...................................................

:: ฝากติดตามเพจไผ่ด้วยนะคะ ::

https://www.facebook.com/wherewegopage/

...................................................

เคยอยากไปลองพัก Farm Stay ที่ญี่ปุ่น

แบบที่ไปพักที่บ้านเค้า ได้ลองเก็บผัก หัดทำพิซซ่าบ้างมั้ยคะ

จะบอกว่าที่ไทยก็มีนะคะ แถมอยู่ใกล้แค่ จ.นครปฐม นี่เอง

‘MaChill Home’ ที่ที่ไม่ได้เป็นแค่ Home stay หรือ Farm Stay

MaChill Home โฮมสเตย์บ้านดินน่ารักๆ ที่มี concept รักษ์โลก อยากให้คนท่องเที่ยวกันแบบไม่สร้างขยะ หรือ Zero Waste นั่นเองค่ะ


ไผ่สะดุดตรง concept ของเค้านี่แหละค่ะ อ่านแล้วอยากไปมาก copy link ส่งให้พี่ปุ่นทันทีเลย

แล้วก็ได้คำตอบที่คิดไว้อยู่แล้ว “ไปสิ” 555

ว่าแล้วเราก็หาแนวร่วมชวนน้องๆของไผ่ไปด้วยกัน



‘คุณเกล้า คุณกุ้ง’ เป็นเจ้าของโฮมสเตย์ที่น่ารักมากๆค่ะ ก่อนจะถึงวันเข้าพัก ไผ่ได้คุยไลน์กับคุณเกล้าตลอด

ถึงจะเป็นการพูดคุยกันครั้งแรกของคนที่ไม่เคยเจอหน้ากันมาก่อน แต่ไผ่กลับรู้สึกได้ถึงความ Friendly และเป็นกันเองมากๆของคุณเกล้า

คุยไปคุยมา นึกว่าคุยกับเพื่อนที่รู้จักกันมานาน ใครไม่เชื่อต้องไปลองคุยดูค่ะ 555

ที่ MaChill Home ไม่ได้มีแค่ที่พักที่เป็นบ้านดินนะคะ แต่เค้ายังมี Farm Dinner ตอนเย็นที่นั่งทานข้าวรับบรรยากาศชิลล์ๆแบบ Country side ด้วยนะคะ

อันนี้สามารถจองเพิ่มได้ค่ะ แต่ต้องแจ้งล่วงหน้าด้วยน้า เค้าจะได้เตรียมอาหารไว้ให้ค่ะ และแน่นอนดูจากรูปแล้ว บรรยากาศน่ารักอย่างนี้ ไผ่ก็ไม่พลาดค่ะ จองไปโล้ด



ทริปนี้เราแพลนจะเข้าไปที่ MaChill ช่วงเย็นๆ

พอไปถึงหน้าบ้าน ประตูไฟฟ้าก็ค่อยๆ เปิดออกต้อนรับให้เราขับรถเข้าไป โดยที่มีผู้ชายคนนึงเดินออกมายิ้มต้อนรับ แล้วคอยชี้จุดว่าจอดรถตรงนี้ได้เลย พอลงรถมาคำถามแรกของไผ่คือ



“สวัสดีค่ะ คุณกุ้งใช่มั้ย”

คุณกุ้งยิ้มต้อนรับแล้วตอบว่า “ใช่ครับ”

ซักพักคุณเกล้าก็เปิดประตูบ้านเดินออกมาต้อนรับด้วยหน้าตายิ้มแย้ม คือมันต่างจากความรู้สึกเวลาไปพักโรงแรมเลยค่ะ

มันแบบเหมือนมาบ้านเพื่อน เพื่อนที่แบบตั้งใจออกมาต้อนรับเราอย่างอบอุ่น เฮ้ย มันดีนะ



ปกติที่ MaChill Home จะรับอาสาชาวต่างชาติมาช่วยงานและพักอยู่กินกันแบบโฮมเสตย์ด้วยค่ะ

ซึ่งรอบที่ไผ่มานี้มี 3 คนด้วยกันคือ

ไอซีและเตเต้ คู่รักชาวโคลัมเบีย ที่อยากจะกลับไปทำบ้านดินและใช้ชีวิตแบบนี้ที่ประเทศตัวเอง เลยอยากลองมาศึกษาดูก่อน

และเรนะจัง นักศึกษาชาวญี่ปุ่นที่ใช้เวลาช่วงปิดเทอมมาเที่ยวประเทศไทยครั้งแรก

นอกจากเพื่อนใหม่อย่างคุณเกล้าคุณกุ้งแล้ว เรายังได้เพื่อนใหม่ชาวต่างชาติอีกแน่ะ

ด้านหลังนี้เป็นรูป ‘บ้านดิน’ ที่เราทั้ง 4 คนจะเข้าพักนะคะ

บ้านหลังนี้คุณเกล้าและคุณกุ้งใช้เวลา 7 เดือนสร้างกันเองจ้า สุดยอดด ต้องบอกก่อนนะคะว่าสำหรับตัวบ้านดินนี้จะมีแต่พัดลม ไม่มีแอร์น้า



แต่ถ้าใครอยากพักห้องแอร์ ไม่ต้องห่วงค่ะ ที่นี่มี ‘บ้านนก’ อีกหลังนึงค่ะ ตั้งอยู่ข้างๆ มีแอร์และน่ารักมากๆด้วย

พอเราเอาของไปเก็บไว้ใน ‘บ้านดิน’ แล้วเราก็เดินไปที่โซนห้องครัว

ด้านหลังห้องครัวบรรยากาศดีมากๆ จะเป็นบ้านไม้ไผ่ที่ตั้งอยู่ริมแอ่งน้ำ ที่มีแนวต้นดอกหญ้าปลูกเรียงอยู่

และที่สำคัญมีแปลงผักสวนครัว ที่ไม่ใช่แค่ผักไทยๆนะคะ มีผักสลัดเพียบเลย

ภายในครัววันนี้คุณเกล้ากำลังสอนอาสาทั้ง 3 คนทำน้ำเต้าหู้ล่ะ

ไอซีกับเตเต้ ที่มาศึกษาดูงานก็ตั้งใจทำหัดทำกันเต็มที่เลย

จากที่เราไปชะเง้อ ชะแง้ คอยถามว่า “มีอะไรให้ช่วยมั้ยคะ”

ในที่สุดเราก็ได้รับมอบหมายหน้าที่ให้ไปตัดผักสลัดมาเตรียมทำสลัดสำหรับมื้อเย็นวันนี้

โดยที่คุณเกล้าก็มาสาธิตให้เราดูก่อนว่า “เลือกต้นที่สูงๆ โตๆ แล้วก็ตัดมาเลยค่ะ”

หลังจากนั้นก็ทิ้งให้ไผ่ ผู้ไม่เคยปลูกต้นไม้หรือทำกับข้าวรอดตัดเองอย่างเก้ๆกังๆ

ตัดไปก็กลัวๆว่า ไผ่จะทำสลัดคุณเกล้าที่เหลือตายหมดป่าววะเนี่ย 5555

ตัดๆไปเริ่มเข้าฟอร์ม โดยมี ‘ใบเตย’ น้องสาวเราผู้ชำนาญงานบ้านและงานครัวคอยชี้แนะ 5555

ปลูกเอง ตัดเองกับมือขนาดนี้ ปลอดสารพิษชัวร์ๆจ้า

ไผ่ผู้เป็นแผนกตัด ส่วนน้องๆก็เป็นแผนกเด็ดผักไปจ้า

พอเด็ดเสร็จ อย่างที่บอกว่าที่นี่ไม่เน้นสร้างขยะนะคะ ก้านของสลัดที่เด็ดใบออกมาแล้ว ก็เอามาปักชำปลูกทานต่อค่ะ

ตัดมาที่ในครัว คุณเกล้าก็กำลังสอนเรนะจังให้คั้นน้ำเต้าหู้

วันนี้จริงๆเรนะจังหมายมั่นปั้นมือว่าจะเอากากน้ำเต้าหู้ที่เหลือมาทำคุกกี้ให้ทุกคนทาน

แต่ทุกคนถามย้ำว่า “ยูจะทำวันนี้จริงๆเหรอ” เพราะเห็นว่าวันนี้เริ่มจะค่ำแล้ว

พอช่วงค่ำๆ วันนี้เรนะจังจึงตัดสินใจว่า “ไว้ทำพรุ่งนี้ละกันนะ” 5555

นอกจากบ้านดินแล้ว ที่นี่ยังมีเตาถ่านที่ก่อขึ้นมาเองด้วยนะคะ

จากที่ถามคุณกุ้งว่าทำนานมั้ย คุณกุ้งบอกว่าทำจริงๆน่ะแค่ 3 วัน แต่ที่ใช้เวลานานคือช่วงที่ต้องรอดินแห้งสนิท

และแน่นอนมีเตาถ่านอย่างนี้ วันนี้เราจะได้หัดทำพิซซ่าทานด้วย!

คุณกุ้งรับหน้าที่เป็นผู้จุดไฟ วอร์มเตาในวันนี้ค่ะ

ส่วนเรนะจัง วางมือจากการคั้นน้ำเต้าหู้ แล้วก็มาช่วยเด็ดใบที่จะวางลงในหน้าพิซซ่า

เรนะจังเป็นเด็กญี่ปุ่นอายุ 19 ปี ที่มีความญี่ปุ่นอย่างแท้ทรู น้องมีความ alert กระตือรือร้นตลอดเวลา กินเก่ง ยิ้มง่าย

น้องจะตื่นเต้นกับอาหารทุกอย่าง ทานแล้วจะทำตาโตแล้วยิ้มกว้างแล้วชูนิ้วโป้งบอกว่า “อร่อยมาก” ทุกครั้ง น้องน่ารักมากๆค่ะ

พอเริ่มเตรียมของเสร็จแล้ว ทีนี้ก็ถึงเวลาหัดทำพิซซ่ากันแล้ว

วันนี้คุณกุ้งยกหน้าที่ให้เตเต้ นักเรียนฝึกหัดทำพิซซ่ามาลองสอนพวกเราดู และก็สอนได้ดีเลยทีเดียว

เตเต้จะคอยให้กำลังใจทุกครั้งที่เราชั่งแป้ง นวดแป้ง วางหน้าพิซซ่า

พอถามว่า “เตเต้ได้ลองทำพิซซ่ามากี่รอบแล้ว”

เตเต้บอกเราว่า “2 รอบแล้ว กุ้งเป็นเซนเซของฉันเอง” 5555

ที่นี่ใส่ชีสไม่ยั้งนะค้า ดีงามมมม

ระหว่างที่ทุกคนทำพิซซ่ากันอยู่ เรนะจังก็ออกมาช่วยเตรียมโต๊ะที่เราจะมานั่งทานข้าวกันเย็นนี้ บรรยากาศดีมากกกค่ะ

กลับมาใส่ส่วนของพิซซ่าน๊านนน พอแต่งหน้าเรียบร้อยแล้ว ไอซีรับหน้าที่เป็นคนเอาเข้าเตา

ตอนนั้นไผ่ก็เดินไปเม้าท์กับคุณเกล้ว แว๊บเดียวเองนะ

พอเดินกลับมา เฮ้ย พิซซ่าเสร็จแล้ว คือมันแว๊บเดียวจริงๆ “ทำไมมันเร็วจังอ่ะคะ!”

คุณกุ้งบอกว่า “เตาถ่านมันร้อนมาก ปกติเข้าไม่เกิน 5 นาทีก็สุกแล้ว อันนี้ยังไม่ออริจินัลนะ เพราะว่าเราวางบนถาด ปกติเค้าจะไม่เอาอะไรรองพิซซ่าเลย แล้ววางตัวแป้งลงไปในเตาเลย แบบนั้นแค่ 2-3 นาที ก็สุกแล้ว”



โอ้โห...ความรู้ใหม่นะนี่!

ที่นี้เราผลัดกันลองทำดูบ้าง

และ ทะแดนนน พิซซ่าฝีมือพี่ปุ่นผู้ใส่หน้าทุกอย่างลงไปก็ออกมาแล้ววว

คือในแต่ละถาดที่ออกจากเตาก็โดนพวกเราตอดคนละชิ้น สองชิ้นตั้งแต่ออกจากเตาสดๆร้อนๆ จะบอกว่าอร่อยมากค่ะ!

คือไม่เคยคิดว่าพิซซ่าหน้าผักจะอร่อยขนาดนี้ กลิ่นหอม คือหยิบทานกันจนลืมอิ่มเลย

และแล้ว Farm Dinner ของเราก็พร้อมแล้วววว

วันนี้เราเลือกที่จะนั่งทานด้วยกันหมดเลยค่ะ ทานหลายๆคนสนุกดี ทำด้วยกัน ก็ต้องทานด้วยกันซี่......

พออิ่มแปล้ ช่วยกันเก็บของเรียบร้อยก็ได้เวลาแยกย้ายกันเข้าไปพักผ่อน

ไผ่เลยเก็บภาพในบ้านดินมาฝากค่ะ บ้านดินจะยกเพดานสูง เลยแบ่งส่วนให้มีชั้นลอยได้ด้วย

ด้านในตกแต่งมีกลิ่นอายญี่ปุ่นๆ น่ารักมากๆเลย

ชั้นล่างจะเป็นเตียงนอนใหญ่ โซนโซฟานั่งเล่น และห้องน้ำค่ะ

พอเดินขึ้นบันไดเวียนมาจะเป็นชั้นลอย ที่สามารถปูฟูกนอนได้ค่ะ

ข้างๆชั้นลอยจะเป็นตาข่ายสานให้ไปนอนเอกขเนกอ่านการ์ตูนได้ด้วยนะ

ตอนกลางคืน เปิดพัดลมแล้วไม่ร้อนอย่างที่คิดแฮะ ต้องดึงผ้าห่มมาห่มด้วยซ้ำ ไม่รู้ว่าเพราะเมื่อเช้าฝนตกด้วยรึเปล่า

ตอนเช้าตื่นมาก็จะแบบว่าติดที่นอน ยังอยากเกลือกกลิ้งต่อ 555



วันนี้เรานัดคุณเกล้าคุณกุ้งว่าจะมาทานข้าวเช้ากันตอน 8 โมงเช้า เรามาถึงครัวก็เห็นทั้งสองคนกำลังทำอาหารกันอยู่พอดีเลย



เช้านี้คุณเกล้าปั่นน้ำผักมาเป็นออเดิร์ฟให้เราก่อน คุณเกล้าบอกว่ามันช่วยปรับสมดุลในลำไส้ค่ะ

ตอนแรกที่บอกน้ำผัก ไอคนไม่ค่อยจะทานผักอย่างไผ่ก็คิดอยู่ว่ามันจะโอมั้ยหว่า แต่ว่า อร่อย!!!!

คุณเกล้าใส่กล้วยแล้วก็เสาวรสเข้าไปด้วย ทำให้ไม่มีกลิ่นน้ำผักอยู่เลย แถมเม็ดของเสาวรสก็เพิ่มรสสัมผัสกรุบๆ อร่อยเลยอ่ะ



ระหว่างที่คุณเกล้าทำน้ำผักให้เราทาน คุณกุ้งก็กำลังทำแป้งแพนเค้กในเตาร้อนๆอยู่เลย



ส่วนเรนะจังก็ออกมาช่วยจัดโต๊ะ เตรียมอุปกรณ์แก้วน้ำ จานชาม



มาแล้ววว อาหารเช้าของเรา หน้าตาดี น่าทานมากๆ

คุณกุ้งบอกว่าเมนูพวกนี้ อาสาที่เป็นชาวต่างชาติมาสอนเค้าทำ

อย่างจานนี้ก็เป็แป้งแพนเค้กแบบบางวางผัดเห็ดลงไป และตามด้วยชีส ปิดด้วยแป้งอีกทีเพื่อให้ชีสละลาย

พอลองทานไปแล้ว โอ้ยยย อร่อยมากกกค่ะ จนต้องหันไปบอก



“พี่ปุ่น กลับบ้านแล้วทำให้ไผ่ทานด้วยนะ” 5555



หลังจากทานข้าวเสร็จแล้ว คุณเกล้าคุณกุ้งยังขับรถพาเราไปดูวิธีการทำบ้านดินที่บ้านพี่ที่รู้จักด้วยนะ ที่นั่นเป็นบ้านเกษรพอเพียง ปลูกผัก เลี้ยงไก่ไข่ เลี้ยงตัวเอง มีอะไรก็เอามาแลก มาแบ่งปันกัน มันดีมากๆเลย



นี่ล่ะค่ะ MaChill Home

เราได้มาพักผ่อนในที่บรรยากาศดีๆ

ได้ทานอาหารอร่อยๆ (ที่เราแอบได้มีส่วนร่วมทำด้วยนิดหน่อย อิอิ)

ยังไม่นับพวกชากำบูชะ, ชากุหลาบ และอีกหลายๆอย่างที่คุณเกล้าคุณกุ้งเอามาแบ่งปันให้ชิม

ได้ไปดูวิธีการทำบ้านดินและวิถีชีวิตพอเพียง

ได้มิตรภาพ ได้เพื่อนใหม่ทั้งคนไทยและต่างชาติ

และที่สำคัญการคุยกับคุณเกล้าคุณกุ้งเราได้พลังบวกจากทั้งสองคนมาเต็มๆเลย



สิ่งเหล่านี้ต้องมาสัมผัสเองถึงจะรู้ค่ะ นี่เป็นการมาพักแบบโฮมสเตย์ที่ไม่สร้างขยะครั้งแรกของไผ่ ถือเป็นครั้งแรกที่ประทับใจมากๆ เอาจริงๆตัวเจ้าของบ้านเป็นสิ่งที่ทำให้ประทับใจสุดๆ จนอยากบอกต่อให้ทุกคนมา มาค่ะ อยากให้ลองมาสัมผัสเองนะ

Where We Go

 วันอังคารที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2562 เวลา 16.41 น.

ความคิดเห็น