ไปนอนแพ แลดาว เอาเท้าจุ่มน้ำที่ River Kwai Jungle Rafts

ถ้าพูดถึงแพเมืองกาญจน์ หลายคนอาจจะคิดถึงแพเธค แพคาราโอเกะ แพลากแพเปียก แพเจ็ดสีมณีเจ็ดแสงอะไรว่ากันไป แต่แพที่เราจะพาไปวันนี้บอกเลยว่าไม่เหมือนใครแน่นอน ถ้าเพื่อนๆ คนไหนเป็นสายรักสงบ สโลว์ไลฟ์ ใกล้ชิดธรรมชาติล่ะก็บอกเลยว่ามาถูกทาง ไปกันเลย!

การเดินทางสู่ธรรมชาติ

แพที่นี่ซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางธรรมชาติบนแม่น้ำแควน้อยค่ะ เราสามารถเข้าถึงได้ทางเรือเท่านั้น โดยเราก็ไปนั่งรอสวยๆ ที่ท่าเรือพุตะเคียน ใครขับรถมาก็ตั้ง GPS : ท่าเรือพุตะเคียนได้เลย ขอเตือน! ว่าอย่าไปเสิร์ชจากชื่อรีสอร์ท เพราะหาไม่เจอจ้ะ นางอยู่ท่ามกลางธรรมชาติจริงจัง สัญญาณอินเทอร์เน็ต สัญญาณโทรศัพท์ไปไม่ค่อยถึง แต่สัญญาณความสุขไปถึงแน่นอน ฮิ้ววว

กลับมา! เอาเป็นว่ามาที่ท่าเรือพุตะเคียนให้ได้ค่ะ ใครนั่งรถโดยสารมาลงขนส่งกาญจนบุรีก็ต่อรถเมล์ส้มหรือรถตู้สายที่ไปทองผาภูมิ – สังขละบุรี บอกว่าลงท่าเรือพุตะเคียน พอถึงน้ำตกไทรโยคน้อยอาจจะโทรแจ้งทางรีสอร์ทว่าให้มารับ เราจะรอปากทางเข้าท่าเรือพุตะเคียน อาจจะมีค่ารถสักหน่อยนะคะจากทางเข้ามาท่าเรือ ถ้าเดินก็คือเหงื่อตกพอดูจ้ะ พอมาถึงแล้ว จะมีเรือหางยาวออกทุกชั่วโมง คอยรับ - ส่งแขกเช็คอิน เช็คเอาท์ตั้งแต่ 13.00 – 18.00 น. ไม่แนะนำให้มาหลังเวลานี้ เพราะมันจะมืด...แซวว ถ้ามาช้ากว่านี้จะเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มจ้ะ เพราะเรือเป็น Out source ไม่ใช่ของทางรีสอร์ทโดยตรง ที่จะหยวนๆ น่ากันได้ แหมพี่คนขับเรือเขาก็มีโอทีอะเนาะ อิอิ

พอลงเรือมาแล้ว ก็ชมวิวสวยงามริมน้ำ ธรรมชาติสุดๆ ต้นไม้อุดมสมบูรณ์มีนกแม่น้ำแควหาชมยากด้วยนะ แล้วเราก็จะผ่านรีสอร์ทต่างๆ ซึ่งเป็นรีสอร์ทในเครือเดียวกันทั้งหมด ของ SERENATA Hotels & Resorts Group นี่แหละ เล็งไว้แล้ว คราวหน้า The FloatHouse River Kwai แพไฮโซเสร็จข้า!

อะนั่งรับลมเย็นให้ตีหน้าม้าสักพัก ไม่เกิน 30 นาทีก็เริ่มเข้าสู่อาณาเขตของรีสอร์ทแล้ว กรีสๆๆ สวยงามตามท้องเรื่องมาก มีไม้ดอกไม้ประดับที่หน้าแพทุกห้อง ดูแล้วสดชื่นสบายตา

แพแรก ต้นตำรับออริจินอล

เหยยย ไม่ธรรมดา เพิ่งรู้ว่าริเวอร์แควจังเกิ้ลราฟท์ ถือว่าเป็นแพลอยน้ำที่แรกเลยนะคะ แถมยังเปิดทำการมาได้ยาวนานขนาดนี้ จัดว่าไม่ธรรมดา แต่เขาไม่ได้มีดีแค่การเคลมว่าตัวเองเป็นที่แรก เพราะถ้าเป็นที่แรกแต่ไม่พัฒนาก็อยู่ไม่ได้หรอกเนอะ แสดงว่าที่นี่ต้องมีดี ใครชอบความคลาสสิก ออริจินอลแบบนี้ก็ถือว่าโดนไปแล้วหนึ่งดอก

รีสอร์ทนี้ไม่ใช้ไฟฟ้า

ตาเถร! คุณหนูลูกผู้ดีอย่างเรา จะย้อนกลับมาใช้ชีวิตเฉกเช่นในอดีตแบบไม่ใช้ไฟฟ้ากระนั้นรึ ฉันจะอยู่ได้ไหม แอ๊บทั้งหมดค่ะ555 คือรู้มาตั้งแต่ก่อนมาแล้วว่าที่นี่ไม่ใช้ไฟฟ้า พ่วงมาด้วยไม่มีสัญญาณไวไฟและสัญญาณโทรศัพท์มือถือด้วย แต่ก็อยากจะลองว่า เหยย จะแค่ไหนเชียว ลองดูสักตั้ง บอกกับสมาร์ทโฟนในมือว่า ห่างกันสักพัก ห่างกันสักพัก เพราะชาร์จแบตมือถือมาเยอะแล้ว วันนี้ขอมาชาร์จแบตตัวเองบ้าง

ซึ่งเอาเข้าจริง ไม่ต้องอดทนอะไรเลยจ้า ห้องพักก็สะอาดสะอ้านดี ตกแต่งง่ายๆ ไม่เยอะแต่ลงตัว เน้นงานไม้ไผ่ เข้ากันดี มีเทียนไฟฟ้าให้หนึ่งอันเอาไว้เปิดให้แสงพอมองเห็น ห้องน้ำเป็นชักโครก ที่พอทำธุระแล้วก็แอบคิดว่า เอ แล้วของเสียเราไปไหน ที่รีสอร์ทก็บอกว่าเขามีระบบบำบัดน้ำของตัวเองที่ได้รับรางวัลระดับโลกด้วยจ้า ไม่ธรรมดาห่วงใยสิ่งแวดล้อมไปอีก โอเอมจีย์

หลังจากเก็บของเข้าห้องพักปุ๊บ อากาศร้อนๆ ตอนบ่ายๆ หิวๆ แบบนี้ เราก็ลงมือกินข้าวกลางวันที่รีสอร์ทจัดให้ รอข้าวเรียงเม็ดสักแป๊บ ก็ไม่รอช้าเปลี่ยนเสื้อผ้าเตรียมโดดน้ำตูมตามเลย เขาจะมีเสื้อชูชีพให้ใส่ ซึ่งจำเป็นต้องใส่นะคะ เพราะเราเล่นน้ำแม่น้ำ บางช่วงกระแสน้ำอาจจะแรง เราต้องเซฟตี้ เฟิร์สค่ะ พร้อมแล้วก็ ตูมมม!!!น้ำเย็นฉ่ำ ลอยคอไปสบายใจสุด เหมือนโลกนี้มีแค่เรากับสายน้ำแควเย็นๆ ช้อบ ชอบ แต่บอกก่อนว่าอย่าลอยเพลินจนเกินธงแดงที่ปักไว้นะคะ เพราะไม่อย่างนั้น เดี๋ยวไปเจอกันรีสอร์ทอื่นค่ะ เดอะ ทอยลาลาลอยก็ช่วยไม่ได้นะคะจุดนี้ รีบตีขาเข้าหาฝั่งแต่เนิ่นๆ คว้าบันไดทางขึ้นให้ไว แล้วโหนตัวขึ้น จังหวะนี้อาจจะต้องต่อสู้กับกระแสน้ำเล็กน้อย แต่ท่องไว้ “หลุดไปงานเข้าแน่นอน” เดี๋ยวแรงจะมาเองค่ะ5555 เล่นไปสัก 6 รอบพอหอมปากหอมคอ ก็ขึ้นมาอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า นอนเปลหน้าห้องพักเล่นๆ เพลินๆ ใครพกหนังสือเล่มโปรดที่อ่านทีไรไม่จบสักที วันนี้แหละค่ะโอกาสทองของเรา แต่ถ้าใครเป็นสายไฮเปอร์แบบเรา ปะ เดี๋ยวพาไปจุดไฮไลท์


หมู่บ้านมอญ ลองไปดู

ลืมบอกไป ว่าพอมาถึงที่รีสอร์ทปุ๊บ เราจะพบกับพนักงานชาวมอญประแป้งทานาคาลายดอกไม้และลายสุดจะสร้างสรรค์อื่นๆ ยืนยิ้มแย้มรอต้อนรับอยู่พร้อมสำเนียงภาษาไทยแบบเฉพาะตัว น่ารักดี เราก็ประหลาดใจแต่ไม่ได้ถาม เพราะเห็นว่าเป็นเสน่ห์เฉพาะตัวดี วันนี้ถึงบางอ้อ เพราะไปถามที่ Reception ว่าไปไหนต่อดี เขาก็แนะนำให้ไปหมู่บ้านมอญ เพราะชาวมอญในหมู่บ้านส่วนใหญ่ก็เป็นพนักงานที่นี่แหละจ้า

หมู่บ้านมอญอยู่ไม่ไกลจากรีสอร์ท สามารถเดินเท้ามาได้ค่ะ บ้านส่วนใหญ่สร้างง่ายๆ แบบนี้ ซึ่งถ้าใครเจอจานดาวเทียม รถมอเตอร์ไซค์ บอกเลยว่าปกตินะ ไม่ต้องคิดว่า เหยยย เฟคว่ะ ไหนบอกไม่มีไฟฟ้า คือ...ที่รีสอร์ทเขาเป็นคอนเซ็ปต์จ้ะพี่จ๋า ส่วนชาวบ้านเขาก็อยู่อาศัยกันปกติ สมัยนี้แล้วเนอะ เขาก็มีแผงโซลาร์เซลล์ผลิตไฟฟ้าค่ะ

เดินๆ ไปสักพักก็เจอน้องๆ หนูๆ มาต้อนรับขับสู้ บางคนดูรู้เลยว่าอนาคตดาวหมู่บ้านแน่นอน5555 เป็นงานมาก น่าจะชินกับนักท่องเที่ยวค่ะ ใครมีขนมติดไม้ติดมือก็เอาไปฝากน้องๆ ได้นะ

เด็กๆ ที่นี่ได้เรียนหนังสือปกติค่ะและมีโรงเรียนมอญที่เจ้าของรีสอร์ทสนับสนุนให้สร้าง เพื่อที่เด็กๆ เชื้อสายมอญที่อาศัยในไทยนี้จะได้เรียนภาษาท้องถิ่นของเขาด้วย ดีมากๆ โรงเรียนก็น่ารักด้วย

อ้อ! ในหมู่บ้านมีร้านขายของชำด้วยนะ ส่วนใหญ่ต้องโดนแป้งทานาคาทั้งนั้น ของมันต้องมีจริงๆ ให้เขาดีไซน์ให้เลยก็ได้ค่ะ จะได้ลายสวยๆ บนหน้ากลับบ้านเป็นที่ระลึก เดินไปเรื่อยๆ นอกจากหมู่บ้านมอญก็จะมีทั้งเจดีย์มอญ วัดมอญ ถ้ำพระนอนผาเอน และพระธาตุอินทร์แขวนจำลองด้วย สวยงามเหมือนไม่ได้อยู่เมืองไทยเลย ถ้าใครกลัวหลงก็ลองติดต่อไกด์ท้องถิ่นที่รีสอร์ทได้เลย มาที่นี่แล้วรู้สึกได้เปิดโลกวัฒนธรรมดีมาก ทำให้รู้สึกว่าการท่องเที่ยวครั้งนี้ของเรามีสตอรี่นะจ๊ะ แล้วเราก็ชอบลักษณะการเกื้อกูลกันของคนในพื้นที่และรีสอร์ท รีสอร์ทให้งานและส่งเสริมความเป็นอยู่พื้นฐานของคนในหมู่บ้าน สร้างโรงเรียน สร้างสนามบาสต่างๆ คนมอญก็ไปทำงาน เป็นพนักงานให้รีสอร์ทได้เงินมาเลี้ยงชีพ ก็จะอยู่ร่วมกันได้แบบยั่งยืนเนอะ

ดินเน่ออออ ดินเน่ออออออ!!!!

กลับมาแล้ว คนอ้วนหมดแรงแล้วจ้า หิวข้าว กลับมานั่งให้เหงื่อยุบสักพักก็มีพนักงานมาตีฆ้องพร้อมตะโกนว่า “ดินเน่ออออ ดินเน่อออ” ให้แขกทุกคนรับรู้โดยทั่วกันในเวลา 1 ทุ่มตรงว่าให้ไปรับประทานอาหารเย็นพร้อมกันทั้งรีสอร์ทที่ห้องอาหารใต้แสงตะเกียงน้ำมันก๊าด ง่อววว โรแมนติกสุดๆ พออาหารเสิร์ฟปุ๊บด้วยความหิวและความสลัว คือมีอะไรบ้างไม่ชัวร์แต่ซัดเรียบจ้ะ อาหารของทางรีสอร์ทเป็นอาหารไทย มีพวกผัดผัก ผัดวุ้นเส้น แล้วก็มีไข่เจียว แกงเขียวหวาน อาหารเติมไม่อั้น ถูกใจชะนีสายเทศบาลมากจ้ะ ส่วนรสชาติทั้งหมด จะเป็นรสกลางๆ ไม่จัดมาก เดาว่าน่าจะทำให้ชาวต่างชาติกินได้ด้วยเพราะชาวต่างชาติเยอะมว้ากรีสอร์ทนี้ ใครกะตีตลาดนี้ก็ถือว่ามาถูกที่เลย55555

ระบำมอญ การแสดงก่อนนอนที่พลาดไม่ได้

ใครคิดว่ากินอิ่มแล้วเตรียมเข้านอน บอกเลยว่าเดี๋ยวพลาดของดีนะจ๊ะ เพราะที่จังเกิ้ลราฟท์ มีการแสดงระบำมอญที่หาชมได้ยากมาก เราก็ไม่เคยดูที่ไหนมาก่อนเลย เห็นว่าเคยเข้าฉากในหนังตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราชด้วยนะ ค่าเข้าชมคนละ 160 บาท โรงระบำมอญจะอยู่สุดแพเลย เดินยาวไปๆ ตอนเดินไปแล้วเห็นตามทางเดินรีสอร์ทจุดน้ำมันก๊าดสว่างไสวท่ามกลางความมืดแล้ว ร้องอู้หูววเลย เพราะสวยงามมากๆ ไม่มืดและไม่น่ากลัวเลย ให้ฟีลลิ่งโรแมนติกดีด้วยนะ ทีนี้พอมาถึงโรงระบำก็จับจองที่นั่งกันเรียบร้อย แป๊บเดียวก็มีนักแสดงชาวมอญที่เราว่าหน้าคุ้นๆ ดูแล้วตอนกลางวันทำงานโรงแรม ตอนเย็นระบำมอญต่อ มีรับสองจ็อบด้วย เริ่ดเว่อร์5555 นักแสดงแต่งตัวสวยงามมาระบำมอญสนุกตื่นเต้น จังหวะเร้าใจดี มีวงออเคสตร้าส่วนตัวนั่งบรรเลงเครื่องดนตรีพื้นเมืองมอญกันสดๆ ที่หน้าเวทีเลย ลักษณะการร่ายรำจะคล้ายการเคลื่อนไหวของหุ่นกระบอก มีการกระโดดโลดเต้น ผาดโผนพอให้ลุ้นระทึก ฟีลลิ่ง B-Boy หน่อยๆ ซึ่งแต่ละชุดการแสดงก็สื่อถึงวิถีชีวิตชาวมอญ ตื่นตาตื่นใจดีค่ะ จบแล้วใครจะให้ทิปส์เป็นขวัญกำลังใจนักแสดงก็หย่อนกล่องได้เลย

ดูระบำมอญจบแล้วกะจะเข้านอน แต่เดี๋ยวก่อนเดินผ่านห้องอาหาร คุณพระ ดาวเต็มฟ้าเลยย สวยมาก ดาวชัดมาก อยู่ในเมืองคือจะไม่ได้เห็นอะไรแบบนี้แน่นอน ใครไปกับแฟนชวนกันไปดูดาวก็โรแมนติกสุดๆ พระจันทร์ก็สวยไม่แพ้กันเลยค่ะ ฝันดีแล้วคืนนี้ อากาศก็เย็นสบาย ถึงห้องปุ๊บเอามุ้งลงก็หลับปุ๋ยไปเลยZzzz

เราจะมาพบกันใหม่ เย่

เช้าวันใหม่ ตื่นเช้าเฉยเพราะคำล่อลวงว่าถ้าตื่นเช้าจะได้มาดูหมอกที่ลอยเอื่อยๆ เหนือน้ำและทาบทับกับภูเขาเป็นภาพที่สวยงามมาก แถมยังได้เจอน้องช้างลงมาอาบน้ำตอน 7 โมงเช้าด้วย สายโลภอย่างเราก็เลยถ่างตาขึ้นมา พอเดินออกไปหน้าห้องเท่านั้นแหละค่ะ ตื่นเต็มตาเลย สวยจริงๆ หมอกจริงไม่จกตา คุ้มแล้วเช้านี้ นั่งชิลกินบรรยากาศจนอิ่ม ก็เคลื่อนตัวไปรอดูดาราน้องช้างของเรา ที่รีสอร์ทจะเตรียมเปลือกแตงโม เปลือกสับปะรดที่ปอกให้แขกกินมาไว้ให้เราป้อนช้างด้วยค่ะ น้องน่ารักมาก ><

ป้อนอาหารช้างแล้วก็ถึงเวลาป้อนอาหารหมู คือตัวเราเอง5555 ที่นี่จะเสิร์ฟ Breakfast เป็น เซ็ตนะคะ ไข่ดาว แฮม ไส้กรอกสั่งได้เลยไม่อั้น ส่วนขนมปัง น้ำและอื่นๆ ก็เดินตักได้เลยค่ะ อาหารเช้าอาจจะธรรมดา ไม่ได้หรูหราฟู่ฟ่าอะไร แต่ได้นั่งกินชมวิวนี้ ถือว่าฟินไม่น้อยจริงๆ

พออิ่มแล้วก็เก็บของเตรียมตัวเช็คเอาท์ รอเรือมารับและจากไปด้วยความอาวรณ์ แพน้อยๆ ค่อยๆ ลับสายตาไปทีละนิด แล้วเราจะมาพบกันใหม่นะ เพราะทริปนี้ถึงไฟฟ้าจะไม่มี เครื่องอำนวยความสะดวกจะไม่มาก แต่มีความสุขมากจริงๆ :)

Website : https://www.riverkwaijunglerafts.com/th/

Facebook : https://www.facebook.com/riverkwaijunglerafts

เบอร์โทร : 081-734 0667
GPS : 14.281035, 99.000796

Passion Foot

 วันพุธที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2562 เวลา 17.53 น.

ความคิดเห็น