ทั้ง Great Ocean Road, บ้านสีๆที่ Brighton Beach,

Hosier Lane Street Art, คาเฟ่ฮิปๆ และ แลนด์มาร์ค

อีกมากมาย ในทริปเดียว อ่านรีวิวแล้วมาตามรอยด่วน!



พูดถึง ‘ เมลเบิร์น ‘ หลายคนจะนึกถึง Great Ocean Road

ก่อนเลย แต่จริงๆแล้วมันไม่ได้อยู่ในเมลเบิร์นนะ

เราต้องขับรถ / ซื้อทัวร์ไปเที่ยว และเมลเบิร์นก็ยัง

มีอะไรน่าสนใจอีกเยอะเลย ชนิดที่ว่ามาแค่วันสองวัน

ไม่พอจริงๆ 😀 แต่ก่อนจะเข้ารีวิว ขอบอกก่อนว่า

ทริปนี้ปิงเดินทางจากซิดนีย์ค่ะ เป็นเที่ยวบินในประเทศ

ค่าตั๋วก็จะถูกลงไปหน่อย กับพวกค่าใช้จ่ายในทริป

ปิงใช้หน่วยเป็น AUD / ดอลลาร์ออสเตรเลียนะคะ

ใครจะบินจากไทยเพื่อมาตามรอย ก็ลองแปลง

เป็นเงินไทยดู ตอนนี้ประมาณ 22-23 บ. = 1 AUD


** ค่าใช้จ่าย ต่อคน สำหรับทริปนี้ **

1. ค่าตั๋วไปกลับ เมลเบิร์น ซิดนีย์ 260 AUD

( ปกติถูกกว่านี้ นี่บินช่วงใกล้ Anzac + Easter Day )

2. ค่าที่พัก ibis budget Melbourne CBD

1 ห้อง 4 คืน 428 AUD ตกคนละ 214 AUD

( บวกเพิ่มคนละ 2 AUD ได้อาหารเช้า ทุกวันที่เข้าพัก )

3. Day trip ไป Great Ocean Road กับ Go West

125 AUD ไม่รวมค่าอาหารทุกมื้อ

4. Melbourne Star Observation Wheel 28 AUD

5. Eureka Skydeck + the Edge 28 AUD

6. ค่าบัตร Myki 6 AUD ต่อคน + เติมเงิน 30 AUD

7. ค่า Airport Skybus เที่ยวเดียว 19.75 AUD

( ขากลับมีเพื่อนไปส่งจ้า เลยประหยัดไปหน่อย )

8. ค่าคาเฟ่ 3 ร้าน 74 AUD

9. ค่าอาหาร ( นอกจากคาเฟ่ ) 84 AUD

—— รวม 868.75 AUD / 19,800 บ. ——



เอ้า! พร้อมกันรึยัง? ถ้าพร้อมแล้วก็

ไปลุยกันเล้ยยยยยยยย ขอเริ่มตั้งแต่ตอนไปถึง

สนามบินเมลเบิร์นค่ะ.. หลังจากรับกระเป๋า

สิ่งแรกที่ต้องทำเลยคือซื้อ Myki card

หรือบัตรโดยสารขนส่งสาธารณะของเมลเบิร์น

ในสนามบินจะมีตู้ให้เราซื้อเอง เติมเงินในบัตรเอง

ไม่ต้องใช้พนักงานเลย อย่างที่บอกไปคือ

มีค่าบัตร 6 AUD แล้วเราเติมเงินลงไป

เท่าไหร่ก็ได้ แต่ถ้าจะไปตามรอยทริปนี้ปิงแนะนำ

30 AUD พอค่ะ! เพราะปิงซื้อมา 50 AUD

พอจบทริป เหลือ 25 AUD เพราะในเมืองมี Free Zone

สำหรับ tram / รถราง ประหยัดไปได้เยอะเลย (-:


เสร็จปุ๊ปก็มาต่อที่ Skybus เข้าเมืองค่ะ

ออกมาจากอาคาร arrivals ก็จะเจอจุดขึ้นบัส

มีเคาน์เตอร์ซื้อบัตรโดยสาร หรือจะซื้อเอง

จากเครื่องขายบัตรอัตโนมัติก็ได้จ้า

ราคาเที่ยวละ 19.75 AUD แต่ถ้าซื้อไป-กลับ

พร้อมกันจะถูกลงนิดหน่อย แต่ปิงไม่นี๊ดขากลับ

ก็เลยซื้อเที่ยวเดียว แล้วพุ่งตัวขึ้นรถค่ะ55555555



ใช้เวลาประมาณ 25 นาที ก็มาถึง Melbourne CBD

จากนั้นก็ต่อรถไปที่โรงแรมเพื่อเช็คอินและดรอปของ

จะได้ไปเที่ยวกันแบบตัวเบาๆ.. โรงแรมที่เราพักชื่อ

Ibis budget Merlbourne CBD ค่ะ อยู่บนถนน

Elizabeth Street ซึ่งเป็นโลเคชั่นที่ดีงาม เดินทาง

สะดวกมากเว่อร์ ใกล้สถานีรถไฟ ใกล้ย่านช้อปปิ้ง

และมีป้าย Tram อยู่ด้านหน้าและด้านข้างโรงแรม

มีห้องแค่ 2 แบบคือ Standard กับ Superior ค่ะ

ราคาไล่เลี่ยกันตั้งแต่ 80 กว่า AUD ไปถึง 120 AUD

ต่อคืน ไม่รวมอาหารเช้า ซึ่งจะมีให้กดแอดเข้าไป

ตอนจองค่ะ เพิ่มแค่คนละ 2 AUD เอง ได้กินทุกเช้า

ที่พักที่นี่เลย ห้องขนาดกระทัดรัด แต่ก็โอเคค่ะ

สะอาด สิ่งอำนวยความสะดวกครบ พนักงานน่ารัก

เข้าไปเช็คราคาช่วงที่จะไปพักได้ในลิงก์นี้

https://bit.ly/2ImDFLD



DAY 1 : Higher Ground | State Library of Victoria |

Block Arcade | Hosier Lane | Yarra River


เก็บของเรียบร้อย วันแรกของทริปเมลเบิร์น

ก็เริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการรรรรรรร !!! ( เสียงตื่นเต้น )

ขออนุญาตไม่อธิบายว่าเดินทางไปแต่ละที่ยังไง

เพราะเชื่อว่าทุกคนใช้ google map ได้ ยกเว้นอันที่

ซับซ้อนหน่อยๆค่ะ.. ที่แรกของวันนี้ และ ทริปนี้

คือคาเฟ่นตำนาน ที่เสิร์ชเว็บไหนก็ต้องเจอว่าเป็น

1 ใน คาเฟ่ a must ของเมลเบิร์น นั่นก็คือออออ..

Higher Ground อยู่บนถนน Little Bourke Street

จุดเด่นอยู่ที่โครงสร้างของร้าน ที่มีชั้นล่าง และ

ชั้นลอย สามารถถ่ายรูปมุมสูงได้ ตกแต่งแบบคลาสสิก

และ ดิบๆ เข้ากันดี๊ดี วันธรรมดาเปิด 7 am – 4 pm

วันเสาร์ อาทิตย์เปิด 8 am – 4 pm วันพฤหัส – เสาร์

เปิดช่วงเย็นด้วย ตั้งแต่ 4 pm – 11 pm

https://highergroundmelbourne.com.au/



ปิงลองสั่งเมนู Minced Lamb Fry-up ราคา 22 AUD

กับ Chai Latte 4.5 AUD ส่วนคุณแม่ปิงสั่ง side dis

มาลองจานนึงเพราะนางยังไม่หิวมาก รสชาติทุกอย่าง

ใช้ได้เลย แต่พนักงานหน้าเป็นตูดมาก แถมพอเราได้โต๊ะ

แล้วไม่มีคนมาวางเมนู พอเราไปถามพนักงานคนนึงว่า

เราต้องรอคนเอาเมนูมาให้ หรือ หยิบเองได้ที่ไหน

นางเหวี่ยงว่ารอหน่อยสิ วันนี้ยุ่ง อย่างที่เห็น เดี๋ยวเอามาให้

แล้วพอเอาเมนูมาให้ ก็พูดอีกว่า ทีหลังต้องรอนะ

ร้านเรายุ่ง เดี๋ยวก็มีคนมาบริการ รอหน่อย.. แบบ…

วอท!! คือความหมายมันอาจจะไม่แย่มาก แต่เชื่อเถอะว่า

หน้าตาและน้ำเสียงของพนักงานคนนี้.. แย่

อ้าว! มาร้านแรกก็ลำไยเลย5555555555

ขอโทษค่ะทุกคน กลับเข้าสู่รีวิวนะคะ :-p



สถานที่ต่อไป คือ State library of Victoria

ห้องสมุดสาธารณะที่ใหญ่ที่สุดในรัฐวิคตอเรีย ว้าว!!

บอกเลยว่าใหญ่จริง มีหลายโซนมาก จะมาคนเดียว

มาเป็นคู่ มาเป็นกลุ่ม หรือ มาประชุม เค้าก็มีพื้นที่

ให้ทั้งหมด ไหนจะนิทรรศการ / แกลลอรี่ขนาดย่อม

ที่หมุนเวียนกันมาจัดแสดงให้ดูอี๊กกกกกกกก

แต่มุมที่ห้ามพลาดเลยคือห้องโดมค่ะ สวยงาม

อลังการมาก เป็นสถาปัตยกรรมสมัยศตวรรษที่ 19

ใครเข้าไปแชะภาพก็เบาเสียงหน่อยน้า

คนเค้าเข้ามาอ่านหนังสือกัน อิ_อิ

จันทร์ – พฤหัสเค้าเปิด 10 am – 9 pm

ส่วนศุกร์ – อาทิตย์ เปิด 10 am – 6 pm ค่ะ

แปะลิงก์ไว้ให้น้า https://www.slv.vic.gov.au/



มาดูที่ที่สามกันจ้าาาาา Block Arcade

เป็น shopping mall เก่าแก่ในเมลเบิร์น

สร้างมาตั้งแต่ปี 1892 ( ก่อนนี่เกิดอีก55555 )

โครงสร้างและการตกแต่งภายใน ยังคงความ

วินเทจไว้ได้อย่างดี เข้าไปเดินเล่นเพลินๆ

ถ่ายรูปออกมาเหมือนเดิมอยู่ในลอนดอน

ด้านในมีทั้งร้าน gift shop, เสื้อผ้า, เครื่องประดับ,

คาเฟ่, ร้านอาหาร ฯลฯ ไม่ได้มีไฮไลท์อะไรเป็นพิเศษ

แต่ถ้ามีเวลาก็อยากให้ไป อยู่ในเมืองนี่แหละ

ดูข้อมูลเพิ่มเติมลิงก์นี้ http://theblock.com.au/



และแล้วก็มาถึงไฮไลท์ของวันแรก หรือจะ

เรียกกว่าของทริปนี้เลยก็ว่าไดดดดด้ ปิงชอบม๊ากกกก

ก.ไก่ล้านตัว นั่นก็คือ Hosier Lane เป็นตรอกเล็กๆที่

เต็มไปด้วย Street Art คูลๆ ทั้งรูปเล็ก รูปใหญ่ ให้เรา

ได้โพสต์ท่า ถ่ายรูปกันยาวๆไป เหมือนจะไม่มีอะไร

แต่สำหรับคนที่ชอบศิลปะแล้ว ปิงว่า อยู่นี่เกินครึ่งชั่วโมง

แน่นอนค่ะ ไปได้ทุกวัน ทั้งวัน ตามโลเคชั่นนี้เลย

https://goo.gl/maps/nTXUujDCFH22



ขอลงรูปตัวเองรูปเดียวเบาๆ เพราะถ้าลงหมด..

น่าจะไม่ต้องดูรูปสถานที่อื่นๆแล้วค่ะ เยอะม๊ากกกกกก!!



ปิดท้ายวันแรกด้วยการเดินรับลมชิลล์ๆริมแม่น้ำ

Yarra River ตลอดทางก็จะมีร้านอาหาร

บาร์ บรรยากาศดีๆมากมาย แถมมองเห็นวิวตึก

สวยๆในเมลเบิร์นเพียบเลย ใครมากับแฟนแนะนำ

จองสักร้าน มาดินเนอร์แบบสวีทๆกัน <3

แต่นี่ไปกับแม่.. แม่อยากกินอาหารไทย..

ก็ต้องพาแม่ไปค่ะ55555555 เจอกันพรุ่งนี้เน่อ!



DAY 2 : South Melbourne Market |

Melbourne Star Observation Wheel |

Brighton Bathing Boxes | St. Kilda Beach


มาลุยวันที่สองกันต่อเลยยยยยย วันนี้โปรแกรมเรา

เบาๆ ไปแค่ 4 ที่ แต่มีออกนอกเมือง 2 ที่จ้า

มื้อเช้าเรากินที่โรงแรม แล้วก็ไปเดินหาของกิน

จุบจิบกันต่อที่ South Melbourne Market

แต่กว่าจะได้กินหนม.. แวะร้านนู้นร้านนี้ เดินกันจนเมื่อย

เพราะตลาดน่ารักมาก! ตลาดนี้ไม่ใหญ่ค่ะ แต่มี

ของขายหลากหลาย ทั้งของตกแต่งบ้าน เสื้อผ้า

ของที่ระลึก ร้านดอกไม้ ร้านเบอเกอรี่ โซนขายของสด

ฯลฯ ที่ชอบสุดคือการตกแต่ง + จัดวางของตลาด

ที่จะฮิปกว่าตลาดอื่นๆขึ้นมาอีกเลเวล ถึงจะไม่ดังเท่า

Queen Victoria Market แต่แนะนำเลยว่าควรมา!

อยู่บน Conventry Street กับ Cecil Street ค่ะ

เปิดทุกวัน 8 am – 4 pm <3



นี่คือร้านขายเนื้อที่มินิมอลที่สุดในสามโลก

ยังประทับใจมากจนถึงตอนนี้555555 (-:



สถานที่ต่อไป… Melbourne Star Observation Wheel

เป็นชิงช้าสวรรค์ขนาดใหญ่แห่งเดียวในออสเตรเลียตอนใต้

สูงประมาณตึก 40 ชั้น มองลงมาเห็นวิวเมลเบิร์นแบบ 360 องศา

แถมตอนที่อยู่ในกระเช้า มีเสียงบรรยาย ให้ข้อมูลเกี่ยวกับ

สถานที่ต่างๆในเมลเบิร์นด้วยค่ะ รอบนึงใช้เวลาประมาณ

30 นาที อยู่บนนั้นก็ถ่ายรูปวิว ถ่ายรูปตัวเอง กันให้หนำใจ

ราคาคนละ 28 AUD แนะนำให้จองล่วงหน้าผ่าน KLOOK

แอพพลิเคชั่นและเว็บไซต์ที่รวมกิจกรรมน่าสนใจทั่วโลก

ไว้ให้เรา!! จองปุ๊ปจะได้ตั๋วออนไลน์ส่งเข้าอีเมลเลย

ไปถึงที่ ก็เอาตั๋วไปยื่น ไม่ต้องต่อแถวซื้อให้เสียเวลา

สะดวก รวดเร็วแบบนี้ ต้องจัดค่ะ นี่ทางไปจอง..

https://www.klook.com/th/activity/12719-melbourne-...



ลงมาจากกระเช้า ปิงก็หามื้อเที่ยงง่ายๆทานแถวนั้นแหละ

เพราะใกล้ๆกับ Observation Wheel คือ outlet ที่มีทั้ง

ร้านขายเสื้อผ้าแบรนด์ดัง และ ร้านอาหารอีกเพียบ

กินเสร็จก็ขึ้น tram กลับเข้าเมือง ไปที่ Flinders Street

Railway Station แล้วต่อรถไฟไปที่ Brighton Beach

Station จากนั้นก็เดินอีก 15-20 นาที ไปที่ Brighton

Bathing Boxesssssssssss!! ( จริงๆมี s เดียว แต่เติมให้ดูตื่นเต้น )



นี่คือ A Must สำหรับคนมาเที่ยวเมลเบิร์น ไม่มาถ่ายรูป

กับบ้านสีๆ ถือว่าผิดมาก ฮ่าๆ ** คำเตือน ** เวลาเสิร์ช

ใน google map ให้เสิร์ชว่า Brighton Bathing Boxes

ไม่ใช่ Brighton Beach เพราะหาดมันยาวมาก

ถ้าเสิร์ช Brighton Beach จะไปเจอส่วนนึงของหาด

แต่ไม่ใช่ตรงที่มีบ้านสีๆ ปิงโป๊ะมาแล้วจ้า T_____T



ปิงกับแม่ใช้เวลาเดินเล่น ถ่ายรูปกันประมาณ 1 ชั่วโมง

เสียดาย ไปวันที่อากาศไม่ค่อยดี เมฆเยอะ ลมแรง

ถ้าไปวันที่ฟ้าเปิด รูปน่าจะออกมาสดใส เข้ากับบ้านสีๆ

มากกว่านี้.. ไว้กลับไปแก้มือ แต่ตอนนี้ ขอไปแฮงค์เอ้าท์

ต่อที่สถานที่สุดท้าย St. Kilda Beach จากบ้านสีๆ

ต้องเดินไปขึ้นบัสประมาณ 15 นาทีค่ะ แต่บัสตรงไปถึง

ที่ต่อไปเลย St.Kilda Beach เป็นหาดที่ขึ้นชื่อเรื่อง

พระอาทิตย์ตกสวย! แต่อย่างที่เห็น สภาพอากาศวันนี้

ไม่เป็นใจ มองไม่เห็นอะไรเลยจ้าาาาาาา อีกอย่างคือ

เค้าบอกว่าถ้าโชคดี เราจะเห็นเพนกวินตัวเล็กๆ

โผล่มาตามโขดหิน ซึ่งนี่ก็ไม่เห็นอี๊กกกกกก!! โป๊ะมาก!

แต่อย่าเพิ่งน้อยใจ กดออกจากรีวิวนี้ เพราะความดีงาม

อื่นๆ จะเกิดขึ้นทุกวัน คอยดูกันต่อไปน้า <3



DAY 3 : A Trip to Great Ocean Road


แล้วเราก็มาถึงวันนี้.. วันที่เราจะได้ไปเที่ยวหนึ่งใน

Top Destination ทั่วโลก และ ในประเทศออสเตรเลีย..

สวยงาม อลังการ ธรรมชาติสร้างเองทั้งนั้น…

นั่นก็คือ.. นั่นก็คืออออออออ.. คื๊อออออออออออ…!!

Great Ocean Road!!! ด้วยความที่สองแม่ลูก

ขับรถไม่เป็น เลยขออนุญาตจองเป็นทัวร์ one day trip

ไปแทนจ้า นั่น! เห็นคำว่าทัวร์ อย่าเพิ่งเลื่อนผ่าน

เพราะทัวร์ที่เราไปด้วยเป็นบริษัทออสเตรเลีย

ไปกับคนหลายเชื้อชาติ ไม่ได้มีแค่คนชาติที่ตาตี่ๆ

เสียงดัง โช้งเช้ง5555555555 ทัวร์ของเราชื่อ Go West ค่ะ

ราคา 125 AUD ต่อคน ไม่รวมค่าอาหารแต่ละมื้อที่เรา

จะเตรียมไปเอง หรือไปกินระหว่างทางก็ได้ เค้าจะจอดแวะให้


เราจองทัวร์ผ่าน KLOOK อีกเช่นเคย เพราะว่าง่าย

สะดวก และ น่าเชื่อถือค่ะ จองเสร็จจะมีอีเมลคอนเฟิร์ม

ทั้งจาก KLOOK และ Go West แต่ของ Go West

เราต้องคอนเฟิร์มจุดที่จะให้บัสมารับด้วย ซึ่งก็

ไม่ได้ยุ่งยากอะไร ลองอ่านรีวิวดูก่อนก็ได้

ถ้าสนใจค่อยเข้าไปอ่านรายละเอียดทริปเพิ่มเติม

และจองได้ที่ลิงก์นี้ https://www.klook.com/th/activity/1826-great-ocean-road-sunset-tour-melbourne/?krt=s21&krid=5dfdc84f-35ca-4529-5708-e9b387fe1b9f/?aid=3215



จุดที่ปิงให้บัสมารับคือโรงแรม Holiday Inn on Flinders

รถมาถึง 9.45 am ตามที่นัดไว้พอดิบพอดี แล้วก็วนไปรับ

คนตามจุดอื่นๆอีกนิดหน่อย ก่อนที่จะขับออกนอกเมือง

ทริปนี้ออกสายหน่อยเพราะมันคือ Sun Set Tour

เป้าหมายของทริปคือการดูพระอาทิตย์ตกที่ 12 Apostles

ซึ่งก็ต้องลุ้นว่าเย็นนี้อากาศจะดีเหมือนตอนเช้ามั้ย

ระหว่างทาง ไกด์ของเรา คุณ Ricky ก็จะมีเกร็ดความรู้

เกี่ยวกับออสเตรเลีย, เมลเบิร์น และ สถานที่ต่างๆ

ในทริป มาเล่าให้เราฟัง เรียกว่า ไม่ได้หลับสนิท

บนรถกันเลยทีเดียว5555555555



จุดแรกที่เค้าจอดแวะให้เราถ่ายรูป เข้าห้องน้ำ

คือ Anglesea ค่ะ เป็นจุดที่แม่น้ำ Anglesea ไหลมารวม

กับทะเล เรียกง่ายๆว่าเป็นเมืองชายฝั่ง คนชอบมาเล่นเสิร์ฟ

ที่นี่เพราะคลื่นใหญ่มาก แถมยังมีไม้ป่าและสัตว์ป่าหายาก

อีกต่างหากกกกกกก จุดที่เราแวะมีแค่ร้านกาแฟกับ

สะพานไม้เล็กๆยื่นลงไปในแม่น้ำค่ะ ก็จะได้รูปเบาๆแบบนี้..



จุดต่อไปคือ Memorial Arch เป็นป้ายเขียนว่า

Great Ocean Road บนถนน ให้เราไปถ่ายรูปมาลง

แบบแลนมาร์คๆหน่อย ข้างๆมีทางเดินลงทะเลด้วยน้า



จากนั้นรถก็ขับผ่านเมือง Lorne ซึ่งไกด์บอกว่า

เป็นเมืองที่ได้รับความนิยมมากที่สุดบนถนนสาย

Great Ocean Road เป็นเมืองตากอากาศที่สวยและ

สงบมากๆ บ้านริมมหาสมุทรส่วนใหญ่จะเป็นบ้านที่

ชาวออสเตรเลียซื้อไว้เพื่อพักผ่อน ไม่ได้อยู่ตลอด

ส่วนตัวได้มีโอกาสมาเที่ยวเมือง Lorne หลังจาก

จบทริปเมลเบิร์น เพราะว่ามีเพื่อนแม่อยู่ที่นี่

ชอบมากเลย เจอจิงโจ้ เจอโคอาล่า เจอนกหลายพันธุ์

แต่วันที่มากับทัวร์ เค้าไม่ได้แวะให้ เค้าไปแวะที่

Apollo Bay ให้เราทานมื้อเที่ยงที่คาเฟ่กันค่ะ



โดยเค้าจะเก็บเพิ่ม 14 AUD ต่อคน ได้ทั้งอาหาร

และเครื่องดื่ม แต่ปิงกับแม่เตรียมข้าวไปเอง

ก็เลยไม่ต้องเสียส่วนนี้ พอกินเสร็จ เดินออกมาจากคาเฟ่

จะเจอฝูงนก เกาะอยู่ตามต้นไม้บ้าง เดินบนพื้นบ้าง

และบินมายืนบนแขน บนไล่เราบ้าง น่ารักกกกกก

เดินไปอีกหน่อย เจอน้องโคอาล่านอนอยู่บนต้นไม้

ตัวนึง งื๊อออออออออ กล้องปิงซูมไม่ถึง เลยใช้มือถือถ่ายมา



จากนั้นก็มีแวะถ่ายรูปอีกจุดนึง จำชื่อไม่ได้..

ใครไปตามรอย ฝากจำชื่อแล้ว inbox มาบอกปิง

ที่เพจ Bliss Out There หน่อยนะ5555555



เริ่มพีคขึ้นเรื่อยๆแล้วจ้า สำหรับเส้นทาง Great Ocean Road

เพราะเรามาถึง Loch Ard Gorge แล้วววววววววววว

ที่นี่เป็นจุดชมวิวยิ่งใหญ่อลังการ ทีเราสามารถมองเห็น

แท่นหิน และ โพรง ที่เกิดจากการกัดเซาะของน้ำทะเล

มีเส้นทางให้เดินชมถึง 3 เส้นทาง แต่ด้วยความที่เรามีเวลา

ไม่มาก ปิงเลยเดินไปได้แค่ 2 เส้นทางค่ะ ซึ่งก็ฟินพอสมควร <3



มีการจอดแวะ Gibson Step ให้อีก 15 นาที

ก่อนจะไปดูพระอาทิตย์ตกที่ 12 Apostels ฮี่ฮี่



โมเม้นต์ที่เรารอคอย.. โมเม้นต์ที่ต้องจารึกไว้ใน

ประวัติศาสตร์การเดินทางของเรา.. เราได้มาเห็นด้วยตาแล้ว

12 Apostles แท่นหินและหน้าผาริมมหาสมุทรเลื่องชื่อ!!

ถึงจะมองไม่เห็นพระอาทิตย์ แต่ก็สวยไปอีกแบบ

ถ่ายรูปออกมาสีตุ่นๆ ละมุนมั่กๆ ถือว่า Mission Completed

แล้วจ้าทริปนี้ เราใช้เวลาที่นี่ประมาณ 40 นาที ก่อนจะ

นั่งบัสกลับเข้าตัวเมืองเมลเบิร์น มีแวะกินมื้อเย็นระหว่างทาง

โดยเราเลือกได้ว่าจะกิน Mcdonald / KFC / ร้านจีน /

ร้านเวียดนาม และ ร้านก๋วยเตี๋ยว ซึ่งอากาศหนาวๆแบบวันนั้น

แน่นอนว่าปิงเลือก.. ร้านก๋วยเตี๋ยว555555555 กินเสร็จก็ขึ้นรถ

หลับยาววววววววว ถึงเมลเบิร์นประมาณ 4 ทุ่มค่ะ

พักผ่อนให้เต็มที่ พรุ่งนี้เราไปลุยวันที่สี่กัน :- D



DAY 4 : Queen Victoria Market / National Gallery of Victoria /

The Kettle Black / Salt Water Lake / Eureka Skydeck


ตื่นเช้า ทาน breakfast ที่โรงแรม เหมือนทุกวัน

แล้วออกไปลุยอีกหนึ่งแลนด์มาร์คของเมลเบิร์นกันค่ะ

นั่นก็คือ Queen Victoria Market ตลาดขนาดใหญ่

ในเมลเบิร์น ที่มีทั้งของที่ระลึก เสื้อผ้า ของสด ผัก ผลไม้

งานแฮนเมด ร้านอาหาร ร้านกาแฟ.. พูดสั้นๆว่ามีทุกอย่าง!

โดยเค้าจะแบ่งเป็นโซน indoor กับ outdoor ค่ะ

โซน outdoor กว้างมากกกกกกก ของปะปนกัน

เดินวนดูสัก 2-3 ล๊อค ก็พอจะเก็บภาพบรรยากาศได้

ส่วนโซน indoor จะขายพวกเนื้อสัตว์ และ ของแห้ง

เช่น ผงเครื่องปรุง ชีส แต่ที่พลาดไม่ได้เลยคือ

ร้านกาแฟชื่อดังอย่าง Market Lane Coffee

ไว้เม้าท์เรื่องกาแฟต่อ ขอแปะลิงก์เว็บไซต์ของตลาด

ให้เข้าไปดูเวลาเปิด/ปิดกันก่อน เพราะแต่ละวัน

เปิด/ปิดไม่ตรงกันค่ะ https://qvm.com.au/visit-us/



Market Lane Coffee เป็นกาแฟระดับบรมจารย์

ชนิดที่ว่า เสิร์ช google ว่า cafes in Melbourne

Melbourne’s Coffee หรือ อะไรทำนองนี้

จะต้องเจอร้านนี้ ติดหนึ่งในร้านแนะนำตลอด

เค้าพิถีพิถันในทุกขั้นตอนการทำกาแฟ

แถมมีเมล็ดและอุปกรณ์ชงกาแฟขายเองด้วย

ร้านมี 6 สาขาในเมลเบิร์น พักใกล้สาขาไหน

ลองเข้าไปดูในลิงก์นี้เลย https://marketlane.com.au/locations

ปิงลอง Latte กับ Flat White ไป คอนเฟิร์มว่า

ดีงามจริง! รสกาแฟเข้ม แต่ไม่ขมคอ รวมกับนม

แล้วละมุนมาก ปิงว่าคนติดกินกาแฟหวานๆ

ก็กินกาแฟของที่นี่ได้ แก้วละประมาณ 4 – 6 AUD ค่ะ



จากตลาด เราไปต่อกันที่ National Gallery of Victoria

แกลลอรี่ที่ใหญ่ที่สุดในรัฐวิคตอเรียค่ะ ภายในมีจัดแสดงงาน

ศิลปะหลายรูปแบบ ทั้งจิตกรรม ประติมากรรม ข้าวของเครื่องใช้

มีทั้งศิลปะสมัยก่อนจากยุโรป เอเชีย ออสเตรเลีย และ

ศิลปะร่วมสมัย ที่หมุนเวียนมาจัดแสดง ความดีงามอยู่ที่

เข้าฟรี ไม่เสียตังค์ ตั้งแต่ 10 am – 5 pm ( ยกเว้นนิทรรศ

การบางส่วนที่ต้องซื้อตั๋วเข้าชม จะซื้อหน้างานหรือซื้อ

ออนไลน์ก็ได้ค่ะ ) ทางที่ดี เข้าไปเช็คนิทรรศการที่นำมา

จัดแสดงก่อนได้ที่เว็บ https://www.ngv.vic.gov.au/

เผื่อไม่ใช่แนว จะได้ไม่ต้องไปเก้อ ฮี่ๆ



เดินเสพงานศิลปะกันจนเมื่อยขา ก็ได้เวลามื้อเที่ยง!

จากแกลลอรี่ นั่ง tram ต่อไปอีกนิดเดียวก็ถึงจุดหมาย

ของพวกเราแล้ว.. The Kettle Black เป็นอีกคาเฟ่

สวยๆ เสิร์ฟอาหาร เครื่องดื่มดีๆ ที่ cafe hopper ทั้งหลาย

ไม่ควรพลาด! ตัวร้านแบ่งเป็น 2 ส่วน คือตัวบ้านสีขาว

สไตล์ตะวันตกที่มีที่นั่งทั้งด้านนอกและด้านใน

และโซนหน้าต่างกระจก ตกแต่งสไตล์โมเดิร์นๆ

ร้านอยู่บน Albert Road ค่ะ วันธรรมดาเปิด

7 am – 4 pm วันเสาร์ อาทิตย์ เปิด 8 am – 4 pm

ปิงสั่ง Miso Cured Salmon ไป เริ่ดอยู่นะ

เป็นแซลมอนท๊อปด้วยข้าวกล้องที่มิกซ์กับสลัด

และ poached egg ข้างบน รสชาติแบบญี่ปุ่นๆ

แต่หน้าตาฝรั่ง ส่วนแม่ปิงสั่ง Seasonal Green Salad

ซึ่งก็อร่อยเหมือนกันค่ะ <3 แปะลิงก์…

http://www.thekettleblack.com.au/



กินอิ่มแล้วเราก็มีพลังไปลุยต่อ.. ที่ต่อไปคือไฮไลท์

ของวันนี้ ( ไฮไลท์อีกแล้ว.. ใช่ค่ะ เรามีไฮไลท์ทุกวัน)

เรียกว่า Salt Water Lake หลายคนอาจจะ ‘หืม!!??’

แต่ถ้าเรียก Pink Lake ปิงว่าเพื่อนๆ ‘อ๋อออออออ’ แน่นอน

แปลตรงตัวเลย มันคือทะเลสาบสีชมพูวววววววว *O*

เสิร์ชว่า Westgate Park นะจ๊ะ จากสถานี Southern Cross

นั่งบัสสาย 235 ไปลงสุดสาย ใช้เวลาประมาณ 20 นาที

แล้วเดินต่ออีก 10 นาที ไปที่ Westgate Park เข้าไปปุ๊ป เจอเลย!



ช่วงตอบคำถาม ทำไมทะเลสาบถึงกลายเป็นสีชมพู ?

เมื่อในน้ำมีปริมาณเกลือ อุณหภูมิที่สูงมากและฝนนิดหน่อย

มันจะเกิด algae / สาหร่ายชนิดนึง ที่ผลิตเม็ดสีชมพู / แดง

เมื่อ algae สังเคราะห์แสง จะได้พลังงาน และ ปล่อยสีชมพู

ออกมาค่ะ ถ้ายังไม่หายข้องใจก็เข้าไปอ่านต่อได้ที่ลิงก์นี้

https://bit.ly/2KL227T ด้วยความที่ทะเลสาบจะ

กลายเป็นสีชมพูเมื่ออุณหภูมิสูง ก็แน่นอนว่าต้องไปช่วง

summer หรือ spring แต่อย่างปิงเพิ่งไปเดือนเมษา

มันก็ยังชมพูอยู่เพราะอากาศร้อนค่ะ : -D



พวกเราใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง เดินเล่น ถ่ายรูป

รอบๆทะเลสาบ แล้วก็นั่งโหลดรูปจากกล้อง

แต่งรูป อัพลงโซเชียลกันเลย เพราะแฮปปี้มาก

55555555 ไม่คิดว่าจะเจอตอนมันเป็นสีชมพู!

เสร็จแล้วก็นั่งบัสสายเดิมกลับเข้าเมือง

และไปปิดท้ายวันที่สี่กันที่ Eureka Skydeck



เช่นเดียวกับเมืองใหญ่ๆหลายๆเมือง ที่จะต้องมี

ตึกสูงปรี๊ดดดดดดด ไว้ให้นักท่องเที่ยวขึ้นไปดูวิว

แบบ 360 องศา ซึ่งเราโชคดีมากๆที่วันนี้ฟ้าเปิด

และเราไปทันเวลาดูพระอาทิตย์ตก ต้องขอบคุณ

KLOOK ที่ช่วยเราประหยัดเวลา ไม่ต้องไปเข้าคิว

ซื้อตั๋วใหม่จ้า แค่ยื่นตั๋วที่จองมาจาก

https://www.klook.com/th/activity/1793-eureka-sky-deck-entry-ticket-melbourne/?krt=s21&krid=0572df7b-8df7-49b8-7122-1f03b475d304/?aid=3215

ก็ไปต่อแถวขึ้น Eureka Skydeck ได้เลยยยย

ค่าบัตร 18 AUD แต่ปิงจอง The Edge experience

มาด้วย เลยเป็น 28 AUD ค่ะ The Edge คือเราจะ

ได้เข้าไปในห้องกระจก ที่ยื่นออกมาจากตัวอาคาร

มองลงไปเห็นวิว หวาดเสียวๆหน่อย แต่ตรงนี้

เอากล้องเข้าไปไม่ได้ เลยไม่ได้ถ่ายมาให้ดู

ส่วนบรรยากาศทั้งหมด ก็ตามนี้เล้ยยยยยยย..



DAY 5 : Humble Rays | Fitzroy


วันสุดท้ายในเมลเบิร์นแล้วจ้าาาาาาาาา วันนี้โปรแกรม

เราไม่หนักเลย มีแค่ไปทานมื้อเช้าที่คาเฟ่ชื่อดังของคนไทย

และเดินเล่นย่านสุดฮิป ว่าแล้วก็เช็คเอ้าท์ + ฝากกระเป๋า

ไว้ที่โรงแรม แล้วเราออกไปลุยกันนนนนน คาเฟ่ที่ว่า

ชื่อ Humble Rays ค่ะ มาในคอนเซ็ปต์ stay hungry,

be humble ด้านในร้าน สีหวานมากเลย ผนังด้านนึงเป็น

สีมิ้นท์ อีกด้านเป็นลายปริ้นท์สีเหลืองอ่อน ฟ้าอ่อน มิ้นท์ ฯลฯ

ตัวบาร์อยู่กลางร้าน มีไม้ประดับตกแต่ง ตัวร้านใหญ่

พอสมควร จุลูกค้าได้เยอะอยู่น้า ตอนปิงไปคนยังไม่เยอะมาก

แต่ตอนจะออก เห็นคิวละตกใจ.. แสดงว่าร้านเค้าดีงามจริง

ร้านอยู่บนถนน Bouverie Street เปิด 8 am – 4 pm ค่ะ

มาโดน! http://www.humblerays.com/



เครื่องดื่มที่ปิงลองไปคือ Jack Rose เป็นน้ำผลไม้รวม

คั้นสด อร่อยดีค่ะ ส่วนอาหารสั่งเป็น Belly Dancing

แพนแค้กสามชั้น มากับไข่ดาว เบคอน น้ำผึ้ง และ nutella

ก็เพิ่งรู้วันนี้แหละว่าของคาวกับของวานมันทานรวมกันได้

อร่อยลงตัวเบอร์นี้!! ส่วนอีกจานเป็น Duck Noodle

บะหมี่เย็นแบบญี่ปุ่น ทานคู่กับผัก และ เนื้อเป็ด

อารมณ์แบบ มิกซ์สลัดกับบะหมี่เย็นเข้าด้วยกัน

ชอบนะ อร่อยดี รสชาติแปลกใหม่ด้วย <3



พร้อมจะไปลุยที่สุดท้ายของทริปเมลเบิร์นกันรึยัง?

ขอพลังหน่อย!!! ถ้าพร้อมแล้วก็นั่ง tram ไปลงที่ย่าน

Fitzroy กันเล้ยยยย นี่คือย่านฮิปๆที่เต็มไปด้วย

ร้านกาแฟ บาร์ ร้านขายเสื้อผ้าสวยๆแบรนด์ local

ร้านขายของแฮนด์เมด ร้านขายเครื่องดนตรี

อุปกรณ์ศิลปะ ร้านหนังสือ และอีกมากมายยยยยยย

แต่สิ่งที่ทำให้ย่านนี้ดูมีชีวิตขึ้นมาอีกขั้นคือ Street Art

สวยๆ ถ้าพูดสั้นๆให้คนไทยที่อยู่ซิดนีย์เข้าใจ..

ย่านนี้ก็เหมือน Newtown ในซิดนีย์เลยค่ะ :- )



ทีแรกปิงตั้งใจจะไปเดินเล่นรอบๆย่าน กับแวะ

The Rose Street Market ที่เปิดทุกวันเสาร์ อาทิตย์

ตั้งแต่ 10 am – 4 pm แต่พอเดินตาม google map

เข้าไปในซอยเดียวกัน ดันเจออีกตลาดนึงก่อน

ชื่อ The Fitzroy Mills เป็นเหมือนอาคารร้าง

ที่คนมาเพ้นต์ Street Art ไว้เยอะๆ แล้วคนก็เอาเสื้อผ้า

ของใช้ มือสองมาขาย เท่ห์มาก อันนี้ชอบ

เปิด 9 am – 2 pm ค่ะ เข้าไปดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่

https://www.thefitzroymills.com/



ส่วน The Rose Street Market ที่บอกไปจะเป็น

ตลาดเล็กๆที่รวมงานแฮนด์เมดไว้ค่ะ มีทั้งภาพเขียน

เครื่องประดับ งานเซรามิค การ์ด กระเป๋าผ้า ฯลฯ

บรรยายกาศในตลาดอบอุ่นดี ไปแล้วต้องมีของ

ติดไม้ติดมือกลับมาบ้างน้าาาาาาาา :- D

แปะเว็บ https://www.rosestmarket.com.au/



จบแล้ว ทริปเมลเบิร์น 5 วัน 17 สถานที่แบบครบรส!

เป็นไงล่ะ? ครบมั้ย? คุ้มมั้ย? สงสัยอะไรก็ inbox

เข้ามาถามได้ที่เพจ Bliss Out There นะคะ

https://www.facebook.com/BlissOutThere/

ชอบรีวิวแนวนี้ ก็อย่าลืมกด like กด follow เพจเรา

ไว้ด้วย จะได้ไม่พลาดรีวิวต่อไป นั่นก็คือ Geelong

เมืองพี่น้องของเมลเบิร์น ที่สวยมาก คนชอบทะเล

ต้องโดนนนนนนนน สุดท้ายขอบคุณที่ติดตาม

และสนับสนุนกันค่ะ เลิฟ <3



เ จ อ กั น ใ ห ม่ ท ริ ป ห น้ า

——— ปิงปิง ———


Bliss Out There

 วันอาทิตย์ที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2562 เวลา 09.29 น.

ความคิดเห็น