สักครั้งในชีวิตขอให้ได้มานมัสการรอยพระพุทธบาทเขาคิชฌกูฏ ซึ่งตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติเขาคิชฌกูฏ ตำบลพลวงกิ่ง อำเภอเขาคิชฌกูฏ จ.จันทบุรี นั้นมีกระแสแรงมากขึ้นเรื่อยๆจากกำลังศรัทธาและความเชื่อว่าของชาวพุทธที่ว่า..ถ้าเรามีโอกาสเดินทางขึ้นเขาที่ต้องฟันฝาอุปสรรคต่างๆความปวด เมื่อย เหนื่อยล้า ระหว่างการเดินทางเป็นการฝึกความอดทน และเมื่อได้มาเคารพกราบไหว้ด้วยใจที่มุ่งมั่นแล้วจะเป็นสิริมงคลแก่ตนเอง หากตั้งจิตอธิษฐานขอพรแล้วจะประสบความสำเร็จ ดังนั้นอีก 1 ในเป้าหมายของชาวพุทธในทุกๆปีคือการเดินทางมานมัสการรอยพระพุทธบาท ในช่วงที่เขาเปิดจึงมีชาวพุทธหลั่งไหลเดินทางมาทั่วประเทศอย่างไม่ขาดสาย

โดยในปี 2562 จะเปิดให้ขึ้นเขาคิชฌกูฏตั้งแต่วันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2562-5 เมษายน 2562 นี้ ผู้ที่มานมัสการต้องรักษากาย วาจา ใจ ให้บริสุทธิ์ อย่ากระทำหรือพูดจาที่ไม่เป็นการเคารพเด็ดขาด การแต่งกายควรเรียบร้อยในแบบที่สวมใส่สบายๆสิ่งที่ต้องเตรียมไปคือ น้ำดื่ม, อาหารว่าง, ยาสำหรับโรคประจำตัว ฯเขาจะเปิดให้ขึ้นได้ตลอด 24ชม.แต่คนส่วนใหญ่มักนิยมขึ้นเขาในช่วงพระอาทิตย์ตกดินไปแล้ว เพราะทำให้เดินสบายไม่ร้อนมาก เคยมีคนเล่าว่าหากใครได้มานมัสการและขอพรรอยพระพุทธบาทเขาคิชฌกูฏ ครบ 3 ปีจะประสบความสำเร็จในสิ่งที่ปราถนา โดยมีกูรูเล่าว่าต้องมีเทคนิคในการขอพรคือ การขอเพียงข้อเดียว โดยอาจจะตั้งจิตกำกับไปด้วยว่าเมื่อขอแล้วประสบความสำเร็จจะทำอะไร เช่นจะกลับมาร่วมทำบุญอีกครั้ง หรือทำอะไรที่ดีๆก็ว่าไป ซึ่งคงต้องดูว่าโอกาสมีแนวโน้มเป็นไปได้ด้วยไม่ใช่สักแต่ว่าขอ พรบางข้ออาจต้องใช้เวลาบ้างขึ้นอยู่กับเรื่องที่ขอว่ายากหรือง่าย ฯ


สำหรับตัวเองมา 3 ครั้งติดกันและประความสำเร็จในสิ่งที่ขอพร ดังนั้นการกลับมาครั้งนี้จึงตั้งใจเพื่อมาร่วมทำบุญและฝึกจิตใจให้สงบๆไม่ฟุ้งซ่านคิดโน่นคิดนี่ อยู่กับตัวเองในช่วงที่เดินขึ้นเขาถือเป็นการเจริญสติได้อย่างหนึ่ง และถือว่าเป็นโอกาสในการสร้างบุญให้กับตัวเองด้วย เป็นครั้งที่ 4 แล้วดีใจที่ได้กลับมา เมื่อธรรมะจัดสรรทำให้เราเดินทางมาได้อย่างปลอดภัย ต้องบอกก่อนว่าขับรถมาจากกรุงเทพฯเพียงลำพังคนเดียวตลอด 4 ชม.เต็มๆกว่าจะมาถึงที่นี่ แต่ก็ต้องใช้เวลาอีก 3-4 ชม.เพื่อเดินทางขึ้นเขาและลงเขา..ฝึกความอดทน หลายๆสิ่งปรับเปลี่ยนดีขึ้น โดยเฉพาะการจัดการรถขนส่งคน ขับรถมาตามป้ายบอกทางเห็นว่าสามารถจอดรถไว้ที่วัดกระทิงได้ เลยจอดที่นี่มีพื้นที่กว้างขวางสะดวกดี ก่อนเดินทางขึ้นเขาสามารถร่วมทำบุญและไปกราบนมัสการหลวงสรีระสังขารหลวงพ่อเขียนพ่อเขียนได้ จากนั้นก็หาซื้อตั๋วรถสองแถวเพื่อขึ้นเขาคิชฌกูฏ บัตรเดินทางไปกลับราคา 200 บาท ขอไปเป็นตั๋ว ขากลับเขาจะให้ป้ายห้อยคอให้ใส่เวลาจะนั่งรถกลับมาเนื่องจากที่รถบริการสองจุดต้องอีกที่คือที่วัดพลวง ซึ่งก็มีบริการให้จอดรถฟรี และนั่งรถสองแถวขึ้นเขาจากจุดนั้นได้เหมือกัน ที่วัดกระทิงรอไม่นานรถก็ออกมีรถเยอะวิ่งตลอดทั้งวันและคืน สภาพรถใหม่กิ๊กเครื่องแน่นยางดี ถนนเส้นทางขึ้นเขาก็ดีขึ้นกว่าก่อนมาก แต่ขอเตือนเวลานั่งด้านหลังต้องจับราวรถให้แน่น เพราะจะได้สนุกลุ้นระทึกหวาดเสียวเบาๆเวลารถเหวี่ยงเลี้ยวโค้งไปมา และเจอรถสวนทางกัน แต่จะรู้สึกดีมากๆเมื่อได้สัมผัสอากาศบริสุทธิ์และลมเย็นๆบนยอดและรู้สึกตัวกลับมาหวาดเสียวอีกทีก็ตอนโค้งหักศอก ใครที่พกอุปกรณ์หมวกผ้าแว่นกันแดดฯ แนะนำเก็บใส่กระเป๋าก่อนไม่งั้นปลิวไปตามลมแน่นอน ขากลับเปลี่ยนบรรยากาศมาถึงคนแรกเลยได้นั่งหน้าก็จะสบายขึ้นหน่อย อ้อ ขาขึ้นจะมีการเก็บค่าบริการเข้าอุทยานอีกคนละ 20 บาทด้วยนะ รถสายวัดกระทิงจะจอดรถจุดเดียวคือลานพระสิวลี จะมีพระแม่ธรณีบีบมวยผม พระนอน และพระมาลัย ฯ

มีจุดให้บริการบูชาดอกไม้ธูปเทียนและผ้าสามสี ในปีนี้งดจุดธูปเทียน ให้ถวายบูชาได้อย่างเดียว ใครใคร่อยากทำบุญบริจาคข้าวสาร สะเดาะห์เคราะห์ ก็มีบริการให้ด้วย หากใครทำบุญครบร้อยบาทก็จะได้ลงชื่อในสมุดทำบุญ รับผ้ายันต์ และพระสิวลี1องค์เป็นที่ระลึก (ถ้าของยังไม่หมดนะ) เพื่อนำไปบูชาขอโชคขอลาภ


จากลานพระพระสิวลีจะมีทางขึ้นเขาให้เดินทางต่อไปอีก 1 กิโลเมตรจึงจะถึงรอยพระพุทธบาท ปีนี้ไม่เห็นมีร้านค้าขายระหว่างเส้นทางเดินขึ้นเขาสองข้างทางแล้ว แต่ยังมีจุดทำบุญให้เลือกมากมายตลอดเส้นทางเดิน รวมถึงชาร้อนๆที่มีบริการนักแสวงบุญได้หยุดพักเหนื่อยดื่มชาก่อนออกเดินต่อไป และสิ่งที่เพิ่มมาคือนิทรรศการเกี่ยวกับเขาคิชฌกูฏ ให้แวะพักอ่านด้วย

เป็นการเดินทางในช่วงแรกที่เพิ่งเปิดเขาได้ 11 วัน ส่วนเวลาขึ้นเขาหลังจากลานพระสิวลีประมาณ 17.45 น. คนยังมาไม่เยอะเดินสบายๆใช้เวลาแค่ ชม.นิดๆก็ถึงยอดเขาแล้ว เมื่อถึงก็เข้าคิวรอทำพิธีสวดสักการะรอยพระบาทขอพรตามจิตอธิฐาน โดยมีผู้นำสวดให้ด้วย ปัจจุบันที่รอยพระพุทธบาทจะไม่อนุญาติให้โรยเม็ดพลอย หรือจุดธูปเทียนดอกไม้แล้ว ยกเว้นให้ปิดแผ่นทองได้ จะปิดที่รอยพระพุทธบาทหรือจุดสักการะบูชาอื่นๆ ก็ได้เช่นกัน

ให้สังเกตุว่าบริเวณใกล้ๆรอยพระบาทใหญ่นั้น ด้านล่างจะมีหลุมสี่เหลี่ยม อยู่เรียงเป็นแนวเดียวกันประมาณ 3 หลุมมีกูรูบอกว่าเป็นจุดที่ขอพรเรื่องสุขภาพโดยเฉพาะ หากใครมีปัญหาเรื่องสุขภาพให้มาสักการะและปิดทองที่หลุมเหล่านี้ วิธีการขอพรคือการแนะนำตัวเอง เป็นใครชื่ออะไร มาจากไหน ตั้งใจขอพรเรื่องอะไร จากนั้นยังมีกิจกรรมให้ร่วมทำบุญอีกมากมาย


ทั้งทำบุญโพธิ์เงินโพธิ์ทองให้กับพ่อแม่ผู้มีพระคุณ ทำบุญให้วัดนำไปมอบให้โรงพยาบาลฯ และโชคดีมากจริงๆที่ได้กราบหลวงพ่อนงค์ท่านเพิ่งทำวัดเย็นเสร็จแล้วจึงออกมาให้ลูกศิษย์เข้าพบกราบไหว้ หลังจากนั้นคือการเขียนยันต์เป่าคาถาโชคดีร่ำรวยให้กับลูกศิษย์ ใครที่อยากให้ท่านเป่าหรือเขียนยันต์ก็ส่งไปมีทั้งสร้อยพระ โทรศัพท์ กระเป๋าต่างๆ จึงลองส่งกระเป๋าใบเล็กไปบ้างก็เกือบคนสุดท้าย และหลวงพ่อท่านก็เขียนยันต์ลงบนกระเป๋าของเราใบแรก ท่านเขียนให้แค่สองใบเท่านั้น แต่เสกมนต์เป่าคาถาให้ครบทุกใบ รู้สึกโชคดีมากๆเลยครั้งนี้ สาธุสาธุสาธุ

เสร็จภาระกิจจึงนั่งพักสูดอากาศดีๆให้เต็มปอด รับลมเย็นๆสบายๆให้คุ้มค่าที่เดินทางมาจนได้ คุ้มค่ามากที่เดินทางมาถึงที่ประดิษฐานของรอยพระพุทธบาทที่อยู่สูงที่สุดในประเทศไทย สูงกว่า 1,050 เมตรจากระดับน้ำทะเล แม้การเดินทางจากกทม.ไปกลับใช้เวลา 7-8 ชม. และเวลาขึ้นเขาลงเขาอีก 3-4 ชม. ซึ่งถ้าใครเคยมาแล้วคงหมดคำถาม ส่วนใครยังไม่เคยมาอาจจะสงสัย ยังไงก็ลองหาโอกาสมาพิสูจน์ด้วยตัวเองสักครั้งหนึ่งในชีวิต ..ของมันต้องลอง

การเดินทางไปยังยอดเขาคิชฌกูฏ

มีรถบริการตลอดเวลา ใช้เวลาประมาณ 30 นาที (จุดจอดรถฟรี และนั่งรถขึ้นยอดเขามี 2 จุดที่ให้บริการ)

1.วัดกระทิง รถบริการไปและกลับราคา 200 บาท

2.วัดพระบาทพลวง โดยรถที่ขึ้นยอดเขาแบ่งเป็น 2 ช่วง ค่าโดยสารช่วงละ 50 บาท/คน (รวมไป-กลับ 200 บาท)

สอบถามข้อมูล เขาคิชฌกูฏ โทรศัพท์ : 0 3945 2074,0 2562 0760

นมัสการรอยพระพุทธบาท #1 ปีมีเพียงครั้งเดียว #เติมพลังบุญ #เขาคิชฌกูฏ#`เขาหลวง#วัดกระทิง #วัดพลวง #จันทบุรี #ป้าเที่ยวละไม#VRCIN#CINVARINTHORN

ป้าเที่ยวละไม

 วันอังคารที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2562 เวลา 17.32 น.

ความคิดเห็น