หน้าร้อนแบบนี้... จะมีที่ไหนล่ะ ที่น่าไปมากกว่าทะเล ??

ทริปนี้ Journer Gallery (https://www.facebook.com/journeygallery)

จะพาไปเที่ยวทะเลรับซัมเมอร์ กับเกาะที่เรียกได้ว่าเป็น "สวรรค์แห่งทะเลตะวันออก" ด้วยความใสราวกับกระจกของน้ำทะเล หาดทรายขาวละเอียดตลอดแนวของแต่ละหาด บรรยากาศดีดี ที่ไม่คึกคักและไม่เงียบเกินไป ทำให้ใครต่อใครอยากมาพักกาย พักใจกันที่นี่

เกาะที่ผมกำลังกล่าวถึงนี้ คือ "เกาะกูด จ.ตราด" นั่นเอง

เกาะกูด เป็นเกาะที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับสองของ จ.ตราด รองจากเกาะช้าง เป็นอีกหนึ่งเกาะที่ใครๆต่างก็อยากไป ใครที่เคยไปแล้วต่างก็ตกหลุมรัก เพราะอย่างที่บอก...ไม่ว่าจะเป็นความสวยของหาดทราย ความใสของน้ำทะเล และความชิลสุดๆที่จะทำให้ร่างกายและจิตใจได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ เราเลยเลือกเกาะที่อยู่สุดฝั่งตะวันออกของประเทศไทยเกาะนี้แหละ เป็นทริปเปิดซัมเมอร์ของเรา


Day 1 :

การเดินทางไปเกาะกูดในทริปนี้ เราเริ่มจากการไปซื้อตั๋วรถตู้ที่สถานีขนเดินรถโดยสารขนาดเล็ก (จตุจักร) โดยซื้อตั๋วรถตู้สาย กทม. - ตราด ซึ่งมีรถถออกทุกๆชั่วโมง โดยเราเลือกไปแรก คือ 6 โมงเช้า ค่าโดยสารคนละ 270 บาท

ซื้อตั๋วรถที่อาคาร C แล้วไปรอขึ้นรถตู้ที่ชานชาลาด้านหลัง

หลังจากล้อหมุนออกจากชานชาลาตอน 6 โมงเช้า เราก็ภาพตัดทันทีด้วยความง่วง ตื่นมาอีกทีตอนประมาณ 11 โมง ก็มาโผล่ที่ บขส. ตราด รวมๆแล้วก็ใช้เวลาเดินทางบนรถตู้ประมาณ 5 ชั่วโมง

จากนั้นก็มาต่อรถสองแถวไปที่บริษัทเรือที่จองไว้ (จริงๆแล้วทางบริษัทจะมีรถมารับที่ บขส. แต่เราใจร้อนขี้เกียจรอ เลยนั่งสองแถวไปเองเลย...โดนค่าโดยสารไปอีกคนละ 40 บาท)

รถสองแถวพาเรามาส่งถึง บ.เกาะกูดเอ็กซ์เพรส ที่เราจองเรือเอาไว้ รอบบ่ายโมง

การเดินทางไปเกาะกูด จะมีเรือไปส่งหลักๆก็ 3 บริษัท คือ เกาะกูดเอ็กซ์เพลส เกาะกูดปริ๊นเซส และเรือบุญสิริ

ส่วนทางเราเลือกไปกับ เกาะกูดเอ็กซ์เพลส รอบบ่ายโมง เป็นเรือเฟอร์รี่ ค่าโดยสารอยู่ที่คนละ 500 บาท (ในภาพน่าจะยังไม่ได้ปรับราคาค่าโดยสาร)

ระหว่างรอไปขึ้นเรือรอบบ่ายโมง ที่บริษัทเค้ามีร้านอาหารด้วยนะ นั่งกินข้าวรอได้...พอถึงเวลาจะมีรถมารับเราที่บริษัทไปส่งที่ท่าเรือแหลมศอกอีกที

ได้เวลาแล้ว...ไปขึ้นเรือที่ท่าเรือแหลมศอก เรือที่เราไปเป็นเรือเฟอร์รี่ ลำเบ้อเร่อเลย มีทั้งห้องแอร์ให้นั่งสบายๆ และที่นั่งด้านนอกสำหรับใครที่อยากจะรับลมทะเลชิลๆ

หลังจากขึ้นเรือแล้ว ภาพน้ำทะเล ท้องฟ้า และข้างหน้าโล่งๆ คือภาพที่จะได้เห็นอีกประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง ในระหว่างการนั่งเรือไปถึงเกาะกูด

ถึงเกาะกูดแล้วจ้าาาาาา

เรือเทียบท่า ที่ท่าเรืออ่าวสลัด เราก็ลงจากเรือแล้วเดินดุ่มๆตามเค้าไป พอเดินไปถึงปากซอยก็จะมีรถสองแถวมารอรับนักท่องเที่ยวไปส่งตามรีสอร์ท์ต่างๆ แต่ละรีสอร์ท แต่ละโซนของเกาะ ก็จะแบ่งรถกันไปคนละทาง

ถนนบนเกาะดูดีนะ เดินทางสะดวกเลยแหละ

รถสองแถวที่รับเรามาจากท่าเรือ แวะส่งคนนู้นที คนนี้ทีตามรีสอร์ทต่างๆ จนมาถึงรีสอร์ทที่พักของเราในทริปนี้ "Koh Kood Paradise Beach Resort"

Koh Kood Paradise Beach Resort ตั้งอยู่ติดกับชายหาดตะเภา หาดที่สวยและน้ำทะเลใสไม่แพ้หาดไหนๆบนเกาะกูด แถมยังสงบดี คนไม่เยอะเกิน เหมาะกับการพักผ่อนสุดๆ และที่รีสอร์ทเองก็มีบริการครบทุกอย่างสำหรับการมาพักผ่อนที่เกาะกูด ไม่ว่าจะเป็นทริปดำน้ำ รถมอเตอร์ไซค์ให้เช่าเที่ยวรอบเกาะ บริการจองเรือ และอื่นๆที่เป็นสิ่งอำนวยความสะดวกของทางรีสอร์ทอีกหลายอย่าง...

ลองไปดูกันสักหน่อยมั้ยว่าเค้ามีดีอะไรบ้าง


เริ่มตั้งแต่มาถึงรีสอร์ท ก็ต้องมาเช็คอินกันที่ล๊อบบี้ก่อน ซึ่งเขาจัดให้โล่ง โปร่ง สบาย แถมจัดการเรื่องเช็คอินได้รวดเร็วทันใจอีกต่างหาก

มี Welcome Drink รสชาติดีๆมาต้อนรับด้วยนะ

ระหว่างนั่งรอ ก็ได้มาหนึ่งรูปเกร๋ๆ

เดี๋ยวเราลองพาไปดูห้องพักกันบ้าง ที่นี่มีห้องพัก 2 โซน ได้แก่ โซน Villa ที่จะมีทั้งแบบ Villa Beachfront Deluxe และ Garden Villa อีกส่วนจะเป็นตัวตึก ซึ่งเป็นห้องประเภท Superior Garden และ Superior Partial Sea View

เรามาดูที่โซน Villa กันก่อน

ด้านนอกทางเดินจะเป็นสะพานไม้เชื่อมไปถึงบ้านแต่ละหลัง ซึ่งตัวบ้านจะดูมีความเป็นไทยหน่อยๆ ซึ่งทุกหลังจะหันหน้าเข้าหาทะเล

ภายในบ้านพักนั้นค่อนข้างกว้างทีเดียว เตียงใหญ่แบบคิงไซส์บวกๆเลยล่ะ ภายในดูโล่ง น่าพักมากๆ ถ้ามีโอกาสก็อยากจะพักห้องนี้เหมือนกันนะ ฮ่าๆๆๆ


ห้องพักอีกโซนที่บอกไว้ คือ ตัวตึก ที่เป็นห้องประเภท Superior Garden และ Superior Partial Sea View

ภายในอาคารก็เรียบหรูดูดีอยู่นะ

มาถึงห้องพักกันบ้าง ห้องนี้เป็นห้องพักของเราเอง เป็นห้องแบบ Superior Partial Sea View ซึ่งภายในห้องดูดีมาก ทั้งกว้างขวาง เตียงใหญ่ สะอาด สบาย ภายในห้องมีสิ่งอำนวยความสะดวกให้ครบทุกอย่างที่นึกออก




อีกหนึ่งความดีงามของ Koh Kood Paradise Beach Resort คือ ที่นี่เค้ามีมินิมาร์ทด้วย ใครจำเป็นจะต้องซื้อของใช้ส่วนตัวหรืออยากตุนเสบียงไว้เผื่อหิวยามดึก ถือว่าสะดวกสุดๆ เลยล่ะครับ


ที่นี่เค้ายังมีฟิตเนสที่อุปกรณ์ออกกำลังกายครบเลยด้วย นอกจากจะมาพักผ่อนชิลๆแล้ว ถ้าใครอยากเสียเหงื่อที่นี่ก็สะดวกนะครับ



นอกจากบรรยากาศริมทะเลที่ดีมากเวอร์แล้ว สิ่งที่โดดเด่นที่สุดของ Koh Kood Paradise Beach Resort ก็เห็นจะเป็นสระว่ายน้ำกลางแจ้งสีสันสุดแจ่ม ที่อยู่ไม่ไกลจากหน้าหาดนี่แแหละครับ



สีส้มของสระช่างตัดกับสีของท้องฟ้าและน้ำทะเลดีเหลือเกิน




ถ้าใครที่มาถึงวันแรกแล้วยังไม่อยากลงทะเล (เหมือนเรา) เราแนะนำว่าให้มาว่ายน้ำในสระแล้วรอชมพระอาทิตย์ตกจากตรงนี้เลยก็ได้นะ



พาชมรีสอร์ทกันแล้ว ทีนี้เราขอพามาชมบรรยากาศริมทะเลในวันแรกที่เราไปถึงกันบ้างกับหาดที่ผมเกริ่นเอาไว้ตั้งแต่ตอนแรก คือ หาดตะเภา นั่นเอง



น้ำทะเลที่นี่ ใสกว่านี้ก็คงเป็นกระจกแล้วล่ะ 555


บรรยากาศดีดีริมหาดก่อนพระอาทิตย์ตก เหมาะกับการถ่ายรูป

เดี๋ยวใครตามรีวิวนี้ไปแล้วอาจจะสงสัยว่าผมถ่ายรูปนี้จากมุมไหน บอกเลยแล้วกัน...ภาพนี้ถ่ายใต้สะพานท่าเรือน้ำลึกนะครับ


เดินเลยสะพานท่าเรือมาหน่อย ก็จะเป็นโลเคชั่นอีกแบบที่เป็นโขดหินพอให้นั่งถ่ายรูปสวยๆได้ครับ


เดินพอเริ่มเหนื่อย เราก็กลับมานั่งรอชมพระอาทิตย์ตกสวยๆที่ริมหาดหน้ารีสอร์ทกัน บรรยากาศในช่วงเวลาที่ดีที่สุดของวัน สวยมากๆเลยครับ


บรรยากาศก่อนพระอาทิตย์ตก หาดทราย น้ำทะเล และสะพานท่าเรือน้ำลึก เป็นองค์ประกอบที่ลงตัวมากๆ



แสงสุดท้ายของวันกำลังจะหมดไป พร้อมๆกับเรี่ยวแรงในการถ่ายรูปในวันแรกที่เกาะกูดของผม...งั้นขอจบวันแรกกไปกับพระอาทิตย์ดวงกลมๆนี่เลยแล้วกันนะครับ


Day 2 :

วันที่สองของทริปเกาะกูด ฉบับ Journey Gallery วันนี้จะเป็นวันของการตระเวนเที่ยวเกาะกูดในมุมและหาดอื่นๆ แต่ก่อนอื่น...กองทัพต้องเดินด้วยท้องอ่ะนะ...เราก็เลยต้องมารองท้องกับมื้อเช้าที่ทางรีสอร์ทเตรียมไว้ให้ ซึ่งอาหารเช้าของที่นี่จะเป็น Breakfast Buffet ซึ่งก็มีอะไรให้เลือกทานหลากหลายแล้วแต่ใจปรารถนาเลยครับ



ก่อนจะไปที่หาดอื่น ขอพามาชมหาดตะเภาในตอนเช้ากันก่อนดีกว่า บรรยากาศก็จะแตกต่างไปจากภาพตอนเย็นครับ เช้านี้ท้องฟ้าสวยกับน้ำทะเลใสๆ หาดทรายขาวละเอียด ภาพทะเลที่ใครก็อยากเห็น



เช้าๆแดดยังไม่แรงมาก ก็ดีต่อการเดินเล่นริมหาด ถ่ายรูปชิลๆ


ใครที่ไม่ได้คิดจะออกไปไหน จะมานั้งรับลมทะเลอยู่หน้ารีสอร์ท ก็มีเตียงชายหาดจัดเตรียมไว้ให้นะครับ


เดินเพลินจนมาถึงสะพานท่าเรือน้ำลึกกันอีกรอบ



อีกฝั่งของสะพาน น้ำใสดีจริงๆ จนบางทีไม่อยากไปไหนแล้ว วิ่งลงเล่นน้ำทะเลใสๆให้หายอยากไปเลย


ภาพอีกฝากของหาดตะเภา บรรยากาศดีไม่แพ้กันครับ




อยู่หาดตะเภานานๆ เดี๋ยวจะโดนความสวยของทะเลตรงนั้นดึงดูดจนไม่อยากไปไหน ก็เลยต้องรีบเช่ามอเตอร์ไซค์ที่เช่ากับทางรีสอร์ทคันละ 300 บิดไปตามถนนคอนกรีต โดยจุดหมายแรกของวันคือ "น้ำตกคลองเจ้า"


ขับมาเรื่อยๆตามป้ายบอกทางสลับกับดู GPS บ้าง เราก็เดินทางมาถึงทางเข้าน้ำตกคลองเจ้าจนได้ จอดรถแล้วเดินต่ออีกไม่ไกล เราก็จะได้เห็นน้ำตกนี้แล้ว


ครับ...นี่แหละน้ำตกคลองเจ้า มันก็อาจจะไม่สวยอย่างที่คคิดไว้ แต่จะโทดน้ำตกก็คงไม่ได้ เพราะ...พวกแกมาหน้าร้อนนี่หว่า!!!! แต่ก็อย่างที่เห็นนะ ยังมีนักท่องเที่ยวต่างชาติบ้าง ไทยบ้าง แวะมากันเรื่อยๆ

เอาเป็นว่า เราคงบุญไม่พอที่จะได้เห็นน้ำตกสวยๆของเกาะกูด งั้นเราไปทะเลกันต่อเลยดีกว่า และจุดหมายต่อไปของเรา คือ อ่าวพร้าว อ่าวที่อยู่ท่ทางใต้สุดของเกาะกูด



อ่าวพร้าว เป็นอีกหนึ่งจุดที่ผมชอบที่สุดบนเกาะกูด เพราะด้วยความใสของน้ำทะเล คลื่นที่ไม่แรงมาก และที่โดนใจผมที่สุดคือความสงบเงียบของที่นี่ ทำให้เรารู้สึกเหมือนเดินเล่นบนชายหาดส่วนตัวเลยครับ


อีกหนึ่งจุดที่ผมว่าถ้ามาถึงเกาะกูดก็ไม่ควรพลาดเช่นกัน คือ บริเวณอ่าวบางเบ้า ซึ่งเป็นที่ตั้งของรีสอร์ทดังอย่าง Koh Kood Resort และ To The Sea Resort


บริเวณนี้ไม่ได้มีดีแค่รีสอร์ท (ถึงรีสอร์ทเค้าจะดีมากๆจริงๆก็เถอะ 55+) แต่ทะเลโซนนี้ ใสจนมองเห็นพื้อนใต้น้ำได้ชัดแจ๋วเลย




สะพานไม้แบบนี้ ดูเหมือนจะมีอยู่แทบจะทุกที่บนเกาะกูด แต่ที่อ่าวบางเบ้า สะพานของ To The Sea Resort ดูจะโดนเด่นเป็นพิเศษ เพราะ...มีตู้โทรศัพท์อยู่บนสะพานด้วย!!





บริเวณนี้คลื่นไม่แรงมาก คุณพ่อ คุณแม่ สามารถพาลูกๆมาเล่นน้ำได้นะ

อีกหนึ่งจุดเช็คอินของอ่าวบางเบ้า และ To The Sea Resort ก็คือเจ้าชิงช้ากลางทะเลนี่แหละครับ



จากอ่าวบางเบ้า เราย้อนกลับมาทางรีสอร์ทที่พักของเรา ก่อนที่จะกลับรีสอร์เรามาแวะที่ที่นึงที่ถือว่าเป็นหาดยอดนิยมของเกาะกูดเลยก็ว่าได้ หาดนี้ ชื่อว่า หาดคลองเจ้า นั่นเองครับ



ก็ไม่แปลกใจนะที่หาดนี้จะเป็นหาดยอดนิยมของนักท่องเที่ยวที่มาเกาะกูด นอกจากที่ตลอดแนวความยาวของหาดคลองเจ้าแห่งนี้จะเต็มไปด้วยรีสอร์ทดังๆ บรรยากาศดีดีมากมาย บรรยากาศของชายหาดเองก็ดีไม่ใช่น้อย หน้าหาดกว้างนี้เหมาะกับการทำกิจกรรมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น เดินเล่น อาบแดด กีฬาบนชายหาด หรืออะไรต่างๆนานานา แถมมุมถ่ายรูปหน้ารีสอร์ทต่างๆก็ยังมีแต่จุดดีดีทั้งนั้นเลยด้ว



ย้อนกลับมาที่หาดตะเภา ที่ตั้งของ Koh Kood Paradise Beach Resort ที่พักของเรา ในช่วงเวลาที่เราพร้อมจะทานอาหารเย็นตั้งแต่พื้นที่และอาหารยังไม่พร้อม...ระหว่างรอเวลาอาหารเย็น ก็เลยมาเดินเล่น ถ่ายภาพริมชายหาดต่อกันอีกหน่อย




ลืมบอกไปว่าบริเวณหน้าหาด มีบาร์เล็กๆของทางรีสอร์ทให้เราได้มานั้ช่งจิบเครื่องดื่มเย็นๆ รอชมพระอาทิตย์ตกด้วยนะ


ลืมบอกอีกอย่าง หน้ารีสอร์ท เดินลงไปจนถึงทะเล มีเปลให้นั่งเล่นด้วยนะ เวลาน้ำขึ้น ตรงนี้กลายเป็นเปลกลางทะเลไปเลย


สักพักนึง พระอาทิตย์ก็จากเราไปอย่างรวดเร็ว


และแล้วช่วงเวลาที่เรารอคอยก็มาถึง


มือเย็นที่พิเศษกว่ามื้อไหนๆ เพราะมื้อนี้ เป็นดินเนอร์ริมหาสุดโรแมนติกแบบนี้ยังไงล่ะ


นอกจากบรรยากาศดีดี ที่สุดแสนจะโรแมนติกแล้ว อาหารที่นี่ก็ดีเหมือนกัน ผมไม่อยากจะแนะนำเมนูไหนเป็นพิเศษเลย เพราะมันพิเศษทุกเมนู เอาเป็นว่า...สั่งอันไหนก็ได้ อร่อยหมดนั่นและ 555+


จบวันที่สองด้วยมืออาหารสุดเริ่ด พร้อมๆกับจบทริปของเราด้วย ก่อนที่วันรุงขึ้นเราจะเดินทางกลับจากเกาะกันด้วยเรือสปีดโบ๊ทที่ทางรีสอร์ทจัดการจองให้เรียบร้อย ในราคา คนละ 600 บาท

จบทริปแบบประทับใจในเกาะกูด สุดๆ ไปเลย!!!

เป็นครั้งแรกที่เรามาเที่ยวที่เกาะกูดแห่งนี้ และในครั้งแรกนี้ เกาะกูด ก็ตกเราได้เต็มๆ ด้วยทุกอย่างที่เกาะกูดมี ทั้งน้ำทะเลใสๆ หาดทรายสวยๆ บรรยากาศดีดี บวกกับครั้งนี้เราได้ที่พักดีดีอย่า Koh Kood Paradise Beach Resort ที่เอื้อเฟื้อที่พักและบริการเราอย่างดีตลอดทริป

ใครที่อยากไปเที่ยวเกาะกูดแล้วพักฟินๆ บบเรา ตามรอยไปที่ Koh Kood Paradise Beach Resort ได้เลยนะครับ

โทร. 082-4488448
Facebook : fb.com/KohKoodParadiseBeach/
Website : http://www.kohkoodparadisebeach.com


ก่อนจบรีวิวนี้ ก็ต้องขอบคุณทุกคนที่อ่านรีวิวอยาวๆนี้มาจนถึงช่วงสุดท้าย แต่ไม่ว่าจะอ่านจบหรือไม่ก็ต้องขอขอบคุณมากๆเลยนะครับ

แล้วถ้าใครอยากจะลองติดตามกากรเดินทาง รีวิวสถานที่ท่องเที่ยว หรือภาพถ่ายจากเรา ก็เข้าไปกดไลค์และติดดาวเพจ Journey Gallery เอาไว้นะครับ (https://www.facebook.com/journeygallery)

จะเข้าไปดู ไปชม ไปคอมเม้น พูดคุย มีสาระ ไร้สาระ ได้หมดเลย เข้าไปกดไลค์กันนะ


และถ้าเรามีที่เที่ยวที่ไหนที่น่าสนใจ น่าไป หรืออยากรีวิวให้ใครได้ไปตามรอย จะเข้ามาเขียนรีวิวยาวๆแบบนี้ให้ได้อ่านกันให่ ส่วนรีวิวนี้ ก็ขอจบเท่านี้แล้วกันนะครับ


บ๊าย บายยยยย

Journey Gallery

 วันพฤหัสที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2562 เวลา 20.38 น.

ความคิดเห็น