เริ่มต้นด้วยการนั่งตกผลึกอยู่บนโต๊ะทำงาน

"คนเราจะไปที่ชอบ ๆ สักที่ ทำไมต้องทำให้มันมีอุปสรรคมากีดขวาง

...เพื่อนไม่ว่าง ตังค์ไม่ ลางานไม่ได้ ชีวิตรันทดแท้ล่ะ"

ไปจ๊ะ พี่จะนำพา 2 วัน 1 คืน งบไม่ถึงพัน

เราเริ่มต้นด้วยการหาข้อมูลการเดินทางจากสถานีต้นทางหัวหิน - ปลายทางกาญฯ

โดยจะใช้การเดินทางด้วยรถไฟ มีข้อมูลอยู่ในมือแล้วก็ลุย

ถึงสถานีรถไฟตอน 6 โมงเช้า รีบวิ่งมาซื้อตั๋วกลัวไม่ทัน เพราะนี่คือการขึ้นแบบเดี่ยว ๆ ครั้งแรก

ก็รู้เลยว่าตัวเองช่างเขลานัก ความตื่นเต้นที่สะสมมาทั้งหมด ถูกพังทลายลงไปทีละนิด โดยการรถไฟ

เพราะนั่งรอขบวนนี้ถึง 2 ชม. ซึมไปเลย . . . แต่ไม่เป็นไร การเดินทาง คือ การเรียนรู้

เราจะข้ามช่วงเวลาแห่งหารรอคอยไป เพราะเราไม่เบื่อหรอก เราพกหนังสือไปอ่าน

อ่อ . . . โจทย์ของเรา คือการฟอกตัวเอง และงดโซเซียลลง 95 %

เหลือไว้แค่การติดต่อเท่าที่จำเป็นเท่านั้น

เมื่อขึ้นรถไฟก็เดินหาจุดประจำการที่เหมาะสม อีกสักครู่ก็มีเจ้าหน้าที่มาตรวจตั๋ว

อภินิหารของพี่เจ้าหน้าที่ คือ การทักทายแบบล่วงรู้อนาคตของเราได้

คือพี่เค้ารู้ได้เลยว่าเราจะไปเที่ยวกาญ ฯ และเค้าก็แนะนำ

ให้ไปลงสถานีบ้านโป่ง ก่อนที่จะถึงสถานีปลายทางจริง ๆ ของเรา

เพราะรถไฟออกไม่ตรงเวลา มีความเสี่ยงสูงที่จะตกขบวนที่จะเข้าสู่กาญจนบุรี

ทีนี้ . . . ความตื่นเต้นคืนกลับมาอีกครั้ง 5 5 5 จะรอดมั๊ยเรา

การเดินทางคนเดียว มันก็มีรสชาติไปอีกแบบ เรารู้ถึงปลายทาง

แต่เราคาดคะเนระหว่างทางไม่ได้จริง ๆ นี่คงเป็นเสน่ห์ของมัน

และเมื่อเราถึงสถานีบ้านโป่ง เราก็โดดลงอย่างไม่รอช้า เพราะมาถึงก็ 10 โมงกว่า ๆ แล้ว

หันไปมองหน้าพี่เจ้าหน้าที่ พี่แกส่งสัญญาณกลับมาด้วยการส่ายหัว

เราก็ได้แค่ยิ้มให้และขอบคุณเป็นการตอบแทน

. . . วิ่งตรงไปหาพี่วิน แจ้งจุดหมายคือรถทัวร์เข้าตัวเมืองกาญฯ

พี่วินบิดอย่างไว เพราะเวลานี้เหลือเที่ยวสุดท้าย

มาถึงจุดขายตั๋ว ถึงรู้ว่าตัวเองยังมีบุญอยู่บาง ๆ จาง ๆ อยู่บ้าง 5 5 5

ขึ้นรถทัวร์แบบล๊กสุด ๆ เพราะรถทัวร์กำลังจะแล่นเลย

ขึ้นมาปุ๊บ ไม่สนใจแล้วจ้า สลบ สงบไปเลย

ตื่นมาอีกทีก็ถึงขนส่งกาญ ฯ แล้ว ใช้เวลา 1 ชม. 50 นาที โดยประมาณ

ลงรถมาก็พุ่งไปหาข้าวกินแถวนั้น และยังไม่มีอะไรในหัว รู้แค่ที่พักที่เราจองไว้เท่านั้น

กินข้าวเสร็จก็เข้าไปคุยกับพี่ Goo ว่าเราสมควรไปไหนดี พี่ Goo บอกเราว่า

มีชุมชนปากแพรกอยู่ใกล้ๆ

ลุยฮะ ปฏิบัติการโบกพี่วิน แจ้งจุดหมาย ตกลงราคาและโดดขึ้นรถ

พี่วินส่งเราที่ศาลหลังเมือง พี่เค้าบอกแบบนั้น

อากาศคือแบบ น้ำตกไหลเย็นเป็นสายที่บริเวณหลังของเรา ฉ่ำไปอี๊ก . . .

เข้ามาทำความเคารพ กราบไหว้ ขอพรสักหน่อย

เดินมาอีกนิดจะเจอประตูเมือง ถ้าเรียกไม่ผิด เดินมาแบบไม่รู้ว่า ที่นี่ชุมชนปากแพรกรึป่าว

เพราะไม่ค่อยมีผู้คนประจำถิ่น มีเพียงนักท่องเที่ยวฝรั่งเท่านั้น

เดินถ่ายรูปไปเรื่อย ๆ หลงมั๊ย? . . . ไม่รู้! ฮ่า ๆ

ความสนุก คือ เดินเข้ามาแล้วมันมีทางสามแยกว่ะ สามแยก !!! เอาไง . . . ซ้าย อ่ะ ซ้าย

ซ้ายไม่มีไรมากมาย . . . ย้อนมาทางขวา พร้อมปรึกษาพี่ Goo

มีรีวิวของชุมชนนี้ ที่มีนักเดินทางท่านอื่นในเพจนี้เขียนไว้ ว่าต้องไปแวะร้านกาแฟร้านหนึ่ง

เราก็หลงเชื่อ ไหนลองดูหน่อย . . . ระหว่างเดินผ่านร่องรอยความทรงจำของพื้นที่แห่งนี้

ก็สัมผัสได้เลยว่า สถานที่บริเวณนี้ต้องผ่านเรื่องราวที่สำคัญมากมายแน่นอน

แต่เรา . . . อยากเรียนรู้แบบไหน รู้ผ่าน ๆ หรือลิ้มรสประวัติศาสตร์ไปพร้อม ๆ กับการเดินทาง

สำหรับเรา เลือกที่จะเจาะลึก แต่ขอน้ำสักแก้วก่อนนะ . . .

เรานั่งร้านกาแฟหลบร้อนอยู่พักหนึ่ง และมีพี่ชายคนหนึ่งเข้ามาทักเรา

ด้วยความที่พี่เค้าอยากท่องเที่ยวคนเดียวแต่ติดที่หน้าที่ทางสังคม

และสไตล์ของเราทำให้พี่เค้าคาดเดาได้ว่าน่าจะเป็นพวก Backpacker

ซึ่งเราก็ไม่รู้ว่าจะเรียกตัวเองแบบนั้นได้รึป่าว

พี่เค้าเป็นแรงบันดาลใจให้เราเข้ามาเขียนบทความครั้งนี้ เรามี IG ที่โพสสถานที่ท่องเที่ยวที่เราไปอยู่

แต่ก็ไม่ได้อธิบายอะไรมากมาย แค่ลงรูปที่อยากลงเฉย ๆ

พี่เค้าเป็นคนปลดล็อคความกลัวของเราอีกอย่าง

คือ กลัวทำแล้วไม่มีใครอ่าน แต่ก็นะ . . . มีพี่คนหนึ่ง ก็ยังดีนิ

พี่เค้าฝากให้เราอธิบายให้คนอื่นรู้หน่อย ว่าสถานที่แห่งนี้

มีประวัติศาสตร์สำคัญที่อาจจะกำลังจางไปตามกาลเวลา บ้านบางหลังจะมีป้ายอธิบายถึง

ประวัติความเป็นมาและเจ้าของ ซึ่งเราก็ยินดีที่จะเสียเวลายืนอ่านทุกป้าย

เพราะอย่างน้อยมันก็ดีกว่าการนั่งปัด ๆ มือถือหาข้อมูล ทั้ง ๆ ที่ทุกอย่างอยู่ตรงหน้าเราแล้ว

ลองให้เวลากับสิ่งที่อยู่ตรงหน้าบ้าง

เราคงสัมผัสอะไรที่เป็นรูปธรรมได้มากกว่าสัมผัสแบบผ่านสัญญาณที่ลอยไปลอยมาในอากาศ

เอาเป็นว่า . . . ถ้าใครได้ไปเที่ยวที่ชุมชนนี้ ลองเสียเวลายืนอ่าน แล้วคุณจะได้รู้ว่า ที่แห่งนี้ซ่อนอะไรไว้บ้าง

ส่วนเราอะหรอ เหมือนติดอยู่ในมิติเวลา อินอยู่กับเรื่องราวของชุมชนนี้อยู่พักหนึ่งเลย จนได้เวลาเช็คอิน

ที่พักแห่งนี้คือ D hostel ใช่ . . .เราตามรีวิวมา

จิตนาการว่ามันเหมาะที่จะอ่านหนังสือเล่มหนาของเราได้จนจบ แต่เมื่อเข้ามาที่นี่ ที่พักนี่ทำได้มากกว่านั้น

เราขอรีวิวถึงสิ่งที่เราได้จากที่นี่ดีกว่านะ อย่างอื่นท่านอื่นคงรีวิวไปหมดแล้ว

เราวางกระเป๋า และหยิบหนังสือเดินตรงไปที่เปลนั้น เราทอดตัวลงนอน มองบรรยากาศรอบ ๆ

รู้สึกถึงลมเย็น ๆ ที่ปะทะใบหน้า เสียงผู้คนที่ปลิวตามลม ปนเปื้อนความสุข สนุกสนาน ผ่านไป แพแล้วแพเล่า

เราใช้เวลาฟัง มอง สัมผัสลมพัดอยู่พักใหญ่ จนลืมไปว่าพกหนังสือมาอ่าน

เราใช้เวลาไปเกือบ 3 - 4 ชม. ตรงนี้ ทำแค่ อ่านหนังสือ ฟังเสียง ไกวเปล หลับ หายใจ

แต่เพียงเท่านี้ มันทำให้เรามีความสุขมากเลยนะ เหมือนได้หลุดออกไปจากโลกของสังคมที่วุ่นวาย

ที่ปะปนกับโลกโซเซียลที่เราไปหมกหมุ่นกับมันมากมาย ออกมาได้มันสงบจริง ๆ นะท่านผู้ชม


ช่วงเย็น เราได้รับคำแนะนำจากสาวสวยที่ดูแลที่พัก ว่าวันที่เราไปมีถนนคนเดินที่ชุมชนปากแพรก

ตั้งลำจ๊ะ ใส่รองเท้า เดินไปเนอะ กิโลกว่า ๆ

กิจกรรมเยอะ ของกินเยอะ อากาศดี เดินเพลิน ๆ

ขอโทษทีเรื่องภาพของกินและบรรยากาศน้อยไปหน่อย มันเดินเพลินจริง ๆ นะ

เมื่ออิ่มท้อง และเดินเล่นจนพอใจ เราเดินกลับไปที่พัก และนั่งชิล ๆ ที่จุดเดิม พร้อมกับ . . .

เราไม่รู้ว่าเราจะเรียกตัวเองว่า Solo traveler ได้ไหม แต่เราว่า เราเป็นมันแล้ว

เราจบทริปของวันนี้ด้วยการฟังเพลง ใส่หูฟังและนั่งซึมซับบรรยากาศของเมืองแห่งนี้

นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ที่มาที่นี่ต่างก็ทำแบบนี้เช่นกัน

มองไปก็แบบคิดในใจ ว่าเราอยู่ในลัทธิอะไรรึป่าววะ ฮ่าๆ

. . .

บางคนที่แสวงหาบางอย่าง มาจากที่ที่ต่างกัน เจอโลกมาในรูปแบบที่ต่างกัน

แต่มาเจอกันในที่เดียวกัน ทำพฤติกรรมคล้าย ๆ กัน

อาจจะเป็นเพราะว่า เราอาจจะมีบาดแผลที่เหมือนกัน

และหาวิธีรักษาตัวเอง ที่ดันคล้ายกัน และจบลงตรงที่เราทักทายกัน


ขอบคุณที่อ่านมาถึงตรงนี้ นี่บทความแรกของเรา

และขอฝากสิ่งที่เราหยิบดินสอขึ้นมาเขียนตอนนั่งอยู่ตรงนั้น ทนอ่านอีกนิดนะ . . .

" การเดินทางครั้งนี้ มันทำให้จิตวิญญาณที่ไม่ค่อยจะเต็มร้อย ขาด ๆ แหว่ง ๆ ดูเหมือนจะกลับมาเกือบสมบูรณ์อีกครั้ง เหมือนได้ชุบวิญญาณ เหมือนเรียกกายละเอียดของตัวเองกลับมา หลังจากที่มันกระจัดกระจายไปคนละทิศละทาง ฉันอยู่ร่วมกับนักเดินทางสายโดดเดี่ยว มาจากคนละทิศละทาง มารวมตัวกันโดยมิได้นัดหมาย และเชื่อมั๊ย ต่างคนต่างไม่คุยกันเลย มีมุมของตัวเองกันทุกคน

จองจุดแลนด์มาร์คปักหมุดกันไว้เลย

ตอนนี้ฟ้าค่ำลง อากาศร้อนกลายร่างเป็นความเย็นโบกสะบัด ฉันบรรจงเขียนข้อความนี้ พร้อมเครื่องดื่ม ที่คุ้นเคย ฟังบทเพลงของพี่บอย อิมเมจิ้น โคตรฟินดีเหลือเกิน 19.43 น. "


. . . ตื่นมาสาย ๆ ทานอาหารเช้า และเดินทางกลับหัวหินด้วยรถตู้ . . .

ค่าใช้จ่าย

DAY 1

รถไฟ ขบวน 252 หัวหิน-หนองปลาดุก 31 บาท

พี่วินจากสถานีบ้านโปง-ท่ารถทัวร์บ้านโปง 20 บาท

รถทัวร์ บ้านโป่ง-กาญ ฯ 50 บาท

พี่วิน บขส.กาญ ฯ - ชุมชนปากแพรก 15 บาท

พี่วิน ชุมชนปากแพรก - D hostel 30 บาท ( พากันหลง ) *นอกนั้นใช้เดิน และเดิน

ค่าที่พัก 1 คืน 445.23 บาท

ค่ากินทั้งวัน 150 บาท

DAY 2

ค่าเหมาซาเล้งจาก D hostel - บขส 50 บาท * ราคาตามตกลง แวะซื้อชาขียวแปบนึง

ชาเขียวเย็น 25 บาท

ค่ารถตู้ กาญ ฯ - หัวหิน 180 บาท

* เรารู้ว่านายมีเครื่องคิดเลข ^ ^


. . . ขอบคุณอีกครั้งนะที่เข้ามาอ่าน . . .

Doyslow

 วันศุกร์ที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2562 เวลา 14.02 น.

ความคิดเห็น