สวัสดีค่ะ รีวิวแรกเลยนะคะหลังจากรอการ approve การถ่ายรูปคู่บัตรประชาชนมา 3 รอบ 5555 เพิ่งเข้าใจว่าต้องถ่ายแบบแนบชิด

อาจจะเขียนไม่รู้เรื่องหรือมีตรงไหนไม่ควรยังไง ช่วยติเตือนเราด้วยนะคะ เราขอโต๊ดด

เราจะขอแชร์ประสบการณ์จากที่ได้เคยไปกวางโจวมา 2 ครั้งแบบ backpack ไปกับพี่สาว จุดประสงค์คือ ไปหาลู่ทางเอาเสื้อผ้ามาขาย สำรวจตลาด

ต้องออกตัวไว้ก่อนว่าเราไม่มีความรู้ใดๆเลย ตั้งแต่แผนที่ ยันภาษาจีน ครั้งแรกแม่ไปด้วย แม่เป็นจีนแต้จิ๋วล้วนๆ ก็ให้แม่ไปต่อราคาให้ กระเป๋าที่ขายอยู่ 1000 ราคาส่ง พอแม่บอกมาจากซัวเถา อ้าว โค้นนนบ้านเดียวกัน! เอาไป 500 เลยเจ๊!! มันเริดตรงนี้แหละ แต่ครั้งนี้ เราไปกันแค่ 2 คน พี่สาวหน้าไทยคม น้องก็หน้าหมวย จีนไม่กระดิก อังกฤษเขาก็ไม่ใช้กัน เอาสิ! ชีวิตจะเป็นยังไง



รู้จักกวางโจว หรือ กวางเจา คร่าวๆ กันนิดนึงดีกว่า copy and paste เขามาเลย กว่างโจว[1] กวางโจว หรือ กวางเจา[2] (จีนตัวเต็ม: 廣州, จีนตัวย่อ: 广州 Guǎngzhōu หรือ Gwong2 zau1 ในภาษาจีนกวางตุ้ง) เป็นเมืองเอกของมณฑลกวางตุ้ง กว่างโจวเป็นเมืองใหญ่สุดทางภาคใต้ของสาธารณรัฐประชาชนจีนซึ่งเป็นมณฑลซึ่งเป็นที่ตั้งของเขตเศรษฐกิจพิเศษทั้ง 3 แห่งของจีน คือ เซินเจิ้น จูไห่ และ ซัวเถา นอกจากนั้นเมืองกว่างโจวยังมีสำเนียงเฉพาะถิ่นที่ถือว่าเป็นมาตรฐานของ ฮ่องกง และมาเก๊า เรียกว่า สำเนียงกว่างโจวอีกด้วย (ขอบคุณวิกกี้-พี่เดียร์ค่ะ)



https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%81%E0%B8%A7%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B9%82%E0%B8%88%E0%B8%A7



ภาษาที่ใช้หลักๆ เห็นจะเป็นจีนกลางและกวางตุ้งนะคะ แต่เวลาขึ้นรถไฟใต้ดิน เค้าประกาศต่างกัน 3 ครั้งอ่ะค่ะ เราไม่รู้ว่ามีภาษาถิ่นอะไรบ้าง รบกวนผู้รู้แจกแจงด้วยค่า สงสัยเหมือนกัน เวลาเดินทางก็ไม่ยากค่ะ สถานีเชื่อมต่อเป็นชื่อสถานีเดียวกัน



ต่อเลย พี่สาวเราจองตั๋วเครื่องบินกับแอร์เอเชียร์ แบบ airasia go ที่เป็นซื้อตั๋ว+โรงแรม 2 คน ประมาณ 14,xxx บาท เราว่าจองแบบนี้สะดวกดีและที่สำคัญประหยัดกว่าจองทีละอย่างนะ ตกคนละ 7,xxx บาท ซึ่งก็เป็นราคาที่รับได้ เดินทาง 4-7 ธ.ค.58 ใช้เวลา 3 ชั่วโมง



อันนี้ขำๆ ก่อนเข้าเกตไป security check เห็นมาหลายตู้ที่เจอสภาพแบบนี้ 55 จากกล่องแสดงความคิดเห็นกลายเป็นตู้บริจาค -*-

มาดูแผนที่รถไฟใต้ดิน เราก้มีปริ๊นท์ไปบ้าง สิ่งที่ช่วยได้มากๆอีกอย่างคือ แอ๊พพลิเค๊ชึ่น ขอบคุณผู้สนับสนุน สร้างสรรค์แอพดีๆ ทำให้ชีวิตเราง่ายขึ้น และแอพที่เราโหลดเอามาใช้กับทริปนี้คือ

*** สิ่งที่เราต้องเอาไปด้วย กันเหนียว หลังจากทริปกวางโจวครั้งแรก กลับมาน้ำหนักเราลดไป 2 โล เนื่องจากเราไม่ชินกับอาหารบ้านเค้าจริงๆ ครั้งนี้จึงต้องมีตัวช่วย

มันช่วยได้มากจริงๆค่ะ คู้นนนผู้ชม!



เตรียมความพร้อมเสร็จละ please fasten your seat belt...and GO!

ต่อค่ะ หลังจากนั่งแบบเกร็งๆ มาถึงกวางโจวเป็นเวลา 5 ทุ่ม ฟ้ามืด อากาศหนาว กว่าจะถึงที่พัก โอ้โหว ปาเข้าไปตี 1 กว่า รอรถบัส หาที่พักอีก วุ่นวายและน่ากลัวมาก เราแนะนำว่าถ้าเลือกได้อยากให้มาถึงตอนฟ้าสว่างอยู่นะคะ ตอนเรามาถึงมันมืดไป คือคนก็เข้านอนหมดแล้ว จะไปถามทางใครก็ลำบาก ป้ายไฟร้านค้าก็ปิดหมดแล้ว หาที่พักลำบากขึ้นไปอี๊กกก แต่เราก็มาถึงที่พักจนได้ เราจะไปพักกันที่ The Bauhinia Hotel แถว One Link-Haizhu square ค่ะ

***ขออภัยที่รูปอาจไม่ชัดค่ะ เนื่องจากเราไปถึงที่พักตอนตี 1 แล้ว เดี๋ยวจะมีรูปตอนกลางวันมาให้ดูอีกทีนะคะ



ออกจากสนามบินมาข้างหน้าก็จะมีรถบัสให้บริการอยู่เป็นสายเส้นทางแยกกันไปค่ะ สำหรับของเรา โรงแรมเราอยู่แถวตึก One Link ก็มารอสาย A2 เลยจ้า รถบัสสนามบิน-ไห่จู่ คนละ 21 หยวน: ขึ้นรถบัสหน้าสนามบินที่ป้าย A2 สาย 5 ไปสุดสายที่ไห่จูสแควร์ รถจอด 3 ป้าย รถจะลอดใต้สะพาน 2 รอบ (ตรงนั้นเป็นสถานี Ouzhuang) พอรถขึ้นสะพานใหญ่ๆ 2 สะพาน ก็เตรียมตัวลง



คนยืนรอกันเต็เลยค่ะ ไม่ต้องกลัวเหงา

ต้องซื้อตั๋วห่อนขค้นรถหน้าป้ายเลยค่ะ จะมีเคาน์เตอร์



ป้ายบอกสถานีหยุดรถค่ะ ของเราสาย 5 ด้านขวามือ เค้าก็ไม่ได้จอดทุกป้ายนะ ถ้าำม่มีคนลงก็ไม่จอด สถานีที่พักเราคือป้ายสุดท้ายค่ะ เฮ่!!



ลงรถฝั่งขวามือ ข้ามมาฝั่งซ้ายมือเดินย้อนมาทางอนุเสาวรีย์รูปปั้นใครสักคนที่อยู่หน้าตึกตามรูป

บรรยากาศตอนกลางคืนเป็นยังไงคะ ฮึ่มมม (ยิ้มอ่อน)



แล้วเดินตรงมาเรื่อยๆๆๆ จะเจอแมคโดนัล ตรงนั้นจะตรงกับทางออก B2 ของสถานีใต้ดิน Haizhu square

ตรงมาจะเจอที่เค้าขายของกุ๊บกิ๊บตกแต่งน่ารักๆเหมือนสำเพ็ง ตรงมาเรื่อยๆ จะเห็นตึก One link ที่ขายของกิ๊ฟช็อปอยู่ฝั่งตรงข้าม ข้ามม้าลายนี้ไปตึก One link โลด

เมื่อหันหน้าเข้าตึก ให้เลี้ยวขวา เดินตรงมาเรื่อยๆ จะเจอสะพานลอยใหญ่ๆ ข้ามถนนเล็กไป เจอโรงแรมอยู่ข้างหน้าเลยค่ะ ของเรามาตอนกลางคืน เลยถ่ายมาแค่นี้ ไว้จะลงในคอมเม้นท์เพิ่มเติมรูปตอนกลางวัน เช็คอินค่ะ มีค่ามัดจำห้อง 300 หยวน และเราก้เพิ่มอาหารบุฟเฟ่ต์ตอนเช้าอีก คนละ 30 เพิ่มคืนนี้ราคานี้ ถ้าพุ่งนี้มากินต้องจ่าย 42 หยวน ก็เลย อ่ะ! เอาเว้ย ลองดู เป็นไง



เดินตรงมาจากห้าง One Link เมื่อข้ามถนนแล้วจะเจอธนาคารป้ายสีน้ำเงินนี้ เห็นป้ายแดงๆมั้ย นั่นแหละๆ ที่หลับนอนของเรา The Bauhinia Hotel

‪‎โรงแรมเดอะบัวฮิเนีย‬ The Buahinia hotel (ชื่ออ่านยากจัง - -") ตั้งอยู่ที่ถนน Taikang (Taikang lu)

Good morning พอนอนตื่นเช้ามา โห อากาศเย็นดี ก็ 14° โดยประมาณ ห้องไม่ได้เปิดแอร์ ปิดกระจก ก็ยังหนาวนะ และต่อไปนี้เป็นรายการอาหารเช้าบุฟเฟต์ที่เราซื้อคูปองไว้เมื่อคืน



ก็เป็นทั่วๆไปนะ ไข่ดาว ไส้กรอก สลัด มีบล็อกเคอรี่ ข้าวโพด ซีเรียลและนม ผัดเส้นเล็ก (เรียกว่าไรไม่รู้ดูเอา) ซาลาเปา ข้าวต้มกะเครื่อง 3 อย่าง เครื่องดื่มก็มีน้ำแอปเปิ้ล น้ำส้ม น้ำเต้าหู้

น้ำเต้าหู้ใสใส



รสชาติหรอ ไม่ค่อยถูกปากนะ มันจืดๆเลี่ยนๆ 55 เรากินน้ำเต้าหู้กะซีเรียล ผัดเส้นๆกะมะเขือเทศจิ้มบล็อกเคอรี่ ก็อร่อยดี แต่เส้นป่าวๆไม่อร่อยเลยอ่ะ แต่ก็โอเคแหละ 30 หยวนเอง

‎ช้อปปิ้งที่ตลาดไป๋หม่า‬ ไม่รู้จะด่าว่าตัวเองอย่างไร เส้นทางรถไฟที่ต้องขึ้นคือ Haizhu-Ouzhaung-Gaungzhou railway station คือต่อรถที่ Ouzhuang แต่ว่า เราลงอู๋จวงปุ๊บ หาทางออกเลยจ้ะ ออกมาทางออก E หาไม่เจอ ลงใหม่ ขึ้น A ขึ้นลงประมาน 3 รอบ ไม่รุชื่อถนนด้วย ก้เลยอ่ะ ลองดูละกัน ตอนนั้นฝนก็ตกปรอยๆ เราเดินหาตลาดซาเหอด้วยความง่าวประมาน 2 ชม. เดินไปถึงสถานี Huanghuagang ‪#‎OMG‬ ค่ะ 555 ภาษาอังกฤษก็ไม่มีใครพูดได้เลย จีนเราก็ไม่ได้ เมื่อดึงสติได้ ก็ถึงกะบางอ้อ อ๋อออ เราไม่ได้เปลี่ยนสาย โถวววว ชีวิต! 2 ชั่วโมงที่ผ่านมาคือ...อะไร



อ่ะ ดึงสติกลับมาขึ้นรถมาถึงสถานี Guangzhou railway station ละ คนเยอะมากค่ะ เหมือนเป็นสถานีกลางของรถไฟใต้ดิน



ก็ออกมาที่ exit D4 ออกมาก็เลี้ยวขวา เดินตรงมาเรื่อยๆ จะมองเห็นแมคโดนัลอยู่รำไรอีกฝั่งถนน ตรงไปเลยค่ะ พอถึงหัวมุมก็เลี้ยวขวา ถนนเส้นนั้นจะค้าส่งเสื้อผ้ามากมาย แม่ค้าร้านส่วนใหญ่จะแต่งหน้าแต่งตัวเหมือนคนเกาหลีนะ เพิ่งจะเห็นผู้หญิงมีชีวิตชีวาก็ที่นี่แหละ ที่เราเห็น ปกติคนที่นี่ไม่ค่อยแต่งหน้าอ่ะ ทาแป้งยังไม่ทาเลยมั้ง ที่นี่เลยมีสีสันมาก

แม่ค้าจะติดราคาไว้หน้าร้าน ซื้อตัวเดียว ต่อยาก อาจจะให้หรือให้ ทางที่ดีควรซื้อ 3 ตัวอย่างต่ำ ต่อราคาไปค่ะ ลดอีกได้มั้ย-ไม่ได้ๆ (ลาสเสอะๆ= last price ราคาสุดท้ายแล้ว)-โอเค งั้นไม่เอาอ่ะ-นี่ลาสเสอะๆนะ-อือ ไม่เปนไร-ลาสเสอะๆ อ่ะว่ามาจะเอาเท่าไหร่ (ยื่นเครื่องคิดเลขมา)-ในใจ:ไหนเมื่อกี๊มิงบอกลาสเสอะๆ -*- ราคาต้น 200 สมมติ กดไป 100 - หูยยย ไม่ได้ๆ ขอ 160 - งั้นไม่เปนไร - 150 นะ, 140, 130- ไม่เปนไร ไปละ (เดินออกเลย) - อ่ะๆ!!! มาๆก้ได้ๆ บ่นๆๆ บ่นไปดิ ฟังไม่ออก 555



ร้านพวกนี้ก้จะเรียกลูกค้า บ้างก้สะกิด บ้างก้เดินมาคุย บ้างก้สะกิด ฉุด จับมือให้จับเสื้อผ้า เดี๋ยว!! ใจเย็นๆ คุณจำคนผิดรึป่าว แหม๊ จูงมือกุไปหยั่งกะเป็นเพื่อนลูบหัวกันมาก่อน 555

ก็ต่อไป ส่วนใหญ่ก็จะให้เรากดราคาที่เราต้องการ ถ้าเราไม่เอาราคาเค้า แต่บางร้านก็ไม่ให้นะ เค้าจะด่าหรืทำหน้ายังไง ก็ปล่อยเค้าไป เราฟังไม่รู้เรื่อง ด่าภาษาไทยสิ 55



ฝนตกยิ่งพาให้หนาวเข้าไปอี๊กกก



เสื้อผ้าเยอะมากกกค่ะ ละลานตา โซนขายเสื้อผ้านี้คนขายก็จะแต่งหน้าแต่งตัวออกแนวเกาหลีค่ะ ทีพบเจอตามถนน สถานที่ทั่วไปจะเหมือนตื่นนอนแล้วมาทำงานเลย ไม่ใช่! เค้าแค่ไม่ได้แต่งหน้า จริงๆคนที่นี่แต่งหน้าแล้วดูดีออกนะ เหมือนเกาหลีเลยแหละ อปป้า ซารังเฮ <3



ห้างใหญ่ม๊ากกก

ร้านแถบนี้จะอยู่ใต้ห้างใหญ่อ่ะ เดินๆดูแล้วเสื้อผ้าถูกกว่าข้างบนนะ แล้วแม่ค้าก็ดูจะต่อราคาง่ายกว่า อารมณ์ประมาณใบหยกกะแพลตตินัมอะ ต่อได้ต่อไป ต่อเยอะคนขายหน้ามุ่ย บางร้านก็ให้ บางร้านก็ไล่ เอาที่สบายใจ ไล่ใช่มั้ย!! เออ ไปก็ได้! รีบออกมาสิคะ อยู่ทำไร 555

นี่คือร้านบนตึกค่ะ แพลตตินัมถือว่าเป็นระเบียบสวยงาม ที่นี่เขาจะเอาถุงเสื้อผ้าใบใหญ่ๆ ใหญ่ๆ มากองไว้ทั้งหน้าร้านและในร้าน เรียกว่าเต็มร้านเถอะ เราก็ไม่รู้เขาขายส่งขายปลีกยังไงนะ แต่ก็เรียกให้เราเข้าหมดอะ ซื้อปลีกก็แพงหน่อย อาจจะไม่หน่อย ยิ่งซื้อเยอะ ยิ่งถูกเยอะ เยอะ เยอะ (เอคโค่)



แวะพักร้านกาแฟซักหน่อย แนะนำร้านกาแฟที่กวางโจว 85°c ร้านนี้ตั้งอยู่บริเวณไห่จูสแควร์ (Haizhu square) ซึ่งใกล้กับทางออกรถไฟใต้ดิน B3 ตรงข้ามกับอนุเสาวรีย์ที่เราผ่านมาตอนลงรถบัสวันแรกน่ะแหละ

ราคาไม่แพงมาก และรสชาติก็โอเคใช้ได้เลยทีเดียว มีพนักงานพูดภาษาอังกฤษได้คนเดียว ตอนที่เราไปซื้อนะ ในร้านมีโต๊ะให้นั่งกินไม่เยอะ ประมาน 3 ชุดมั้ง แล้วก็เป็นเคาน์เตอร์บาร์ เราก็นั่งเคาน์เตอร์ ที่มาแวะที่นี่ก็เพราะต้องการหลบอากาศหนาวข้างนอก ตอนนั้นมือแข็งจริงๆ และหิวด้วย ร้านเปิดถึงเที่ยงคืน ใครยังหาที่ลงที่ไหนไม่ได้ มาฝากท้องฝากตัวที่นี่ได้จ้า



เราจะขอ go home นะคะ ถึงบ้านแล้วจะรีบมาต่อ เรื่องการซื้อบัตรรถไฟใต้ดิน ทะลวงไส้ตลาดค้าส่งเสื้อผ้าที่ Wanjai รีวิวอาหารกับเจ๊ที่ Four Season ทำร้ายเรา T.T และเรื่องดราม่าก่อนบินกลับ ดราม่าที่สุด เฮิร์ตสุดในชีวิต เราจะทำตามสัญญา ขอเวลาอีกไม่นาน...

ขอโทษที่มาช้าค่ะ เพิ่งกลับถึงบ้านและทำธุระเสร็จ ไม่อยากค้างคาเหมือนกัน แต่สงสัยคืนนี้ต้องแปะโป้ง เพราะต้องรีไซส์รูปทุกรูปเลยอ่า เค้าขอโทษ กระทู้แรกเค้าไม่รู้ต้องทำไรบ้าง งือออ



***ขอบคุณ สมาชิกหมายเลข 1392283 เราก็เอะใจอยู่ตอนกลับบ้านว่าพิมพ์เลขพ.ศ.ไรไป สะกิดใจว่าจะมาดู ป๊าดด เค้าแก้แ้วนะ ขอบคุณค้าบ ^^ เราไม่ไปสู่โลกอนาคต #อ๊อล วไรท์



ต่อเลยนะ หลังจากเดินดูเสื้อผ้าแล้ว (อย่าถามว่าตึกไหนชื่ออะไร อยู่ตรงไหน บอกเลยว่าตอนนั้นก็เดินวนเป็น The Maze runner เหมือนกันจ้า ออกได้ก็บุญแล้ว) อากาศก็หนาว ฝนก็ตกปรอยๆ ตอนนั้นถึงจะเลขสองตัว มือก็แข็งได้ ขนาดเดินไปเดินมานะ เราเลยลองมองหาร้านกาแฟนั่งดื่มของร้อนๆ ชะโลมเครื่องในกันก่อน



จบที่นี่เลย แนะนำว่ามาฝากท้องได้สบายบรื๋อ เพราะเป็นอาหารฝรั่งที่คนไทยอย่างเราคุ้นปากกันดี ทานง่าย รสชาติอร่อย และราคารับได้ CHOIS COFFEE พนักงาน friendly ถึงเขาจะภาษาไม่แข็ง เขาก็พยายามช่วยเราสั่งอาหาร 555



ร้านจะตั้งอยู่ตรงกลางที่เราเดินมุ่งหน้าไป เหมือนเป็นห้างที่มีโถงใหญ่ๆอ่ะค่ะ ตึกนี้จะอยู่ตรงข้ามกับตึกที่เราไปดูเสื้อผ้ากันมานะ ถ้าจำไม่ผิด

ฝากท้องไว้ได้ ไว้ใจได้เลยค้า แล้วเราก็นั่งแช่จนเครื่องในอุ่นพอไปต่อไหว เอ้า ลุย! ลุยไหน?? เดินหาเสื้อผ้าห้างเดิมต่อ เผื่อเจอที่ยังไม่เจอ เอ๊ะยังไง รู้สึกไม่ไหวกับตัวเอง เลยพากันกลับที่พักค่ะ

นี่คือหน้าตาของบัตรรถไฟใต้ดินที่เราเอาเลือดไปแลกมาค่ะ ไม่ใช่! ไปซื้อมาแค่นั้น แต่ตอนคืนเราคืนได้แค่บางสถานีนะคะ ต้องลองถามดูก่อนกลับ ว่าสถานีไหนสะดวกกับเรามากที่สุดเพื่อที่เราจะได้ refund เงินคืนค่ะ

ถ้าไม่มีบัตร คุณมีเงิน คุณก็หยอดๆ จิ้มๆ ไปเลยค่ะ

สภาพรถไฟใต้ดินบ้านเขาล่ะค่ะ

กลับมาที่วังโบฮิเนีย ที่เรามาเมื่อคืนมันมืดๆ ใช่มั้ยคะ พอมากลางวัน หน้าตาเส้นทางที่เราต้องเดินผ่านระหว่างทางไป-กลับรถไฟใต้ดินก็จะเป็นเช่นนี้นะคะ



จากใต้ดินออกทางออกที่เป็นร้านขายน้ำดากาชิเลยค่ะ

อย่าค่ะ อย่าคิดว่ามันจะเป็นบันไดเลื่อน -*-

ขึ้นมาก็จะเจอแมคโดนัลอยู่ขวามือ

ระหว่างทางก็เป็นร้านรวง

เดินตรงมาเรื่อยๆ ก็จะมีขายของตกแต่งงานปีใหม่เหมือนสำเพ็งอ่ะค่ะ

ตรงมาอีก ข้ามทางม้าลายมา สัญญาณไฟต้องสนใจมั้ย ถามใจคนท้องถิ่นข้างๆดู

หน้าตาทางเข้าโรงแรมค่ะ

มาถึงตัวโรงแรมที่เราเข้ามาอย่างไม่มีสติเมื่อคืน เข้าห้องพักไปก็เป็นแบบนี้ ไม่ขี้เหร่ทีเดียว

เข้าห้องพักแล้วทำไงคะ นอนค่ะนอน ตอนนี้ก็ต้องขอไปนอนก่อน พรุ่งนี้เราสัญญา เรามาแน่นอน ครั้งหน้าเราจะเตรียมปรับขนาดรูปมาให้เรียบร้อยเพื่อไม่ให้เสียเวลาขนาดนี้ ขอโทษจริงๆ เราก็อยากเขียนแบบะเอียดด้วย แล้วเราก็ถ่ายมันทุกมุมทุกซอก ในตู้ รูท่อ (เยอะไป) เอาเป็นว่าเราก็อยากให้ทุกคนได้ชมรูปและเอาเนื้อหาเราไปใช้ได้บ้าง คืนนี้ฝันดีนะคะ



ปล. เราไปถ่ายแบบที่ถนนไป่จิงลู่มาด้วย แคร์มั้ย ไม่! เพราะเราไม่ใช่นางแบบ 555

เรากลับมาแล้ว เห่นโหลวว หลังจากวันแรกที่เราได้ทานอาหารบุฟเฟ่ต์ของโรงแรม ที่เป็นน้ำเต้าหูซีเรียลแสนอร่อย หึ เหย แต่จริงๆมื้อนี้ก็อร่อยนะ นอกจากน้ำพริกตาแดงแล้วเรายังได้รับการสนับสนุนจากฮองเฮาหม่อมแม่ที่เตรียมข้าวเหนียวหมูหวานมาให้ รอดค่ะ!

เช้านี้เราจะไม่เดินซ้ำรอยเดิม เรามุ่งหน้าไปที่ Four Season Restaurant อยู่ใกล้ๆ กับถนนไป่จิลู่ที่คนชอบไปเดินเที่ยวยามค่ำคืน อารมณ์ประมาณสยามค่ะ ออกจากโรงแรมเราก็เลี้ยวขวา ตรงไป One Link และเลี้ยวซ้าย ข้ามม้าลาย ตรงไปเหมือนเดิม เหมือนเวลาที่เราจะไปรถไฟใต้ดินน่ะค่ะ พอถึงตรงใต้ดินหน้าแมค เจออนุเสาวรีย์ขวามือ ให้เราเดินตรงไปอีกค่ะ ข้ามถนนไปอีกฝั่งนึงที่เรานั่งรถบัสจากสนามบินมาลง

เดินเลียบถนน Taikang Lu ค่ะ

หลุดทางโค้งมาเราจะพบแสงสว่างค่ะ เห็นป้ายสีม่วงๆซ้ายมือมั้ยคะ นั่นแหละค่ะ ที่ๆเราจะไปฝากท้อง เข้าไปแล้วก็าขึ้นลิฟต์ไปชั้น 8 เลยค่ะ เป็นชั้นของ Four Season

หน้าตาเมนูที่อาเจ้แกเอามาให้ที่โต๊ะค่ะ

เราหาคำศัพท์บางคำไป ได้มาสั่งน้ำที่นี่แหละค่ะ สไปรท์กับชาดำร้อน

สั่งอาหารกันอย่างทุลักทุเล บอกเลยว่าถ้าไม่ได้อ่านพันทิพย์ที่ให้หารูปเมนูอาหารไปก่อน และอินเตอร์เน็ตสำหรับหารูป ณ ตอนนั้น ก็ไ่รูจะได้กินอะไร เมื่อไหร่ พออโชว์รูปก็จิ้มเลยค่ะ อาเจ้ก็มาติ๊กเมนูในกระดาษให้ (ตอนเจ้เอาเมนูภาษาจีนมาวางให้ที่โต๊ะ เจ้ไม่เอะใจบ้างหรอว่าช้านไม่รู้ภาษาจีนนน) อ่ะ จิ้มกันไป เมนูที่สั่งก็เป็นเช่นนี้ เราไม่ทานเนื้อวัวอ่ะ ใครไม่ทานเนื้อวัวแล้วอยากทานแบบนี้ก็เซฟๆภาพไปจิ้มได้ แต่เดี๋ยวเราจะมาบอกทีหลังว่าทำไมไม่ต้องเซฟ



อยากจีบๆได้ -*-

ข้างในเป็นไส้กุ้ง เหมือนปอเปี้ยกุ้งทอดห่อด้วยแป้งกรอบๆและสาหร่าย อร่อยดี

ตามรูปเลยค่ะ ไม่แน่ใจคืออะไร เหมือนหมูตุ๋นๆ ก็อร่อยดี

กินอิ่มเสร็จก็ออกมา จุดหมายของเราวันนี้คือ Wanjia Clothes Wholesale Market แหล่งตลาดค้าส่งเสื้อผ้าที่เขาว่าถูกไปอี๊กก พอเดินทางออกมามองกลับไปก็จะเป็นหน้าตาแบบนี้

เดินตรงมาเรื่อย ถึงหัวมุมของสี่แยกใหญ่ (ถนนไป่จิงลู่อยู่ฝั่งตรงข้าม) ของขายสะบึมเลย ของเล่น กระเป๋า น่ารัก น่าเป็นเจ้าของ

พอเถอะ ไปต่อ นี่ยังไม่ใช่จุดหมาย เราต้องมุ่งไปที่ตึกนี่ค่ะ เห็นป้ายแดงๆใต้ตึกมั้ยค่ะ นั่นแหละค่ะ สถานีรถไฟใต้ดิน Beijing Lu

ขอบคุณทุกความคิดเห็นเลยค่า ดีใจจัง มีคนอ่านด้วย

บุกตลาด Wanjia ขายส่งเสื้อผ้ากันค้า ขึ้นรถไฟใต้ดินสาย 6 ไปลงที่สถานี Shaheding ออกประตู A ขึ้นบันไดมาแล้วมองไปทางซ้าย เผื่อเจอผู้ชายหล่อๆ แล้วมองกลับมาทางขวา เราจะเดินตรงไปทางขวานี่แหละค่ะ 5555



มองซ้ายแล้วมองอ่อน

หน้าตาทางออก A ค่ะ

ร้านข้างทางค่ะ

แล้วก็เดินตรงไป ไม่ต้องลงข้างล่างนะคะ เดินเข้าซอกแคบๆที่เห็นในรูปน่ะแหะค่ะ แล้วก็ห้ามเลี้ยวขวาเด็ดขาดค่ะ เพราะขวามือเป็นกำแพง



เป็นอะไร ชอบถ่ายจักรยาน

พอเดินตรงไปเรื่อยๆ เราจะเห็นตึกสูงๆใหญ่ๆนี่อยู่ฝั่งตรงข้ามค่ะ ก็ข้ามถนนไปค่ะ ม้าลายมีมั้ย จำไม่ได้ น่าจะมี ก็ต้องข้ามตรงนั้นนะคะ เพราะถ้าข้ามช่วงอื่นต้องปีนรั้วค่ะ เพราะมีรั้วกั้นกลางถนน เดินที่นี่ระวังรถราและรถเข็นด้วยนะคะ เพราะรถราและรถเข็นก็จะไม่หลบเรานะจ้ะ คนที่นี่เขาจะบีบแตรกันเป็นนิจ เยี่ยง say hi ในหมู่บ้านของเบลล์ Beauty and the beast ถ้านึกภาพไม่ออก เวลาเดินผ่านเจอกัน ทำหน้าตาร่าเริง Hi, Bell! Hi, Bell! แป๊ดๆ แป๊ดๆ หันซ้าย Hi, แป๊ดๆ ขวา Hi, แป๊ดๆ -*-

เข้าไปในห้างเลยค่ะ เราเดินขึ้นชั้นบนไปเลยค่ะ เจอร้านเหมือนโบ๊เบ๊อ่ะค่ะ ขายส่งแขวนๆกองๆ ที่นี่ราคาถูกจริงค่ะ ต่อได้

ตอนเราซื้อ เราซื้อมา 2 ตัวอย่างต่ำ แล้วแต่ร้านนะคะ ว่าเค้าให้อย่างต่ำกี่ตัว จากนั้นทำการผูกมิตรกับพ่อค้าแม่ค้าค่ะ ส่วนใหญ่เวลาบอกราคาจะกดเครื่องคิดเลขเหมือนเดิม เราก็บอกเค้าว่าไปว่า เราจะรับไปขายนะ มีขนส่ง logistic มั้ย ซื้อเยอะๆ ได้เท่าไหร่ อ่า ทีนี้รู้ราคาถูกๆ ละ ต่อได้อย่างสบายใจในปริาณน้อยที่เราซื้อไปเป็นตัวอย่าง อย่าลืมโหลดแอพ we chat พูดวีแชทเค้าไม่รู้จัก ต้องพูดว่า วีชิ้ง หรือ วีซิ้ง ประมาณนี้เราก็ออกเสียงไม่ถูก ในแอพจะมีไทม์ไลน์ที่แม่ค้าลงรูปไว้เพียบ อยากรู้อันไหนก็แชทไปถาม อ่าาา ผูกสัมพันธ์เรียบร้อย



*** สาระสำคัญ อย่าลืมตรวจสอบเสื้อผ้า สินค้าทุกชนิดเวลาไปซื้อของนะ ด้วยเค้าจะตั้งใจหรือไม่เพราะเราโดนมาแล้ว ซื้อเสื้อกันหนาว 3 ตัว แล้วพอเดินออกมาไปร้านต่อไป หยิบออกมาจัดกระเป๋าปรากฎว่าเสื้อกันหนาวกลายเป็นเศษผ้าที่ยังไม่เย็บ ดีว่าเราถ่ายรูปไว้ทุกร้านที่เราซื้อ เราเลยมีเลขที่ห้องเดินไปถูก เวลาจะถ่ายรูปร้าน รูปสินค้า ก็ขออนุญาติเขาหน่อย เขาให้นะ พยายามแอ็คให้เหมือนแม่ค้าอ่ะ เพราะเราเคยถือกล้องแล้วถ่ายไปทั่ว แปบนึงตร.เดินมาสะกิด ห้ามถ่ายนะลื้อห้าม อ่าว



เสร็จจากตลาดเสื้อผ้าแล้ว กลับค่าาาาา ตอนเย็นจะไปถ่ายแบบที่ไป่จิงลู่

กลับมาห้องพักเลือกเสื้อผ้าที่จะไปถ่าย ให้นางแบบแต่งหน้าหน่อย

เส้นทางการเดิน เหมือนเดิมค่ะ เดินเส้นทางเดิมๆ ที่เราจะไป Four season พอเลยร้านอาหาร เจอสี่แยกใหญ่ มองไปฝั่งตรงยข้ามเลยค่ะ จะเห็นร้านรวง แสงไฟ และผู้คน นั่นคือ ไป่จิงลู่ Beijing Lu หรือ ถนนปักกิ่ง

เป็นร้านค้าเสื้อผ้า เหมือนเมียงดงอ่ะค่ะ แต่ก็แตกต่างกันไปตามประเทศ ตึกเก่าๆสวยดี ชอบๆ



เดินเล่นจนเหนื่อย หาข้าวกินดีกว่า

ร้านนี้อยู่บนห้างค่ะ เราต้องเดินขึ้นบันไดเป็นซอกเล็กๆไป เจอประตูร้านพอดี หน้าร้านข้างล่างก็มีเมนูอาหารโชว์อยู่นะคะ เราเลยเดินตามขึ้นไปดดู

สั่งผัดผัก ราเมง แล้วก็หอยเชล์มากินค่ะ อร่อยดี เหมือนร้านญี่ปุ่นๆ

มีกำลังละ ป่ะ!! ได้เวลาเน็ตไอดอลจะเกิด

เดินแล้วก็ถ่าย ถ่ายก็ไม่ค่อยเป็น เอาไฟสีๆมาช่วยละกัน คนก็มอง อายมั้ย หึ ชั้นมีกล้องบังหน้า เทอโพสไป

เดินแล้วก็หลงอีก แต่ถนนเส้นนี้สวยจริงๆนะ เป็นอาคารเก่าๆ สถาปัตยกรรมเก่าๆ ช่วงที่เดินทะลุมาอีกฝั่งนึงอ่ะ มโนว่าตัวเองใส่ชุดกี่เพ้า ตามหาเจ้าพ่อเซ่ยงไฮ้

มาถึงวันสุดท้ายของชีวิตในกวางโจว เราก็มาฝากท้องที่ Four Season อีกเหมือนเดิม แต่! เราไม่อยากกินเมนูเดิมแล้วอ่ะ อยากลองอย่างอื่นบ้าง ทำไง พยายามหารูปอาหารเพื่อสื่อสารกับอาเจ้ที่ร้าน

"เป็ดปักกิ่ง" มีมั้ยเจ้? (โบกมือเป็นเครื่องหมายกากบาท)

หาคำศัพท์ "เป็ด" เป็ดล่ะ anything เป็ดๆ มีมั้ย? เจ้ก็ส่ายหน้า เจ้รอไม่ไหวเจ้ก็ไป

เอาไงดี นั่งคิด ซักพัก พี่สาวเดินไปหาพนักงานอีกคน เห็นคัมภีร์เล่มใหญ่มาก เปิดดูเป็นเมนูอาหาร พร้อมรูปภาพ พร้อมคำบรรยายภาษาอังกฤษ ไม่อยากจะอุทานว่า ดีออกกก ทำไมไม่ให้ดิฉันตั้งแต่เมื่อวาน นี่เจ้แกล้งไม่รู้ เจ้ไม่ทันคิด เจ้แค้นประเทศไทย หรือเจ้เกลียดที่เราสองคนสวยกว่าเจ้ อุ๊บส์

ถ้าใครจะไปที่ร้านนี้ เซฟภาพนี้ไปก็ได้ หรือใครจะอินบ๊อกมาขขเมนูเราไปดูก็ได้ เราเจ็บใจ ถ่ายมันมาทุกหน้า มีหลายสิบหน้าอยู่

เราก็ไปเดินดูซื้อเสื้อผ้าที่ Wanjia อีกที ซื้อรถลาก 2 ล้อมา 150 บาท ดูทนทานแข็งแรงใช้ได้ ลากของซื้อของไปมา หาย!! ลืมค่ะ ลืมแล้วหายเลย กระเป๋า longchamp จากโรงเกลือ ก็หายค่ะ! ลืมเหมือนกัน



เราจะเล่าว่า ก่อนเราออกไปกินข้าวที่ Four Season เราเก็บข้าวของแล้วลงมาเช็คเอ้าท์ข้างล่าง และฝากกระเป๋าไว้แล้วไปช็อปต่อ กลับมาอีกทีบ่าย 3 แล้วล้วงหากระเป๋าตังค์ แล้วก็พลันนึกขึ้นได้ ว่าวางไว้ที่หัวนอนเพราะเอามานับตัง แล้วก็ลืมเก็บใส่กระเป๋า คิดว่าเราจะได้คืนมั้ยคะ? ไม่ค่ะ คือพนักงานที่นั่นก็ดีมากนะ reception เขาก็ประสานกับแม่บ้าน รปภ. หัวหน้าแม่บ้าน หัวหน้ารปภ. ผู้จัดการโรงแรม คือ มันไม่มีค่ะ เช็คกล้องวงจรก็ไม่มี ในใจเราก็คิดว่า แม่บ้านต้องเป็นคนเอาไปแน่ๆ แต่เราจะทำไรได้คะ กล้องไม่มีในห้อง หลักฐานก็ไม่มี ที่หายไปคือเงิน 5000 บาท บัตรเครดิต 3 ใบ บัตรประชาชน และใจค่ะ ใจหายไปเลย เงินพี่เราด้วย ทำใจ ยังไงก็หาไม่เจอ กลับไทยสิคะ



ถือว่าเป็นประสบการณ์อย่างดีเลยล่ะค่ะ ที่ทำให้เราต้องรอบคอบมากกว่านี้ มาครั้งนี้อาหาร ที่พัก เราโอเคเลยนะคะ อาจเป็นเพราะเรากินอาหารต่างชาิด้วยแหละ ไม่ได้กินอาหารบ้านเค้า ครั้งแรกกินแล้วหนักไปทางมันๆ มากกว่า เราไม่ค่อยชอบ ที่พักก็โอเค ส่วนเรื่องกระเป๋าตังค์เราก็ถือว่าเป็นการฟาดเคราะห์หนักๆเลยแล้วกัน นานาจิตตัง คนได้ไปใครเขาจะมาคืน แล้วให้มายอมรับทีหลังก็คงจะกลัวได้รับโทษ



มาที่นี่ อย่างเราเป็นภูมิแพ้กันทั้งบ้าน เราก็เลยต้องเตรียมผ้าปิดจมูกมาค่ะ เพราะคนที่นี่สูบบุหรี่จัดมาก และการขากถือเป็นเรื่องปกติ แม้กระทั่งในรถใต้ดิน แม้กระทั่งในใต้ดิน เราก็เคยเจอ กะลังหลับๆ อยู่ ได้ยินเสียงเจี๊ยวจ๊าว อาม่ากับอากงพาหลานมาขึ้นรถใต้ดิน นั่งตรงข้าม ลืมตามาอีกที อาม่ากางถุงพลาสติค หลานจับเสา แล้วก็ปัสสาวะตรงนั้น ไม่ลงถุง ไหล๊เป็นทางยาว ลุกหนีแทบไม่ทัน 5555



เอาเป็นว่ามันก็เป็นประสบการณ์แหละค่ะ ดีไม่ดีก็แล้วแต่ความชอบเรา ขอจบรีววิวเท่านี้ ขอบคุณทุกท่านที่ติดตาม หากมีอะไรช่วยได้ก็หลังไมค์มาได้เลยค่า อาจตอบช้าเพราะยังเล่นไม่ค่อยเป็น มันไม่มี notification แบบเฟสบุ๊ค นั่นล่ะฮะท่านผู้อ่าน สำหรับคืนนี้ ราตรีสวัสดิ์



การเดินทางของหัวหอม

 วันศุกร์ที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2562 เวลา 09.06 น.

ความคิดเห็น