ตามประวัติศาสตร์มะนิลา...กับกล้องฟิล์มเก่าๆ Manila with Film Photography

การเดินทางครั้งแรกสู่...ฟิลิปปินส์

คนส่วนมากถ้านึกถึงฟิลิปปินส์ ต้องนึกถึงทะเลสวย ดำน้ำ

แต่เราไม่ไปค่ะ เราจะไปชมเมืองกัน

ความรู้ที่มีเกี่ยวกับฟิลิปปินส์คือ เป็นเมืองขึ้นของสเปนมานาน 400ปี ทำให้เมืองนี้มีสถาปัตยกรรมแบบยุโรปที่เป็นอิทธิพลของการปกครองของสเปนอยุ่เป็นจำนวนมาก เราจะพาไปชมฟิลลิปปินส์ โดยการเดินทางครั้งนี้เราจะใช้กล้องฟิล์มในการเล่าเรื่อง

การเดินทางครั้งนี้เราใช้กล้องฟิล์ม 2ตัว ฟิล์มสี 3ม้วน

KODAK POTRA160

KODAK ULTRAMAX400

KODAK VISION3 250D เป็นฟิล์มถ่ายหนัง

Hello Philippines

KODAK POTRA160

ย่าน MAKATI ย่านนี้เป็นย่านที่เจริญทีสุดของฟิลิปปินส์ เป็นย่านที่วางผังเมืองได้ดี มีการนำสายไฟไปไว้ที่ใต้ดิน บรรยากาศเหมือนเดินอยู่เมืองเล็กๆของยุโรปเลยค่ะ

KODAK POTRA160

JEEPNEY สัญลักษณ์ของฟิลิปปินส์ เป็นเหมือนรถสองแถวบ้านเรา คำว่า JEEPNEY จี๊ป" (Jeep) กับ "นีย์" (Knee) ที่หมายถึง "หัวเข่า" เนื่องจากรถจี๊ปนีย์ในสมัยก่อนจะมีผู้โดยสารนั่งกันแออัด จนหัวเข่าชนหัวเข่า

JEEPNEY กำเนิดมาจากการที่ทหารอเมริกันในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ที่ได้ยึดเอาฟิลิปปินส์เป็นฐานที่มั่นและชัยภูมิในมหาสมุทรแปซิฟิก เมื่อสงครามยุติลงในปี ค.ศ. 1945 ก็ได้ทิ้งรถจี๊ปซึ่งเป็นพาหนะสำคัญที่ใช้ไว้เป็นจำนวนมาก จึงมีผู้นำมาดัดแปลงเป็นรถโดยสาร

KODAK VISION3 250D

การเดินทางในมะนิลาครั้งนี้เราใช้บริการ GRAB เพื่อความสะดวกสบาย ที่ฟิลิปปินส์ GRAB ถูกกำหมายและราคาถูกกว่าบ้านเราเยอะค่ะ สถานที่ต่อไปที่เราจะไปเป้นย่านเมืองเก่าทางประวัติศาสตร์ของประเทศฟิลิปปินส์ ชื่อ INTRAMUROS

INTRAMUROS มาจากคำว่า INTRA = ใน MUROS = กำแพง เป็นเมืองที่สเปนสร้างเอาไว้

ความน่าสนใจเริ่มจากกำแพงเมือง โบสถ์ ที่มีความสวยงามของสถาปัตยกรรมแบบ Spanish Colonial

KODAK VISION3 250D

กำแพง INTRAMUROS แบบเบลอๆ

ถ้าเดินเล่นจะเห็นว่าที่กำแพงมีรอยกระสุนปืนอยุ่เยอะมาก แสดงให้เห็นว่าเมืองนี้ผ่านสงครามมามากมาย สิ่งที่คนที่หลงเหลือเอาไว้ให้เห็นคือความเจ็บปวดที่ถูกยึดประเทศด้วยสเปน และ อเมริกา มาอย่างยาวนาน

KODAK VISION3 250D

ที่ต่อไปที่จะพาไปเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานของเมืองมะนิลา...นั่นคือ

MANILA CATHEDRAL อาสนวิหารแห่งเมืองมะนิลา อาสนวิหารนี้สร้างขึ้นในปี ค.ศ 1571 แต่เนื่องจากภาวะสงคราม พายุ และแผ่นดินไหวทำให้อาสนวิหารนี้ต้องพังลงหลายครั้ง โดยครั้งล่าสุดคือหลังสงครามโลกครั้งที่2 โดยผังของวิหารแห่งนี้สร้างเป็นรูปกากบาทแบบละติน ที่เป็นที่นิยมในสมัยนั้น

KODAK VISION3 250D

โดมของอาสนวิหารแห่งมะนิลา เป็นโดมแบบคลาสสิค 8เหลี่ยม หน้าต่างคู่สลับกับเสา ทำด้วยทองแดง ถ้าสิ่งปลูกสร้างที่ทำด้วยทองแดงถ้าโดนอากาศจะมีสีเขียวของสนิมทองแดง เรียกสีเขียวตังแช ในภาพแสงเยอะไปหน่อยถ่ายช่วงบ่ายลืมปรับ f ภาพเลยออกมาเป็นเช่นนี้แล

KODAK VISION3 250D

SAN AUGUSTINE CHURCH โบสถ์ ซาน ออกุสติน เป็นโบสถ์แห่งเดียวที่รอดจากสงครามโลกครั้งที่สอง สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยสถาปนา intramuros ตัวโบสถ์เดิมสร้างด้วยไหม้แต่ถูกไฟไหม้เพราะการจุดเทียน...เออ!! เก่งเนอะรอดจากสงคราม มาดับสูญเพราะคนจุดเทียนหลุมศพ แสดงว่าไฟนี่ทำลายล้างยิ่งกว่ากระสุนปืนอีกนะเนี่ย ที่โบสถ์นี้เข้าเป็นรอบๆ เราไป 2 รอบไม่ได้เข้าเลยจ้า รอบแรกปิดเพราะเจ้าหน้าที่ไปกินข้าวเที่ยง รอบที่สอง ปิดอีก สงสัยอยากให้ไปรอบ3 ถึงจะได้เข้าไปดูข้างในโบสถ์

ด้านหน้าของโบสถ์ (Facade) เป็นแบบคลาสสิค ประกอบด้วยหน้าบันสามเหลี่ยม ที่รองรับด้วยเสาโครินเธียน(ด้านบน)และไอโอนิก(ด้านล่าง) มองเผินๆก็ดูเหมือนสถาปัตยกรรมแบบคลาสสิคธรรมดาแต่ดันมีหน้าต่างดอกกุหลาบบนหน้าบันสามเหลี่ยม ที่เป็นองค์ประกอบแบบโกธิค

KODAK VISION3 250D

ต่อไปที่จะไป ตาม map ก็อยู่ไม่ไกล เท่าไหร อยู่นอก intramuros แต่!!!!! ใช่เวลา 45 นาทีเลยทีเดียว

ที่มะนิลานี่ทำอะไรต้องเผื่อเวลาระดับ 10 เลยนะ เพราะรถติดมากกกกกกกก

QUIAPO อ่านไม่ออกอ่ะ 5555

เป็นโบสถ์ที่ตนไปเยอะมาก คนจอแจ วุ่นวาย ข้างๆโบสถ์มีตลาดขายอุปกรณโทรศัพท์มากมายเหมือนเสือป่าบ้านเราชัดๆ ถ้าใครไม่ได้ซีเรียสโบถส์นี้ก็ข้ามๆไปได้ ไม่ต้องรู้สึกว่าพลาดอะไรนะ แต่ศิลปะก็สวยดีเป็นแบบคลาสสิค มีหน้าบันสามเหลี่ยน รองรับเสาโครินเธียนเหมือนที่ ซาน ออกุสติน ซึ่งสวยกว่าที่นี่มากๆๆ แต่ที่นี่จะมีความผสมกลิ่นอายบาโรค อย่างมีถ้วยรางวัลประดับ หน้าต่างหยักโค้ง และใช้ volute ในการค้ำยันหอคอย