน เนื่องจากท้องร้องเสียงดังมาก หน้าโรงแรมมี Food court เราก็ดิ่งไปสั่ง Char Gway toew รสชาดไม่ต้องพูดถึง สำหรับ south thailand อย่างเรา คือจืดสนิท เอาหว่ะ กินๆไป มันอร่อยของเค้าเนาะ เราก็เข้าใจแล้วว่า ทำไมเวลามาเล ไปบ้านเรา แม่ม กินทุกอย่าง ของเรามันอร่อยจิงๆ

อิ่มท้องเราก็เดินต่อไป ตึก comta เพื่อนั่งรถเมล์ ไปยัง Gurney Drive ก็ถามทางคนพื้นที่ ว่าเราจะไปยังไง รถเมล์สายอะไร รถเมล์ สาย 103 ไป Gurney Drive ค่า รถ 1.4 ริงกิต

ถึงแล้ว Gurney Plaza ว่าแต่ไปไงต่อ งงๆกันไป แต่ก็จำได้ว่า เคยเห็นรีวิว ว่าต้องเดินผ่านห้าง เดินมั่วเอาหล่ะกัน ชั้นว่าทางนี้นะเธอ มาๆ เอ้ย เจอแล้ว นั่นไงเธอ ไปๆ เมื่อมาถึงตลาด ก็งงว่าจะกินอะไร ดี เพราะหน้าตามันก็เหมือนๆกันหมด ร้านแต่ละร้านขายคล้ายๆกัน เดินวน 1 รอบ หาที่นั่ง จากนั้นก็ไปซื้อได้ 3 อย่าง เรียกว่าอะไร จำชื่อไม่ได้ และก็เริ่ม กิน กิน (ทำไมมันไม่อร่อยเลย อีกแล้ว คุณหลอกดาว)

กินเสร็จก็พุ่งหา 7-11 ซื้อน้ำ ซื้อเบียร์ มานั่งชิวริมทะเล ว่าแต่ทะเลบ้านเรานี่สวยกว่าจริงๆนะ ก็นั่งชมวิว ดูวิถีชีวิตของคนที่นี่ไป หมดเบียร์ไปคนละ กระป๋อง ก็เวลาประมาณ 5 ทุ่มหล่ะ กลับโรงแรมกัน ไปนั่งรอรถเมล์สักพัก ก็เอะใจ เอ... ถนนมัน one way นี่หว่า เอาวะ หาผู้โชคดีสอบถามเส้นทางกันต่อ และก็ได้คำตอบ ว่าคุณต้องเดิน ทะลุซอยนี้ไปรออีกฝั่งถนน ระหว่างทางเดิน ทำไมที่นี่ เราไม่เจอหมาจรจัด แบบบ้านเราเลยหว่า 5555 รอรถเมลล์สักพักใหญ่ๆ ก็ไปลงป้ายแถวๆโรงแรมที่พัก อาบน้ำนอน หลับ

20 Feb 16 เ ช้ า แ ว้ ว โรงแรมเรา include breakfast นี่หน่า ปลุกคนข้างๆ ไปกัน breakfast กันเธอ (นี่คือ breakfastttt แค่นี้เหรอ) ก้มหน้าก้มตา กินค่ะ

อิ่มหนำแล้ว ก็เดินทางไปวัด kok lok si ไปดูวัดเชนกัน ระหว่างเดินไป ขึ้นรถเมลย์ เราก็ถ่ายรูปบรรยากาศไปเรื่อยเปื่อย

เดินทางด้วย รถเมล์สาย 203 ป้ายรถเมล์ที่นี่ดีมาก บอกเวลาชัดเจน ว่ารถถึงไหนแล้วอีกกี่นาที จะถึงป้ายเรา

นั่งรถไปประมาณ 45 นาที ถึงแล้วววว วัด kok lok si สวยงาม ตระการตามาก ดูยิ่งใหญ่

เดินชมวัดกัน เดินเข้าไปในวัดปุ๊บ อื่มๆๆๆ ขอทานเยอะจังเลย ตรงนี้

และก็เดินเข้าไปในวัด เดินดูรอบๆ

ที่นี่มีกระเช้าให้ขึ้น ไปสักการะเจ้าแม่กวนอิม คนละ 6 ริงกิต (ไป-กลับ) เดินขึ้นไปชมวิหารซะหน่อย คนละ 2 ริงกิต

นั่งรถเมล์กลับมาที่ตึก Comta กิน KFC กัน ว่าแต่ว่า KFC ที่นี่ไม่มีช้อน กับมีดให้เหมือนบ้านเรานะเอออ หันมองซ้ายมองขวา ทุกโต๊ะใช้มือ หิวมาก จัดเลยหล่ะกัน

อิ่มท้องแล้ว ก็เดินไปดูตั๋วไป อิโปร์กัน ได้ตั๋วแล้ว คนละ 23 ริงกิต และค่ารถตู้ไปส่งสถานีรถบัส คนละ 5 ริงกิต เดินทางโดยใช้รถบัสคันนี้ ถนนที่มาเล ดีมาก คนที่นี่เดินทางด้วย high way ถนนไม่มีหลุมมีบ่อเหมือนไทยแลนด์

ใช้เวลาเดินทาง 2 ชั่วโมง ก็เดินทางมาถึงอิโปร์ ประมาณ 4 ทุ่ม จองโรงแรมผ่าน agoda Golden roof hotel เราก็เริ่มถามคนแถวนั้นว่าจะไปโรงแรม ยังไงได้บ้าง รถบัสสายอะไร แล้วเราก็จะได้ยินว่า Oh ,So far from here!!!! Taxi only no bus ค่าแท็กซี่ 35 ริงกิต แล้วเรา 2 คนก็มองหน้ากัน คุณหลอกดาว อีกแล้ว ไหนบอกว่าเป็นเมืองเล็กๆ เดินถึงกันตลอด แต่ทำไมมีแต่คนบอก So far !!!!!

คุณลุงแท็กซี่ผู้ใจดี ก็ชวนเราคุยนั่นนี่ ชวนให้เราเหมา รถไปคาเมร่อน ด้วยราคา 250 ริงกิต เราก็บอกไปไม่เป็นไรลุง คืนนี้หนูนอนนี่หล่ะค่ะ เข้าโรงแรม เก็บของ ออกไปหาอะไรรองเท้า หิวมาก เหนียวตัวมาก อยากอาบน้ำ ลืมบอกไป อิโปร์ ปีนัง ร้อนมาก ร้อนกว่าไทยอีก


21 Feb 16 วันนี้ชั้นต้องไปคาเมร่อนให้ได้ ปลุกคนข้างๆ เธอๆ ตื่นเหอะ เด่วไม่ทัน สรุป Plan นะ จองETS กลับบ้านพรุ่งนี้ เราจะนั่งรถไฟความเร็วสูง กัน ไปดูรถทัวร์ที่จะไปคาเมร่อน และกลับมานอนที่อิโปร์ พรุ่งนี้เราจะได้กลับบ้านแล้ว คิดถึงอาหารที่บ้านใจจะขาด

check out เรียบร้อย ให้โรงแรมโทรเรียกแท็กซี่ไปสถานีรถไฟ 15 ริงกิต ราคาลดไม่ได้ So far!!! ที่นี่มีที่ไหนใกล้บ้างแว๊ ทำไมได้ยินแต่ So far ระหว่างนั่งแท็กซี่ก็ถามทางแท็กซี่ว่าจะสถานีรถไฟ ไปสถานีรถบัส ยังไง แท็กซี่เลยบอกว่าเอางี้ ผมลดให้คุณ คิดแค่ 5 ริงกิต คุณลงไปจองตั๋วรถไฟ แล้วผมรอ ไปส่งสถานีรถบัส เราก็คิดในใจ อ่านรีวิวใน pantip มา Ipoh เป็นเมืองเล็ก เดินถึงกันหมด เอ๋ ทำไม ถามคนที่นี่ So far!!! ทุกที่ เอาวะ ไหนๆก็ไหนๆแล้ว นั่งแท็กซี่ ต่อหล่ะกัน นั่งแท็กซี่ ออกจากสถานีรถไฟ ไม่เกิน 2 นาที ถึงสถานีรถบัส ( โดนหลอกแต่เช้าเลยตู) คุณหลอกดาวอีกแล้ววววว สะกิดคนข้างๆ รอบรถไปคาเมร่อน 11 โมง งั้นเราไปหาโรงแรมก่อนและกัน ตอนเย็นกลับมา จะได้ไม่ต้องหาโรงแรม ลากๆ กระเป๋าไปหาโรงแรม เอ้ยยยย ไมไม่มีโรงแรมเลย เดินต่อไปอีกพักใหญ่ๆ ท้องเริ่มหิว เห็นโรงแรมใกล้ๆ แล้ว มี food court ข้างๆ แวะกินก่อนเธอ หิวมาก

Check in เข้าโรงแรม เข้าห้องน้ำ

เดินกลับไปยังสถานีรถบัส 11.15 น. ถามลุงคนขายตั๋ว รถออกไปแล้ว มีอีกรอบ บ่าย 3 เอ้ยยยยย ทีมะวาน ชั้นมาถึงคิวรถก่อน รถออกสายเป็นชั่วโมง วันนี้ชั้นมาสาย 15 นาที มันไปแล้วววววววววววว ชั้นตกรถ ไม่ได้คาเมร่อนแล้ว เพราะถ้าไปรอบบ่าย 3 ถึงคาเมร่อนก็ 5 โมง มีรถกลับจาก คาเมร่อน 6 โมง มีเวลาชั่วโมงเดียวบนโน้น ไม่พอ เอาไงหล่ะเธอ ไปไหนกันต่อดี เดินรอบๆ สถานีรถ ไป วัดกันดีกว่า ถามคนขับรถต้องนั่งรถออกไปประมาณ 1.30 ชั่วโมง รถออกอีกทีบ่ายโมง ถามคนข้างๆอยากไปวัดอีกมั๊ย นางบอกว่า ไม่ดีกว่า กลับโรงแรมไปนอนกันเหอะ พักผ่อนบ้าง เอาตามนั้น ระหว่างทางเดินกลับโรงแรม ก็แวะไปกิน Old town white coffee ทาดไข่ ร้านที่ขึ้นชื่อว่าเป็นร้านแรกของการแฟ white coffee ของมาเลเซียเลย

เดินดู ห้างขายอุปกรณ์ไอทีของที่นี่ เหมือนพันทิพย์บ้านเราเลยยยย แต่ของแพงกว่าเยอะเลย

พักผ่อนเต็มที่ ได้เวลาออกเดินชมเมือง แวะกินกาแฟ Old town white coffee อาหารขึ้นชื่อของเมือง

เย็นแล้ว เธอๆ ไปจิบเบียร์ชมเมืองที่นี่กัน บนดาดฟ้า โรงแรม Ibis ว่า ไปยังไง มันอยู่ตรงไหน แล้วเราก็เจอวัยรุ่นคนนึง ถามทาง Oh, so far อีกแล้วเหรอ ทำไมมันไกลจัง ไกลทุกที่เลย แต่โชคเข้าข้างเรานะ เมื่อหนุ่มใจดีคนนี้บอกว่า ผมจะไปกินข้าวแถวนั้นพอดี ไปกับผมเลย เหยยยย ได้นั่งรถฟรี ด้วย ไปส่งถึงที่เลย เราก็ชวนเค้าบอกไปเที่ยวไทย โทรมานะ เด่วเราจะเป็นไก่ให้

นั่งจิบเบียร์ อ่านหนังสือ ชมวิว วิถี ฮิปสเตอร์

กำลังกรุ้มกริ่มพอดี เธอๆ ไป night market กัน แล้วจะได้กลับโรงแรมนอน เดินจาก Ibis มา night market หิวแล้วว แวะกินก่อนดีกว่า

อิ่มแล้ว กลับโรงแรมนอน คนข้างๆ ก็จิบเบียร์ นั่งดูทีวีไป มันคือการพักผ่อน

22 Feb 16 ก ลั บ บ้ า น ลุกขึ้นอาบน้ำแต่งตัว ไปกินติ่มซำเมืองอิโปร์กัน ไปถึงร้านปิด เอา food court ตรงข้ามแล้วกัน

แล้วก็ลากระเป๋า ไปยัง บรรยากาศ สถานีรถไฟ คนเยอะมาก

รถไฟมาแล้ววว กลับบ้านกันเถอะ เวลารถไฟ ค่าตั๋วและ บรรยากาศภายในรถไฟ

จบทริปการเดินทางครั้งนี้ ทำให้ได้รู้ว่า ประเทศเพื่อนบ้านเราพัฒนาไปไกลมากจากการนัรถไฟความเร็วสูง แต่อาหารบ้านเราอร่อยกว่าเยอะ รักประเทศไทยมากขึ้น

wiwella

 วันพุธที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2559 เวลา 13.11 น.

ความคิดเห็น